ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Magic Quest : Thunder Legend

    ลำดับตอนที่ #9 : ตอนที่ 7 : ซามูไรปริศนา

    • อัปเดตล่าสุด 22 พ.ย. 60


    Magic Quest Ep.7
    "ซามูไรปริศนา"
          "ทำไมฉันต้องมาทำอะไรแบบนี้ด้วยละ เนี่ย...ให้ตายเถอะ ยุ่งยากชะมัด"
          "อย่าบ่น ช่วยกันหาต่อไป"
          "ไม่ต้องมาทำวางมาดสั่งฉันเลยนะ! แค่เพราะเป็นความผิดของฉันไม่ใช่ว่านาย จะมีสิทธิสั่งฉันนะ"
          "ไม่ใช่ความผิดของเธอหรอก"
          "เอ๋?"
          "ความผิดของพวกเราต่างหาก"
          "อะ เอ๋? อะ อ๋า? อ่า..."
          "ไม่ต้องอ่าเลย รีบหาซะ"
          "อะ จ้า..."
          สภาพของพวกเราตอนนี้คงไม่ต่างกับ เด็กขี้แยที่ทำของเล่นชิ้นสำคัญหล่นหาย แต่ของที่หายไปนี้มันไม่ใช่ของเล่นธรรมดาๆ แต่เป็นของสำคัญชนิดที่ว่าจะปล่อยให้ หายไปไม่ได้เด็ดขาด
          วันที่ 4 กรกฎาคม ก่อนหน้านี้ไม่นาน นัก พวกเราตื่นขึ้นมาในเช้าอันสดใส ท้อง ฟ้าสีคราม พระอาทิตย์ส่องประกาย แสง แดดยามเช้าชวนให้รู้สึกสดชื่น
          มันควรจะเป็นวันที่ดีวันหนึ่งถ้าฉันไม่ ไปก่อเรื่องเข้า
          "ฮ้าว~ นอนกลางป่าก็ไม่เลวเหมือนกัน แฮะ"
          "อ้าว คุณคิฟุโคะ ตื่นแล้วเหรอฮะ?"
          คนแรกที่ฉันเจอคือดราโก้เจ้าหนูมังกร ดูเหมือนจะติดตามเมอร์ซี่มาด้วยเหตุผล อะไรบางอย่างก่อนหน้าฉันซึ่งอยากช่วย เมอร์ซี่ให้ทำงานสำเร็จเร็วๆเพื่อจะให้เขา พาไปหาคนที่ฉันอยากเจอ
          ซึ่งแม้แต่ตอนนี้เราก็พึ่งจะเก็บได้ลูก เดียวเอง แล้วลูกแก้วพวกนั้นมันมีพลัง อะไรกันแน่ถึงทำให้ต่างคนต่างแย่งกันเองแบบนี้ เห็นทีคงต้องถามสักหน่อยละ
          "เอ...ว่าแต่ตานั่นไปไหนของเขากัน นะ..."
          "น่าจะไปตกปลาอยู่น่ะครับ"
          "หา? ตกปลา?"
          ...
          "เชื่อเขาเลย นายเป็นเด็กชาวนาแต่ดัน ตกปลาเป็นงานอดิเรกเนี่ยนะ?"
          "นามันทำได้ทั้งปีรึไงล่ะ?"
          "อะไรนะ? ไม่ได้งั้นเหรอ?"
          ในที่สุดฉันก็เจอเมอร์ซี่ที่แอ่งน้ำใกล้ๆ ที่ดูท่าว่าน่าจะมีปลาแหวกว่ายอยู่ในน้ำเต็มไปหมด เจ้านั่นกำลังนั่งตกปลาด้วยเบ็ดที่ เหมือนจะทำขึ้นอย่างลวกๆจากกิ่งไม้ยาวๆ และเส้นเอนซึ่งผูกกับตะขอไว้
          "แต่ว่านะ...ถ้าจะตกปลาละก็ ขอให้ฉัน เสกเบ็ดให้น่าจะดีกว่านะ"
          "เธอทำได้งั้นเหรอ?"
          เสียงของเขาฟังเหมือนจะตกใจเล็ก น้อย แต่ฉันฟังแล้วก็เข้าใจได้ว่าเขากำลัง พูดอะไรจึงรีบไขข้อข้องใจซะใหม่
          "เปล่าหรอก แต่ถ้าให้หยิบมาจากที่ไหน ซักที่ก็น่าจะได้อยู่"
          "เอ๋?! งั้นก็ดีเลย ที่บ้านฉันมีเบ็ดอยู่ ช่วยหยิบให้หน่อยได้มั้ย"
          "ไม่รู้พิกัดแบบนี้มันก็ยากอยู่นะ..."
          "วางใจได้ หาไม่ยากหรอก บ้านฉันอยู่ แถวๆชานเมืองน่ะนะ นี่ไง แถวๆนี้ละ"
          เมอร์ซี่หยิบแผนที่อาณาจักรพัลเลเทีย ออกมาแล้วชี้ตำแหน่งให้ดู
          "เอาล่ะ ถ้าชี้ตำแหน่งได้แบบนี้ก็น่าจะ ไหว..."
          ตอนนั้นเอง ที่ตัวฉันหลับตาลงพลาง ร่ายคาถาบางอย่างอยู่ในลำคอ
          แล้ววงแหวนเวทอันเปล่งประกายก็ปรากฏขึ้นเบื้องหน้า ฉันเอื้อมมือเข้าไปยัง วงแหวนเวทย์ที่ส่องประกายเจิดจรัสนั้น และหายเข้าไปยังสถานที่อันแสนไกล
          แล้วฉันก็ดึงมันออกมาหลังจากนั้นไม่นาน
          "หาไม่ยากจริงด้วย นอกจากบ้านนาย จะโคตรบ้านนอกแล้วแถวบ้านนายก็ไม่มี เบ็ดตกปลาอันอื่นเลยด้วย อันนี้สินะ?"
          "ยังมีหน้ามาว่าเขาบ้านนอกอีกเหรอ ว่าแต่...อันนี้ล่ะ! ขอบใจนะ"
          "ไม่เป็นไร เพื่อไอ้หนุ่มบ้านนอกซะ อย่าง"
          "ไม่ได้บ้านนอกซักหน่อย แถวนั้นบ้าน คนก็ออกจะเยอะนะ"
          แล้วตานั่นก็จับเบ็ดตกปลาคันนั้นเอา ไว้ในมือแน่น พลางลูบคลำสิ่งที่เขาเรียก ว่าเบ็ดคู่ใจด้วยสีหน้าที่ดูปลื้มปิติประสาเด็ก หนุ่มจนฉันรู้สึกว่าหัวใจกระตุกเล็กน้อย
          ปลาที่ตานั่นวางกองเอาไว้ในถังเล็กๆ นั่นมันดิ้นนั่นเอง เสียงมันดังขึ้นอย่าง กระทันหันจนฉันตกใจ
          "โชคดีจังนะที่มันยังไม่พัง"
          "ของเก่าเลยนี่? มีความหลังกับมัน เหรอ?"
          หมอนั่นพยักหน้าเล็กน้อย
          "อา...ฉันเคยใช้มันนั่งตกปลาคู่กับคน ที่เรียกได้ว่าเป็นเพื่อนคนสำคัญของฉัน เลยล่ะ"
          "เพื่อนคนสำคัญ?"
