ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Magic Quest : Thunder Legend

    ลำดับตอนที่ #8 : ตอนที่ 6 : บ่อน้ำแห้งลึกลับ

    • อัปเดตล่าสุด 22 พ.ย. 60


    Magic Quest Ep.6
    "บ่อน้ำแห้งลึกลับ"
          "ฉันจับจ้องมองดวงดาว~ ที่ต่างส่องประกายแสงของเรื่องราว~ ต่างๆบนฟ้า~"
          เสียงเพลงของเทพธิดาอันแสนไพเราะ ดังก้องอยู่ในโสตประสาตของผมซึ่งกำลัง เหน็ดเหนื่อยกับการทำงาน
          "ราวกับว่าท้องนภา~ จะรวม~ เรื่องราว~ ต่างๆเข้าไว้ด้วยกัน~! เดนเซสึเริ่มต้นขึ้นแล้ว..."
          ราวกับเทพธิดาผู้สง่างามปรากฏกายอยู่ เบื้องหน้านับสิบองค์ ดลบรรดาลให้ทุกสิ่ง ทุกอย่างสวยสดงดงาม ถึงแม้มันจะไม่ใช่ เวลาฟังเพลง แต่มันก็ทำให้เกิดอารมณ์ สุนทรีย์
          "แสงออโรร่า~ ที่ส่องประกายในดวงดาวต่างๆ~"
          เหมือนจะได้ยินเสียงที่คุ้นหูราวกับมี ภาษาบริชเทียนปะปนอยู่ในนั้น
          "เพื่อที่จะนำ ไปสู่จักรวาลอันแสนไกล~~"
          ท้ายวรรคที่เหมือนจะจงใจร้องให้เสียง สูงนั้นคล้ายกับจะปรากฏภาษาที่คุ้นเคยอีกครั้ง
          "อลองเดอเวย์! พวกเราต่างเดินทางเพื่อที่จะ! ตามหาตัวตนของฉันให้ประจักษ์แก่สายตา~!"
          ตอนที่ฟังครั้งแรกถึงกับถามตัวเองว่า ตกลงเพลงนี้มันใช้ภาษาอะไรกันแน่ละ เนี่ย ภาษาบริชเทียนชัดเลย
          "เพื่อจะเปลี่ยนแปลงเส้นทางที่ฉันเดินนั้นซะใหม่ เพื่อนำเราไปสู่รุ่ง ทิวาไกล!"
          เพลงท่อนหลังๆมานี้เริ่มเปลี่ยนรูปแบบ การร้องจากเพลงนุ่มนวลกลายเป็นเริ่มมีทำนองที่ร้อนแรงขึ้นเรื่อยๆราวกับมีพลังที่จะ ทำลายบริเวณรอบๆได้ด้วยพลังเสียงอัน มหาศาลและสุดจะไพเราะ
          "จงเป็นสักขีพยาน! โทเนนโอ โทชิเทโน ทาบี~"
          "อย่ามัวแต่ร้องเพลง รีบทำงานจะดีกว่า น่า"
          "โถ่...กำลังมันส์เลย ขอร้องต่อหน่อย ไม่ได้เหรอ?"
          "ก็อยากฟังนะ แต่ขืนร้องดังไปเดี๋ยว เพดานหินก็ถล่มลงมาอีกหรอก"
          "อึก..."
          เมื่อครู่นี้เป็นเพลงที่แต่งโดยชาวนิฮง จึงทำให้เนื้อร้องฟังไม่คุ้นหู แต่ก็สื่อความ หมายได้อย่างงดงาม
          มันชื่อว่า'โทเนนโอ โทชิเทโนทาบิ' มี ความหมายว่าพุ่งทะยานก้าวข้ามผ่านทศวรรษอะไรทำนองนั้น เพลงนี้แม้แต่ผมยังรู้ จักเลย ดังนั้นจึงไม่แปลกใจที่เธอซึ่งเป็น ชาวนิฮงแท้ๆจะรู้จัก
          เพลงกล่าวโดยนัยถึงชายผู้ออกเดิน ทางตามหาดาวบ้านเกิดที่เขาจากมาซึ่งไม่รู้ ว่ามันอยู่ที่ไหน การต่อสู้ที่ไม่รู้จบของชาย ผู้เดินทางไปยังดวงดาวต่างๆในกาแล็กซี่ที่ แฝงไว้ซึ่งความโรแมนติก ดังนั้นเพลงนี้ จึงเป็นเพลงฮอตฮิตยอดนิยมในดวงใจของชาวนิฮงและเป็นเพลงดังในหมู่ชาวบริช เทียนที่มาจากเกาะอันไกลโพ้น
          ทำไมน่ะเหรอ เพราะมีศัพท์หลายคำใน เพลงนี้ที่เป็นภาษาบริชเทียนน่ะสิ แถมบาง คำที่เป็นภาษานิฮงแต่ออกเสียงคล้ายและมี ความหมายเหมือนคำในภาษาบริชเทียนอีก
          ยิ่งมีเธอคนนี้เป็นคนร้อง เพลงอันแสน ไพเราะก็ยิ่งดึงดูดคนฟังได้ดีกว่าเดิมอย่าง ไม่น่าเชื่อ ต้องยอมรับว่าคิฟุโคะร้องเพลง ได้เพราะมากทีเดียว
          เสียงเพลงของเธอนั้นไพเราะราวกับ เสียงของไซเรนที่ชักจูงลูกเรือทั้งลำให้ เคลิบเคลิ้มอยู่ในห้วงภวังค์จนพาให้เรือทั้งลำต้องพบกับจุดจบเลยทีเดียว แต่เสียงของ เธอมีอะไรที่มากกว่านั้น ไม่แน่อาจเป็น เสียงที่ไพเราะจนทำให้เหล่าลูกเรือได้สติ และล่องเรือหนีจากไซเรนสำเร็จก็ได้
          ...
          ที่จริงแล้วเมื่อคืนนี้ผมควรจะได้นอน พักอย่างสบายใจหลังจากที่สามารถชิงลูกแก้วกลับมาได้หนึ่งลูก เป็นลูกแก้วสายฟ้าที่ มีพลังรุนแรงสุดๆ ถ้าเกิดว่าก่อนหน้านี้ไม่มี ท่านเจ้ามังกรช่วยไว้เราเองก็คงแย่สุดๆ รึ อาจจะตายอยู่ตรงนั้นก็ได้
          ในใจผมก็ได้แต่คิดมาตลอดว่าเมื่อไหร่ ผู้กล้าในตำนานที่จะมาทำภารกิจนี้ต่อจาก ผมจะปรากฏตัวขึ้นมาเสียที ยิ่งคิดก็ยิ่งมอง เห็นเส้นทางสุดอันตรายรออยู่เบื้องหน้า
          และในขณะที่ผมกำลังกลับไปที่โรง แรม ผมก็ได้พบกับคนที่ควรจะเรียกได้ว่า เป็น'เพื่อนร่วมทาง'ของผมคนหนึ่งโดยบังเอิญ
          คิฟุโคะนั่นเอง ตั้งแต่แยกกับผมเมื่อ ตอนเย็นเธอก็เที่ยวตระเวนไปทั่วเพื่อหา ที่พักของตัวเอง แต่เนื่องจากเป็นช่วงที่ กองคาราวานหลายสายต่างพร้อมใจพากัน มาค้างแรมที่อาณาจักรวิริเดียนแห่งนี้ ดัง นั้นห้องพักในโรงแรมต่างๆจึงเต็มอย่าง รวดเร็ว
          เห็นว่านอกจากนั้นแล้วชาวบ้านยังกลัว พวกกองโจรหมวกดำสุดๆจนต้องปิดประตู หน้าต่างล็อกแน่นหนาไม่ยอมต้อนรับแขก ตัวน้อยๆที่มาเคาะประตูเลย
          ทั้งโรงแรมทั้งบ้านคนไม่มีที่ไหนที่จะ ใช้พักอาศัยได้เลย เธอจึงได้แต่เดินเร่ไป เรื่อยๆโดยหวังว่า จะมีบ้านซักหลังยอมให้ เธอได้ค้างคืน
          และในระหว่างที่กำลังเดินไปอย่างไร้จุดหมายนั้น เด็กสาวก็สังเกตเห็นตัวผมที่พึ่งจะหนีจากฐานทัพกองโจรมาได้และกำลังเดินกลับโรงแรมในสภาพอ่อนระโหยโรยแรง ทีแรกเธอก็ลังเลว่าควรจะเข้ามา ขอความช่วยเหลือจากผมดีมั้ย เพราะเมื่อตอนเย็นเธอประกาศกร้าวต่อหน้าผมเลยว่าจะไม่ยอมค้างที่เดียวกับผมเด็ดขาด เธอก็ เลยรู้สึกเสียหน้าที่ต้องแบกหน้ามาหา เธอก็ เลยแอบเดินตามมาเงียบๆ
          จนกระทั่งใกล้ถึงโรงแรม ดูเหมือนเธอ จะสำนึกตนได้แล้วว่าจะมัวมาทะเลาะกัน ตลอดมันก็ไม่ใช่เรื่อง ก็เลยตัดสินใจมาขอร้องผม แต่ไม่ทันไรก็คลาดกัน
          "ขอโทษจริงๆนะ ก็ไม่ได้อยากจะให้ นายต้องมาลำบากแทนฉันหรอก"
          "นี่เธอพูดจามีมารยาทเป็นด้วยเหรอ เนี่ย?"
          "ยุ่งน่า..."
          ผมก็ไม่ได้คิดจะปฏิเสธเธออยู่แล้ว ผม เลยพาเธอเข้าไปในโรงแรมแต่โดยดีและชี้แจงให้คุณพนักงานทราบซึ่งทางโรงแรมก็ตกลงเพียงแต่ต้องเพิ่มค่าห้อง จังหวะที่ ผมกำลังดูในกระเป๋าเงินว่าเหลือพอมั้ย เธอก็บอกกับผมว่า"เดี๋ยวฉันจ่ายเองก็ได้" เรื่องในตอนนั้นทำให้ผมรู้สึกได้ว่าคิฟุโคะ ในตอนนี้เป็นคนดีกว่าที่คิด
          แล้วพวกเราก็เดินขึ้นบันไดไปที่ห้อง ห้องของผมอยู่ที่ชั้น 6 ห้องที่ 2 หรือที่ทาง โรงแรมเรียกว่าห้อง 602 นั่นแหละ
          โรงแรมนี้ดูท่าจะทันสมัยกว่าที่อื่น เพราะประตูห้องพักเป็นแบบล็อกอัตโนมัติ ด้วยเวทมนต์ ถ้าจะเปิดต้องใล้คีย์ทิคเค็ทที่ มีลักษณะเป็นกุญแจที่ห้อยไว้กับแผ่นหิน ที่เล็กกว่าฝ่ามือเล็กน้อย พนักงานบอกว่า เมื่อเข้าไปข้างในให้เสียบเจ้าแผ่นหินนี่ลง ไปในช่องข้างประตูแล้วเทียนและโคมไฟ จะติดเองอัตโนมัติ นั่นคงจะเป็นสาเหตุที่ ทำให้ค่าห้องแพงหูฉี่
          "เดี๋ยวฉันจะใช้หมอนข้างแบ่งครึ่งเตียง เอาไว้ให้ก็แล้วกันนะ เธอจะได้นอนได้ เต็มที่"
          "งะ งั้นเหรอ ดีจังนะที่นายรอบคอบ น่ะ..."
