ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Magic Quest : Thunder Legend

    ลำดับตอนที่ #6 : ตอนที่ 5 : ศึกชิงลูกแก้วสายฟ้า

    • อัปเดตล่าสุด 22 พ.ย. 60


    Magic Quest Ep.5
    "
    ศีกชิงลูกแก้วสายฟ้า"
          "
    แล้วทำไมฉันจะต้องนอนที่เดียวกับ นายด้วย?!"
          "
    เดี๋ยวก่อนสิ! อยู่ดีๆก็มาตะคอกใส่กัน อย่างนี้มันหมายความว่าไง?!"
          "
    ไม่รู้ด้วยละ ยังไงฉันก็ไม่เอาด้วย หรอก ต่อให้นอนคนละห้องฉันก็ไม่เอา เด็ดขาด!"
          "
    มีเหตุผลอะไรรึไงถึงได้คัดค้านหัวชน ฝาแบบนี้ บอกมาดีๆก็ได้นะ!"
          "
    อยากรู้งั้นเหรอ? จะบอกให้ก็ได้ ฉัน ทนนอนใต้ชายคาเดียวกับนายมาหลาย ครั้งแล้ว..."
          "
    สองครั้งเอง"
          "
    เออนั่นแหละ! ทั้งๆที่ฉันไม่ได้รู้สึกดี อะไรกับนายเลยแท้ๆ ไม่เห็นจำเป็นจะต้อง นอนด้วยกันเลยนี่นา! แล้วทำไมที่ผ่านมา เราถึงต้องนอนด้วยกันด้วยล่ะ! นอนด้วย กันแบบนี้แล้วมันหงุดหงิดมากๆเลยรู้ไว้ซะด้วย!"
          "
    จะแยกกันนอนก็ไม่มีปัญหานะ!"
          "
    เออก็ได้! ตามนั้น! ฉันจะไปหาโรง แรมของฉันเอง นายไม่ต้องตามมานะ!"
          "
    ไม่ตามไปอยู่แล้วล่ะน่า!"
          
    ก็พูดไปอย่างนั้นแหละ แต่ยังไงซะผม ก็มองส่งเธอไปจนลับสายตา
         
    ตอนนี้พวกเราอยู่ที่เมืองวิริเดียน ที่นี่ เป็นย่านการค้าแล้วก็เป็นเมืองสำคัญซึ่งเป็นทางผ่านของกองคาราวานหลายสาย อีก ทั้งยังมีแหล่งท่องเที่ยวสำคัญๆเยอะแยะ ไม่ว่าจะเป็นพวกสถานบันเทิงเริงรมย์ต่างๆ สำหรับพวกผู้ใหญ่จนไปถึงสวนสนุกของ เด็กๆ ดังนั้นก็เลยมีโรงแรมหรูๆอยู่เยอะ
         
    ก่อนจะมาที่นี่พวกเราแวะไปดูรังของ เบเซร่าที่ถูกทำลายมานิดหน่อย จากการ สำรวจมีสิ่งหนึ่งที่เหนือความคาดหมาย คน ที่ใช้ดาบสีแดงเพลิงน่าจะเป็นฮิโนะที่ก่อน หน้านี้เคยเจอกันอยู่ครั้งสองครั้ง ปัญหาคือ นอกจากร่องรอยของเปลวเพลิงแล้วยังมี ร่องรอยผนังถ้ำและซากศพของเบเซร่า จำนวนมากซึ่งถูกชำแหละเอาเหล็กไนออก ไป ทั้งหมดนี้มีร่องรอยที่ดูเหมือนกับไม่ได้ ถูกโจมตีด้วยไฟอย่างเดียว แต่เหมือนกับ ถูกโจมตีด้วยพลังงานที่รุนแรงอย่างมหาศาลราวกับอัสนีบาตจากฟากฟ้า คงคิดได้แค่ ว่าฮิโนะได้ลูกแก้วเวทมนต์ไปแล้ว ตัวผม ในตอนนั้นได้แต่พึมพำกับตัวเองว่า"ทำไมกัน! ทั้งๆที่เรายังไม่เจอซักลูกแท้ๆ!" ส่วน คิฟุโคะก็สวนกลับมาว่า"ก็นายมันไร้ฝีมือ เองนี่นา"
         
    หลังจากเสร็จสิ้นการสำรวจ พวกเราก็ ออกเดินทางกันต่อจนมาถึงวิริเดียนในคืน วันเดียวกันนั้นเอง เป็นวันที่แสนจะยาว นานและสาหัสเหลือเกินจริงๆ คืนที่สามตั้ง แต่เริ่มออกเดินทางมากำลังจะผ่านไป แต่ ก่อนหน้านั้นก็ต้องหาที่พักกันก่อน แต่พอ บอกกับคิฟุโคะไปว่าจะหาที่พักกันสำหรับ พวกเราเท่านั้นก็มีปัญหาทันที ยุ่งจริงๆวัน นี้
          "
    ตกลงว่าวันนี้คุณคิฟุโคะจะไม่นอน ด้วยกันเหรอครับ?"
          "
    ปล่อยยัยนั่นไปเถอะ ยัยนั่นคงมีเรื่อง ให้กังวลหลายเรื่องในฐานะผู้หญิงน่ะนะ"
         
    ผมกับดราโก้เดินคุยกันไปเรื่อยๆจนมา ถึงหน้าโรงแรมแห่งหนึ่ง ป้ายชื่อเขียนไว้ ว่า [Viridian Centre] ดูเหมือนจะเป็นตัว อักษรที่สร้างจากหินเรืองแสงสีแดง ว่าไป แล้วในช่วงกลางคืนแบบนี้มันก็ดูสวยดีนะ
          "
    เอาที่นี่ละกัน"
         
    พวกเราเดินเข้าไปในอาคารใหญ่โต นั่น ไม่น่าเชือว่าที่นี่จะมีประตูเวทมนต์ที่จะ เปิดทันทีที่คนเดินเข้ามาด้วย ได้ยินว่าการ ติดตั้งประตูแบบนี้แพงน่าดู คงจะเก็บค่า ผ่านด่านกับพวกกองคาราวานที่ผ่านมาละ มั้ง พอเข้าไปข้างในบรรยากาศที่เจอก็ดู คล้ายกับพวกบาร์หรือร้านอาหารชอบกล ถึงกระนั้นก็ยังมีโคมไฟประดับอยู่ตามที่ ต่างๆทำให้ดูสลัวๆไม่มืดจนเกินไป
          "
    มาขอพักแรมครับ"
          "
    กรุณาระบุเงื่อนไขห้องที่ต้องการพัก ด้วยนะคะ"
         
    ที่หน้าแผงต้อนรับมีพนักงานหญิงหน้า ตาดียืนอยู่ พี่สาวพนักงานแต่งตัวด้วยเสื้อ เชิ้ตสีขาวและกางเกงสีดำที่ดูพิธีรีตองชอบกล ผมยาวสีดำมัดเอาไว้ที่ท้ายทอย เท่าที่ดู คงกำลังบันทึกจำนวนลูกค้าของวันนี้อยู่
         
    ระบุเงื่อนไขของห้องที่ต้องการพัก แสดงว่าที่นี่มีห้องพักหลายแบบงั้นสินะ ระหว่างที่กำลังคิดพี่สาวพนักงานก็พูดขึ้น อีกครั้ง
          "
    ไม่ทราบว่ามากันกี่ท่านเหรอคะ พอดี ว่าที่นี่มีกำหนดการต้อนรับกองคาราวานที่ จะมาค้าขายที่นี่ ดังนั้นควรจะระบุให้ ชัดเจนเพื่อความสะดวกสบายนะคะ"
          "
    เอ๋? กองคาราวานเหรอครับ?"
          "
    ใช่ค่ะ โดยเฉพาะวันนี้มีกำหนดการณ์ ต้อนรับกองคาราวานมากกว่าปกติ กอง คาราวานหลายสายต่างตัดสินใจจะพักแรม ที่อาณาจักรวิริเดียน ที่นี่ก็เลยเป็นโรงแรม แห่งสุดท้ายที่ยังเหลือห้องพักดีๆอยู่เยอะ น่ะค่ะ"
         
    อย่างนี้นี่เอง สรุปก็คือโรงแรมทั่วทั้ง อาณาจักรแห่งนี้ถูกกองคาราวานที่ผ่านมา ที่อาณาจักรแห่งนี้จองไว้เกือบจะหมดแล้ว สินะ รู้สึกโชคดีเป็นครั้งแรกตั้งแต่วันเกิด ปีนี้มาเลยแฮะ ไม่สิ ครั้งที่สองต่างหาก
          "
    ถ้าอย่างนั้นก็ขอเป็นห้องเดี่ยวหนึ่ง ห้อง ส่วนเงื่อนไขก็..."
         
    ผมนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ก็เลยใช้ ความคิดอยู่ซักพัก
          "
    มีอะไรเหรอฮะ?"
          "
    เปล่าๆ ไม่มีอะไร ถ้างั้นขอเป็นห้องที่ เตียงใหญ่ๆก็แล้วกันนะครับ"
          "
    ทราบแล้วค่ะ ซักครู่นะคะ"
          ...
          "
    ให้ตายเถอะ แพงเป็นบ้าเลยแฮะ เงิน ที่เอามาจากบ้านก็ใกล้จะหมดแล้วสิ..."
          "
    แล้วทำไมต้องจองห้องเตียงใหญ่ๆ ด้วยละฮะ?"
          "
    เผื่อไว้ก่อนไง"
          "
    เผื่อ? อะไรฮะ?"
          "
    ใครๆก็ชอบนอนเตียงใหญ่ๆใช่มั้ยล่ะ เผื่อนายนอนกลิ้งด้วย"
          "
    อ่า..."
         