          "อืม...คนที่ฉันมีโอกาสได้อยู่ด้วยไม่ ถึงปี ตอนนั้นฉันยังเด็กๆอยู่เลยล่ะ เวลา ถือเจ้านี่ไปไหนมาไหนก็หนักจนแทบจะ หกล้มเสมอเลย"
          "ทำหน้าอมยิ้มเชียวนะ คงจะเป็นคน สำคัญน่าดูเลยสินะ ว่าแต่ใครกันล่ะ ฉัน อยากรู้จักละ"
          แล้วตอนนั้นเอง ที่สีหน้าของเขาเริ่ม เปลี่ยนไปเล็กน้อย ทั้งๆที่ยังยิ้มอยู่แต่ก็ดู เศร้ายังไงชอบกล
          "...เขาลืมฉันไปหมดแล้วล่ะ"
          "หา?! ทำไมคิดงั้นอ่ะ?"
          "ตอนที่ฉันเจอเธอไม่มีทีท่าว่าเธอจะจำฉันได้แล้วละ ไม่เคยพูดถึงเรื่องฉันด้วยซ้ำ"
          "เจอเธอ?! ผู้หญิงงั้นเหรอ?!"
          "อ่ะ! อะไรของเธอ? ดีดตัวขึ้นมาอย่าง นั้นแถมทำหน้ากระตือรือร้นสุดๆแบบนั้น"
          "เธอที่ว่านี่คือเธอเป็นผู้หญิงใช่มั้ย? นายนี่ก็เนื้อหอมเหมือนกันน้า~"
          "จ้าๆ...นั่งลงดีๆ"
          เพราะลืมตัวไปหน่อยทำให้เผลอคาด คั้นเจ้าหมอนี่ด้วยสีหน้าตื่นเต้นและเปล่งประกายด้วยความอยากรู้อยากเห็น จนกว่า จะรู้สึกตัวก็ถูกตานั่นตบไหล่เบาๆแล้วดันให้นั่งลงดีๆ
          "แต่ว่า...น่าเสียดายจังน้า~"
          "อะไรของเธอ ทำหน้าแบบนั้นหมาย ความว่าไง?"
          "อุตส่าห์แสนดีซะจนนายจำได้ดีขนาด นั้นแต่กลับลืมนายได้ลงคอ เป็นฉันล่ะจะ ซัดให้น่วมเลย!"
          "น้อยๆหน่อย...แล้วก็จะทำอย่างนั้นไม่ ได้หรอกนะ"
          "ทำไม? ก็แค่คันไม้คันมืออยากอัดก็ เท่านั้นเอง"
          "เธอทำไม่ได้หรอก ต่อให้ฉันไม่ห้าม เธอก็ตาม"
          "หมายความว่าไงยะ?"
          "เธอคนนั้นเป็นคนที่เธอน่ะคาดไม่ถึง แน่นอน ฉันเชื่อว่าเธอต้องตกใจจนเข่า อ่อนแน่ๆถ้ารู้ว่าฉันพูดถึงใครอยู่"
          "ทำไม? เป็นเจ้าหญิงจากเมืองไหนรึ ไง?"
          "ไม่บอกปล่อยให้งง"
          "อ้าว?!"
          "เรื่องนั้นช่างมันเถอะ รู้สึกว่าจะได้ปลา มาเยอะพอดูเลยล่ะ กลับกันเถอะ"
          เพราะได้ยินเขาพูดแบบนั้น ฉันจึงพึ่ง จะรู้สึกตัว
          "อะ...อะไรกันน่ะ?! นายตกได้เยอะ ขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?!"
          "เพราะเธอสนใจแต่เรื่องเล่าของฉันไง ไม่มีสมาธิแบบนี้เป็นจอมเวทไม่ได้หรอกนะ"
          "นะ หนอย! ฉันเพ่งสมาธิไปที่เรื่องของ นายต่างหากละยะ!"
          "หะๆ...นั่นสินะ"
          ...
          "ลูกแก้วสายฟ้า...มันเจ๋งขนาดที่ทำให้ นายสู้เจ้านั่นไม่ได้เลยงั้นเหรอ?"
          "หมายถึงคุณเมอร์ซี่ก่อนจะเอาจริงน่ะ ครับ"
          "น้อยๆหน่อย ฉันใช้พลังเต็มที่ขนาด นั้นไม่ได้หรอกนะ มันจะส่งผลเสียกับตัว ฉันเองน่ะ"
          "งั้นนายก็ไม่ได้เอาจริงงั้นสิ?"
          "แค่นั้นผมว่าก็เอาจริงแล้วนะครับ?"
          "ทำไมคุยกับเจ้าพวกนี้แล้วรู้สึกเหมือน ตัวเองเป็นคนหลงตัวเองกันละเนี่ย..."
          ดูเจ้านั่นกลุ้มใจยังไงไม่รู้แฮะ
          "อ๊ะ! เมอร์ซี่ระวัง!"
          "เอ๊อะ?!!"
          ไม่ทันซะแล้ว เจ้าหมอนั่นเดินชนต้น ไม้ไปเต็มๆ
          "ฮี่ๆ นายเป็นคนบอกฉันเองนะว่าให้มี สมาธิกับเรื่องรอบตัวน่ะ"
          "ขอโทษละกัน...อู้ย~ เจ็บ~"
          "คุณเมอร์ซี่...เจ็บมากมั้ยอ่ะครับ?"
          "สบายมากอย่าห่วงเลย เจ็บแค่นี้ไม่เป็น ไรหรอก"
          "นายนี่ขี้เก๊กจังน้า~"
          "ซะเมื่อไหร่เล่า!!!"
          "เจ็บก็บอกว่าเจ็บไปสิ จะทำเป็นกลบ เกลื่อนไปทำไมล่ะ?"
          "ช่างฉันเถอะน่า!"
          พวกเรากำลังเดินอยู่ในป่า ออกเดิน ทางไปเรื่อยๆโดยมีจุดมุ่งหมายคืออาณา จักรพิวเทอร์เนี่ยน
          ระหว่างที่เดินคุยสัพเพเหระไปเรื่อยๆ ฉันก็นึกถึงเรืองหนึ่งขึ้นมาได้
          เรื่องที่ตั้งใจจะถามเขา...
          "จะว่าไป พลังของลูกแก้วมันรุนแรง ขนาดไหนเหรอ?"
          "นั่นสิ ฉันเองก็ยังไม่เคยวัดพลังดู แต่ ท่าทางจะเยอะมากแน่ๆ"
          "ไม่ลองทดสอบดูล่ะ?"
          "เอ๋? ทดสอบ?"
          "อ้า! ใช้หินก้อนนั้นเป็นเป้าเป็นไง"
          ฉันชี้ไปที่หินก้อนหนึ่งซึ่งมีขนาดใหญ่ กว่าพวกเราหลายเท่าตัวเลย คงจะประมาณ บ้านเล็กๆหลังหนึ่งได้มั้ง
          "นายก็ลองใช้พลังของลูกแก้วผ่าหิน นั่นไง"
          "ใหญ่ขนาดนี้จะผ่าได้มั้ยเนี่ย..."
          "ลองดูเถอะน่า!"
          "เอาก็เอา"
          เมอร์ซี่ล้วงมือลงไปในกระเป๋า หยิบเอา ลูกแก้วสายฟ้าออกมาด้วยมือซ้าย ชักดาบ มาถือไว้ด้วยมือขวา หลับตาทำสมาธิ
          "พลังแห่งอัสนีบาตเอ๋ย ได้โปรดมอบ พลังให้กับข้า..."
          ทันใดนั้น ประกายแสงสายฟ้าสีครามก็ โอบล้อมร่างกายของเมอร์ซี่เอาไว้จนตัว ของเขาเปล่งประกายเจิดจ้า
          "หวา~ สุดยอด~!!"