          ถ้าฟังแต่เนื้อความอย่างเดียวก็รู้ได้เลย ว่าเธอจงใจจิกกัดผม แต่น้ำเสียงของเธอ อ่อยลงราวกับกำลังสำนึกผิดยังไงยังงั้น
          เตียงของห้องพักเป็นแบบกว้างและ ยาวกว่าเตียงปกติ ถ้าแบ่งครึ่งแล้วจะเป็นรูป สี่เหลี่ยมจัตุรัสพอดี ดังนั้นจึงมีพื้นที่เหลือ เฟือให้กลิ้งไปกลิ้งมา นี่ก็คงเป็นอีกสาเหตุ ที่ทำให้เงินลอยออกจากกระเป๋าผมไปแสน จะมากมาย
          "นะ นายก็อย่าข้ามมาฝั่งฉันก็แล้วกัน"
          "ฉันว่าเธอทำใจให้สงบให้ได้ก่อนจะ มาว่าอะไรฉันดีกว่า"
          "อึก..."
          เจอแบบนี้คิฟุโคะก็ทำอะไรไม่ถูก สภาพจิตใจของเธอตอนนี้อ่อนแออย่างเห็นได้ชัด
          "นอนกันเถอะฮะคุณเมอร์ซี่ คุณ คิฟุโคะ"
          "อา..."
          "อะ อืม..."
          หลังจากเปลี่ยนชุดกลับมาเป็นชุดของ ตัวเองแล้วก็จัดเก็บชุดของโจรหมวกดำที่ขาดรุ่งริ่งลงกระเป๋า เห็นทีจะต้องหาเวลา ซ่อมซะแล้วแฮะ
          "ราตรีสวัสดิ์ ฝันดี"
          "ไม่ต้องมาฝันดีฉันเลยนะยะ!"
          ยัยคิฟุโคะที่น่าจะง่วงเต็มแก่กลับตื่นตัว อย่างกะทันหันเพียงเพราะคำพูดราตรีสวัสดิ์ของผม ใบหน้าอันงดงามนั้นสื่อได้ ชัดเจนว่ากำลังเขินอยู่
          "เรานี่มันแย่จริงๆ..."
          แล้วพวกเราก็ขึ้นไปอยู่บนเตียง ไม่ นานนักปฏิกริยาของคิฟุโคะก็เงียบหายไป
          ได้ลูกแก้วลูกที่หนึ่งมาแล้ว
          ในเมื่อเราเผลอทุ่มเต็มแรงปราบฮิโนะ ลงได้สำเร็จ ทางพวกโจรก็คงจะเริ่มเอา จริงขึ้นมาบ้าง เจ้านั่นเป็นถึงหัวหน้าของ หน่วยหนึ่งที่มีโจรร้อยถึงสองร้อยกว่าคน ดังนั้นต้องเป็นสมาชิกชั้นเลิศของกองโจร แน่ๆ พอคิดว่าถ้าพวกกองกำลังหลักรู้ว่า ฮิโนะถูกปราบและชิงลูกแก้วไปนั้นคงจะ เริ่มเคลื่อนไหวกันอย่างเป็นทางการ แปลว่าหลังจากนี้เราจะต้องเจอกับศึกหนัก แล้วล่ะ
          ทั้งๆที่นี่มันเป็นหน้าที่ของผู้กล้าแท้ๆ เลย เมื่อไหร่ผู้กล้าจะปรากฏตัวซักทีละเนี่ย
    และแล้ว ความทรงจำของผมก็ขาดหาย ไป
          เช้าวันต่อมา ผมตื่นขึ้นมาในเช้าอัน สดใสด้วยความหวังว่าวันนี้คงจะเป็นวันที่ ดีกว่าวันวานที่ผ่านมา
          "อ้าว?"
          บนโต๊ะในห้องนั้นมีแซนด์วิชที่ท่าทาง น่าอร่อยสุดๆวางเอาไว้สองชิ้น สอดไส้ไว้ ด้วยผัก แฮม ชีส ดูน่าทานทีเดียว บนโต๊ะมี กระดาษที่เขียนว่า'กินได้ตามสบาย'วางอยู่
          นอกจากนี้ยังมีชุดกองโจรหมวกดำที่ น่าจะซอมซ่อจนใส่ไม่ได้แล้ววางอยู่บนโต๊ะ แต่มันกลับอยู่ในสภาพดีชนิดที่แทบมอง ไม่เห็นรอยเย็บ คงจะเพราะรอยฟันของ ฮิโนะมันคมกริบก็เลยเย็บง่ายละมั้ง แถม ชุดก็เป็นสีดำด้วย คงจะไม่ค่อยเห็นรอย ไหม้เท่าไหร่ แต่เย็บได้ขนาดนี้นี่สุดยอด เลยแฮะ
          "แปลกจังเลยแฮะ ยัยนั่นทำอะไรแบบ นี้เป็นด้วยเหรอ?"
          "ต้องตรวจพิษมั้ยฮะ?"
          "ไม่ต้องหรอกมั้ง~?"
          อายุแค่ 9 ปีมนุษย์แต่ไปรู้เรื่องแบบนี้ ได้ยังไงกันละเนี่ย...
          "หวา?!"
          "หือ?"
          จังหวะที่พวกเรากำลังจะหยิบแซนด์วิช เข้าปากกันอยู่นั้นเองก็มีเสียงๆหนึ่งดังขึ้น
          เสียงนั่นดังออกมาจากห้องที่อยู่ริมขอบ ผนังที่กั้นระหว่างห้องของผมกับโลกภาย นอก
          นอกจากห้องนอนจะหรูแล้ว ในห้อง พักของโรงแรมนี้ยังมีห้องอาบน้ำติดตั้งไว้ ด้วย ด้านในนั้นจะเป็นพื้นที่โล่งๆ มีโต๊ะ กระจกที่มีท่อระบายน้ำซึ่งไหลลงไปในอ่าง ที่ติดตั้งไว้ที่พื้นผิว เอาง่ายๆก็เหมือนกับ อ่างลอยนั่นล่ะ พื้นที่ตรงนั้นน่าจะเอาไว้ใช้ แปรงฟัน,ล้างหน้า,โกนหนวด หรือแม้ กระทั่งจะแต่งหน้าก็ยังได้ ด้านในจะมีท่อ น้ำที่ดูคล้ายฝักบัวติดตั้งอยู่ เห็นว่าสามารถ ใช้เสียงเพื่อปรับอุณหภูมิน้ำได้ตามใจชอบ ว่าจะให้น้ำร้อน อุ่น เย็น หรือธรรมดาก็ได้ แถมมีอ่างอาบน้ำให้อีก เป็นโรงแรมที่พึลึก สุดๆไปเลย
          ในเมื่อเสียงดังมาจากในห้องอาบน้ำ ของห้องผม คนที่อยู่ในนั้นก็น่าจะเป็นใคร อื่นไปไม่ได้นอกจากคิฟุโคะ ถึงมันจะ เชื่อมต่อกับด้านนอกได้แต่ก็คงไม่มีใครบ้าปีนเข้ามาทางช่องระบายอากาศหรอก ยังไง ซะก็ถูกปิดไว้ด้วยตาข่ายที่ทำจากลวดจึง เข้าไม่ได้อยู่แล้ว
          "มีอะไรงั้นเหรอคิฟุโคะ?"
          "คือว่า...น้ำมันไม่ไหลอ่ะ"
          ปกติแค่ยกออกจากที่วาง น้ำก็จะไหล ออกมาจากรูที่มีอยู่เต็มไปหมดนั้นเรื่อยๆ โดยไม่รู้ว่าถูกส่งมาจากไหน ทั้งๆที่ไม่มี ท่อเชื่อมไปไหนเลยแท้ๆ
          แต่คราวนี้มันกลับไม่ไหล
          คิฟุโคะพันผ้าขนหนูยืนถือแท่งฝักบัวนั่นอยู่ในห้องน้ำพลางยื่นเจ้าแท่งพิศวงนั่นมาให้ผม แต่สายตาของผมก็ดันไปหยุด อยู่ที่เรือนร่างอันเงางามที่ชุ่มไปด้วยเหงื่อ ของคิฟุโคะ ถึงจะพันผ้าขนหนูเอาไว้แต่ ผ้าขนหนูก็ดันเป็นแบบกระชับสัดส่วนแถมปิดไว้แค่หน้าอกลงมาถึงกึ่งกลางระหว่างขาหนีบกับกลางน่อง จนอดคิดไม่ได้ว่าถ้า ผู้ชายคนอื่นมาเห็นจะเป็นยังไง
          "น่ะ นี่! มองอะไรของนายยะ?!!"
          "เอ้อเปล่า?! ก็กำลังดู...เอ่อ...ฝักๆนั่น น่ะ แบบว่ามันแปลกตาอ่ะนะ"
          ทันทีที่คิฟุโคะสัมผัสได้ว่ากำลังถูกจ้อง มองร่างกายของตนก็เกิดเขินจนหน้าแดงขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด เธอรีบใช้มือทั้งสอง ข้างปิดบังร่างกายของตัวเองไว้พลางถอยไปก้าวหนึ่ง
          ส่วนผมก็ต้องรีบแก้ตัวไปแบบไม่ทัน คิดอะไร
          "ลามก..."
          "แล้วกัน..."
          "อุบ...ฮิๆ ทำไมนายถึงต้องตอบกลับมา ด้วยท่าทางแบบนั้นด้วย"
          "ห่ะ...?!"
          ผมได้แต่ยืนงงอยู่ตรงนั้นที่คิฟุโคะ หัวเราะออกมา เสียงหัวเราะที่สดใสประสา เด็กสาวนั่นทำเอาผมรู้สึกสับสน
          "คุณเมอร์ซี่รู้สึกไม่ค่อยดีน่ะครับที่ถูก หาว่าเป็นพวกโรคจิตทั้งๆที่ไม่ได้ตั้งใจจะทำอะไรที่ดูโรคจิตแบบนั้นน่ะครับ"
          "เอ๋ งั้นเหรอ?"
          ใครใช้ให้มาอธิบายซะยืดขนาดนี้เนี่ย ดราโก้?! ให้ตายเหอะ
          "อย่างนี้นี่เอง นายเป็นพวกกินพืชสิ นะ?!"
          "ยะ อย่ามาดูถูกกันอย่างนี้สิ ฉันกินได้ ทั้งพืชทั้งเนื้อนั่นแหละ!"
          "ไม่ใช่อย่างนั้นสิตาบ้า!"
          เรื่องมันชักจะไปกันใหญ่แล้วแฮะ
          "ฉันหมายถึงเรื่องผู้หญิงต่างหากล่ะ!"
          "ฉันก็หมายความตามนั้นแหละ!"
          "เอ๋?!"
          "ถึงปกติฉันจะไม่ค่อยสนใจเรื่องพวกนี้ แต่ถ้าฉันเอาจริงขึ้นมาละก็นะ..."
          ยังไม่ทันจะพูดจบก็มีเสียงของเด็กสาว แทรกขึ้นมา
          "ประโยคนั้นมันฟังดูเหมือนพวกชอบ แก้ตัวชอบกลแฮะ"
          "อึก...เอาเป็นว่าเรื่องผู้หญิงฉันก็ไม่ น้อยหน้าใครหรอก ถ้าฉันชอบใครฉันก็ รุกเข้าใส่จนฝ่ายนั้นยอมจำนนได้เหมือนกัน"
          "พูดงี้นายเคยไปจีบใครแล้วเหรอ?"