    เอาเถอะ จะให้นอนแยกห้องกับดราโก้ มันก็เกินไป แถมจะเป็นการสิ้นเปลืองโดย ใช่เหตุ กองคาราวานที่กำลังมาจะลำบาก เอา อีกอย่างคือเงินผมไม่พอด้วย รู้สึกหวิว ๆ ชอบกล
         
    ยังไงซะเงินที่เหลือก็ยังมีอยู่พอประมา ณ ตอนนี้พวกเรากำลังเดินอยู่ในตัวเมือง เพื่อหาของจำเป็นที่ต้องใช้ในการเดินทาง อย่างเช่นพวกวัตถุดิบทำอาหารหรืออุปกรณ์ต่างๆสำหรับปีนเขา ก็นะผมเป็นประเภท ชอบกักตุนของที่จำเป็นเอาไว้ก่อนละนะ
          "
    แต่ว่าโชคดีจังเลยนะฮะที่เรามาตอนที่ กองคาราวานมาพักกันเยอะ เลยมีของให้ เลือกซื้อเยอะแยะเลย"
          "
    ในความโชคร้ายก็ย่อมต้องมีโชคดีอยู่ มั่งละน่า"
          "
    หวา!!! ช่วยด้วย!!!"
         
    ทันทีที่ได้ยินเสียงนั่น ความสนใจของ ผมก็เพ่งไปที่จุดๆหนึ่งทันที ในตลาดที่เพิ่ง จะเดินผ่านมามีกลุ่มฝูงชนวิ่งกันอลหม่าน
          "
    คะ คุณเมอร์ซี่! นั่นมัน!"
          "
    อา ฉันเห็นแล้วล่ะ"
         
    กองโจรหมวกดำปรากฏตัวขึ้นที่ตลาด กลางเมืองวิริเดียนจำนวนมหาศาล พวก มันต่างถือดาบวิ่งไล่กวดชาวบ้านแต่ละคน จนต้องหนีแตกกระเจิง ตลาดที่เคยครึก ครื้นกลายเป็นทะเลเพลิงในเวลาไม่นาน...แล้วเจ้าพวกนั้นจะเผาตลาดทำไมละนั่น?!
          "
    แล้วทำไมพวกเราถึงมาซ่อนตรงนี้ล่ะ คุณเมอร์ซี่?"
          "
    ก็ดูนั่นสิ กองโจรมหาศาลขนาดนั้น แค่เราสองคนเอาไม่อยู่หรอก"
          "
    แต่คุณเมอร์ซี่เก่งออกจะตายนี่นา แค่ ใช้พลังสายฟ้าก็น่าจะจัดการได้ในพริบตา นี่ฮะ?"
          "
    ฉันไม่อยากฆ่าใครโดยใช่เหตุ อีก อย่าง ลองคิดดูสิ การที่มีกองโจรอยู่เยอะ ขนาดนี้แสดงว่าน่าจะมีแหล่งกบดานอยู่ ที่ไหนซักแห่งใกล้ๆนี้ใช่มั้ยล่ะ ไม่อย่างนั้น คงไม่บุกมาขนาดนี้หรอก"
          "
    แล้วยังไงเหรอฮะ?"
          "
    ถ้าจะมีกองโจรอยู่ที่นี่ก็เป็นไปได้ว่า จะเป็นหน่วยของฮิโนะที่เพิ่งกวาดล้างฝูง เบเซร่าไปไม่นานนี้ซึ่งเป็นไปได้สูงที่จะมี ลูกแก้วเวทมนต์อยู่ซักลูกหนึ่ง ดังนั้นถ้า เราออกไปสู้ต่อให้ชนะก็ได้แค่ชนะ แต่ถ้า เราคอยดูสถานการณ์ละก็ เราก็สามารถตาม ไปยังที่กบดานของพวกมันได้จริงมั้ย?"
          "
    จะ จริงด้วยนะฮะ! คุณเมอร์ซี่นี่ฉลาด จริงๆ"
         
    ว่าไปแล้วก็รู้สึกผิดเหมือนกันแฮะที่ ปล่อยให้พวกเขาถูกไล่ล่าและปล้นชิงสินค้าไปโดยที่เราได้แต่ดูอย่างเดียว หวังว่า พวกโจรจะไม่ฆ่าใครนะ
          ...
         
    พวกเราแอบอยู่ซักพักด้านข้างตึกที่ดู เก่าๆหลังหนึ่งที่อยู่ห่างจากตลาดพอสมควร คอยดูสถานการณ์จนกระทั่งพวกกองโจร เริ่มซาลง
          "
    เอาล่ะ แอบตามไปกันเถอะ"
          "
    ฮะ"
         
    พวกเราแอบสะกดตามกองโจรไปเรื่อย ๆ ระหว่างที่ผ่านตลาดก็พลอยรู้สึกสลดใจ กับภาพตรงหน้า ทุกอย่างพังทลายหมดสิ้น ทรัพย์สมบัติและสินค้าต่างๆถูกกวาดไปเรียบ เจ้าพวกนี้นี่มันโหดเหี้ยมจริงๆ แต่คิดใน แง่ดี ไม่เจอซากศพใครนอนตายอยู่เลย แบบนี้ก็แสดงว่าน่าจะไม่มีใครตาย ถือเป็น เรื่องดีทีเดียว
         
    พวกเราตามไปจนถึงตึกร้างที่พังทลาย ลงมาเมื่อนานมาแล้ว สภาพโดยรอบดูไม่ น่าจะมีใครกล้าเข้ามาใกล้เพราะกลัวตึกจะ ถล่ม ก็น่าหรอกที่โจรพวกนี้จะใช้ที่นี่เป็นที่ กบดานของพวกมัน แต่พวกมันก็ระแวด ระวังตัวกันน้อยไปหน่อย พวกเราที่ไม่มี ประสบการณ์ในการสะกดรอยตามใครเท่า ไหร่(โดยเฉพาะดราโก้ที่ไม่มีเลย)เลยไล่ ตามมาได้ง่ายๆ
          "
    ตึกนี้ดูอันตรายจังฮะ"
          "
    ก็อย่างที่เห็นละนะ"
         
    ตึกนี้ดูเหมือนจะมีแต่ชั้นใต้ดินที่โครง สร้างยังแข็งแรงดี พวกโจรค่อยๆทยอยลง ไปทีละคนๆจนหายไปหมด
          "
    แล้วเราจะลงไปยังไงดีละฮะ ข้างล่าง มีคนอยู่เยอะแยะแน่เลย"
          "
    เวลาแบบนี้ก็ต้องใช้แผน"
          "
    แผน?"
         
    หลังจากนั้น พวกเราก็ค่อยๆถอยห่าง ออกจากสถานที่นั้น
          ...
          "
    แกหายหัวไปไหนมา คนอื่นกลับมา กันหมดแล้วนะ!"
          "
    ข้าไปตรวจสอบดูว่ามีใครตามมารึเปล่า น่ะ"
          "
    แล้วแกเอาอะไรจากตลาดมารึเปล่า?"
          "
    ดูสิข้าเจออะไร! ไข่มังกรที่เพิ่งจะฟัก เมื่อกี้นี้เอง! เลี้ยงดีๆมันก็จะเป็นทหารสุด แกร่งให้เราได้เลยนะ เจ๋งใช่มั้ยล่ะ!"
          "
    แฮะ แฮ่~"
          "
    เยี่ยมมาก! ไปรายงานท่านฮิโนะด้วย ล่ะ!"
          "
    รับทราบ ว่าแต่ห้องเก็บของนี่ไปทาง ไหน ข้าอยากจะเช็คของที่เราปล้นมาวันนี้ ซักหน่อยแต่ยังไม่ค่อยคุ้นกับเส้นทางน่ะ"
          "
    เดินเข้าไปข้างใน ลงไปสองชั้น เลี้ยว ขวาเดินตรงไปแล้วเลี้ยวซ้ายแล้วเลี้ยวขวา เดินตรงไปอีกนิดอยู่ทางขวามือ"
          "
    มีทางที่ไปได้เร็วกว่านี้มั้ย?"
          "
    วิ่งเข้าไปข้างใน ลงไปสองชั้น..."
          "
    โอเค! ขอบใจ!"
         
    ได้ยินแค่นั้นผมก็รีบเผ่นออกมาทันที ขี้เกียจฟังมันพูดจนจบน่ะนะ
         
    ในที่สุดก็ลอบเข้ามาได้สำเร็จ ดีนะยัง เก็บเสื้อผ้าของโจรที่เคยซัดร่วงที่ถ้ำมังกร ไว้อยู่ ส่วนดราโก้ก็ให้คืนร่างเป็นลูกมังกร ไว้ก่อนจะได้เป็นข้ออ้างได้
          "
    สำเร็จแล้วนะฮะ"
          "
    ลอบเข้ามาได้ง่ายๆเหมือนเคยแฮะ"
         
    พวกเราเดินมาตามทางที่เจ้าคนเฝ้า ประตูบอกเรื่อยๆจนมาถึงห้องเก็บของ
         
    ผิดคาดเหมือนกันที่คนเฝ้าประตูห้อง เก็บสมบัติเป็นผู้หญิง ในกองโจรนี้มีผู้ หญิงด้วยเหรอเนี่ย พี่สาวคนนี้หน้าตาก็น่ารักดีนะ แต่ผมไม่พิศวาสสาวรุ่นพี่อะไรแบบนั้นก็เลยไม่ได้สนอะไร แต่งตัวก็ดูแปลกๆไปจากคนอื่นนิดหน่อย ใส่เสื้อยืดเอวลอย รัดรูปสีขาวไว้ข้างในแล้วก็เสื้อกั๊กเท่ๆกับ กางเกงสีดำแล้วก็ผ้าโพกหัวสีดำต่างกับ พวกผู้ชายที่จะแต่งตัวด้วยเสื้อคลุมสีดำเสื้อข้างในก็เป็นเสื้อยืดสีเทากางเกงดำผ้า โพกหัวสีดำแล้วบางคนก็แถมผ้าปิดปากให้อีก คงเป็นเครื่องแบบ ของเจ้าพวกนี้ละมั้ง
          "
    วะ ว้าย! อะไรเนี่ย?!"
          "
    แฮ่!!!"
         