          "หวาว~"
          "ย้าก!!!"
          ตวัดดาบเพียงครั้งเดียว คลื่นแสงสาย ฟ้าก็เปล่งประกายเจิดจ้าและพุ่งไปยังหิน ก้อนหินมหึมานั่น
          เปรี้ยง!!!
          ไม่ใช่แค่หินก้อนนั้น แม้แต่ดินและป่า เบื้องหลังต่างก็แหวกออกเป็นสองเสี่ยง
          "วะ หวา~!"
          เมอร์ซี่ลืมตาขึ้น เมื่อเขาได้เห็นร่อง รอยที่ดาบของตัวเองได้สร้างบาดแผลไว้บนพื้นก็ถึงกับตกใจหงายเงิบอย่างแรง
          "พะ...พลังมากขนาดนี้เชียวเหรอเนี่ย? อะ...อันตรายซะแล้วแฮะ..."
          "ว้าว!!! สุดยอด!!! พลังรุนแรงสุดๆไป เลย!!!"
          พอได้เห็นพลังที่ยอดเยี่ยมแบบนั้นทำ ให้ฉันถึงกับตื่นเต้น ร้องตะโกนด้วยความ รู้สึกสนุกสนาน
          "นี่ๆ! ขอลองมั่งสิ!"
          "ไม่ได้ ของอันตรายแบบนี้ให้ใครเอา ไปเล่นไม่ได้หรอก"
          "เหอะน่า! ขอยืมหน่อยสิ!"
          "ไม่ได้!"
          "ทะ ทั้งสองคนใจเย็นๆนะฮะ..."
          "เอามานี่เลยนะ! ฉันอยากลองใช้บ้าง!"
          "ก็บอกว่าไม่ได้ยังไงเล่า! อ่ะ...!"
          ฉันพยายามแย่งลูกแก้วไปจากเมอร์ซี่ และทันใดนั้นเอง ฉันก็เผลอปัดลูกแก้ว หลุดออกจากมือของเมอร์ซี่ กลิ้งไปทางทิศ ตรงข้ามกับก้อนหินยักษ์ที่ถูกผ่าออกเป็นสองเสี่ยง
          ซึ่งตรงนั้นมันเป็นเนินเขาลาดชันที่เต็ม ไปด้วยพงไม้...
          ลูกแก้วกลิ้งหลุนๆเข้าไปยังพุ่มไม้และ ทะลุไปเรื่อยๆ ไม่นานนักมันก็หายไปจาก สายตาของพวกเรา
          "เวรแล้วไง..."
          "แย่ละสิ..."
          "ซวยแล้วสิฮะ..."
          พวกเรานิ่งอึ้งทำอะไรไม่ถูกไปพักใหญ่ ๆเลยทีเดียว
          ...
          "เฮ้อ...หาเท่าไหร่ก็หาไม่เจอซักที..."
          ฉันหมดแรงนั่งลงก้นจ้ำเบ้าอยู่ใต้ต้น ไม้ใหญ่ต้นหนึ่งที่ด้านล่างของเนินเขา เมอร์ซี่เองก็ดูอ่อนระโหยโรยแรงเต็มที
          "แล้วเธอใช้เวทมนต์ค้นหาหรือหยิบมา เหมือนเบ็ดฉันไม่ได้เหรอ?"
          "ฉันพยายามสัมผัสถึงพลังเวทของลูก แก้วสายฟ้าดูแล้ว แต่พลังมันแผ่ออกไป เป็นวงกว้างมากเลย กระทั่งจุดที่พลังแรงที่ สุดก็ยังกว้างกว่า 10 เมตรแน่ะ ส่วนเวทที่ ใช้เรียกของมาก็ทำได้เฉพาะตอนจำกัดความของที่จะหยิบและรู้พิกัดเท่านั้น ลูกแก้ว เวทนี่ดูเหมือนว่าคำจำกัดความมันจะคลุมเครืออ่ะนะ ก็เลยทำไม่ได้..."
          "งั้นเหรอ..."
          ฉันรู้สึกจากสายตาของเขาว่ากำลังผิด หวังอย่างแรงจนฉันรู้สึกผิดยิ่งกว่าเดิมขึ้น ไปอีก
          "คือว่า...ขอโทษนะ!"
          "หา?"
          ฉันก้มหัวลงต่อหน้าเมอร์ซี่แสดงความ เสียใจ หมอนั่นมองมาทางนี้ด้วยท่าทางตก ใจเล็กน้อย
          "ขอโทษนะ...ฉันมันไม่มีประโยชน์ อะไรเลย...แถมยังสร้างเรื่องให้นายอีก"
          "ก็ไม่เห็นจะต้องขอโทษนี่"
          "เอ๋?"
          ทันทีที่ได้ยินแบบนั้นฉันก็เงยหน้าขึ้น มองด้วยความประหลาดใจ
          "ทำไมถึง..."
          "ทำผิดก็รับผิดชอบ แค่ช่วยกันหาจน กว่าจะเจอก็พอแล้วนี่นา"
          "นั่นสินะ..."
          จากประโยคนั่นคงพอจะจับใจความได้ ว่าให้ฉันลุกไปช่วยกันหาต่อ ฉันจึงทำท่า จะลุกขึ้นแต่ก็ถูกห้ามไว้
          "ถ้าเหนื่อยก็พักไปก่อนสิ ไม่ต้องฝืน หรอก"
          "เอ๋? แต่แบบนั้นนายก็หาคนเดียวสิ..."
          "ก็บอกแล้วนี่นาว่าช่วยกันหา จะใครเจอก็ไม่เกี่ยวนี่นา"
          ฉันได้แต่นิ่งอึ้งเพราะคำพูดนั้นของเมอร์ซี่ ยิ่งทำให้รู้สึกผิดอยู่ลึกๆมากขึ้นไปอีก
          "......"
          "เอ๋? เป็นไรรึเปล่า?"
          "......"
          "เฮ้...คิฟุโคะ? ไหวมั้ย?"
          "อ๋อเปล่า! ไม่มีอะไร! แค่รู้สึกแปลกๆ เท่านั้นเองน่ะ"
          "รู้สึกแปลกๆ?"
          "มันเหมือนกับว่า...นายรู้จักฉันดีเลย"
          "หา?"
          "ประมาณว่านายรู้ดีว่าฉันเป็นคนยังไง หรืออะไรทำนองนั้นมั้ง? ฉันเองก็บอกไม่ถูกแฮะ"
          "แหงอยู่แล้ว รู้จักกันมาเกือบจะอาทิตย์ นึงแล้วนี่"
          "แค่อาทิตย์นึงเองเนี่ยนะ? ไม่ถึงด้วย ซ้ำ แค่ 6 วันเอง"
          "ไอ้เรื่องนั้นช่างมันเถอะ..."
          "แต่ว่า...รู้สึกเหมือนมีอะไรที่มันไม่ใช่ อย่างที่คิดแฮะ...เอาเป็นว่าฉันขอลุกไปหาอีกซักรอบแล้วกัน!"
          ฉันฮึดสู้แล้วตัดสินใจลุกขึ้นช่วยเมอร์ซี่ ออกตามหาต่อ ปล่อยให้ตานั่นมองตามด้วย สายตามึนงงต่อไป
          "เอ...น่าจะอยู่แถวๆนั้นนะ...อ๊ะ?!"
          "อะไรเหรอ?"
          "รู้สึกเหมือน...แหล่งพลังมันใกล้เข้า มาเรื่อยๆน่ะ..."