          "ยัง"
          "อ้าว?"
          ดูเหมือนจะเริ่มออกทะเลไปไกลแล้ว ผมเลยคิดว่าควรจะดึงกลับเข้าเรื่องก่อน ดีกว่า
          "ยังไงก็ไปคุยกับพนักงานที่เค้าท์เตอร์ ก่อนเถอะ"
          "โหย~ เปลี่ยนเรื่องเฉยเลย"
          "เหอะน่า!"
          หลังจากนั้นพวกเราก็ไปพบกับพนัก งานที่ประจำอยู่แผนกประชาสัมพันธ์ของ โรงแรมวิริเดียนเซ็นเตอร์(มั้งนะ?) วันนี้ เป็นชายร่างใหญ่ในชุดเครื่องแบบ รู้สึกว่า ที่โรงแรมนี้จะใช้ระบบกะนะ
          พอไปถามเขาเขาก็บอกว่าจะตรวจสอบ หาสาเหตุให้ ระหว่างนั้นอยากให้เชิญพัก ผ่อนตามสบาย ถ้าอยากใช้น้ำก็ลองไปดูที่ ร้านค้าต่างๆในเมืองแทนไปก่อน
          "แล้ว...วันนี้เราจะไปไหนกัน?"
          "นั่นสินะ...ก็คงต้องไปเตรียมของที่ จำเป็นสำหรับการเดินทางเพิ่มล่ะ"
          "อย่างเช่นกล้องส่องทางไกลเอาไว้ดู ผู้หญิงอาบน้ำ?"
          "ไม่อยากเชื่อเลยว่าเธอจะเป็นพวกโรค จิตชอบคิดอะไรแบบนี้"
          "อึก!"
          เจ้าตัวจุกไปแบบไม่คาดคิดว่าจะโดน ตอกกลับมาแบบนี้ทั้งๆที้ตั้งใจจะแซวผมแท้ๆ
          "เป็นไงล่ะเจอแบบนี้เข้าไป ไปไม่เป็น เลยละสิ"
          "...ฝากไว้ก่อนเถอะ~"
          "ได้ จะรับฝากละกันนะ"
          "ทั้งสองคนสนิทกันดีนะฮะ"
          "มะ ไม่เลยซักนิดน้า~!"
          "ไม่ขนาดนั้นหรอก"
          "ทำไมน้ำเสียงคุณเมอร์ซี่ไม่ร้อนรน เลย...บู่ว~"
          ระหว่างที่กำลังเถียงกันอยู่นั้นเอง
          "เจอแล้ว! คนนั้นไง!"
          ที่เบื้องหลังพวกทหารของวิริเดียนอยู่ ดีๆก็กรูกันเข้ามาใกล้บริเวณที่ผมกับคิฟุโคะและดราโก้ยืนอยู่
          "เอ๋? ทหารพวกนั้นวิ่งมาทางนี้ทำไม"
          "สงสัยเจอข้าศึกมั้ง?"
          พูดไปส่งๆงั้นแหละ ก็ไม่คิดว่าจะมีข้า ศึกในที่โจ่งแจ้งอย่างนี้หรอก
          ทันใดนั้นเอง
          เคร้ง!
          "เห~?"
          พวกทหารพากันล้อมรอบตัวผมไว้และ ใช้หอกโลหะจ่อมาที่ตัวผมราวกับจะเข้าจับ กุม
          "ดะ เดี๋ยวสิ! ผมไม่ใช่ข้าศึกนะ..."
          "เดี๋ยวสิพวกนาย! ฉันไม่ได้ให้มาจับตัว แบบนี้ซักหน่อยนะ!"
          จังหวะที่ผม ดราโก้ และคิฟุโคะกำลัง ยืนอึ้ง เสียงๆหนึ่งก็ดังขึ้นที่เบื้องหลังของ ผม
          นายทหารผู้หญิงคนหนึ่งที่ดูมีตำแหน่ง พอสมควรเดินเข้ามาจากข้างหลังแทรกกลางระหว่างทหารเข้ามา ทหารหญิงคนนั้นใส่ ชุดเกราะสีเงินสง่างามรวบผมยาวสีบลอนด์นั่นไว้เบื้องหลัง ดาบเงินเล่มงามถูกเก็บไว้ ในฝักที่ประดับตกแต่งจนพอควร ให้ความ รู้สึกเหมือนเป็นอัศวินยังไงยังงั้นถึงแม้ว่า จะต่างจากภาพลักษณ์ของอัศวินที่ผมรู้จัก ซึ่งใส่เกราะคลุมทั้งตัวลิบลับ
          แต่ใบหน้านั้นรู้สึกเหมือนเคยเห็นที่ ไหนมาก่อน
          "ไง! ยังอยู่ที่นี่จริงๆซะด้วยนะ ดีจังที่ ยังไม่ไปไหน"
          อัศวินสาวยกมือทักทายผมเล็กน้อย ด้วยมือซ้ายพลางกระพริบตาข้างหนึ่งให้ ส่วนมือขวาท้าวสะโพกไว้
    ท่าทางไม่เหมือนคุยกับคนแปลกหน้าเลยแฮะ สงสัยพี่สาวอัศวินคนนี้จะเป็นคนเรื่อยๆล่ะนะ
          "คนรู้จักเหรอเมอร์ซี่?"
          "ไม่รู้สิ ดราโก้คุ้นกลิ่นบ้างมั้ย?"
          "มังกรนะฮะไม่ใช่หมา!"
          "อ้าว! นี่เจ้ามังกรเองเหรอเนี่ย?"
          รู้จักดราโก้ด้วยเหรอ มีที่ไหนใน วิริเดียนที่เราอยู่กับดราโก้แค่สองคนบ้างนะ...ก็หลายที่อยู่แฮะ
          "ลืมกันแล้วเหรอ? ก็คนที่นายเล่นงานซะหมดสภาพในฐานทัพใต้ดินของกองโจรไง"
          วินาทีนั้น ความทรงจำทุกอย่างก็ย้อน กลับเข้ามาในหัวผม
          ผู้หญิงที่ผมเจอในฐานทัพใต้ดินของ กองโจรหมวกดำที่ผมลอบเข้าไปเมื่อวานนี้ มีแค่คนเดียว...
          "อ้อ! พี่สาวหมวกดำนี่เอง!"
          "ห๊ะ?!"
          "ในที่สุดก็นึกออกซะที เล่นเอาเหนื่อย แย่เลย"
          ในที่สุดผมก็เริ่มปะติดปะต่อเรื่องราวได้
          พี่สาวคนนี้คงจะเป็นทหารของวิริเดียน ที่ปลอมตัวมาเพื่อสืบสวนเกี่ยวกับกำลังพล หรือที่ตั้งฐานทัพลับของกองโจร ซึ่งผมได้ พบกับพี่สาวก่อนหน้านี้ที่หน้าห้องเก็บสมบัติ โดยผมใช้วิธีบางอย่างเพื่อทำให้พี่สาว หลับไปแล้วจัดการถอดเสื้อผ้ามาเก็บไว้เผื่อใช้ปลอมตัว แล้วก็หาผ้ามาคลุมเอาไว้ให้ พอดูเป็นเสื้อผ้าได้
          แล้วหลังจากนั้นพี่สาวคนนั้นก็หลบหนี ออกมาด้วยวิธีอะไรบางอย่างและไปพากองทหารมาล้อมจับรอบฐานทัพของพวกโจร ในจังหวะเดียวกับที่ผมจัดการฮิโนะได้พอดี ไม่สิ หลังจากนั้นเล็กน้อย
          อย่าบอกนะว่าหลงทางอีกคน
          "ฉันชื่อริน เป็นหัวหน้าหน่วยย่อยของ ทหารรักษาอาราจักรวิริเดียน ยินดีที่ได้รู้จัก นะ"
          "อะ อ่า...ยินดีครับ...ผมเมอร์ซี่ครับ..."
          "อย่าเกร็งสิ ฉันไม่ได้มาต่อว่าอะไรซัก หน่อย"
          คุณรินยื่นมือออกมาจับมือทักทาย ตัว ผมที่พึ่งจะรู้ว่าพี่สาวคนนี้ไม่ใช่โจรแต่เป็น ทหารระดับหัวหน้าของวิริเดียนก็เกิดเกร็ง ขึ้นมา
          "สวัสดีครับ ผมดราโก้ครับ"
          "ฉันคิฟุโคะค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ"
          "จ้าๆ ยินดีที่ได้รู้จักจ้า"
          แล้วคุณรินก็หันไปจับมือทักทายกับคน อื่นๆ
          "ว่าแต่หนูเนี่ย...เป็นแฟนของพ่อหนุ่ม น้อยนี่เหรอ?"
          "ไม่ใช่นะค้า!!!"
          ผมรู้สึกได้ว่าแสงแห่งชีวิตของผมใกล้ จะมอดเต็มทีแล้ว...
          "ก็บอกว่าไม่โกรธไง! อย่าทำหน้า เหมือนวิญญาณหลุดออกจากร่างอย่างนั้น สิ!"
          ...
          คุณรินพาพวกเราไปที่คาเฟ่แห่งหนึ่ง ในย่านใจกลางเมือง เจ้าตัวบอกว่ามีเรื่อง อยากให้เราช่วยหน่อย แต่ตอนแรกจะเจาะ จงว่าเป็นผมไปเลยซะงั้น เพราะเท่าที่ดู จากมุมมองของคุณรินคงจะคิดว่ามีแต่ผม ที่ดูพึ่งได้ แต่ผมกลับคิดว่าถ้าพวกเราสาม คนช่วยกันก็คงดีไม่น้อยจึงเสนอคุณรินไป และเธอก็ยินดี
          คุณรินบอกเราว่าอยู่ดีๆต้นน้ำที่เชื่อมต่อ ไปยังแหล่งจ่ายน้ำทุกแห่งในวิริเดียนก็เกิดแห้งไปซะอย่างนั้น
    แต่ในเมื่อแม้แต่น้ำจากฝักบัวเวทก็ไม่ ไหล ดังนั้นก็สรุปได้ว่าน้ำที่ไหลออกมา จากฝักบัวเวทนั้นมาจากต้นน้ำของวิริเดียน
          นอกจากนี้ปัญหาน้ำไม่ไหลก็ไม่ใช่เจอ แค่ที่วิริเดียนเซ็นเตร(อ่านถูกรึเปล่านะ?) แต่ทั่วทั้งอาณาจักรไม่มีน้ำอยู่เลย
          "มันแปลกใช่มั้ยล่ะที่อยู่ดีๆน้ำมันก็แห้ง ไปน่ะ ทั้งๆที่เมื่อคืนยังใช้ได้อยู่เลย"
          "นั่นสิ เมื่อคืนฉันไปอาบก็ยังใช้งานได้ อยู่เลย..."
          "เอ่อ...ขอโทษนะ เมื่อคืนเธอลุกมา อาบตอนไหน ทำไมฉันไม่รู้สึกเลยล่ะ"
          สายตาเหยียดหยามราวกับจะล้อเลียน เพ่งมาทางนี้สองสาย
          "นายเป็นพวกกินพืชจริงๆด้วย"
          "ห๊ะ?!"