    ดราโก้กระโดดเข้าไปคำรามอยู่ตรง หน้าพี่สาวหมวกดำ ทำตัวเป็นสัตว์เลี้ยงซะ สมบทบาทมากเลยแฮะ
          "
    โอ๊ะ! ขอโทษที ลูกมังกรที่ข้าเลี้ยงเอง น่ะ"
          "
    จริงๆเลย หัดดูแลซะบ้างสิ!"
          "
    เออน่า!"
         
    ภาษาโจรคงจะประมาณนี้ละมั้ง โชคดี ที่พี่สาวคนเฝ้าประตูไม่สงสัยอะไร พวก เราก็เลยเข้าไปในห้อง
          "
    มีอะไรเหรอฮะ?"
          "
    รอแปปนึงนะ เดี๋ยวมา"
         
    ผมบอกให้ดราโก้รออยู่ข้างในพลางๆ จากนั้นก็เดินกลับไปที่พี่สาวหมวกดำซึ่ง หันหลังอยู่โดยไม่ได้ระแวดระวังอะไรเลย จากที่สังเกตดูแถวนี้ไม่มีใครอยู่เลยนอกจากพี่สาวคนนี้ คงจะกลับขึ้นไปข้างบนกัน หมดแล้ว เพราะงั้นทางสะดวก
          "
    วะ ว้าย!!! ฮ่าๆๆๆๆ!!! หยุดน้า~! ฮ่าๆๆ ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆ"
         
    ผมใช้มือทั้งสองข้างจับที่เอวคุณพี่สาว หมวกดำแล้วก็จั๊กจี้ จากประสบการณ์เดิม คนส่วนใหญ่จะหัวเราะอย่างบ้าคลั่งเมื่อถูก จั๊กจี้ที่เอวหรือส่วนใดก็ตาม และถ้าหากถูก จั๊กจี้ไปนานๆก็มีสิทธิสลบหรือตายได้เพราะ ขาดอากาศหายใจระหว่างที่หัวเราะ(ข้อมูล ส่วนนี้ผมหาอ่านมาจากหนังสือตั้งแต่ตอนที่ยังเป็นเด็กชาวนาธรรมดา แน่นอนว่าไม่เคยทำจริง) ดังนั้นผมก็เลยตั้งใจว่าจะ ใช้วิธีนี้ทำให้พี่สาวหมวกดำสลบไปก่อน เพื่อความปลอดภัย
          "
    วะฮ่าๆๆๆ ม่ายยยยยย~ อะฮ่าๆๆๆ อ๊า~ อ๊าาาา~ ฮ่าๆๆๆๆ"
         
    ผมจั๊กจี้เธออยู่ซักพักจนเธอล้มลงไป นอนอย่างขัดขืนไม่ได้เพราะถูกผมจับไว้ ไม่ให้หันมา ผมก็จั๊กจี้เธอต่อไปเรื่อยๆจน กระทั่งเธอแน่นิ่งไป
          "
    คุณเมอร์ซี่ทำอะไรน่ะครับ"
         
    เสร็จแล้วผมก็จัดแจงถอดเสื้อผ้าเธอออกจนหมดเหลือแค่ชุดชั้นใน เครื่องแบบกองโจรหมวกดำที่ยึดมาได้ก็เก็บใส่กระเป๋าไว้จากนั้นก็จับพี่สาวหมวกดำที่นอนทำหน้าเคลิ้มแปลกๆมัด จับให้นั่งพิงกำแพงแล้วเอาผ้าที่ซื้อมาเมื่อตอนเย็นคลุมไว้ให้พอดูไม่อนาจาร
          "
    ขอโทษทีนะ ไม่ได้มีรสนิยมลามก อะไรหรอก ก็แค่เครื่องแบบพวกแกมัน หลากหลายเกิน ชุดปลอมตัวก็มีอยู่ชุดเดียว ก็เลยจะหาเพิ่มซักหน่อย"
          "
    เพราะเรื่องแค่นั้นเลยต้องจั๊กจี้เขา เหรอครับ? แบบนั้นทุบหัวให้สลบไม่ง่าย กว่าเหรอครับ?"
          "
    ฉันไม่ชอบใช้ความรุนแรงกับผู้หญิงน่ะ"
         
    ว่าแล้วผมก็เดินเข้าไปข้างในเพื่อจะไป หาอะไรซักอย่างที่คิดว่าน่าจะอยู่ในนี้
          "
    แต่ว่าพี่สาวคนนี้หุ่นดีจังเลยนะฮะ หน้าอกก็ใหญ่ด้วย ชุดชั้นในก็สีขาว บริสุทธิ์เลยล่ะ"
          "
    นายเป็นเด็กจะสนใจไปทำไมกัน"
          "
    คุณเมอร์ซี่ไม่สนเหรอฮะ?"
          "
    ไม่ล่ะ"
          ...
         
    ตึกนี้คงจะเคยเป็นที่พำนักของใครบาง คนที่เป็นคนใหญ่คนโตมาก่อนหรือว่าถูก พวกโจรดัดแปลงก็ไม่อาจทราบได้ แต่ โครงสร้างภายในของที่นี่มันวกวนยังกะ เขาวงกตแน่ะ ตอนเข้ามาก็พอเข้ามาได้อยู่ หรอก แต่ตอนออกไปนี่มันออกลำบาก มากๆเลยจริงๆ แค่ชั้นนี้ชั้นเดียวก็เป็น เขาวงกตที่สุดจะซับซ้อนจนเดินกลับไป กลับมาตั้งหลายครั้งแน่ะ
         
    ผมหลงอยู่ในนี้กับดราโก้สองคนนาน เท่าไหร่ก็ลืมเวลาไปแล้ว แถมยังต้องมารับ มือกับพวกกองโจรอีก ดีนะที่ปลอมตัวมา แต่ถ้าเจอบทสนทนาที่รู้กันแค่ในหมู่โจรนี่ ก็ลำบากเหมือนกันแฮะ
          "
    โอย~ นี่มันอะไรกันแน่ละเนี่ย~ ใน ห้องเก็บสมบัตินั่นจะหีบหรือตู้ไหนๆก็ไม่มี ลูกแก้วอะไรนั่นเลย"
          "
    ของสำคัญแบบนั้นพวกโจรไม่น่าเอา ไปเก็บไว้ในที่แบบนั้นหรอกครับ ก็คงจะ อยู่ที่ตัวหัวหน้ามากกว่า"
          "
    ฉันก็คิดแบบนั้น~ นึกว่าพวกโจรมัน จะโง่ซะอีก~ คาดการณ์ผิดไปเยอะเลยแฮะ "
         
    พวกเราเดินคุยกันไปเรื่อยๆระหว่างที่ หาทางออกจากเขาวงกตนี่ ตอนนี้ดราโก้ ใช้วิชาล่องหนที่มีแต่ผมเท่านั้นที่จะเห็น ก็ เลยอยู่ในร่างมนุษย์ได้ เหม่! ถ้าใช้วิชา ล่องหนได้ก็น่าจะบอกกันแต่แรกสิ พอพูด ไปแบบนั้นคำตอบที่ได้รับกลับมาก็คือ"ก็ใช้เป็นอยู่ไม่กี่อย่างล่ะครับ"
          "
    เราย้อนกลับไปถามพี่สาวคนนั้นมั้ย ครับ?"
          "
    ไม่ล่ะ จะไปถามเจ๊ได้ยังไงกัน พึ่งจะ ทำเรื่องแย่ๆกับพี่สาวหมวกดำลงไป ยังไง ซะก็คงโดนหมายหัวไว้แน่ แล้วถึงจะอยาก กลับไปก็คงกลับไปไม่ถูกแล้ว"
          "
    แต่ผมไม่รู้สึกเลยนะว่าเขาเป็นคนไม่ดี น่ะครับ"
          "
    ฉันก็รู้สึกแบบนั้นเหมือนกันถึงได้ไม่ อยากทำร้ายเขาเท่าไหร่ แต่ว่าคงจะคิดไป เองมากกว่าละมั้งที่จะมีคนดีอยู่ในกลุ่มโจรที่โหดเหี้ยมอย่างนี้ คงยากน่ะนะ"
          "
    แต่ก็เป็นไปได้นี่ฮะ"
          "
    ก็มีสิทธิ์เป็นไปได้อยู่หรอกนะ"
         
    พวกเราคุยเรื่องอะไรกันอยู่เนี่ย กว่าจะ รู้สึกตัวก็เดินลอยชายคุยเรื่องพี่สาวหมวก ดำมาพักหนึ่งเลยแฮะ เรื่องที่เราควรจะคุย กันตอนนี้ควรจะเป็นเรื่องของลูกแก้วหรือ หาทางออกจากที่นี่มากกว่า
          "
    เฮ้! ว่าไง!"
          "
    ว้าก! ยะ อย่าทำให้ตกใจสิฟระ!"
         