          "บ้าแล้ว ลูกแก้วจะเดินเองได้ยังไง..."
          "ฉันรู้สึกจริงๆนะ! จุดที่แหล่งพลังถูกส่ง ออกมาน่าจะกำลังเคลื่อนที่อยู่นะ เหมือน จะกลับขึ้นไปบนเนินนั่นน่ะ..."
          "อะไรกัน?!...เป็นไปไม่ได้น่า?!"
          "อ๊ะ! เดี๋ยวเมอร์ซี่!!! ดราโก้ยัง..."
          ดราโก้ที่น่าจะยังคงหาอยู่ที่พุ่มไม้แถวๆ ด้านหลังของฉัน พอฉันหันไปมองก็ไม่ เห็นซะแล้ว
          "รอด้วยฮะคุณเมอร์ซี่!!!"
          "หะ...หูไวชะมัด..."
          ...
          "เอ...น่าจะอยู่แถวนี้นะ..."
          บนเนินเขานั่น ที่ๆลูกแก้วนั้นพลัด หล่นลงมาจากมือของเมอร์ซี่เพราะความผิดของฉัน ตอนนี้มีคนๆหนึ่งกำลังยืนอยู่
          ค่อนข้างบอกยากว่าเขาเป็นผู้ชายหรือ ผู้หญิง แต่ดูจากลักษณะ เขาค่อนข้างมีร่าง กายผอมบาง ชุดหนังสัตว์ชายยาวถึงน่อง ที่ให้อารมณ์ประมาณว่าถ้าผู้ชายแมนๆใส่คงเท่น่าดู การแต่งตัวภายใต้เสื้อคลุมนั้นมี ลักษณะดูคล้ายชาวนิฮงเหมือนกับฉัน สวม หมวกฟางทรงแหลมฐานทรงกลมใบใหญ่เอาไว้ทำให้มองหน้าไม่ชัดเจน แต่น่าจะยัง เป็นเด็กอยู่ มองเห็นโคนผมที่ท้ายทอยเป็น สีน้ำตาลอ่อน ผมสั้นแบบนั้นคงจะเป็นผู้ ชายล่ะนะ
          "ทำไมเป็นอย่างนี้ละเนี่ย...อุตส่าห์คิด ว่าคนที่ทำเจ้านี่ตกน่าจะอยู่แถวนี้ซะอีก..."
          "นี่นาย..."
          "ว้ากกกกกก!!!"
          "หวา! ขอโทษ!"
          เมอร์ซี่วิ่งขึ้นไปจนถึงยอดเนินก่อน ใครเพื่อนและยื่นมือขวาไปจับไหล่ขวาของทางนั้นจากด้านหลัง ทำให้เด็กหนุ่มคน นั้นถึงดับสะดุ้งโหยง
          "นะ นะ นะ นะ นะ นะ นายเป็นใคร น่ะ?"
          ในมือของเด็กคนนันยังคงถือสิ่งหนึ่ง เอาไว้แน่น มันคือลูกแก้วสายฟ้านั่นเอง
          "อ่า...ว่าไงดีล่ะ คือ ฉันขอเจ้านั่นคืน ได้มั้ย มันเป็นของที่สำคัญมากเลยล่ะ"
          "อะ เอ๋? อ่า...ของนายเหรอ...อะ เอา ไปสิ!"
          "อะ อืม...ขอบใจ..."
          ในที่สุดฉันกับดราโก้ก็ขึ้นมาถึงข้างบน และก็ได้เผชิญหน้ากับเด็กหนุ่มปริศนาคนนั้นจังๆ
          "แฮ่กๆ...ขอบใจนะ เพราะนายแท้ๆถึง หาเจ้านี่เจอ"
          "อะ อ่า...มันคืออะไรเหรอ?"
          อยู่ดีๆก็ถูกถามมาแบบนั้นฉันเลยตกใจ นิดหน่อย ส่วนเมอร์ซี่ก็ดูสะดุ้งเล็กๆเหมือน กัน
          "อ๋อ! มันคือ...อุ๊บ!"
          "เงียบไว้ก่อนดราโก้!"
          "อื้อ! อุณเอออี้อาอุดอากอ๋มอำไอ~?"
          "เห?"
          ปฏิกริยานั้นทำให้เด็กหนุ่มแสดงท่า ทางสงสัย
          "อ่าๆ ช่างเถอะนะ บอกได้แค่ว่าเป็น ของสำคัญน่ะ"
          "งั้นเหรอ?"
          ดูท่าทางป้ำๆเป๋อๆแล้วก็เป็นมิตรกว่าที่ คิดเอาไว้ซะอีกแฮะ
          "นี่...นายชื่ออะไรเหรอ?"
          "หะ...ฮา...ฮารู..."
          "ชื่อฮารุงั้นเหรอ ยินดีที่ได้รู้จักนะฮารุ คุง"
          พูดจบก็ยื่นมือไปจับมือทักทาย แต่ว่า เด็กคนนั้นก็สะดุ้งเล็กน้อย
          "อ่ะ...คือว่า..."
          "เอ๋? อะไรเหรอ?"
          "อ๋อเปล่า...ช่างเถอะนะ..."
          "ฉันชื่อคิฟุโคะนะ ยินดีที่ได้รู้จัก"
          "คะ ครับ..."
          แล้วเราก็จับมือทักทายกันเล็กน้อย
          มือ...เล็กจัง? แถมค่อนข้างนิ่มด้วย?
          "นะ นี่...ทำไมมือนายดู...เล็กจังอ่ะ"
          "จริงด้วยฮะ มือดูเล็กจัง"
          "จะว่าไปก็จริงแฮะ"
          ทั้งดราโก้ทั้งเมอร์ซี่ต่างก็เข้ามาแสดง ความคิดเห็นกันดื้อๆ ทำให้ฮารุถึงกับหน้า ซีดจนเห็นได้ชัดแม้จะใส่หมวกบังอยู่
          "อะ อ่า...มันก็เป็นอย่างนี้ตั้งแต่เกิดน่ะ แล้วฉันก็...ไม่ค่อยแข็งแรงด้วย"
          "แต่ฉันว่ามันไม่เหมือนซูบผอมนา..."
          "ช่างเถอะน่าคิฟุโคะ เขาคงไม่อยากคิด เรื่องนี้เท่าไหร่"
          อยู่ๆเมอร์ซี่ที่เข้ามายืนข้างๆเมื่อครู่ก็ จับบ่าฉันไว้แล้วบอกให้หยุดซะดื้อๆอีก แล้ว...ถึงจะน่าหงุดหงิดก็เถอะ แต่มันก็ จริงนะ
          "นะ นั่นสินะ...ขอโทษนะฮารุคุง"
          "อ่ะ อ่า...ไม่เป็นไร"
          เรื่องที่สงสัยคงต้องเก็บไว้ก่อนล่ะ ไม่ อย่างนั้นอาจจะกระทบกระเทือนต่อจิตใจ ของหมอนี่ก็ได้
          ก็ไม่รู้หรอกนะว่าคิดถูกมั้ย แต่ถ้าเป็น เมอร์ซี่ละก็ คงตั้งสมมติฐานเป็นหลักการ อะไรไปต่างๆนานาแหงๆ ประมาณว่า สภาวะร่างกายผิดปกติ มีอาการแคระเกร็น หรือไม่สมบูรณ์ นู่นนี่นั่นน่าเบื่อชะมัด
          แล้วเราจะคิดไปให้เบื่อเล่นทำไมละ เนี่ย
          ...