          ผมอยากจะถามออกมาตรงๆเลยว่ามัน เกี่ยวอะไรกัน ถ้าลุกมาเงียบๆจะหื่นรึเปล่า ก็คงไม่รู้อยู่ดีนั่นล่ะ
          "เห~ เมอร์ซี่เป็นพวกกินพืชงั้นเหรอ? แสดงว่ากับฉันก็ไม่ได้คิดอะไรสินะ~?"
          "ขอโทษครับ!!!"
          "เอ๋? เกิดอะ..."
          พลั่ก!!!
          ผมรีบก้มหัวขอโทษอย่างรวดเร็วจนหัว โขกกับโต๊ะอย่างแรง
          "อู้ย~~!"
          "วะ หวา! คุณเมอร์ซี่!"
          "อุ๊บ! ฮ่าๆๆๆๆๆ"
          "ฮะๆๆ นายนี่ตลกดีเหมือนกันแฮะ"
          "ขอบคุณที่ชม แต่ไม่ดีใจสักนิ๊ด~!"
          ผมสบถออกมาด้วยความรู้สึกสมเพชตัว เองเต็มแก่ที่ทำอะไรเปิ่นๆแบบนี้
          "เรื่องนั้นช่างมันก่อนเถอะ ฮิๆ คือว่านะ พูดตรงๆเลยละกัน ฮ่าๆ คือว่า ฮ่าๆๆ"
          "หุบปากให้สนิทก่อนจะพูดกดีกว่านะ ครับคุณริน"
          พอได้ยินผมพูดดังนั้นคุณรินก็ปิดปาก เงียบอยู่นายหลายนาทีเหมือนกับพยายาม จะสงบใจไม่ให้เสียงหัวเราะเล็ดลอดออกมา
          "ฟู่! เอาละๆ อยากจะให้พวกนายลงไป ตรวจสอบที่ต้นตอตาน้ำสักหน่อยน่ะนะ"
          "เอ๋?"
          "ก็ตามนั้นล่ะ ยังไงซะสาเหตุก็คงจะ เป็นเพราะแรงสั่นสะเทือนจากพลังของ นายเมื่อคืนนี้ทำให้หินตกลงมาอุดตาน้ำไว้ ก็เป็นได้ โทษทีนะ แต่ฉันไม่ถนัดปีนป่าย น่ะ ก็เลยอยากให้นายช่วย"
          "แล้วไม่ส่งทหารในสังกัดของตัวเอง ลงไปล่ะครับ"
          "กลัวว่าจะไป'ป๊ะ!'เข้ากับพวกโจรที่ หลบหนีอยู่น่ะสิ ได้ข่าวว่าพวกมันใช้อาคม ได้ ให้นายไปเนี่ยเซฟที่สุดแล้วล่ะ"
    คุณรินยกนิ้วโป้งพลางขยิบตาก่อนจะ ยื่นหน้ามากระซิบข้างๆหูผม
          "แล้วก็ถ้านายยอมช่วยดีๆ ฉันจะไม่ บอกเรื่องนั้นกับใครแล้วกัน โอเคมั้ย?"
    ผมรู้ได้ทันทีว่าเป็นเรื่องไหน
          "อ่ะ ครับ..."
          "ดีมาก! งั้นก็เริ่มการขุดลอกบ่อได้ เลย!!!"
          ว่าแล้วเธอก็ดีดตัวขึ้นยืนตรงพลางชูมือ ขวาขึ้นสูง มันกระทันหันเสียจนคิฟุโคะ ตกใจ
          "เอ๋? ขุดลอกบ่อเหรอ?"
          "มันคือ'ไรอ่ะฮะ?"
          "อ่า...ก็นะ ลืมบอกไป ด้านในบ่อที่พวก นายจะลงไปมันมีชั้นดินถล่มลงมาปิดทางน่ะสิ นั่นก็เป็นอีกสาเหตุนึงที่ทำให้น้ำแห้งล่ะ มั้งนะ"
          "อ๋อ~! งี้นี่เอง"
          "แต่ว่าถ้าไม่ลองขุดลงไปก็จะไม่รู้แน่ ชัดหรอกนะว่าเป็นเพราะดินถล่มจริงมั้ย"
          "นั่นสิ เอาเป็นว่าเดี๋ยวพวกเราไปช่วย กันขุดเปิดบ่อกันก่อนก็แล้วกันเนอะ วันนี้ คงจะว่างสินะเมอร์ซี่?"
          "ก็ไม่มีกำหนดการอะไรน่ะครับ"
          "ดีล่ะ งั้นไปกันเลย!!!"
          และแล้วเธอก็ดีดตัวชูมือขวาขึ้นอีกครั้ง จนดราโก้กับคิฟุโคะถึงกับสะดุ้งอีกรอบ
          "เอ่อ...คุณลูกค้าคะ ช่วยเงียบๆหน่อย ได้มั้ยคะ?"
          "อ่า...'โทษจ้ะ"
          ...
          หลังจากจ่ายค่ากาแฟกับของว่างเรียบร้อยพวกเราก็ไปที่แหล่งจ่ายน้ำเจ้าปัญหา พวกเราแบ่งหน้าที่กันโดยคุณรินกับทหาร คนหนึ่งที่น่าจะเป็นคนสนิทขุดกันก่อน แล้วผม คิฟุโคะ และดราโก้ก็จะช่วยยกถัง ใส่ดินที่ขุดออกมาแล้วขึ้นมาข้างบน
          เวลาผ่านไปนานแสนนานจนน่าจะถึง เวลาอาหารเที่ยงแล้ว แต่พวกเขาก็ขุดกัน ต่อไปอย่างไม่มีทีท่าจะหยุดพัก ส่วนพวก เราก็กินแซนด์วิชที่คิฟุโคะทำไว้กัน
          "คุณริน! เปลี่ยนกันมั้ยครับ!"
          "ขึ้นมากินแซนด์วิชดีกว่าค้า!"
          "อ้า! กำลังหิวพอดี"
          ผมกับคิฟุโคะที่เห็นว่าสองคนนั้นขุด กันจนเหนื่อยแล้วก็เลยตัดสินใจเปลี่ยนตัว กัน รินกลับขึ้นมาข้างบนได้อย่างรวดเร็ว ต่างจากทหารคนสนิทที่ขึ้นมาค่อนข้างช้า แต่ก็ไม่ได้ช้ากว่าคุณรินเท่าไหร่
          "หวา...ลึกจังฮะ..."
          "นายรอข้างบนนี้ก็ได้ ฉันว่านายไม่น่า เหนื่อยได้นานนักหรอกใช่มั้ย?"
          "อ่าครับ..."
          ว่าแล้วผมก็ดึงเชือกที่แขวนเอาไว้ให้ แน่ใจว่าตึงแล้วจึงปีนลงไปก่อน
          "คิฟุโคะ ไปละค่า!"
          แล้วคิฟุโคะก็ค่อยๆปีนตามลงมา
          บ่อน้ำแห้งนี้ลึกพอสมควร ขนาดที่ว่า ปีนมาได้ซักระยะหนึ่งแล้วก็ยังไม่ถึงพื้น ซึ่งอุดตันอยู่ข้างล่างเลย
    พอต้องมาปีนเชือกอย่างนี้ผมก็อดรู้สึก หวั่นๆไม่ได้ นอกจากระยะมันจะลึกมาก แล้วผมก็ปีนป่ายไม่ค่อยเก่งเท่าไหร่ ตั้งแต่ เด็กๆก็หลายต่อหลายครั้งที่ตกลงมาจากต้นไม้เป็นประจำ ทุกวันนี้ผมก็ยังคงปีนไม่เก่ง มาก จากที่เคยฝันว่าอยากทำตัวเท่ด้วยการ ปีนขึ้นไปนอนบนต้นไม้ แต่ทุกวันนี้ผมทำ ได้แค่นอนใต้ต้นไม้เท่านั้นเอง
          "นี่นาย...ลงไปเร็วๆสิ!"
          "ถึงจะพูดอย่างนั้นแต่ฉันปีนไม่ถนัดนี่ นา..."
          "งั้นก็รูดลงไปเลยเป็นไง?"
          "เธอนี่น้า! คิดว่ามันทำได้ง่า..."
          ผมลืมตัวไปชั่วขณะว่ากำลังปีนเชือกอยู่ ข้างล่างคิฟุโคะซึ่งเธอใส่กระโปรงสีขาว ดูอ่อนนุ่ม ดังนั้นจากมุมมองของผมที่เผลอ มองขึ้นไปตอนที่ตั้งใจจะคุยกับเธอนั้น...
          ผมเห็นบางอย่างที่เป็นสีขาวบริสุทธิ์ สะท้อนอยู่ในเงามืด
          "เอ๋? มีอะไรเหรอเมอร์ซี่?"
          ทางนั้นคงรู้สึกได้ว่าเสียงของผมเงียบหายไป คิฟุโคะจึงทักผมมาโดยไม่ได้ สังเกตว่า ผมค้างไปชั่วขณะหนึ่ง
          "เมอร์ซี่?"
          "..."
          "นะ นี่! เดี๋ยวเถอะ! อย่าแอบมองกาง เกงในฉันสิยะตาบ้า!"
          "วะ หวา! 'โทษที! ฉันใจลอยไปหน่อย ขอโทษนะ"
          ในที่สุดผมก็รู้สึกตัวว่าผมทำอะไรลงไป จึงรีบขอโทษขอโพยเสียยกใหญ่ แต่นั่นก็ ไม่ทำให้คิฟุโคะหายโกรธง่ายๆ สาวน้อย หน้าแดงจัดจนเห็นได้ชัดแม้ในเงามืดของ บ่อน้ำ
          "มันใช่เรื่องให้ขอโทษกันง่ายๆเหรอ ยะ?! นายนี่มัน~!"
          "ฮะ เฮ้ย! คิฟุโคะ! ระวังหน่อยสิ! เดี๋ยว ก็ร่วงหรอ...ว้ากกกกกก!!!!!!"
          "ว้ายยยยยย!!!!!!"
          พูดไม่ทันขาดคำคิฟุโคะซึ่งพยายามจะ ใช้เท้าเตะหัวผมเป็นการระบายความโกรธ ก็เสียหลัก เชือกสั่นไหวไปมาจนมือจับ เชือกไว้ไม่อยู่ เธอหล่นลงมาด้วยความเร่ง เนื่องด้วยแรงโน้มถ่วงของโลก
          " "ว้ากกกกกกกกกกกก!!!!!!" "
          และแล้ว พวกเราทั้งคู่ก็ตกลงไปยังก้น บ่อซึ่งคุณรินขุดถึง
          "อูย~ เจ็บจังเลย~ โชคดีจังที่ยังไม่ ตาย..."
          คิฟุโคะค่อยๆลุกขึ้น เธอนั่งมึนงงอยู่ ที่พื้นด้านล่างสุดของบ่อน้ำแห้ง
          แต่ความจริงแล้วก้นของเธอไม่ได้วาง อยู่บนพื้นดินซะทีเดียว...
          "เมอร์ซี่? เมอร์ซี่?! ตาบ้าเมอร์ซี่อยู่ ไหน?!"
          "อยู่ใต้ก้นเธอนี่ไง!"
          "วะ ว้าย!"