    อยู่ๆโจรคนหนึ่งก็เข้ามาทักผม ก็เลย พยายามตอบกลับไปให้เป็นธรรมชาติที่สุด ส่วนดราโก้เองก็เงียบไปเลย
          "
    แกรู้รึเปล่า? มีสายลับบุกเข้ามาที่นี่ละ!"
          "
    อะไรนะ?! จริงเหรอวะ?!"
          "
    จริงสิ! มีใครบางคนทำร้ายยัยคนเฝ้า ประตูห้องเก็บสมบัติแล้วขโมยไปแต่เสื้อผ้าล่ะ โรคจิตจริงๆ! ว่าแต่ชุดชั้นในขาวจั๊ว เลยแฮะยัยนั่น"
         
    ว่าแต่เขาตัวเองก็เป็นเหมือนกันนี่ ทั้งๆที่คลุมผ้าไว้ให้พอเผ็นพิธีแล้วแท้ๆ สงสัยไปเปิดดูแน่ๆเลย
          "
    แล้วยัยนั่นเป็นยังไงมั่ง"
          "
    คลาดสายตาไปแปปเดียวก็หายไป แล้วล่ะ สงสัยจะถูกไอ้โรคจิตนั่นลากไป แล้วมั้ง! ก็หุ่นดีซะขนาดนั้นนี่"
         
    ผมเริ่มไม่สบอารมณ์ที่เหมือนถูกด่าว่า เป็นพวกโรคจิต อย่างน้อยๆก็ไม่ชอบเลยที่ถูกคนโรคจิตมาด่าว่าโรคจิตเนี่ย... เจ้านี่ยังดูโรคจิตกว่าอีก
          "
    มองในทางกลับกัน แกไม่คิดบ้างเหรอ ว่าที่เรายังไม่เจอตัวผู้บุกรุกเนี่ยมันเป็น เพราะอะไร?!"
          "
    เพราะอะไรวะ?!"
          "
    คนร้ายทำร้ายยัยคนเฝ้าประตูแล้วถอด เสื้อผ้าหนีหายไปใช่มั้ยล่ะ ไม่คิดบ้างเหรอ ว่าจะเอาไว้ใช้ปลอมตัวน่ะหา?"
          "
    บ้าไปแล้ว อยู่ตั้งลึกขนาดนั้นแอบเข้า ไปได้ยังไงฟระ!"
         
    ผมเริ่มเหงื่อแตกเล็กน้อย เพราะมัวแต่ ลนเลยพูดอะไรไม่เข้าท่าออกไป
          "
    กะ แกบอกเองนี่ว่ามันเป็นสายลับน่ะ บางทีอาจจะลอบเข้ามาแล้วถูกเจอตัวถึงได้โดนจัดการละมั้ง! แล้วขโมยเสื้อผ้าผู้หญิง ไปแบบนี้คนร้ายก็คงจะเป็นผู้หญิงไม่ผิดแน่!"
          "
    จริงด้วย! ยัยนั่นหน้าอกใหญ่จะตาย ผู้ชายคงจะใส่เครื่องแบบนั่นไม่ได้หรอก!"
    แล้วถ้ายัดๆเอาล่ะ? จริงๆเล้ย?!
          "
    งั้นเอายังงี้ แกไปบอกคนอื่นให้ตาม หาผู้หญิงที่ใส่เสื้อในหลวมๆก็แล้วกัน อาจ จะเป็นผู้ชายปลอมตัวมาก็ได้ แต่ต่อให้ไม่ ใช่ยังไงคนร้ายก็เป็นผู้หญิง คงจะหาไม่ ยากนักหรอก"
          "
    ขอบใจแกมาก! จะไปเดี๋ยวนี้ละ!"
         
    พูดจบก็วิ่งออกไปทันที ผมรู้สึกโล่งอก ไปเปราะหนึ่งที่ไม่ถูกมองออก
          "
    เอ่อ...คุณเมอร์ซี่ฮะ?"
          "
    มีอะไร?"
          "
    ทำไมไม่ถามทางออกเขาไปละฮะ?"
          "
    เออจริงด้วย!"
         
    เฮ้อ! ไม่ไหวจริงๆแฮะเรา วันหลังให้ อาชช่วยสอนวิธีแอบย่องเข้าไปในคฤหาสน์แบบเนียนๆหน่อยดีกว่าแฮะ
          "
    ว่าแต่ไม่อยากเชื่อเลยนะครับว่าคุณ เมอร์ซี่จะวางแผนเอาไว้แบบนี้"
          "
    เอ๋?"
          "
    ที่ถอดเสื้อผ้าผู้หญิงคนนั้นก็เพราะจะ ทำให้คนอื่นเข้าใจว่าคนที่เข้ามาเป็นผู้หญิงสินะครับ?!"
          "
    ไม่ใช่แผนอะไรหรอก แค่พยายามบิด เบือนเป้าหมายน่ะ"
         
    เหมือนยิ่งถูกตอกย้ำว่าเป็นพวกโรคจิตซ้ำเลยแฮะ...สงสัยคราวหน้าต่อพันให้เป็นแบบโทก้า*ไปซะเลยจะดีกว่ามั้ง
         
    ถ้าถามว่าผมมีรสนิยมในเรื่องผู้หญิงยัง ไงก็คงต้องบอกว่ามันอธิบายออกจะยากไป ซักเล็กน้อย เพราะโดยมากเวลาที่เจอผู้ หญิงสวยๆผมก็ไม่ค่อยจะสนใจเหมือนคน อื่นนักหรอกนะ อย่างมากก็แค่มองเล็กน้อย เท่านั้น อาจจะเป็นเพราะครึ่งหนึ่งของแม่ที่ เป็นคนชอบทำอะไรโดยวางแผนก่อนล่วงหน้าอยู่ในตัวผมหรืออย่างไรก็ไม่ทราบได้ ผมถึงต้องจำใจขโมยเครื่องแบบของพี่สาว หมวกดำนั่นมา ถึงจะคิดว่ามันไม่จำเป็น เท่าไหร่ แต่พอคิดว่าในตอนนี้ยัยนั่นนิสัย ยังไงก็ชวนให้คิดว่าเตรียมเผื่อไว้จะดีกว่า
         
    ด้านในที่ๆเรียกได้ว่าเป็น'ฐานทัพลับ' ของพวกกองโจรหมวกดำยิ่งเดินเข้ามาลึก ก็ยิ่งสัมผัสได้ถึงบรรยากาศเย็นยะเยือกต่าง จากตอนลอบเข้าไปในถ้ำมังกรที่ใกล้ๆหมู่ บ้านของคิฟุโคะมาก มันให้ความรู้สึกราว กับว่าจะมีปีศาจโผล่ออกมายังไงยังงั้น
          "
    อย่างนี้นี่เอง ปลอมตัวเข้ามาอีกแล้วสินะ"
         
    เสียงนั่นดังก้องขึ้นในความมืดเบื้อง หน้า เสียงนั่นฟังดูน่ากลัวราวกับปีศาจจะ นรกเพลิงยังไงยังงั้น
          "
    ใครน่ะ?!"
         
    ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากพยายามปกปิดตัวจริงของตัวเองไว้ก็จริง แต่เพื่อความ ปลอดภัยก็ควรที่จะรู้วาาอีกฝ่ายเป็นใครกันแน่
          "
    ฮึๆ ใครน่ะเหรอ..."
         
    ในที่สุดก็ปรากฏเงาของเท้าคู่ใหญ่ใน บูทสีดำโผล่ออกมาจากความมืด เสื้อกั๊กที่ ดูไม่คับไม่หลวมสีดำสนิทและเสื้อแขนยาว สีเทาเข้มที่ใส่ไว้ภายในรวมถึงกางเกงขา ยาวที่ดูเก่าพอตัวปรากฏตามออกมา เรือน ผมสีแดงเพลิงห้อยย้อยลงมาจนถึงไหล่ กล้ามเนื้อทั้งร่างนั้นมหึมาเกินกว่ามนุษย์ ธรรมดาๆ ใบหน้าที่ดูมีอายุซึ่งมีเคราเล็ก น้อยเกาะอยู่ที่คางนั้นพึมพำออกมาราวกับ เสียงแห่งความตาย
          "
    ก็คนที่จะฆ่าแกยังไงล่ะ เมอร์ซี่ ทันเดรียส..."
         
    หัวหน้าหน่วยแห่งกองโจรหมวกดำ ที่หมายตาและขโมยลูกแก้วทั้ง 12 ไป จากอาณาจักรพัลเลเทียเมื่อไม่นานมานี้ 
          "
    ฮิโนะ...!"
          "
    วะ หวา~ คนนี้น่ากลัวจังฮะ~"
         
    ยังไม่ทันไรหลังจากที่ลูกแก้วกระจาย กันไปคนละทิศ เจ้านี่ก็หาเจอลูกหนึ่งแล้ว จะประมาทไม่ได้ ไม่รู้ว่าเจ้านั่นจะเก็บลูก แก้วไว้กับตัวรึเปล่า
          "
    ข้าไม่คิดเลยจริงๆ ว่าเด็กอย่างเจ้า..."
         
    สถานการณ์เริ่มตึงเตรียดขึ้นอีกครั้ง คน ที่อยู่ตรงหน้าผมคือศัตรูคู่อาฆาตที่เคยเจอ กันที่พัลเลเทียและที่ถ้ำมังกร ระหว่างที่ตั้ง ท่าเตรียมต่อสู้ เจ้านั่นก็เริ่มพูดประโยคที่ ชวนให้คิดว่าเป็นตัวร้ายในละครน้ำเน่า
          "...
    จะเป็นพวกโรคจิตที่ชอบดูสาวโป๊!"
         
    วินาทีนั้น เท้าก็ลื่นพรืดจนเกือบจะลง ไปนอนกองอยู่บนพื้น
          "
    ไม่ใช่เฟ้ย!!! อย่างน้อยๆฉันก็ตั้งใจ คลุมผ้าไว้ให้เขาแล้วนะ!"
          "
    คุณเมอร์ซี่เขาจงใจตบตาพวกแกต่าง หากล่ะ!"
         
    ดราโก้ปรากฏตัวออกมาให้ฮิโนะเห็น แต่เจ้านั่นก็ทำทีเป็นไม่สนใจ
          "
    หึ! อย่างนั้นเองเรอะ ก็นับว่าน่าชื่นชม ที่เข้ามาถึงนี่ได้โดยไม่มีใครสงสัยเลย ที แรกนึกว่าจะมีเอะใจซักคนสองคนซะอีก"
          "
    อะไรนะ หมายความว่าไง?!"
         