          พวกเราตัดสินใจพักแรมในป่าอีกคืน หนึ่ง ซึ่งนอกจากฉัน เมอร์ซี่ และดราโก้ แล้ว คราวนี้ฮารุคุงเองก็เข้าร่วมแจมด้วย ดังนั้นก็จะได้คุยอะไรกันอีกเยอะเลย
          อันที่จริงที่ฮารุคุงตัดสินใจค้างกับเรา ส่วนหนึ่งก็เพราะฉันยัดเยียดข้อเสนอนั่น แหละนะ
          เราทานมื้อดึกกันเรียบร้อยแล้ว จากนี้ ไปจะเป็นยามวิกาลอันเงียบสงัด ซึ่งมีเพียง กองไฟเท่านั้นที่กำลังลุกโชดช่วง
          "ว่าแต่...ฮารุคุงจะไปไหนเหรอ?"
          "ไม่มีจุดหมายหรอก ฉันอยากออกเดิน ทางไปเรื่อยๆเพื่อฝึกฝนน่ะ"
          "เอ๋? ฝึกฝนเหรอ?"
          "อ่า...ฉันอยากเป็นซามูไรที่แข็งแกร่ง ที่สุดน่ะ"
          "เอ๋? ซามูไร? นี่นายเองก็เป็นนักดาบ งั้นเหรอ?!"
          "อะ อ่า...เห็นอย่างนี้ก็เถอะนะ แต่ว่า ฉันเองก็เป็นนักดาบอย่างที่เธอว่านั่นแหละ แต่ก็แค่มือสมัครเล่นล่ะนะ สู้ใครไม่ได้ หรอก"
          "เอ๋...งั้นเหรอ?"
          "อ่า...ฉันรู้ถึงความอ่อนแอของตัวเอง ดี ฉันเป็นแบบนี้มาตั้งแต่เล็กๆแล้วล่ะ"
          "อือ...ฉันน่ะรู้ดีเลยล่ะ ความรู้สึกแบบ นั้นน่ะ"
          "คุณคิฟุโคะก็ด้วยเหรอ?"
          "ใช่...ฉันน่ะ ตั้งแต่สมัยก่อนแล้วที่ใฝ่ ฝันอยากจะเป็นจอมเวทที่แข็งแกร่งที่สุด อยากจะฝึกฝนจนแข็งแกร่งขึ้น และเป็น จอมเวทให้ได้สักวัน..."
          ฉันเว้นช่วงไว้เล็กน้อยก่อนจะพูดต่อ ไปด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา
          "แต่ว่า...ฉันน่ะไม่เก่งเรื่องพวกนี้เลย ...เวทมนต์ก็ใช้ได้ไม่มากนัก ที่พอจะใช้ เอาตัวรอดได้ก็มีไม่กี่อย่าง ต้องคอยพึ่งเจ้าบ้านั่นตลอด"
          "ใครบ้ากันห๊ะ?!!"
          ยังอุตส่าห์ได้ยินอีกเหรอเนี่ย...
          "ว่าจะถามมาได้ซักพักแล้วล่ะ เธอกับ คุณเมอร์ซี่คบกันอยู่เหรอ?"
          เอ๋?!
          "หา~? จะเป็นไปได้ยังไงกัน ก็แค่เดินทางด้วยกันเท่านั้นเอง"
          "ฟังเสียงดูแล้วไม่ติดอ่างเลย หน้าก็ไม่แดง สงสัยจะพูดจริงล่ะนะ"
          ก็แหงล่ะ ฉันไม่ได้รู้สึกอะไรกับหมอ นั่นจริงๆนี่นา ก็แค่เพื่อนร่วมทางเท่านั้นเอง
          "ทำไมถึงคิดอะไรแบบนั้นล่ะ?"
          "ก็...พวกเธอท่าทางสนิทกันนี่นา แต่ อย่าสนใจเลย ฉันเป็นพวกชอบคิดอะไรไป เรื่อยเปื่อยล่ะนะ"
          "เรื่อยเปื่อยเหรอ...?"
          "อืม...เมื่อกี้ถึงขั้นคิดว่าดราโก้คุงเป็น ลูกของพวกเธอด้วยนะ"
          เอาเข้าไป นี่คิดอะไรไปถึงไหนแล้วกันแน่ละเนี่ย ถึงขั้นคิดว่าดราโก้เป็นลูกของฉันกับเมอร์ซี่เนี่ยนะ เชื่อเขาเลยแฮะ...
          "เรื่องที่ไม่ได้คิดไปเองก็คงมีแค่เรื่อง ของตัวเองนั่นแหละ"
          "นะ นั่นสิเนอะ...ก็เรื่องของตัวเอง ตัว เองย่อมรู้ดีที่สุดนี่นา"
          "ก็ไม่เชิงหรอกนะ"
          เสียงๆหนึ่งดังขึ้นท่ามกลางกองไฟที่ลุกโชดช่วง
          "อาจมีคนที่รู้จักเธอดียิ่งกว่าตัวเธออยู่เหมือนกันนะ"
          "อะไรของนายยะ?"
          หมอนั่นพูดทั้งๆที่หลับตาอยู่ เมอร์ซี่นั่งอยู่ใต้ต้นไม้ฝั่งตรงข้าม ประสานมือไว้ที่ท้ายทอย อยู่ในสภาพกึ่งหลับกึ่งตื่น ดังนั้น บางครั้งจึงแสดงความคิดเห็นขึ้นมาแบบ โต้งๆ
          "ไม่สำคัญหรอกว่าพวกเธออ่อนแอหรือ ไร้ความสามารถ ความแข็งแกร่งที่แท้จริง น่ะคือความแข็งแกร่งที่มากจากจิตใจที่เข้ม แข็งและไม่ย่อท้อไม่ว่าจะตกอยู่ในสถานการณ์แบบไหน เพราะอย่างนั้นแล้วความ สามารถจึงไม่ใช่สิ่งที่ใช้ตัดสินตัวตนของ ตัวเองหรอก พวกเธอน่ะยังไปได้อีกไกล ทีเดียวนะฉันว่า"
          แล้วก็พูดอะไรไปเรื่อยเปื่อยอีกตามเคย
          "หา~? ความแข็งแกร่งจากภายใน อะไรของนาย? ความแข็งแกร่งก็ต้องมา จากพลังที่ตัวเองมีอยู่แล้วสิ! คนที่ไม่มีพลัง จะแข็งแกร่งได้ยังไงกันล่ะ?!"
          "ก็ตามที่ว่าไปนั่นล่ะ"
          "เอาที่สบายใจ..."
          ฉันเริ่มจะหมดความอดทนกับอีตาบ้าคำ คมนี่เต็มทีแล้วเลยพูดตัดบทไปอย่างนั้น แล้วฮารุคุงก็หันมาหาฉันพลางว่า
          "เขาเป็นพวกชอบพูดอะไรซึ้งๆเหรอ?"
          "อย่าสนใจเลย นอนกันเถอะ"
          "อ่ะ อ่า...งั้น...ขอตัวนะ..."
          "อื้ม!"

          "คุณเมอร์ซี่ฮะ?"
          "หืม?"
          "ไม่รู้สึกหึงอะไรบ้างเลยเหรอฮะ ที่คุณ ฮารุเข้ามาเกาะแกะคุณคิฟุโคะ..."
          "ไปจำคำนั้นมาจากไหนเนี่ย..."