          เธอไม่ทันสังเกตว่าใบหน้าของผมตอน นี้จบปลักอยู่ใต้ก้นของเธอ หัวของผมฝัง ลงไปในดินเล็กน้อยเพราะถูกแรงกระแทก เข้าปะทะจนได้แต่นอนแผ่อยู่บนพื้น ดีนะ ที่ไม่ได้บาดเจ็บอะไรมากเพราะพื้นตรงนี้ ค่อนข้างชื้น อีกอย่าง ก้นของคิฟุโคะก็... ไม่สิ ไม่เกี่ยวกับเรื่องนั้น แต่เป็นเรื่องที่ น้ำหนักตัวของคิฟุโคะค่อนข้างเบามาก กว่า การตกอย่างอิสระของวัตถุใดๆนั้นตัว แปรสำคัญนอกจากความเร่งก็คือมวล ดัง นั้นคิฟุโคะที่มวลน้อยก็เลยไม่ทำให้ผมบาดเจ็บมากนัก
          คิฟุโคะลุกขึ้นด้วยความตกใจและความ ขวยเขิน สีหน้าของเธอเปล่งประกายอย่าง เห็นได้ชัดยิ่งกว่าเดิม
          "ทั้งสองคนไม่เป็นไรนะ~?!"
          จากตรงนี้ เสียงของคุณรินแผ่วเบาจน แทบไม่ได้ยิน แต่ทันทีที่ผมได้ยินก็รีบตอบ กลับไปทันที
          "ไม่เป็นไรครับ~!"
          วินาทีนั้นที่ผมค่อยๆลุกขึ้นยืน
          "นะ นายมานอนอยู่ใต้ก้นฉันทำไมกัน ละเนี่ย?! แสบนักนะนาย!"
          "เธอตกลงมาทับฉันต่างหากเล่ายัยบ้า !!!"
          "นายนั่นล่ะปีนลงมาก่อนฉันทำไมกัน ละยะ!!! ตั้งใจมาแอบมองกางเกงในฉัน ใช่มั้ย?!!"
          "ใครเขาจะอยากดูกางเกงในของเธอ กันหายัยเพี้ยน!!!"
          "วะ ว่าใครเพี้ยนนะตาบ้า!!!"
          เธอโกรธจัดกระทืบเท้าปึงปังจนผมรู้สึก ถึงลางไม่ดีบางอย่าง พื้นที่พวกเรายืนอยู่ เริ่มจะสั่นไหวเล็กน้อย
          "เฮ้ย! หยุดก่อนคิฟุโคะ!"
          "นายมีสิทธิ์อะไรมาหยุดฉันกันยะ?!"
          "ฉันบอกให้หยุดไง!"
          "นี่! อย่าเข้ามานะ!"
          ผมพยายามหยุดเธอไว้ก่อนที่ สถานการณ์จะเลวร้ายไปมากกว่านี้
          แต่ผมก็หยุดเธอไว้ไม่ทันซะแล้ว
          สถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดเท่าที่ผมจะ ตระหนักได้ได้เกิดขึ้นแล้ว
          "ว้ากกกกกก!!!!!!!!!!!!"
          "อ๊าาาาาา!!!!!!!!!!!!"
          "เมอร์ซี่~! คิฟุโคะ~!"
          ...
          "อูย...เจ็บจังเลย..."
          "อ้าว ตื่นแล้วเหรอ?"
          "เอะ เอ๋?!"
          คิฟุโคะค่อยๆลืมตาตื่น ท่ามกลางความ มืดนั้นแทบไม่มีอะไรที่มองเห็นได้เลย
          "ทะ ที่นี่ที่ไหน?! ฉันมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง?!"
          "ดูเหมือนว่าเราจะตกลงมายังส่วนลึกที่ สุดของทางน้ำซะแล้วล่ะ"
          "เอ๋?! ไม่นะ~!"
          พวกเราตกลงมาที่นี่ได้ระยะหนึ่งแล้ว ข้างล่างนี้เองก็ชื้นๆแถมมีน้ำขังใสๆอยู่เล็กน้อยก็เลยไม่ได้บาดเจ็บจนถึงขั้นอันตราย แต่ก็สาหัสเหมือนกัน
          กว่าจะรู้สึกตัวเวลาก็ผ่านไปไม่รู้นาน เท่าไหร่แล้ว นอกจากนี้ยังมีอีกเรื่องที่มอง ข้ามไปไม่ได้
          "จะ จริงสิ! ต้องรีบปีนกลับขึ้นไป..."
          "ไม่ได้หรอก...ทางมันตันซะแล้วล่ะ"
          "อ๊าาา~!"
          คงเพราะแรงสั่นสะเทือนเมื่อครู่ทำให้ เศษหินเศษดินจำนวนมากกลิ้งลงมาปิดปากทางลงมาอีกครั้ง ตอนนี้ข้างบนคงกำลัง ชุลมุนกันใหญ่เลย
          ดูเหมือนว่าจะไม่มีทางอื่นนอกจากเดิน ลึกเข้าไปเพื่อหาทางออกจาอุโมงค์น้ำนี่
          "เดี๋ยวก่อนนะ ที่นี่คืออุโมงค์น้ำใช่มั้ย? "
          "ใช่..."
          "บะ แบบนี้มัน! อาการหนักสุดๆเลยนะ เนี่ย?! น้ำเหลือแค่นี้เองงั้นเหรอ?!"
          "ก็คงจะมีอะไรซักอย่างไปอุดตันทาง น้ำละนะ"
          ในที่สุดก็จุดไฟได้สำเร็จ โชคดีที่ซื้อ คบเพลิงาำเร็จรูปกับหินเหล็กไฟมา ที่ สำคัญคือกระเป๋าซึ่งผมใส่ของมาด้วยนั้นตกอยู่ตรงบริเวณที่น้ำท่วมไม่ถึงจึงแห้งสนิท ถึงจะว่างั้นแต่น้ำก็ไม่ได้มีมากอะไร ขึ้นมา ถึงแค่ตาตุ่มเองมั้งเนี่ย
    คิฟุโคะยืนนิ่งเหม่อมองรูตันบนเพดาน จากนั้นจึงหันมามองผมด้วยสายตาดูเหม่อ ลอย
          "เฮ้อ...ซวยชะมัดเลยแฮะ ตกลงมาตั้งสองครั้งเลย ฉันนี่ท่าจะไม่ถูกโฉลกกับการ ปีนป่ายจริงๆแฮะ"
          "เอ๋?"
          ระหว่างที่ใช้คบเพลิงส่องดูช่องทางที่เราตกลงมาอยู่นั้นก็ชวนคุยไปด้วยเพื่อเรียกสติให้ตื่นตัวตลอดเวลา แต่เวลาแบบนี้ก็ไม่รู้จะคุยอะไรเหมือนกันแฮะ
          "นาย...ไม่โทษฉันเหรอ?"
          เอ๋? อะไรกันน่ะยัยนี่
          "พูดอะไรของเธอน่ะ?"
          "ก็...ฉันไม่ยอมฟังที่นายพูด มัวแต่ อาละวาดจนพื้นพังลงมา พวกเราเลยตกลงมาข้างล่างนี่น่ะ..."
          "...ส่วนนึงมันก็เพราะฉันเอง จะให้เอา แต่โทษเธอก็คงไม่ได้หรอก"
          อยู่ๆคิฟุโคะก็เป็นคนพาเข้าเรื่องนี้ เล่น เอาผมมืดแปดด้านไปเลยว่าจะตอบยังไงดี แต่สุดท้ายก็หาคำพูดดีๆได้ แต่คิดๆแล้วผม ก็มีส่วนผิดจริงๆ เลยพูดแบบนั้นด้วยน้ำ เสียงอ่อนๆ
          "ก็เพราะฉัน...ทำให้เธอโกรธนี่นา..."
          "ช่างมันเถอะ เหตุสุดวิสัยนี่นา"
          "กล้าพูดเนอะ? แล้วที่เธออาละวาดซะ ยกใหญ่นั่นคืออะไรล่ะ?"
          "อึก...ฉันก็แค่..."
          คิฟุโคะเริ่มหน้าแดงขึ้นมาอีกครั้ง วันนี้ คิฟุโคะดูไม่สมเป็นตัวเองเลยแฮะ
          "ก็...ฉันเขินนี่นา...ก็เลย..."
          ว่าพลางเธอก็บิดตัวจนจะเห็นเป็น เกลียวอยู่แล้ว ยัยนั่นพูดด้วยน้ำเสียงที่ อ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด ไม่สิ ได้ยินชัดต่างหาก
          "แปลว่าที่เธอตะคอกฉันเพราะอยากแก้เขินงั้นเหรอ?"
          "อะ อ่า...ขอโทษนะ...ฉันก็ไม่คิดว่า นายจะเป็นคนผิดหรอก..."
          ดูเหมือนว่าเวลารู้สึกไม่สบายใจหรือรู้ สึกผิด คิฟุโคะจะกลายเป็นแบบนั้นสินะ
          เมื่อเช้าก็ยังดูเป็นคิฟุโคะดีๆอยู่เลย แต่ พอเกิดเรื่องเมื่อครู่ก็กลายเป็นแบบนี้ เมื่อคืนก็เป็นเหมือนกัน
          "จริงๆเลยน้า~ เธอนี่มัน..."
          "ฮึก..."
          ฮึก? เสียงนั่นมัน
          "นี่? เธอร้องให้อยู่เหรอ?"
          "ปะ เปล่าซักหน่อย! คนอย่างฉันเนี่ยนะจะร้องให้? ไม่มีทางน่า!"
          "เอาที่สบายใจ..."
          จากนั้นพวกเราก็ตัดสินใจเดินไปตาม เสียงลมซึ่งพัดมาจากอีกฟากของอุโมงค์น้ำ แห่งนี้ เผื่อว่าจะสามารถหาทางออกไปได้ แต่การจะไปยังที่นั้นก็ไม่ง่ายเช่นกันเพราะ ตลอดช่องทางเองก็ค่อยๆตีบตันมากขึ้น เรื่อยๆ พวกเราก้เลยต้องออกแรงขุดกันอีก ครั้ง
          และตอนนั้นเอง ที่เธอเริ่มขับขานบทเพลงแห่งเทพธิดา
          ...
          "ว่าแต่ว่า...เมื่อวานนายไปทำอะไรไว้ กับคุณรินงั้นเหรอ?"
          ระหว่างที่พวกเรากำลังขุดเส้นทางไป ยังทิศที่ลมพัดมา เธอก็เป็นฝ่ายเริ่มชวนผม คุยบ้าง
    ตอนนี้พวกเราอยู่ในสภาพถอดเสื้อตัว นอกออก เฉพาะคิฟุโคะที่มีผ้าพันหน้าอก เอาไว้ที่ไม่ได้เปลือยท่อนบนโดยสมบูรณ์
          อากาศข้างล่างนี้ค่อนข้างร้อนเล็กน้อย ไม่รู้สาเหตุเหมือนกัน แต่เมื่อเป็นอย่างนี้ ตัวผมเองก็ตัดสินใจถอดเสื้อนอกออกเพื่อ เป็นการระบายอากาศ พอเห็นผมถอดเสื้อ คิฟุโคะก็มองอยู่ครู่ใหญ่ๆก่อนจะตัดสินใจ ถอดเสื้อออกด้วย ตอนนั้นผมบอกเธอไปว่า 'ใจกล้าดีเนอะ มีผู้ชายอยู่ตรงนี้ทั้งคน' เธอ จึงตอบมาว่า'พวกกินพืชอย่างนายทำอะไรฉันไม่ได้หรอกน่า...'