    ประโยคชวนพิศวงนั่นทำยังไงก็ไม่ สามารถมองข้ามไปได้ ผมจึงถามกลับไป ด้วยความฉงน
          "
    ที่จริงต้องบอกว่าข้ารู้ตั้งแต่แรกแล้วว่า แกแอบเข้ามาที่นี่ พลังสายฟ้าในตัวแกยัง มีล้นเหลือเหมือนเคยนะ
         
    นี่มันจับกระแสพลังของเรางั้นเหรอ... ทำได้ยังไงกันน่ะ?! แต่นอกจากนี้ยังมีอีก เรื่องที่มองข้ามไปไม่ได้เช่นกัน
          "
    งั้นทำไมถึงไม่จัดการฉันซะตั้งแต่แรก ล่ะ? แค่ประกาศว่าฉันเข้ามากองโจรก็คง จะโกลาหลกันไปหมดเพื่อตามหาฉันเป็น ว่าเล่นเลยนี่?"
          "
    ข้าอยากจะจัดการแกด้วยมือของข้า น่ะสิ ถึงได้ออกมาหาแกเอง"
         
    อย่างนี้นี่เอง แต่พอข้อสงสัยหนึ่งคลาย ปม อีกข้อสงสัยก็ผุดเข้ามาอีก
          "
    งั้นทำไมพึ่งจะมาเอาป่านนี้ล่ะ?!"
          "
    หึๆๆ"
         
    เสียงหัวเราะราวกับว่าตัวเขาเองเป็นผู้ อยู่เหนือทุกสิ่งบนโลกใบนี้ สีหน้านั้นราว กับเป็นจ้าวผู้ปกครองมนุษย์ทั้งมวล ในที่ สุดเขาก็เอ่ยปากขึ้น
          "
    ข้าก็หลงทางเหมือนกัน"
         
    แรงเสียดทานบนพื้นหายไปในพริบตา ผมเกือบจะล้มหัวคะมำลงไปอีกเป็นครั้งที่ สองซะแล้ว
          "
    ซะอย่างนั้นนะฮะ..."
          "
    นายเป็นตัวร้ายจริงป้ะเนี่ย..."
         
    ผมถามขึ้นอย่างเอือมระอา
          "
    ข้าน่ะไม่ใช่ผู้ร้ายหรอก พวกเราเองก็ เป็นผู้ที่อยู่บนเส้นทางแห่งความถูกต้อง ต่างหากล่ะ!"
         
    อะไรกันน่ะ หมายความว่ายังไงกันที่ พูดออกมาอย่างนั้น
          "
    มนุษย์อย่างพวกเรานั้นแสนโง่เขลา ยกความฉลาดอันน้อยนิดของตัวเองขึ้น บังหน้าเพื่อข่มคนที่ด้อยกว่า ยกตัวเป็น ผู้ปกครองในขณะที่ผู้ด้อยโอกาสต่างนอนกลางดินกินกลางทราย ข้าไม่ยอมรับระบบ ชนชั้นวรรณะแบบนั้นหรอก!"
    นี่เองสินะเป้าหมายของกองโจรหมวก ดำ แต่ก็เหมือนเดิม ข้อสงสัยอื่นก็เกิดขึ้น อีก
          "
    งั้นทำไมต้องปล้นสะดมชาวบ้านด้วย ล่ะ?!"
          "
    ที่ทำไปก็เพื่อบรรลุอุดมการณ์ของพวก เรายังไงล่ะ! เด็กอย่างแกไม่มีวันเข้าใจ หรอก!!!"
         
    ถึงได้ถามอยู่นี่ไง
         
    ดูท่าจะหมดเวลาคุยแล้ว ฮิโนะชักดาบ เล่มยักษ์ออกมา ใบดาบสีแดงเพลิงที่มีด้าม จับที่สลักเป็นรูปอสูรที่ดูแล้วน่าสยดสยอง ยิ่งนัก เป็นดาบที่ควรจะเรียกได้ว่าเป็นดาบ มารเลยทีเดียว ประกายไฟสีชาดพวยพุ่ง ออกมาจากร่างอันใหญ่โตของฮิโนะ
          "
    น่าเสียดายฝีมือของแกนะ แต่ตายซะ เถอะ!"
          "
    ประโยคนั้นออกจะเชยไปหน่อยนะ ไปหลบซะดราโก้!"
          "
    ฮะ!"
         
    ผมชักดาบไรริวออกมาจากฝักพลาง บอกให้ดราโก้ไปซ่อนตัวซะเพื่อจะได้ไม่ ต้องได้รับอันตราย
    คลื่นพลังมหาศาลแผ่ซ่านออกมาจาก ตัวของฮิโนะและตัวของผมเอง บัดนี้การ ต่อสู้ระหว่างดาบเพลิงสีชาดกับดาบอัศนีสีครามกำลังจะเปิดฉากแล้ว
         
    ผู้ใช้ดาบสีชาดเปล่งประกายสีแดงเพลิง ตรงเข้าจู่โจมฟาดดาบลงมาอย่างเต็มแรง ผมจึงใช้ดาบสีครามที่เปล่งประกายแสงสาย ฟ้าป้องกันเอาไว้แล้วฟันกลับไปเพื่อสลัด ให้หลุด ดาบของฮิโนะแรงใช่ย่อยขนาดที่ ว่าแรงของผมแทบกันไว้ไม่อยู่
          "
    ย้ากกกกก!!!"
         
    เสียงร้องคำรามของนักรบดังก้องไปทั่ว บริเวณที่ไม่มีพยานเห็นเหตุการณ์อยู่นอก จากลูกมังกรที่มีอายุแค่ 9 ปีมนุษย์
    ประกายแสงสายฟ้าถูกลากเป็นทางยาว ฟาดไปยังทิศทางที่ผู้ใช้ดาบเพลิงยืนตระหง่านอยู่
          "
    ดาบแสงอัศนีบาต!!!"
          "
    ดาบเพลิงโลกันต์สังหาร!!!"
         
    ฮิโนะฟาดดาบอย่างแรงจนเกิดเปลว เพลิงมหาศาลที่ลุกโชนอย่างน่ากลัวตรงเข้าจู่โจม แต่มันก็เข้าปะทะกับคลื่นแสงสาย ฟ้าจากดาบของผมจนสลายไปทั้งคู่ ไม่สิ ยังเหลือเปลวเพลิงที่ทะลุผ่านมาได้อยู่
          "
    อึก!"
         
    ผมใช้ใบดาบรับเอาไว้ แต่แรงปะทะนั่น ก็ไม่ใช่น้อยๆเลย
          "
    จะกำจัดแกนั้นง่ายแสนง่าย แต่เพื่อ ความไม่ประมาท ข้าคงต้องกำจัดแกทิ้งด้วย พลังสูงสุดละนะ!"
          "
    นะ นั่นมัน!!!"
         
    มือซ้ายของนักรบเพลิงสีชาดเอื้อมเข้า ไปในกระเป๋าคาดเอวใบเล็กๆที่อยู่ตรงด้าน ข้างของลำตัว สิ่งที่หยิบออกมานั้นทำให้ผม ตกใจเล็กน้อย
         
    มันมีรูปร่างเป็นทรงกลมงดงามราวไข่ มุก ส่องประกายสีฟ้าครามราวกับท้องทะเล ประกายแสงจากมันนั้นสัมผัสได้เลยว่ามี อานุภาพมหาศาล
          "
    ลูกแก้วอัศนียังไงล่ะ ในที่สุดข้าก็เจอ มันอยู่ในกองคาราวานที่มุ่งหน้ามาที่นี่ เจ้า พวกนั้นเป็นคนเก็บได้และเสนอขายให้ข้า ช่างโง่เขลายิ่งนัก"
         
    อันตรายซะแล้วสิ เจ้านั่นคิดจะใช้ลูก แก้วอัศนีงั้นเหรอ
          "
    กับพลังสายฟ้าของแก ข้าจะใช้สายฟ้า ศักดิ์สิทธิ์เพื่อกำจัดแกให้ได้!!!"
         
    ราวกับปาฏิหารย์ ลูกแก้วเปล่งประกาย อย่างแรงกล้าตอบสนองต่อความทะเยอทะ ยานของฮิโนะ ประกายแสงสายฟ้าเข้าปก คลุมดาบของฮิโนะจนส่องประกายอย่าง เจิดจรัส
          "
    ดาบเพลิงอัศนี!!!"
         
    โดยที่ไม่ทันจะได้ทันตั้งตัว ฮิโนะก็ ฟาดกระแสไฟฟ้าเข้าจู่โจม เปลวเพลิงสี ฟ้าครามที่เคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูงเสียจน มองไม่ทันและดูน่ากลัวเข้าโจมตีผมเต็มแรง
          "
    อ๊าาากกกกกก!!!"
         
    ผมกรีดร้องอย่างทรมานและเจ็บปวด แสนสาหัสเนื่องจากพลังอันมหาศาลที่เกิด จากการประสานพลังของไฟและสายฟ้า
          "
    ฮึ! คราวก่อนข้ามัวแต่หลงระเริงที่ได้ กุมพลังทั้งสิบสองไว้ในมือเลยประมาทไป หน่อย แต่คราวนี้ไม่เป็นแบบนั้นแน่! ข้า จะใช้ลูกแก้วแค่ลูกเดียวปลิดชีวิตแกให้ดู!!!"
          "
    อึก...แย่แล้ว..."
          "
    คุณเมอร์ซี่!!!"
          "
    อย่าเข้ามา!"
         
    พอเห็นดราโก้ทำท่าจะวิ่งเข้ามา ผมจึง รีบปรามไว้ด้วยการยกมือซ้ายไปข้างหลัง กางนิ้วออกให้มังกรน้อยเห็น ดราโก้จึง หยุดวิ่ง
          "
    เจ้านี่...อันตรายเกินไปแล้ว..."
          "
    หึๆๆ"
         
    เสียงหัวเราะราวกับปีศาจดังก้องขึ้นอีก ครั้ง ไม่ว่าจะฟังกี่ทีก็น่าสยดสยองไม่เคย เปลี่ยนแปลง
          "
    วาระสุดท้ายของแกแล้ว'เมอร์ซี่ ทันเดรียส' ตายซะเถอะ!"
         