          "ท่านพ่อสอนมาน่ะฮะ"
          "เฮ้อ...ฉันกับคิฟุโคะน่ะเป็นแค่เพื่อน กันเท่านั้นล่ะ จะหึงไปทำไมกัน แล้วอีก อย่าง...ปล่อยพวกสาวๆเขาคุยกันไปเถอะ เราไม่ควรเข้าไปยุ่งให้มากนักหรอกนะ"
          "สาวๆ? แต่คุณฮารุเป็นผู้ชายนะฮะ?"
          "ช่างมันเต๊อะ!"
          ...
          "เอาล่ะ งั้นเริ่มเลยนะ"
          "จะ จะดีเหรอครับ? มาสอนให้ผมแบบ นี้น่ะ?"
          "ช่วยไม่ได้ ก็ยัยคิฟุโคะเขาขอมานี่นา"
          เช้าวันนี้ ฉันขอให้เมอร์ซี่ช่วยฝึกดาบ ให้กับฮารุคุงเล็กๆน้อยๆ เพื่อให้ฮารุคุงได้ เข้าใกล้ความฝันมากขึ้น อีกทั้งเมอร์ซี่ก็เคย บอกไว้ว่าฝึกดาบมาตั้งแต่เด็กๆ เพราะงั้นก็ น่าจะมีประสบการณ์พอตัว
          "อืม...ฉันก็ไม่ค่อยมั่นใจนักน่ะนะ จะ พยายามเท่าที่ทำได้ก็แล้วกัน"
          "คะ ครับ!"
          "รู้สึกแหม่งๆแฮะ..."
          หลังจากนั้น เมอร์ซี่ก็หยิบลูกแอปเปิ้ล ขึ้นมาลูกหนึ่ง แล้วก็ว่าต่อไป
          "เอาล่ะ งั้นเริ่มจากลองฟันลูกแอปเปิ้ล นี่ก็แล้วกัน เดี๋ยวจะวางไว้บนหินนี่นะ"
          "อะ อ่า...ครับ"
          อย่างที่เจ้านั่นบอก ตอนนี้ลูกแอปเปิ้ล ถูกวางไว้บนหินก้อนหนึ่งเดี่ยวๆ ฮารุยืน ประจัญหน้า เงื้อดาบขึ้น และฟันลงไป อย่างแรง
          ฉับ!
          "อะ อ้าว..."
          "ไม่โดน?"
          "จะ จะลองใหม่ครับ!"
          "ไม่ต้องพูดแบบเคารพแบบนั้นก็ได้"
          "คะ ครับ!"
          "เจริญพร..."
          ดูเหมือนเมอร์ซี่จะเกิดหมดความอดทน ขึ้นมาถึงเดินออกมาด้วยสีหน้าเอือมระอา ฮารุคุงก็พยายามฟันให้โดนต่อไปเรื่อยๆ
          "ปล่อยไว้แบบนั้นจะดีเหรอ?"
          "นั่นสิฮะ?"
          "ถ้าเจ้าตัวมีความตั้งใจแบบนั้นก็ถือว่า ใช้ได้เลยล่ะ เพราะงั้นการปล่อยให้ฝึกอยู่ คนเดียวโดยไม่ไปรบกวนน่าจะดีที่สุด"
          "งั้นเหรอ...ว่าแต่ฝึกแบบนั้นไม่แปลก ไปหน่อยเหรอ ฟันแอปเปิ้ลลูกเดียวใครๆก็ น่าจะทำได้นี่นา"
          "ก็นะ...ก็อยากหาวิธีฝึกดีๆให้เหมือน กัน แต่ก็ไม่รู้ว่าจะเอายังไงดี แต่พอคิดว่า เขาอยากเป็นซามูไรที่แข็งแกร่งที่สุด ก็เลย คิดว่า ควรจะฝึกความแม่นยำซักหน่อยน่ะ"
          "แต่ว่า...มันฟันโดนยากขนาดนั้นเลย งั้นเหรอ?"
          "ย่าห์! ย่าห์!"
          และฮารุคุงก็ยังคงฟันไม่โดนอยู่นั่น
          "เอ่อ...ฮารุคุง นายต้องตั้งสมาธิแล้ว จับตามองลูกแอปเปิ้ลไว้สิ"
          "อ่า...นั่นสินะ..."
          "อืม! ก็ตามนั้นล่ะ"
          เจ้าบ้าเมอร์ซี่ พอฉันพูดก็รีบพยักหน้า พูดเพิ่มเติมเลยนะ หนอย~
          "เอาล่ะๆ ปรับวิธีหน่อยแล้วกัน นะ เมอร์ซี่?"
          "หือ?"
          ที่จริงแล้วเราไม่ได้มีแค่แอปเปิ้ลลูก เดียว แต่มีลูกแอปเปิ้ลเต็มไปหมด ทุกลูก ต่างถูกเก็บรวบรวมมาใส่ตะกร้าเล็กๆเอาไว้อย่างดี
          "เดี๋ยวฉันจะโยนเจ้านี่ให้ นายฟันให้ โดนนะ!"
          "อ่ะ...ได้ครับ!"
          "เอ้า! นี่จ้า!"
          แล้วฉันก็โยนแอปเปิ้ลให้ฮารุคุงทีละ ลูก ลูกแอปเปิ้ลสีแดงสดใสค่อยๆลอยขึ้น ไปบนฟ้า
          ฮารุคุงใช้สมาธิอย่างหนักเพ่งไปที่ลูก แอปเปิ้ลเหล่านั้น และจากนั้นก็เงื้อดาบฟัน ลูกแอปเปิ้ลที่เข้ามาใกล้
          "ย้าก!!!"
          และแล้วก็วืด...
          "ไม่เป็นไรนะ ลองใหม่ละกัน"
          "ค...เอ๊ย! ครับ!"
          รู้สึกตะหงิดๆเล็กน้อยในหางเสียงของ เขา แต่ก็ไม่ได้ใส่ใจอะไร ฉันหยิบแอป เปิ้ลลูกต่อไปโยนให้เขา
    ถ้าเป็นไปตามที่คิด การจะฟันให้โดน จำเป็นต้องตั้งสมาธิไว้ที่เป้าหมายแล้วหวด ดาบในมือให้โดน ก็ไม่น่าจะยากอะไร แต่ พอมาดูแบบนี้กลับรู้สึกว่ามันยากลำบากแสนสาหัสมาก
          ทำไมนะเหรอ ก็เพราะว่าฉันโยนแอป เปิ้ลให้เขาคนนั้นไปกี่ลูกๆฮารุคุงก็ฟันไม่ โดนซีกที แม้แต่เมอร์ซี่ที่ยืนดูอยู่ยังรู้สึก เอือมระอา
          และในตอนนั้นเอง...
          "ย้ากกกก! วะ หวา!!!"
          "เอ๊อะ!!!"
          ดาบเบาเรียวยาวปลิวว่อนหลุดออกจาก มือของฮารุและปลิวไปทางเมอร์ซี่ชนิดที่ เร็วซะจนเขาหลบไม่ทัน โชคดีที่แค่เฉี่ยว ไปเฉยๆ และไปปักอยู่ที่ต้นไม้ต้นข้างหลัง โดยไม่ไปโดนใครอีก
          "ขะ ขอโทษ ค...ครับ!!!"
          "มะ ไม่เป็นไร อย่าใส่ใจเลย"
          ฮารุก้มคำนับขอโทษครั้งแล้วครั้งเล่า ส่วนเมอร์ซี่เองก็ยืนหน้าซึดโบกมือให้เบาๆ เป็นสัญญาณบอกว่าตัวเองไม่เป็นไร
          "ไม่เป็นไรที่ไหนกันเล่า เกือบจะฟัน โดนนายคอหลุดอยู่แล้วนา"
          "คุณเมอร์ซี่เป็นอะไรรึเปล่าครับ?!"