          จะว่าไปแล้วก็ไม่ค่อยได้เห็นเรือนร่าง อันงดงามของคิฟุโคะชัดเจนมากนัก ดัง นั้นระหว่างที่คุยกันก่อนหน้านี้ ผมจึงได้ มองไปที่เธอตลอดเวลา พอทำอย่างนั้น ยัยนั่นก็รู้สึกตัวจนได้ก่อนจะพูดออกมา แบบเขินๆพลางปกปิดร่างกายตัวเองว่า'อย่าแม้แต่จะคิดเชียวนะ...'
    นั่นทำให้ผมได้สติ
          "ก็นะ...ก็บอกลำบากเหมือนกันแฮะ เมื่อคืนฉันเจอคุณรินที่ปลอมตัวไปสืบใน รังของพวกโจรน่ะนะ ฉันคิดว่าเป็นโจร จริงๆ ก็เลยทำเรื่องไม่ดีไป..."
          "...งั้นเหรอ...ก็พอเข้าใจ"
          ไอ้เรื่องของการเข้าใจผิดนี่เธอเคยไป เข้าใจผิดใครที่ไหนด้วยเหรอเนี่ย? หนำ ซ้ำ ผมไม่กล้าบอกว่าผมทำอะไรลงไป ดัง นั้นก็เท่ากับว่าเธอไม่รู้เรื่องที่ผมทำจริงๆ
          "ไปมาแล้วก็หลายที่ แต่ไม่ว่าจะที่ไหนๆก็มีแต่คนที่มักจะเสียใจเพราะสิ่งที่ตัวเองทำไว้ในอดีต คุณปู่เคยพูดเอาไว้ เส้นทางกาลเวลาจะไม่สามารถไปเปลี่ยนแปลงได้ ดังนั้นให้ตัดสินใจให้รอบคอบก่อนจะ ลงมือทำนะ"
    ว่าพลางเธอก็กำมือหลวมๆแล้วชี้นิ้วขึ้นฟ้า เก๊กหน้าหล่อซะกลายเป็นน่ารัก นอกจากนี้ตั้งแต่คำว่า'คุณปู่เคยพูดเอาไว้'ยังทำเสียงเข้มซะน่ารักอีกต่างหาก ไม่เคยคิดจะ เปลี่ยนแปลงตัวเองเลยสินะ...
          "เธอเป็นใครกันแน่"
          "ก็แค่จอมเวทที่ผ่านทางมาไงล่ะ จำใส่สมองไว้ซะ!"
          ว่าแล้วเธอก็เผลอยื่นพลั่วในมือมาข้าง หน้า ทำมือเหมือนกับกำลังถือตราอะไรซัก อย่าง
          "นั่นไง ว่าแล้วเชียวว่าเธอต้องเป็น แฟนคาเมนอส"
          "ว๊าย! หลุดปากไปซะแล้ว"
          "แล้วอีกอย่าง เธอก็ยังไม่ได้เป็น จอมเวทนี่"
          "หนอยแน่~ อีตาบ้าเมอร์ซี่! จงนับบาปที่นายทำไว้ซ้า~!"
          "ไม่นับเฟ้ย!"
          "จะจัดการนายไปแบบนัน-สต๊อปเลย คอยดู!!!"
          ว่าแล้วเธอก็โรมรันถาโถมหมัดและลูก เตะเข้าใส่ผมนับไม่ถ้วน
          ถ้ามองจากมุมของเธอแล้ว ก็ไม่แปลก อะไรที่เธอจะเขินเรื่องนี้
    คาเมนมาจิสึหรือที่เรียกกันว่าคาเมนอส เป็นวรรณกรรมที่มีเค้าโครงมาจากเรื่องจริง โดยทุกภาคจะเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับการ ต่อสู้ของเหล่าจอมเวทที่ได้รับพลังจากปีศาจ พลังที่ตัวเองหามาได้ หรือแม้กระทั่งพลัง ที่มนุษย์สังเคราะห์ขึ้น แต่น่าแปลกที่เหล่า วรรณกรรมในชุดคาเมนมาจิสึต่างก็โด่งดัง เฉพาะในกลุ่มเด็กๆเท่านั้น ถึงจะมีแม่บ้าน บางคนติดตามด้วยก็เถอะ เพราะงั้นคนที่ เป็นแฟนคาเมนมาจิสึก็คงกลัวจะถูกคนอื่นมองว่าชอบอะไรเป็นเด็กๆจึงไม่ค่อยมีใคร กล้าพูดเรื่องนี้
          ผมเองที่รู้จักเรื่องนี้ก็เพราะพอจะเคย อ่านมาบ้าง เจ้ามิ้กกี้เองก็ชอบเรื่องนี้มาก โดยเฉพาะคาเมนอสที่ชื่อ'เด็คเคด'ซึ่งสามารถใช้พลังของคาเมนอสรุ่นพี่ได้ เผลอๆจะ ใช้ของรุ่นน้องได้ด้วยซ้ำไป แต่ไม่รู้ทำไม ยุคหลังๆมานี้ความสามารถแบบนี้ไม่ว่าคาเมนอสตนไหนก็มีทั้งนั้น
          คำพูดที่คิฟุโคะเอ่ยออกมาเมื่อครู่ต่างก็ เป็นคำพูดติดปากของเหล่าคาเมนอสกันทั้ง นั้น ผมจึงสันนิฐฐานได้ว่าเธอเป็นแฟน คาเมนอส และก็คิดว่าที่เธอทำแบบนั้นก็น่า จะเพราะกำลังกลัวว่าจะถูกมองเป็นเด็กๆ ไป
    แต่มีอยู่เรื่องหนึ่งที่ต้องห่วงก่อนที่จะมา มัวทะเลาะกันเรื่องใครเด็กใครไม่เด็กละนะ
          "นี่ไม่ใช่เวลามาเล่นนะ เราต้องรีบหา ทางออกไม่ใช่เหรอ?"
          "อ่า...จริงด้วย"
          ก่อนที่จะมีเศษหินเศษดินถล่มลงมาอีก จึงต้องรีบหาทางออกให้ได้เร็วที่สุด
          และแล้ว เป้าหมายของเราก็ปรากฏให้ เห็นที่เบื้องหน้า
          "อ๊ะ! เมอร์ซี่! เจอโพรงใต้ดินละ! อาจ จะเป็นถ้ำที่เชื่อมไปถึงข้างบนก็ได้นะ!"
          "เอ๋?! เจอแล้วเหรอ! งั้นรีบขุดกัน เถอะ!"
          "ฮึบจ้า!"
          จากนั้นพวกเราก็ช่วยกันขุดอย่างสมัคร สมานสามัคคี จนในที่สุดปากถ้ำก็พังทลาย ลง
          และต้นเรื่องราวทั้งหมดก็ปรากฏสู่สาย ตาของพวกเราทั้งสอง
          "อะไรกันน่ะ?!"
          "นั่นมัน..."
          ตรงหลุมที่คาดว่าเป็นตาน้ำของบ่อน้ำ แห่งนี้มีก้อนหินขนาดมหึมาอุดอยู่ มีสาย น้ำพุออกมาจากด้านล่างของหินก้อนนั้น เพียงเล็กน้อยเท่านั้น เท่ากับว่าหินก้อนนั้น คือสาเหตุที่ทำให้น้ำแห้งไป
          "ก้อนหินมาขวางทางน้ำไหลแบบนี้..."
          "นี่อาจจะเป็นสาเหตุที่ทำให้น้ำไม่ไหล ก็ได้"
          "งั้นเดี๋ยวฉันจัดการเอง!"
          ว่าแล้วเธอก็ขยับไปด้านหลังสองสาม ก้าว จากนั้นก็ยืนนิ่งอยู่ครู่ใหญ่ สูดลมหาย ใจเข้าลึกๆแล้วตะโกนออกมาดังๆพลางวิ่ง เข้าใส่
          "ย้ากกกกก!!!!!!"
          "เดี๋ยวนะ นี่หรือว่าเธอจะ..."
          โป๊ก!!! กร๊อบ!!!
          "โอ๊ย!!! เจ็บอ๊าาาาา!!!"
          หมัดของคิฟุโคะปะทะเข้ากับหินก้อน นั้นอย่างจัง และดูเหมือนว่าฝ่ายที่แหลก ละเอียดไปจะเป็นมือของเธอ
          "คิฟุโคะ! เจ็บหนักมั้ย?!"
          "เจ็บหนักสิถามได้~!!! ฮึก~"
          เด็กสาวนั่งกุมมือของตัวเองพลางน้ำตา คลอเบ้า ฟังจากเสียงเมื่อครู่ดูท่ากระดูกจะ หักไปแล้วแน่ๆ
          "อุตส่าห์นึกว่าถ้าต่อยเต็มแรงจะทำลาย มันได้แท้ๆเลย~ แย่ที่สุด~ ฮือ~"
          เธอร้องให้แต่ก็เหมือนจะไม่ได้ร้องให้ เหมือนนั่นเป็นแค่เสียงครางด้วยความเจ็บ ปวดในขณะที่น้ำตานองหน้ามากกว่า
          ดูจากสภาพแล้วหินนี่คงแข็งพอสมควร เพราะหมัดของคิฟุโคะที่หนักไม่ใช่เล่น กลับทิ้งไว้เพียงรอยเลือดเท่านั้น ไม่ได้ สร้างรอยร้าวให้กับเจ้าหินนั่นเลย
          "เฮ้อ...แบบนี้แย่แน่ๆเลยแฮะ"
          "เอ๋~?"
          ผมลองสำรวจไปทั่วๆดู จึงได้รู้ความ จริงอย่างหนึ่ง
          "ที่นี่มัน...เป็นทางตันน่ะ"
          "อะไรน้า~?!"
          ดูเหมือนว่าเสียงลมจะพัดเข้ามาจาก ช่องโหว่บนเพดาน และนอกจากทางที่เรา เข้ามาก็ไม่มีทางไปต่อทางอื่นเลย
          "พวกเราจะ...ออกไปจากที่นี่ไม่ได้งั้น เหรอ..."
          "อย่าสิ้นหวังสิ!"
          "เอ๋?"
          "ขอเพียงมีความหวัง ไม่ว่าสิ่งใดก็ทำได้น่า"
          "ไม่ไหวหรอกตาบ้า! หาทางออกไป จากที่แบบนี้น่ะ... สถานการณ์ตอนนี้น่ะ ...มันชวนให้รู้สึกสิ้นหวังสุดๆแล้วล่ะ!"
          มันก็จริงละนะ โพรงแห่งนี้ตันทุกด้าน นอกจากทางที่เรามากับรูโหว่ขนาดใหญ่บนเพดานซึ่งอยู่สูงจนพวกที่ใช้เวทกระโดดสูงๆได้ยังไม่น่าจะกระโดดถึงเลย
          แต่ถึงอย่างนั้น มันก็ยังมีหนทางอยู่
          "ถ้าอย่างนั้น...ฉันจะเป็นความหวังสุดท้ายให้เธอเอง"
          "หา?!"