    ฮิโนะพุ่งเข้ามาเต็มแรงราวกับเคลื่อนที่ ด้วยความเร็วแสง ทันทีที่ผมตั้งสติได้ก็รีบ ตั้งดาบรับไว้ทันที
         
    เคร้ง!!!
         
    เสียงใบดาบกระทบกันฟังดูโหดร้าย ทารุณยิ่งนัก แรงปะทะนั่นมหาศาลเสียยิ่ง กว่าเก่า เจ้าของดาบเพลิงสีชาดนั้นเงื้อดาบ ขึ้นสูงอีกครั้ง
          "
    ตายซะเถอะ!!!"
         
    แล้วเขาก็ฟันลงมาอย่างแรงจนผมยก ดาบกันไว้ไม่ทัน
         
    ฉั๊วะ!
          "
    อ๊ากกกก!!!"
         
    ในที่สุดดาบเล่มนั้นก็ฟันโดนตัวผมจน ได้ แต่โชคดีที่ผมก้าวหลบทันจึงไม่ถึงกับ อันตรายถึงชีวิต แต่บาดแผลที่ลากตั้งแต่ ไหล่ซ้ายลงมายังเอวขวาอย่างตื้นๆนี่ก็สาหัสเอาการ
          "
    คุณเมอร์ซี่!!!"
          "
    ตาย ตาย ตายตายตายตาย!!!"
         
    พยางค์ที่ถูกย้ำซ้ำๆนั้นยิ่งตอกย้ำให้เห็น ความสิ้นหวังอยู่เบื้องหน้าชัดเจนยิ่งขึ้นไป อีก คมดาบอันร้อนแรงฟันผ่านร่างผมไป เรื่อยๆอย่างรวดเร็วในขณะที่ผมยกดาบกันไว้ได้แค่บางส่วนเท่านั้น
          "
    อึก!!! อ๊าาากกก!!!"
          "
    วะฮ่าๆๆๆ แกมาได้แค่นี้แล้วล่ะเจ้าเด็ก เมื่อวานซืน!!!"
          "
    หยุดนะ!!!"
         
    ดราโก้พ่นไฟอ่อนๆที่แฝงความโกรธ ออกมาอย่างมาก
          "
    หึ! ลูกไฟแค่นี้ทำอะไรข้าไม่ได้ หรอก!!!"
         
    เพียงพริบตา ม่านเพลิงก็สลายหายไป ต่อหน้าต่อตาดราโก้ ซึ่งมันก็เป็นเรื่องที่พอ จะคาดเดาได้อยู่แล้วล่ะ แต่เพราะฮิโนะละ สายตาจากผมไป ผมก็เลยได้โอกาสตอบ โต้กลับ
          "
    ย้ากกกกก!!!"
          "
    โอ๊ะๆ!"
         
    ผมยกดาบขึ้นฟาดลงไปอย่างเต็มแรง แต่ก็ถูกกันไว้ได้อีกตามเคย
          "
    ยังจะดันทุรังสู้ต่ออีกงั้นเหรอ!"
          "
    อ๊าาาากกกกก!!!"
          "
    คุณเมอร์ซี่!!!"
         
    เสียงกรีดร้องอย่งทุกข์ทรมานของผม ดังขึ้นอย่างต่อเนื่องต่อไปเรื่อยๆโดยไม่มี ท่าทีว่าจะหยุด

     

    ***

     

          เสียงลมหายใจอันรวยรินของเมอร์ซี่ ดังก้องขึ้นในพื้นที่แห่งหนึ่งที่ไม่มีใครอยู่นอกจากเมอร์ซี่ ดราโก้ และฮิโนะ เปลง เพลิงสายฟ้าที่เปล่งประกายจากดาบและมือ ของฮิโนะนั้นส่งเสียงคำรามราวกับอสูรกาย
          "
    แกนี่มันตายยากตายเย็นซะจริง!"
          "
    คะ คุณเมอร์ซี่..."
         
    ดราโก้ยังคงหลบอยู่ ตัวของลูกมังกรตัว น้อยสั่นเทิ้มด้วยความหวาดกลัว
          "
    หืม?!"
         
    ร่างของเด็กหนุ่มที่อาการปางตายค่อยๆ พยุงตัวขึ้นจากพื้นหินในวงกตใต้ดินของ ฐานทัพกองโจร ปลายดาบไรริวนั้นชี้ไป ทางฮิโนะ
          "
    ยังคิดจะสู้อีกเหรอ สภาพนั้นไม่ตายก็ เลี้ยงไม่โตแล้วมั้ง?!"
         
    ถึงจะถูกพูดจาเย้ยหยัน แต่ใบหน้าของ เด็กหนุ่มก็ยังไม่สูญเสียซึ่งรอยยิ้ม
          "
    ฉันน่ะ...เคยคิดนะ...ว่าจะสามารถ แย่งลูกแก้วมาจากนาย...โดยไม่ต้องต่อสู้ กันได้รึเปล่า...ฉันน่ะ...แต่ไหนแต่ไรแล้ว...ไม่เคยคิดอยากจะต่อสู้เลยซักนิด...แต่ ว่า..."
         
    บรรยากาศตึงเครียดถึงขีดสุด ในขณะ ที่เด็กหนุ่มกำลังพูดประโยคสุดท้ายที่อยาก จะพูด ณ เวลานั้น เหมือนมีลำแสงเปล่ง ประกายออกมาจากตัวของผู้ใช้ดาบไรริว
          "
    ฉันจะมาตายอยู่ตรงนี้...ไม่ได้อย่าง เด็ดขาด!!!"
          "
    คุณเมอร์ซี่?!!"
          "
    อะไรกัน?!!"
         
    พลังงานมหาศาลพวยพุ่งออกมาจาก ร่างที่ดูคล้ายกับครึ่งเป็นครึ่งตาย
          "
    ถ้าจะให้พูดละก็ ที่ผ่านมาฉันไม่ได้ตั้ง ใจจะสู้กับนายน่ะ!"
          "
    อะไรนะ!!!"
          "
    ขอโทษนะ...แต่ลูกแก้วนั่นน่ะยังไง ก็ต้องเอากลับไปให้ได้ เพื่ออาณาจักรของ ฉัน"
          "
    ไม่เห็นต้องขอโทษเลยครับ!!!"
         
    ร่างนั้นเปล่งประกายอันแข็งแกร่งอย่าง ไม่น่าเชื่อว่าจะถูกเล่นงานจนลงไปนอน ฟุบอยู่เมื่อครู่นี้
          "
    กะ แกเป็นใครกันแน่?!! ทำไมถึง ได้...?!!"
          "
    ก็แค่เด็กชาวนาธรรมดานั่นล่ะ!"
          "
    ไม่เชื่อเฟ้ย!"
         
    เด็กหนุ่มนัยน์ตาสีครามพุ่งตัวเข้าใส่ร่าง อันใหญ่โตของฮิโนะ โจมตีโดยใส่แรงลง ไปในดาบที่พุ่งไปอย่างเต็มที่ แสงสายฟ้า สีครามลากเป็นเส้นยาวพาดผ่านทางเดิน ไปยังดาบของฮิโนะ
          "
    อึก! อ๊าาากกกกกก!!!"
         
    แรงกระทบที่เกิดขึ้นถึงกับทำให้ฮิโนะ กระเด็นไปอย่างรุนแรง เพียงแค่การสัมผัส ระหว่างปลายดาบสายฟ้าของเมอร์ซี่กับใบ ดาบเพลิงของฮิโนะเท่านั้น
          "
    คะ คุณเมอร์ซี่?!!"
          "
    ไม่เป็นไร ฉันยังไหว"
          "
    แต่สภาพแบบนั้น..."
         
    ตอนนี้รอบตัวของเด็กหนุ่มเต็มไปด้วย ประกายแสงสายฟ้าที่พวยพุ่งอย่างรุนแรง ราวกับปลดผนึกพลังที่เก็บซ่อนไว้ออกมา จนหมด
          "
    กะ แก...!"
          "
    ย้ากกกก!!!"
         
    ใบดาบกระทบกันอีกครั้ง เสียงโลหะ ก้องกังวาลครั้งแล้วครั้งเล่า จนในที่สุด
         
    เพล้ง!
         
    ดาบที่ลุกโชนด้วยเพลิงอันร้อนแรง แตกเป็นเสี่ยงๆไปต่อหน้าต่อตาผู้ใช้
          "
    อะไรกัน เป็นไปไม่ได้!"
         
    แสงจากลูกแก้วแห่งสายฟ้าในมือของ ฮิโนะยังคงเปล่งประกายแรงกล้าแม้ว่าผู้ใช้ จะสูญเสียอาวุธไปแล้ว
          "
    เพื่อสันติสุขทั้งมวล เพื่ออาณาจักร เพื่อทุกคนที่เคารพรัก จงรับการลงทัณฑ์ จากฟากฟ้า ณ บัดนี้!!!"
          "
    ข้ายังไม่ยอมแพ้หรอก อะ อ๊ากกก!!!"
         
    ฮิโนะตั้งท่ายื่นลูกแก้วสายฟ้าออกมา เบื้องหน้าราวกับจะใช้พลัง แต่ลูกแก้วนั้นก็ เปล่งประกายเจิดจ้าอย่างมหาศาลกว่าที่ ผ่านๆมาคล้ายกับจะระเบิดออก
         
    ราวกับว่ามันกำลังตอบสนองต่อหัวใจ และจิตวิญญาณอันเร่าร้อนของเมอร์ซี่
         
    ท่วงทำนองแห่งอัสนีบาตเริ่มบรรเลง ดาบไรริวเปล่งประกายอย่างเจิดจรัสตอบ สนองต่อพลังของลูกแก้วสายฟ้า
          "
    ดาบมังกรอัสนี(Thunder Dragonoid)!!!"
         