          "ขอโทษครับ!"
          "อะ อ่า...อย่างน้อยก็ยังไม่ตายละนะ"
          เมอร์ซี่รีบโบกไม้โบกมือเป็นพัลวัน พยายามบ่งบอกว่าไม่ถือสาอะไร ฮารุคุงจึง ขอไปเก็บดาบคืน
          "เอ๋? นี่มัน...?"
          ชั่วพริบตาที่ฮารุคุงวิ่งไปหยิบดาบเล่ม นั้น ฉันเห็นบางอย่างเปล่งประกายอยู่บน พื้นหญ้า เมื่อลองหนิบขึ้นมาดูก็พบว่า เป็น เส้นผมสีฟ้าครามสดใส
          "นายบอกไม่เป็นไรแล้วนี่อะไรละหา? เส้นผมนายใช่มะ?"
          "หวา! แหว่งไปนิดนึงจึงด้วย!"
          "ไม่เป็นไรหรอกน่า ไม่ได้เสียทรงหรือ เสียโฉมอะไรซักหน่อย หน้าตานายก็ยังดูงี่เง่าเหมือนเดิม"
          "เฮ้อ...โชคดีไป"
          อะ อะไรกัน?! ไม่โกรธงั้นเหรอ? แปลกดีแฮะ
          "แต่ว่านะ เส้นผมนายนี่ก็สวยดีเหมือน กันน้า...ถ้านายเกิดเป็นผู้หญิงคงจะสวยใสสุดๆไปเลยล่ะ"
          "ไม่ดีใจเลยสักนี๊ด~"
          ...
          "ฉันว่าฉันขอแยกตัวตรงนี้ดีกว่า"
          "เอ๋?"
          หลังจากฝึกกันในตอนเช้าพวกเราก็ ทานมื้อเที่ยงด้วยกัน แน่นอนว่าฉันทำเอง เหมือนเคย เมนูวันนี้ก็พยายามใช้วัตถุดิบที่ มีซึ่งก็คือปลาที่เมอร์ซี่เคยตกมาได้หลายต่อ หลายตัวนั่นเอง
          และหลังจากพวกเราทานมื้อเที่ยงกัน จนอิ่มหนำซ้ำราญ พวกเราก็เตรียมตัวที่จะ เดินทางต่อ แล้วอยู่ๆฮารุคุงก็พูดแบบนั้น ออกมา
          "ฉันคิดว่าฉันรบกวนพวกเธอมามากพอ แล้วล่ะ หลังจากนี้อยากจะออกเดินทางและ ฝึกฝนด้วยตัวเองล่ะนะ"
          "งะ งั้นเหรอ..."
          "จะไปแล้วเหรอฮะ?"
          "อืม ขอโทษนะ"
          "อย่าหักโหมมากเกินไปล่ะ ค่อยๆฝึกไป ทีละนิดๆจะดีกว่านะ"
          "อะ อ่า...คะ ครับ!"
          "แล้วก็พยายามเลิกพูดติดอ่างจะดีมาก"
          "คะ ครับ!"
          "เอาที่สบายใจ..."
          พวกเราร่ำลากันเสร็จสรรพแล้วก็แยก ทางกันไปต่อทันที
          "ไปละนะ!"
          "แล้วซักวันเจอกันใหม่นะ!"
          "แน่นอน!"
          ที่อีกฝากหนึ่งของป่า ฮารุคุงเดินจากไป แล้วก็ค่อยๆหายลับไปจากสายตา
          "จะไปรอดมั้ยนะ ฮารุคุงน่ะ"
          "ถ้ายังมีจิตใจที่มุ่งมั่น จะเป็นผู้หญิง หรือผู้ชายก็ไม่เกี่ยวหรอก ไม่ว่าใครก็ไป ถึงจุดหมายได้ทั้งนั้น"
          "นั่นสินะ..."
          ไม่ว่าเป็นผู้ชายหรือผู้หญิง เป็นเด็ก หรือผู้ใหญ่ ทุกคนย่อมมีความฝันเป็นของ ตนเอง และย่อมมีสิทธิที่จะเดินตามความ ฝันของตัวเองเพื่อเป้าหมายที่ได้ตั้งเอาไว้ ฉันเชื่อแบบนั้น
          อย่างน้อยๆฉันเองก็มีเป้าหมายที่ออก เดินทางมา ก็เพื่อให้ได้พบกับเขาคนนั้น...ว่าแต่ทำไมอยู่ดีๆตาบ้านั่นถึงพูดเรื่องผู้ชายผู้หญิงขึ้นมาละเนี่ย ไม่น่ามีอะไรที่โยงมาได้ซักหน่อยนี่นา...
          "ว่าแต่...ใช่เขารึเปล่า?"
          "เอ๋?"
          "เธอกำลังตามหาคนอยู่นี่นา คนนั้นดู สนิทกับเธอดีฉันก็เลยคิดว่าอาจจะรู้จักกันมาก่อนน่ะ"
          ฉันลังเลที่จะพูดเล็กน้อยก่อนจะตอบ กลับไปว่า
          "ไม่รู้สิ ฉันลืมหน้าตากับชื่อของเขาไป หมดแล้วล่ะ"
          "อาเมน..."
          พริบตานั้นก็รู้สึกได้ถึงสายตาเอือมระอา จากเขาคนนั้นที่เกือบจะสะดุดยอดหญ้าล้ม หัวคะมำไปต่อหน้าต่อตา
          "แล้วแบบนี้จะหากันเจอมั้ยฮะเนี่ย?!"
          "อะ อ่า...ไม่รู้สิ แต่ถ้าเจอกันแล้วก็คง จะจำได้เองล่ะ คิดว่านะ"
          "ฉันไม่เชื่อ..."
          "เอ๋?! อะไรกันน่ะ? หมายความว่าไงที่ บอกว่าไม่เชื่อน่ะ?"
          แล้วเมอร์ซี่ก็ย่ำเท้าเดินต่อไปโดยที่ไม่ แม้แต่จะหันกลับมาตอบฉันที่ถูกทิ้งเอาไว้ ในวังวนแห่งความฉงน ทำให้ฉันต้องเดิน ตามไปอย่างช่วยไม่ได้
          "แต่ว่านะ...อยู่ดีๆก็ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป เป็นซามูไรที่เต็มไปด้วยปริศนาจริงๆ..."
          "นั่นสิเนอะ..."
          ข้างหน้าของพวกเราที่อยู่อีกไม่ไกล นั้น มีอาณาจักรพิวเทิอร์เนียนตั้งอยู่...


    [ตัวอย่างตอนต่อไป]

          "นี่นายเป็นใครกันแน่เนี่ย..."