          "เป็นอะไรไป ก็คำพูดติดปากของพวกคาเมนอสที่เธอชอบไง"
          เธอนิ่งอึ้งไปพักใหญ่ๆหลังจากที่ผมตัดสินใจปล่อยมุขเพื่อให้เธอคลายเครียดลง จนผมนึกว่ามันจะแป้กซะแล้วและกำลังเตรียมใจโดนด่าอยู่นั้น
          "อุ๊บ...ฮิๆ ฮะๆๆ ฮ่าๆๆๆๆ!!!"
          "หา? อะไรเหรอ?!"
          "ฮ่าๆๆ นายนี่มันตลกเป็นบ้าเลย! ฮ่าๆๆ"
          หา?! จริงดิ?! ทั้งๆที่มันไม่น่าใช่มุขที่ ใครจะขำได้ง่ายๆเลยนะไอ้มุขคำคมวรรณ กรรมแบบนี้ รึว่าเธอคนนี้จะเป็นพวกเส้นตื้น ผมได้แต่ยืนทำหน้าเหยเกงงเต๊กก่อน จะกระแอมเล็กน้อยแล้วปรับสีหน้าตามเดิม
          "คิฟุโคะ เธอเรียกวัตถุมาจากที่ไกลๆได้ มั้ย?"
          "ฮ่าๆ หา? ดะ ได้สิ ฮิๆ จะให้เอาอะไร มาให้เหรอ?"
          เธอปาดน้ำตาด้วยนิ้วชี้เล็กๆขเธอก่อน จะเงยหน้ามองผมด้วยใบหน้าเปื้อนรอยยิ้ม
          "ช่วยหยิบ...ดาบไรริวให้ฉันที..."
          ...
          ความเงียบเข้าปกคลุม ณ บริเวณที่มีแต่ เสียงลมพัดผ่าน สายลมจากเบื้องบนเป็นตัว บ่งบอกถึงความเป็นไปได้อันไร้ขีดจำกัดที่ จะสามารถขึ้นไปข้างบนและรอดจากถ้ำใต้ ดินนี้ไปได้
          มือขวาถือดาบไว้แน่น ดวงตาทั้งสอง ปิดลง ทำใจให้เมั่นคงดั่งวิถีแห่งอัสนีบาต น้อมรับพลังอันยิ่งใหญ่ ทอดทิ้งทุกสิ่ง ทุกอย่าง ละวางทั้งถูกผิด สำรวมจิตเป็น หนึ่งเดียว ผนึกลมปราณรวมกับพลังสาย ฟ้าที่โคจรอยู่ทั่วกาย เพื่อกลายเป็นแสงสาย ฟ้า
          "เอาล่ะ! ได้ฤกษ์เปิดการแสดง!!!"
          "ฮิๆ เล่นมุขนี้อีกแล้วนะนาย"
          เปรี้ยง!!!
          ถ้าไม่มีเสียงไพเราะสดใสของเด็กสาว ที่ดังขึ้นขัดจังหวะ ณ ตอนนั้นคงจะเป็น ช่วงเวลาหนึ่งที่นานๆทีจะมีสักครั้งที่ผมคิด ว่าได้โชว์ความสามารถของตัวเองออกไป แบบเท่ๆได้
          ก้อนหินยักษ์ที่อุดทางน้ำไว้แตกเป็น สองเสี่ยง จากนั้นเกิดรอยแยกรูปสายฟ้าแผ่ กระจายไปทั่วหินทั้งก้อนและแตกกระจายออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
          "สำเร็จ..."
          ในที่สุดน้ำก็พุ่งขึ้นมาอย่างแรง น้ำที่พุ่ง ออกมาจากตาน้ำนั้นค่อยๆเติมเต็มถ้ำใต้ดิน ให้เต็มไปด้วยสีฟ้าสดใส ไม่ช้ามันก็เริ่ม ท่วม
          "ไชโย! น้ำไหลออกมาแล้ว!"
          "กลั้นหายใจไว้คิฟุโคะ! เรากำลังจะจม น้ำ!"
          "ไม่ต้องบอกก็รู้น่า นายก็อย่าโดนน้ำ พัดไปชนอะไรเข้าล่ะ!"
          ยังไม่ทันจะได้ตอบ น้ำบาดาลก็ไหลขึ้น มาจนท่วมหัวมิดและเติมเต็มทั่วทั้งห้องในเวลาไม่กี่วินาที โชคดีที่เพดานถ้ำนั้นโค้ง เข้าหาช่องว่างกลางเพดานที่ลมพัดเข้ามาพอดีจึงไม่ได้บาดเจ็บอะไรนักเวลาถูกน้ำพัด ไปชน เพราะมันแทบจะไร้ซึ่งความขรุขระ
          ...
          "เฮ้อ! นึกว่าจะแย่ซะแล้วนะเนี่ย"
          "ดีจังเลยนะฮะที่ทั้งสองคนกลับมา อย่างปลอดภัยน่ะ"
          "ห่ะๆ...ก็เกือบแย่เหมือนกันนั่นล่ะ"
          "ใช่ๆ เปียกไปทั้งตัวเลย"
          ไม่นานหลังจากจมอยู่ใต้น้ำ พวกเราก็ ไปปรากฏตัวอยู่ในบ่อสำหรับอาบในโรงอาบน้ำร้อน คงเพราะน้ำบาดาลนี่มันร้อน โดยธรรมชาติ เขาถึงได้สร้างโรงอาบน้ำไว้ ข้างบน
          ส่วนทางด้านคุณรินกับดราโก้ เห็นว่า ทันทีที่ดินถล่มลงมาปิดปากบ่อช่วงที่เราตกลงไปข้างล่างก็ช่วยกัยนขุดเสียจนเริ่มเย็น อยู่ๆก็มีน้ำพุ่งขึ้นมาจนซัดพวกเขาปลิวขึ้น ไปบนฟ้า
          ตอนนี้พวกเรานั่งคุยกันอยู่ในล็อบบี้ ของโรงแรมวิริเดียนเซ็นเต้(อ่านถูกมั้ยเนี่ย...) ผมกำลังทำแผลให้กับมือของคิฟุโคะ ซึ่งหักราวกับจะแหลกละเอียดไปตอนที่อยู่ ข้างล่าง ส่วนคุณรินกับดราโก้ก็นั่งจิบชา อยู่ที่ฝั่งตรงข้ามของโต๊ะ
          "ที่แย่คือ...พวกเราลืมสัมภาระไว้ข้าง ล่างหมดเลยนี่แหละ"
          "จริงด้วย...พอใช้เวทมนต์ดึงมันกลับ มาก็เปียกโชกกันหมดเลย แถมกว่าจะเอา กลับมาหมดนี่เหนื่อยสุดๆ"
          ระหว่างที่พวกเรากำลังนั่งบ่นกันอยู่ คุณรินก็มองมาทางนี้ด้วยแววตาที่ดูเจ้าเล่ห์
          "ว่าแต่พวกเธอน่ะ...คงไม่ใช่ว่าพวก เธอจะไปแอบทำอะไรกันข้างล่างหรอกนะ?"
          " "แอบทำอะไรนี่คือ...?" "
          "ช่างเถอะ...ฉันไม่ดีเองที่ถามพวกเธอ"
          หลังจากถามกลับไปด้วยน้ำเสียงเรียบๆ คุณรินก็ทำหน้าจ๋อยสนิทราวกับผิดหวังยัง ไงยังงั้น
          "ว่าแต่พวกเธอจะไปที่ไหนกันต่อล่ะ?"
          "เอ...นั่นสิ จะไปที่ไหนงั้นเหรอเมอร์ซี่ ?"
          "จะไปรู้มั้ยล่ะ...ก็คงอาณาจักรไหนซัก แห่งนึงละมั้ง"
          "ไปมั่วๆไม่ได้นะ กองโจรหมวกดำไป ทำความเสียหายไว้หลายที่ ถึงที่นี่จะปลอด ภัยแล้วแต่อาณาจักรอื่นๆน่ะกำลังรุ่งริ่งกัน เต็มไปหมดเลยล่ะ เห็นว่าปิดประตูเมืองไม่ ให่คนนอกเข้าระหว่างซ่อมแซมเมืองด้วย นะ"
          "เอ๋...? ขนาดนั้นเลยเหรอคะ?"
          "ใช่...ดูจากแผนที่แล้ว อาณาจักรที่ ใกล้ที่สุดที่ยังไม่ถูกโจมตีก็คืออาณาจักร พิวเทอร์เนี่ยนกับเซรูลีน่า ถ้าอยากไปพัก ที่อาราจักรไหนก็ไปที่ซักที่ก็แล้วกัน"
          อาณาจักรพิวเทอร์เนี่ยนกับอาณาจักร เซรูรีน่า สองอาณาจักรนี้เป็นหนึ่งในอาณา จักรใหญ่ๆในภูมิภาคแถบนี้ที่ต่างก็มีวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์และเป็นสถานที่ท่อง เที่ยวสำคัญ การที่ทั้งสองอาณาจักรยังคง รักษาอาณาจักรเอาไว้จากพวกกองโจรได้ นั้นไม่แปลกอะไรเลย
          คุณรินหยิบแผนที่ออกมาแล้วชี้ตำ แหน่งให้เห็น ทั้งสองอาณาจักรอยู่เหนือ จากอาณาจักรพัลเลเทียและวิริเดียนแห่งนี้ ขึ้นไปเล็กน้อยทั้งคู่ ดังนั้นถ้าจะไปก็ต้อง ออกจากประตูเมืองทางเหนือไปอีกซักเล็ก น้อย
          "ดูเหมือนว่าจะระบุเป้าหมายต่อไปได้ แล้วสินะ...ชะ อึ๋ย~!"
          "เมอร์ซี่คุง~ เราไม่ได้ไปเที่ยวกันนะ นายตามหาลูกแก้วเวทอยู่ไม่ใช่เหรอ?"
          แล้วก็อีกครั้งที่ตั้งใจว่าจะลองพูดอะไร เท่ๆดูให้สมเป็นผู้ชายมากกว่านี้สักหน่อย แต่ก็พังไม่เป็นท่าเพราะถูกยัยคิฟุโคะดึงหู
          "แล้วเธอรู้รึไงว่าลูกแก้วลูกต่อไปอยู่ที่ ไหนน่ะ?"
          "อ่า...ไม่รู้สิ..."
          "เพราะงั้นไปที่ไหนก็เหมือนกันละน่า ในเมื่อไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหนก็ต้องตระเวนหาไปเรื่อยๆนั่นล่ะ"
          "นั่นสินะฮะ"
          "เข้าข้างกันเข้าไป~ เฮ้อ~"
          "น่าๆ คิฟุโคะไม่ผิดซักหน่อยนี่เนอะ"
          "ใช่แล้ว ใจเย็นๆน่าคิฟุโคะ"
          "ถูกนายปลอบใจนี่ไม่รู้สึกอะไรเลยซักนิด"
          "อ้าว..."
          ...
          คืนนั้น ในโรงแรมซึ่งผมจองเพิ่มอีก คืนหนึ่ง น้ำในห้องน้ำใช้ได้เป็นปกติ คิฟุโคะจึงรีบเข้าไปอาบน้ำทันทีที่กลับมาถึง และก็กำลังร้องเพลงอยู่ในห้องน้ำอย่าง อารมณ์ดี
          "แต่ว่านะ...โดนน้ำซัดมาแบบนั้นไม่ ต้องอาบน้ำแล้วก็ได้นี่ฮะ?"