    พลังเวทสายฟ้าที่ดูรุนแรงพวยพุ่งจาก ดาบเล่มนั้นราวกับจะทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า มังกรกายครามที่ทั้งตัวปกคลุมไปด้วยการ ลงทัณฑ์จากทวยเทพ'ประกายแสงอัสนีบาต'พุ่งถาโถมเข้าสู่ศัตรู
          "
    อะไรกัน?! พลังรุนแรงขนาดนั้น?!!"
         
    ฮิโนะตั้งท่าจะใช้ดาบรับการโจมตีไว้ แต่การโจมตีที่รุนแรงขนาดนั้นต่อให้ดาบ ยังอยู่ในสภาพสมบูรณ์เต็มที่ก็คงไม่อาจต้านเอาไว้อยู่
    แล้วยิ่งดาบตกอยู่ในสภาพหักไปโดย สมบูรณ์เช่นนี้ยิ่งเป็นไปไม่ได้เด็ดขาด
          "
    อ๊ากกกกกกกกกกกก!!!!!!!!!!!!"
         
    ตูมมมมมมมมมมมม!!!
         
    พลังมหาศาลตรงเข้าจู่โจมขุนโจรเบื้อง หน้าจนเกิดระเบิดขึ้นภายในวงกตใต้ดิน พื้นที่เสียหายเป็นวงกว้างราวกับว่าตัวอาคารด้านบนอาจจะถล่มลงมาเมื่อไหร่ก็ได้
         
    ไม่สิ ระเบิดแรงอย่างนี้ถ่มลงมาแน่ นอน
          "
    หวาย!!! ระเบิดแรงเกินไปแล้วแฮะ"
          "
    แค่กๆ!!!"
         
    เมอร์ซี่กับดราโก้โดนแรงระเบิดเข้าไป เต็มๆ จึงได้เดินโซซัดโซเซอยู่ตรงนั้น ถึง แม้จะไม่ได้สาหัสแต่ผลกระทบจากแรง ระเบิดนั่นก็ไม่ใช่ธรรมดา
         
    จะว่าพลังนั่นออกมาจากดาบของ เมอร์ซี่ก็อาจได้ แต่มีปัจจัยบางอย่างที่ส่งผล ให้พลังที่ถูกปล่อยออกมานั้นมีพลังงานอยู่ ในขั้นมหาศาล
          "
    หรือว่า...เพราะลูกแก้วนะฮะ?"
          "
    จริงๆเล้ย~! อ่านนิยายมาก็หลายเรื่อง แต่ก็ไม่เคยเจอพวกอุปกรณ์ที่จะช่วยเหลือ ตัวละครแบบนี้เลยแฮะ ถ้าจะช่วยส่งพลังมา ก็น่าจะบินมาหาหน่อยสิ ดูซินั่น ยังค้างอยู่ ในมือเจ้านั่นอยู่เลย"
          "
    เอ่อ...คุณเมอร์ซี่ฮะ?"
          "
    อะไรเหรอ?"
          "
    พวกเราเป็นตัวละครในเรื่องอะไร เหรอฮะ?"
         
    คำถามนั่นพาเอาเมอร์ซี่เกิดรู้สึกกระอัก กระอ่วนขึ้นมา ในใจของเด็กหนุ่มก็กำลัง คิดว่า'ทำไมรู้สึกแหม่งๆกับไอ้คำถามนี้จัง แฮะ?'
          "
    อะ เอาเป็นว่าเรารีบหาทางออกเถอะ แล้วก็..."
         
    เมอร์ซี่ไม่ลืมที่จะหยิบลูกแก้วนั่นไป ด้วย เท่านี้ภารกิจตามหาลูกแก้วของเขาก็ คืบหน้าไปบ้างแล้ว
          "
    ขอเจ้านี่ละกันนะ..."
         
    เพดานของจุดที่ทั้งสองคนยืนอยู่กลาย เป็นรูโหว่ขนาดใหญ่ราวกับมังกรทะยาน ผ่านขึ้นไปบนฟากฟ้า รูนั่นเชื่อมต่อไปจน ถึงบนพื้นดินเลยทีเดียว
         
    นอกจากนั้นพวกโจรที่อยู่บริเวณนั้น ต่างก็พากันสลบไสลไม่ได้สติเพราะถูกพลังอันมหาศาลนั่นเล่นงาน
          "
    ก็นะ...ในความโชคร้ายมักมีโชคดีปน อยู่บ้างล่ะ"
          ...
         
    เสียงตะโกนก้องของเหล่าทหารยาม ของวิริเดียนดังก้องอยู่ท่ามกลางความคับ คั่งของบริเวณที่เคยเป็นทางสัญจรกับตลาด วิริเดียนก่อนถูกกองโจรยึด หลังจากจบ เรื่องวุ่นๆแล้วเมอร์ซี่ก็มุ่งหน้าเดินจากมา จนกลับเข้าสู่ถนนที่จะพาไปยังโรงแรมของเขา เด็กหนุ่มรู้สึกเสียใจที่ปล่อยให้ตลาด นั่นพังทลายไปท่ามกลางเสียงกรีดร้องของ ชาวบ้านแถบนั้น ถึงจะบอกว่าสู้ไม่ไหวแต่ จริงๆแล้วก็แอบช่วยบ้างเหมือนกัน นั่นคือ สาเหตุสำคัญที่ทำให้ไม่มีใครตายหรือไม่มี ใครได้รับความเสียหายมากจนเกินไป เอา จริงๆถ้าสู้กันตรงๆต่อหน้ากองโจรจำนวนขนาดนั้นยังไงก็ต้องแพ้อยู่แล้ว เด็กหนุ่ม รู้เรื่องนี้ดีจึงได้พยายามช่วยอย่างไม่เปิดเผย พยายามไม่ให้พวกมันรู้ แต่ถึงอย่างนั้น พวกโจรก็ยังขนของกลับไปได้เยอะอยู่ดี ดังนั้นเด็กหนุ่มจึงตั้งใจจะไปขอโทษเจ้าผู้ ปกครองอาณาจักรพรุ่งนี้
          "
    แต่ก็ไม่รู้อีกนั่นแหละว่าเขาจะยอมให้ เข้าเฝ้ากับเรื่องแค่นี้มั้ย อาจจะคิดมากไปก็ ได้แฮะเรา..."
          "
    มีอะไรเหรอฮะ?"
          "
    เปล่าหรอก ไม่มีอะไร"
         
    แต่ว่า มีอยู่เรื่องนึงที่เมอร์ซี่ยังไม่ได้ บอกดราโก้
         
    กองโจรไม่ได้มีแค่หน่วยของฮิโนะ เท่านั้น ยังมีหน่วยอื่นๆอยู่อีกนับไม่ถ้วน ซักวันพวกเขาคงต้องปะทะกับเหล่ากองโจรพวกนั้น
         
    แต่ที่จริงนั่นเป็นหน้าที่ของ'ผู้กล้า'ไม่ ใช่เหรอ เขาคิดอย่างนั้นพลางเดินหน้าไป เรื่อยๆ
         
    ตัวเมอร์ซี่เองก็บาดเจ็บเอาการ ดังนั้น เขาเลยตั้งใจว่าจะต้องพักรักษาตัวอยู่ที่นี่ อีกซักวันหนึ่ง ทั้งๆที่บาดเจ็บขนาดนั้นก็ ควรจะต้องอยู่ซักหลายๆวันแท้ๆ
         
    เมอร์ซี่ตัดสินใจได้ดังนั้นก็รีบเดินกลับ ไปยังโรงแรม แต่ตอนนั้นเอง
          "...?!!"
         
    กระแสพลัง...เขาสัมผัสได้ถึงพลังเวท ที่แข็งแกร่งพอควร เขารู้สึกได้ว่ามีใครบาง คนสะกดรอยตามมาจากทางด้านหลัง
         
    รึว่าอาจจะเป็นพวกโจรที่แอบตามมาก็ ได้ แต่จะว่าไปพวกโจรก็น่าจะถูกจับไป หมดแล้วนี่ หรืออาจจะเป็นตาลุงขี้เมาที่ยัง คงเตร็ดเตร่อยู่ท่ามกลางยามวิกาลก็ได้ แต่ แค่ชาวบ้านธรรมดาไม่น่าจะทำให้เขาที่ไม่ ได้ฝึกพลังเวทสามารถสัมผัสถึงกระแสพลัง ที่ทำให้รู้สึกคุ้นเคยนี้ได้
    นอกจากนี้เขายังรู้สึกได้ว่าเงาปริศนา เบื้องหลังนั้นพุ่งเป้ามาที่ตัวเขาด้วยความ เร็วสม่ำเสมอ รักษาระยะห่างเอาไว้พอควร
         
    ระหว่างที่กำลังกังวลอยู่นั้น โรงแรม วิริเดียนเซ็นเทร(เขาคิดว่าน่าจะอ่านว่า อย่างนั้น)ก็ปรากฏขึ้นเบื้องหน้า จะให้คนที่ ไม่รู้อะไรมารับเคราะห์ไปด้วยก็คงไม่ได้ อีกอย่างหนึ่งเงาเบื้องหลังก็ทำท่าว่าจะลังเล ว่าจะตามมาดีมั้ยก่อนจะเร่งฝีเท้าขึ้นอย่าง รวดเร็ว เด็กหนุ่มเลยคิดว่าคงต้องจัดการ ให้เสร็จๆไป
          "
    ดราโก้ หลบ"
          "
    หือ?!"
         