          ทันทีที่จบประโยคคำถามนั่น เขาก็ชูนิ้ว ชี้ขวาขึ้นฟ้า ราวกับสังเกตเห็นอะไรเข้าที่ เบื้องหน้าของสายตาซึ่งฉันไม่อาจรู้สึกได้ ใบหน้าของเด็กหนุ่มจึงกระตุกเล็กน้อย
          "คุณพ่อเคยพูดเอาไว้ ก้าวไปบนวิถี แห่งนักรบเพื่อปกครองสรรพสิ่ง"
          เขาหันหน้ากลับมาเพื่อตอบคำถามของ ฉัน รอยยิ้มประสาเด็กหนุ่มทะเล้นปรากฏ ขึ้นทันที ไม่สิ ก่อนที่จะทันได้เห็นหน้าเจ้า นั่นที่หันกลับมาซะอีก
          เจ้าหมอนั่นชี้นิ้วไปทางแสงอาทิตย์ที่ กำลังจะลับหายไปเบื้องหลังปราสาท แสงสี แดงฉานสาดส่องไปทั่วอาณาบริเวณ
          "ชื่อของฉันคือ  เมอร์ซี่ ทันเดรียส"
          ฉันได้แต่พึมพำกับตัวเองคนเดียวใน ใจว่า'โอ้โห แค่เปิดตัวยังอลังการงานสร้าง'
    ------------
          "แล้วก็เลยเดินทางมาจนถึงพิวเทอร์เนียนแห่งนี้สินะ องค์มาร์สคงชักนำให้เราได้มาเจอกัน คิฟุโคะจัง~ ชาวนิฮงเรียกผู้หญิงสาวๆน่ารักๆอย่างนี้สินะ?"
          "ไม่สนิทอย่าติดจังย่ะ!"
          "ระวังหน้าพังไม่รู้ตัวเน้อ"
          "อะไรคือเทพมาร์สเหรอฮะ?"
          เจอแบบนี้เข้าไปเป็นใครก็คงขนลุกกัน ทั้งนั้นล่ะ ฉันเลยตอกกลับไปซะจนเจ้านั่น เหวอไปเลย


    [คุยกับคนเขียน]

          สุขสันต์วันสงกรานต์ครับทุกๆคน! น่าเสียดายที่ภูมิประเทศแถบตะวันตกไม่มีประเภณีสงกรานต์กันนะครับ ไม่งั้นผมอาจจะแต่งตอนพิเศษให้พวกเมอร์ซี่เล่นสงกรานต์กันแล้วล่ะ แต่ตัวละครมันก็ยังน้อยไปละนะ

          พูดถึงเรื่องตัวละครแล้ว ที่จริงเรื่อง Magic Quest นี้ตัวละครเยอะมากนะครับ เยอะชนิดที่ถ้าไม่จดเอาไว้ผมคงลืมไปหมดแล้วแน่ๆ นี่ก็กังวลอยู่ว่าจะเอาออกมาใช้ได้ครบมั้ย ที่เราเห็นเมอร์ซี่ คิฟุโคะ ดราโก้ แล้วก็คนอื่นๆเป็นแค่เสี้ยวหนึ่งเท่านั้นล่ะครับ ในอนาคตยังมีตัวละครอีกเยอะที่ยังไม่โผล่จะทยอยโผล่มาเรื่อยๆ โดยเฉพาะตอนหน้าที่ผมกะว่าจะให้ตัวละครหลักตัวใหม่โผล่มาซักทีหลังจากรอมานาน เนื่องจากแก๊งผู้กล้าของผมถ้านับเฉพาะที่มีบทเด่นๆในหลายๆภาค(ที่ไม่รู้จะเขียนถึงมั้ย)มักจะมีกัน 4 คน ภาคนี้เองก็เช่นกันซึ่งตัวละคร 4 ตัวที่ว่านี้ก็คือเมอร์ซี่ คิฟุโคะ และชายหญิงอีกสองคนที่ยังไม่ปรากฏตัวและผมอยากให้ออกมาเร็วๆแล้ว ในที่สุดตอนหน้าก็จะถึงพิวเทอร์เนียนซึ่งเป็นที่อยู่ของพ่อหนุ่มเพลย์บอยนักบวชแห่งมาร์สคนนี้ซะที ตามที่บอกไปนั่นละครับ ตัวละครตัวนี้มีลักษณะเป็นหนุ่มเจ้าชู้้เจ้าสำราญ อายุมากกว่าเมอร์ซี่ไม่กี่ปีแต่เผลอๆอายุสมองอาจจะน้อยกว่านะครับ(ฮา) ส่วนอีกคนที่จะโผล่มาหลังจากนี้จะเป็นคนที่คอยมาคุมพฤติกรรมความประพฤติของเจ้าหนุ่มจอมม่อสาวคนนี้นี่เองครับ(ฮา) แล้วสองคนนี้เองก็มีพลังธาตุที่โคตรจะลงตัวจริงๆ ลงตัวม๊าาาาากกก เฮ้อ

    ~ นั่นละครับคณะผู้กบ้า 4 คนที่ออกเดินทางไปอัญเชิญพระไตรปิฎกที่ชมพูทวีป...อะไรนะ? ไม่ใช่เหรอ? โทดๆๆ คณะผู้กล้าที่ออกเดินทางรวบรวมลูกแก้วคืนสู่พัลเลเทีย
          ในตอนนี้ปริศนาเด็กสาวในความทรงจำของเมอร์ซี่ที่เคยกล่าวถึงในตอนที่ 1 ก็ถูกคลายออกเล็กน้อย เล็กน้อยจริงๆ... ย้ำว่าเล็กน้อย! นั่นก็คือเมอร์ซี่เคยเจอเธอมาแล้วหลังจากออกเดินทางมา แต่ผมจะยังไม่ขอเฉลยละกันว่าไปเจอมาเมื่อไหร่ ทุกท่านที่เข้ามาอ่านก็ลองย้อนๆไปหาดูว่าปรากฏตัวออกมาตอนไหน ไม่แน่ท่านอาจจะทายถูกก็ได้ว่าภายใต้ The Mask Singer หน้ากากนักร้องที่แท้จริงแล้วคือใคร...อะไรนะ? ผิดเรื่องอีกแล้วเหรอ ขอโทษครับ...
          ปมของคิฟุโคะเองก็ถูกคลายออกนิสสสสสสสสสสสนึงเช่นกัน ตรงที่นางจำไม่ได้ว่าเขาคนนั้นหน้าตาเป็นยังไงและชื่อว่าอะไร พุธโธ่ถัง...แล้วจะหากันเจอมั้ยเนี่ย ดีไม่ดีอาจจะเคยเจอกันหลังจากออกเดินทางมาแล้วก็ได้...เออเดี๋ยวนะ ที่เธอมานี่เธอขอคุณปู่ยังเนี่ย...
          งานนี้เมอร์ซี่ก็ต้องเอาใจช่วยคิฟุโคะกันต่อไปว่าสุดท้ายแล้วคิฟุโคะจะได้อัดสาวที่ลืมเมอร์ซี่ เอ๊ย! จะได้พบกับคนที่เขาอยากเจอหรือไม่ จะว่าไปแล้วทำไมถึงอยากเจอเจ้าตัวก็ลืมไปแล้วเหมือนกัน แล้วจะหาเจอมั้ยละเนี่ย โถ่ถัง...
          ทุกๆท่านมีเป้าหมายชีวิตกันรึเปล่าครับ? เป้าหมายที่ว่าตนเองอยากจะทำในอนาคตคืออะไร แล้วมันเป็นเป้าหมายที่อยู่ในขอบเขตที่อยู่ในขอบเขตที่ตนเองทำได้รึเปล่า ที่ผมยกเรื่องนี้มาถามเพราะผมกะว่าเมื่อตัวละครหลักออกมาครบแล้วผมจะนำเสนอแนวคิดนี้ผ่านตัวละครหลักทุกตัว ทุกคนจะได้รู้กันว่าเป้าหมายชีวิตของแต่ละคนเป็นอย่างไร...
          สุดท้ายนี้ก็ขอฝาก Magic Quest ตอนใหม่นี้ไว้ในสายตาของทุกๆคนด้วยนะครับ สุขสันต์วันสงกรานต์นะครับ เย้!!!

    วันที่ลง 13/4/60

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×