          "ผู้หญิงเขาใส่ใจเรื่องความสะอาดน่ะ นะ คิฟุโคะก็คงเป็นหนึ่งในนั้น"
          ผมนอนเล่นอยู่บนเตียงอันแสนนุ่มที่ปู ด้วยผ้าสีขาวดูสบายตา เปิดหน้าต่างรับลม ที่เข้ามาให้รู้สึกเย็นสบาย
          ในที่สุดก็กลับมาถึงห้องตัวเองจนได้ ผมพูดกำตัวเองอยู่ในหัวแบบนั้นพลางหัน ไปมองเพดานห้อง
          "ไม่แน่นะ การเดินทางของพวกเราก็ อาจจะเป็นการเดินทางที่วิเศษเหมือนกัน กับชายที่อยู่ในเพลงนั้นก็ได้นะ"
          "เอ๋?"
          "เดินทางระหว่างดวงดาว สร้างเพื่อน และสายสัมพันธ์ฉันมิตรภาพจนก่อเกิดเป็นพลัง พวกเราเองก็ได้เจอเพื่อนใหม่ๆ เหมือนกันนี่นา"
          "นั่นสิฮะ ทั้งคุณคิฟุโคะ คุณริน แล้วก็ คุณนาสึเกะ ถึงจะไม่ได้เจอหน้าก็เถอะ แต่ เขาคือเพื่อนของคุณเมอร์ซี่สินะฮะ"
          "ก็คงงั้น"
          วันที่ 2 กรกฎาคม ปีค.ศ.943 วันที่ 4 ของการเดินทางก็กำลังจะผ่านพ้นไป ถึงจะ พึ่งออกเดินทางมาได้ 4 วันก็ตามแต่ก็ได้ ลูกแก้วคืนมาแล้วหนึ่งลูก ที่จริงถ้าท่านเจ้า มังกรไม่ใส่พลังเวทมากเกินไปก็อาจจะไม่ ต้องมาลำบากตามเก็บทีละลูกแบบนี้ แต่ อย่างน้อยที่สุดลูกแก้วทั้งสิบสองก็ไม่ได้ตก อยู่ในมือพวกโจรหมดนี่เนอะ อาจจะดีแล้ว ก็ได้
          "พวกเราเอง ก็อาจจะกำลัง..."
          ดวงดาวเปล่งประกายภายใต้ท้องฟ้า ยามราตรี เสียงเพลงแห่งธรรมชาติกำลัง ขับขานภายใต้เงาแห่งพระจันทร์ เป็นช่วง เวลาที่เรียกได้ว่าป็นความงดงามแห่งธรรมชาติ
          ผมหลับตาลงสักครู่ก่อนจะพูดช่วงสุด ท้ายของประโยคเมื่อครู่ออกมา
          "เดินทางไปสู่อนาคต ก้าวข้ามทศวรรษ เหมือนกันสินะ"


          "...โทเนนโอ โทชิเทโน ทาบี~"


    [ตัวอย่างตอนต่อไป]

           ฉันได้แต่นิ่งอึ้งเพราะคำพูดนั้นของ เมอร์ซี่ ยิ่งทำให้รู้สึกผิดอยู่ลึกๆมากขึ้นไป อีก
          "......"
          "เอ๋? เป็นไรรึเปล่า?"
          "......"
          "เฮ้...คิฟุโคะ? ไหวมั้ย?"
          "อ๋อเปล่า! ไม่มีอะไร! แค่รู้สึกแปลกๆ เท่านั้นเองน่ะ"
          "รู้สึกแปลกๆ?"
          "มันเหมือนกับว่า...นายรู้จักฉันดีเลย"
          "หา?"
          "ประมาณว่านายรู้ดีว่าฉันเป็นคนยังไง หรืออะไรทำนองนั้นมั้ง? ฉันเองก็บอกไม่ ถูกแฮะ"
          "แหงอยู่แล้ว รู้จักกันมาเกือบจะอาทิตย์ นึงแล้วนี่"
          "แค่อาทิตย์นึงเองเนี่ยนะ? ไม่ถึงด้วยซ้ำ แค่ 6 วันเอง"
          "ไอ้เรื่องนั้นช่างมันเถอะ..."
          "แต่ว่า...รู้สึกเหมือนมีอะไรที่มันไม่ใช่ อย่างที่คิดแฮะ...เอาเป็นว่าฉันขอลุกไปหาอีกซักรอบแล้วกัน!"


    [คุยกับคนเขียน]

          แล้วก็อีกครั้งนะครับที่ผมต้องขอโทษคุณผู้อ่านทุกๆท่านที่อุตส่าห์สละเวลามาอ่านกัน เพราะเดือนนี้ผมยังไม่ได้อัพเดตอะไรเลย ทั้งๆที่กะไว้ว่าผมจะมีเวลาลงได้เดือนละตอนแท้ๆ แต่กลายเป็นว่าเลื่อนมาปลายเดือนซะงั้น คนเข้าชมก็เพิ่มมาแค่คนเดียวเอง สถิติตกลงไปมาก รู้สึกผิดจริงๆครับ

          วันนี้เกิดฮึดพูดกับตัวเองในใจว่า"จะเป็นตายร้ายดียังไงเดือนนี้ก็ต้องลงให้ได้ซักตอนให้ได้!" ที่ไม่ลงนี่ไม่ใช่ไม่เสร็จนะฮะ เสร็จแล้วตั้งแต่ช่วงต้นเดือนได้มั้ง แต่ผมไปแต่งตอน 7 ต่อก่อนแล้วก็เกิดหมดไฟทั้งอย่างนั้น ไม่ใช่ว่าผมท้อหรืออะไรหรอก แต่มันขี้เกียจ

    ~ ไอ้ความขี้เกียจนี่แหละที่เป็นอุปสรรคในชีวิตผมหลายๆอย่างเลย แล้วก็ตอนที่ 7 ใกล้จบแล้วนะฮะ แต่มันยังติดปัญหาตรงที่คิดไม่ออกว่าจะจบยังไงก็เลยเกิดหมดไฟไปทั้งอย่างนั้น ไม่สิ ขี้เกียจต่างหาก อีกประเด็นคือหลังจากนี้ผมจะเปลี่ยนกลับไปใช้คอมตั้งโต๊ะเป็นหลัก และผมยังหาวิธีลงชื่อเข้าใช้เว็บเด็กดีไม่ได้ เลยต้องใช้โน้ตบุ๊คไปก่อน และไหนๆก็ปิดเทอมแล้ว อาจจะได้ไปแต่งนิยายในคอมก็ได้นะครับ ไหนๆก็มีเวลาเพิ่มขึ้นแล้ว(มั้ง?)
          ช่วงนี้ผมเริ่มกลับมาอ่านเรื่อง Sword Art Online อีกครั้ง ผมเริ่มจะสังเกตได้ว่าตัวละครพระเอกคิริโตะจะชอบบรรยายว่าทำไมน่ะหรือ ประจำเลย ผมก็เลยคิดว่ามันอาจจะเป็นเทคนิคสำนวนภาษาประจำตัวของอาจารย์แกก็ได้ หรืออาจจะเป็นที่สำนักพิมพ์ที่แปลเอง
          ในตอนที่ 7 นี้นอกจากจะมีเหตุการณ์ที่เมอร์วี่หยอดคิฟุโคะเล็กๆน้อยๆ(เล็กๆน้อยๆจริงๆ)แล้วจะมีตัวละครหลักใหม่โผล่มาอีกครับ ตัวละครตัวนี้จะเหมือนกับนาสึเกะคือเป็นตัวละครรองที่บทจะไม่มากเท่ากลุ่มตัวเอก ถ้าไม่นับดราโก้แล้วเรียงลำดับความสำคัญของตัวละครหลักทั้ง 6 คน นาสึเกะกับตัวละครตัวนี้จะอยู่ที่อันดับ 5 และ 6 และจะมาพบกันในภายหลัง และจะกลายเป็นคู่หูคู่ฮารึไม่นั้นต้องติดตามต่อไป
          เอ้อ! ผมว่าจะถามทุกๆท่านซักหน่อย ถ้าใครเข้ามาอ่านแล้วเห็นก็ฝากคอมเม้นท์ตอบหน่อยนะครับ ทุกท่านทำยังไงเวลามีไอเดียงานผุดเข้ามาในหัวเรื่อยๆโดยที่มันเยอะขนาดที่ว่าเรารู้ดีว่าการจะทำมันให้สำเร็จนั้นยากและใช้เวลามหาศาล ผมอยากทราบความเห็นของทุกๆท่านครับ เพราะผมกำลังประสบปัญหานี้อยู่พอดี เพราะผมวางแผนเรื่อง Magic Quest นี้ไว้ถึง 15 ภาค! แล้วแต่ละภาคก็มีประมาณ 60 กว่าตอน! คุณพระคุณเจ้า...ชาตินี้ลูกช้างจะแต่งได้จนจบมั้ยนี่ หรือจะต้องส่งต่อให้ใครซักคน เอ้อ! ลืมไป นี่ไม่นับภาคเสริมนะครับ มีอีกประมาณ 10 กว่าภาคซึ่ง 5 ภาคจะเป็นเรื่องราวในอนาคตยุคที่เมอร์ซี่และคิฟุโคะอายุประมาณ 40 แล้ว แต่พระนางจะไม่ใช่ 2 คนนี้นะครับ จะเป็นตัวละครใหม่ เนื้อเรื่องจะเน้นภายในอาณาจักร ไม่เน้นผจญภัยแบบภาคหลัก และภาคอนาคตนี้จะมีตัวละครที่ได้ต้นแบบมาเต็มไปหมดเลยครับ ถ้ามีวาสนาพอผมก็อาจได้แต่งและได้ส่งผ่านมันให้ผู้อ่านทั้งหลาย ส่วนภาคหลักนั้น เมอร์ซี่และคิฟุโคะจะมาให้เราเห็นถึงแค่ภาค 6 เท่านั้น หลังจากนั้นบทจะหายรัวๆ คิฟุโคะนี่อยู่ถึงภาค 7 ภาค 8 ส่ววนเมอร์ซี่นี่หายรัวๆตั้งแต่ภาค 7 แล้ว แต่ก็ยังผลุบๆโผล่ๆมาบ้าง และอีกภาคเสริมคือภาคแฟนตาซี ไทม์ไลน์จะมั่วไปหมด นอกจากนี้ยังมีแว้บไปเล่าเรื่องแนวโลกคู่ขนานอีก และข้ามเวลาไปจนถึงยุคอนาคตที่อยู่ไกลกว่าปัจจุบันตอนที่ผมแต่งเรื่องนี้ไปซะอีก ถ้ามีบุญวาสนาพอผมก็อาจได้แต่งถึงนะครับ
          สุดท้ายนี้ก็ขอขอบคุณทุกท่านที่อ่านมาจนถึงตรงนี้ ตอนต่อไปก็คงจะลงในเดือนหน้าเช่นกัน แล้วไว้เจอกันใหม่เมื่อชาติต้องการครับ!

          ปล.ตอนพิมๆอยู่เกือบกดโดนปุ่มลบแท็บ เสียววุ้ย!

    วันที่ลง : 29/3/60
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×