    เมอร์ซี่กับดราโก้ทะยานเข้าไปหลบใน ตรอกเล็กๆในความมืดอย่างรวดเร็ว เขาตั้ง ใจจะหลบอยู่แบบนั้นซักพัก
         
    ถ้าเป็นชาวบ้านที่บังเอิญผ่านมาก็คงจะ เดินผ่านไปเฉยๆอย่างนั้น แต่ถ้าเป็นคนที่ สะกดรอยตามเขามาจริงจะต้องลนลานที่ คลาดจากเด็กหนุ่มไปบ้างละมั้ง เมอร์ซี่คิด อย่างนั้นพลางปิดปากดราโก้ไว้
          "
    มาแล้ว..."
          "
    อื๋อ~?"
         
    เสียงฝีเท้าดังขึ้นเรื่อยๆโดยไม่มีทีท่าว่า จะเงียบลง แต่เพราะร่างของเด็กหนุ่มหาย ไปจากสายตาจึงร้อนรนทำอะไรไม่ถูก หัน ซ้ายแลขวาอยู่ตรงนั้นก่อนจะเดินมองหา ร่างของเด็กหนุ่ม เมื่อไม่เจอจึงได้แต่ยืน เหม่อมองไปยังตึกสูงเบื้องหน้า ที่พักของ เมอร์ซี่
          "
    ใช่จริงๆซะด้วย"
          "
    หื้อ! อื้ออือ!"
          "
    เงียบไว้ก่อนดราโก้..."
         
    เงาร่างนั้นยังคงลังเลอยู่ว่าจะทำยังไง ต่อไปราวกับว่าพอเมอร์ซี่หายไปก็ไม่รู้จะ ไปทางไหนต่อ แต่เงาร่างนั้นก็ยังคงเหม่อ มองไปยังโรงแรมเบื้องหน้าอยู่ไม่เปลี่ยน ไปจากเดิม
         
    เมอร์ซี่เห็นดังนั้นจึงให้สัญญาณดราโก้ ให้ซ่อนตัวอยู่ก่อนเงียบๆ จากนั้นเด็กหนุ่ม จึงค่อยๆย่องออกไป
          "
    แอบเดินตามคนอื่นมันไม่ดีนะ"
          "
    ว๊าาายยยยยย!!!"
         
    เมอร์ซี่ใช้นิ้วชี้ทั้งสองจิ้มลงไปบนด้าน ข้างของเอวที่เพรียวบาง ร่างนั้นสะดุ้ง เฮือกราวกับไม่คาดฝันว่าจะถูกจับได้ว่า สะกดรอยตามมา และก็คงจะสะดุ้งเพราะ ถูกจิ้มด้วย ทันทีที่รู้ว่าเมอร์ซี่อยู่เบื้องหลัง ร่างนั้นก็ห่อไหล่ลงราวกับสูญเสียความกล้า หน้าด้านที่ชายหนุ่มคิดว่าเป็นเครื่องหมาย การค้าของ'เธอ'ไป
          "
    คิดจะมาทำอะไรอีกล่ะ ดึกดื่นป่านนี้ เธอควรจะนอนได้แล้วนะ รึมีเรื่องเคือง อะไรฉันรึเปล่า?"
          "
    ไม่ใช่นะ..."
         
    เสียงนั่นฟังแล้วรู้สึกว่าเด็กสาวที่ยืนอยู่ ข้างหน้าตัวเองตอนนี้ว่าง่ายกว่าที่คิด เส้น ผมสีบานเย็นที่ถูกความมืดและแสงไฟย้อมจนดูเป็นสีม่วงนั้นปลิวไสวไปตามแรงลม ยามค่ำคืน ใบหน้าที่ดูเศร้าสร้อยนั้นดูกี่ครั้ง ก็ยังคงงดงาม
         
    คิฟุโคะนั่นเอง
         
    เธอยืนไร้เรี่ยวแรงอยู่เบื้องหน้าเมอร์ซี่ และหันเฉพาะหน้ากลับมาด้วยท่าทางกล้าๆ กลัวๆ ท่าทีของเด็กสาวดูต่างจากเมื่อตอน เย็นราวกับเป็นคนละคน
         
    แต่ท่าทางนั่นกลับเหมือนจะไปกระตุ้น อะไรบางอย่างในตัวเมอร์ซี่ เด็กหนุ่มจึงยืน นิ่งเงียบอยู่อย่างนั้นราวกับจะรอฟังสิ่งที่ เด็กสาวอยากจะพูด
          "
    คุณคิฟุโคะ! มาทำไรที่นี่ล่ะครับ?"
         
    ดราโก้ทะยานออกมาจากตรอกแคบๆ ด้วยท่าทางสงสัยว่าเมอร์ซี่จะสั่งให้รออยู่ ก่อนทำไมก่อนจะนึกได้ว่าเมอร์ซี่ยังไม่ได้ สั่งให้ออกมาได้ แต่เด็กหนุ่มก็ดูท่าทางจะ เฉยๆ
          "
    คะ คือว่า..."
          "
    เป็นอะไรไปน่ะ ไม่สบายตรงไหนรึ เปล่า"
          "
    ไม่ใช่..."
          "
    รึว่าจะมาชวนทะเลาะอีกตามเคย? ไม่ เอาน่า คนยิ่งเหนื่อยๆอยู่"
          "
    ไม่นะ...คือว่า...ฉัน..."
          "
    ฉัน?"
          "
    ฉันอะไร?"
         
    ในที่สุดคิฟุโคะก็หันกลับมาคุยด้วยดีๆ มือทั้งสองข้างกุมอยู่บริเวณเบื้องหน้าทำท่า เหมือนกังวล ดูมีมารยาทสุดๆจนเหมือน เป็นคนละคนกับคิฟุโคะยามปกติเลย
          "
    ฉัน...ขอค้างที่นี่ด้วยได้มั้ย...?"
         
    วินาทีที่ประโยคนั้นสิ้นสุด เมอร์ซี่ก็ได้ แต่ยืนตรงนิ่งอึ้งด้วยท่าทางที่ดูน่าสมเพช อยู่ตรงนั้นและขยับไม่ได้อยู่อีกหลายวินาที

     

    *โทก้า หมายถึง เครื่องแต่งกายของโรมันโบราณ ลักษณะเป็นผ้า

     

     [ตัวอย่างตอนต่อไป]
          "
    ไปมาแล้วก็หลายที่ แต่ไม่ว่าจะที่ไหนๆก็มีแต่คนที่มักจะเสียใจเพราะสิ่งที่ตัวเองทำไว้ในอดีต คุณปู่เคยพูดเอาไว้ เส้นทางกาลเวลาจะไม่สามารถไปเปลี่ยนแปลงได้ ดังนั้นให้ตัดสินใจให้รอบคอบก่อนจะลงมือทำนะ"
         
    ว่าพลางเธอก็กำมือหลวมๆแล้วชี้นิ้วขึ้นฟ้า เก๊กหน้าหล่อซะกลายเป็นน่ารัก นอกจากนี้ตั้งแต่คำว่า'คุณปู่เคยพูดเอาไว้'ยังทำเสียงเข้มซะน่ารักอีกต่างหาก ไม่เคยคิดจะเปลี่ยนแปลงตัวเองเลยสินะ...
          "
    เธอเป็นใครกันแน่"
          "
    ก็แค่จอมเวทที่ผ่านทางมาไงล่ะ จำใส่สมองไว้ซะ!"
          ว่าแล้วเธอก็เผลอยื่นพลั่วในมือมาข้างหน้า ทำมือเหมือนกับกำลังถือตราอะไรซักอย่าง

          "
    นั่นไง ว่าแล้วเชียวว่าเธอต้องเป็นแฟนคาเมนมาจิสึ"
          "
    ว๊าย! หลุดปากไปซะแล้ว"
          "
    แล้วอีกอย่าง เธอก็ยังไม่ได้เป็นจอมเวทนี่"
          "
    หนอยแน่~ อีตาบ้าเมอร์ซี่! จงนับบาปที่นายทำไว้ซ้า~!"
          "
    ไม่นับเฟ้ย!"
          "
    จะจัดการนายไปแบบนัน-สต๊อปเลยคอยดู!!!"


     [ช่วงคุยกับคนเขียน]
         
    ต้องขอโทษผู้อ่านทุกท่านจริงๆ(เปิดมา ก็ขอโทษเลยเรอะ...)ที่หายไปนาน...เนิ้น นานแสนนาน~ เอาเป็นว่านานมากๆ ตั้ง เดือนกว่าๆ ไม่คิดจะแก้ตัวว่าไม่ว่างหรอก นะฮะ(ถึงจะไม่ว่างจริงๆก็เหอะ) เอาง่ายๆ คือผมหายไปนานซะจนผ่านไปหนึ่งเดือน แล้วก็ยังไม่ได้เขียนต่อจนมานึกขึ้นได้ว่า เรายังเขียนนิยายค้างไว้อยู่เลยนี่หว่า! ไม่ได้การ ต้องรีบแต่งต่อให้จบซะแล้ว! พอดีว่ามันยุ่งกับหลายๆเรื่องน่ะครับ(ไหน บอกจะไม่แก้ตัวไง?!) และแล้วผมก็ได้ค้น พบว่าอะไรคือแรงบันดาลใจที่ทำให้ผมสามารถแต่ตอนนึงจบได้อย่างรวดเร็ว คำตอบก็ คือช่วงเวลาที่โคตรว่างยังไงล่ะครับ พอมัน ว่างก็จะรู้สึกเบื่อ พอเบื่อปุ๊บก็จะหยิบนิยาย ขึ้นมาอ่าน(อ่าว! ไม่แต่ต่อเหรอ?) และ เพราะไม่นานมานี้เป็นวันหยุดยาวสามวัน และวันนี้ที่โรงเรียนมีนิทรรศการ ทำให้ ช่วงเวลาอันว่าง~ โคตรว่าง~ปรากฏตัวขึ้น มา เย้!!! ใจจริงก็อยากจะทำอย่างนั้นอยู่ หรอก(ก็เขียนนิยายนั่นแหละ)แต่ก็ดั้น~! เอาเวลาไปอ่านนิยาย...ช่วงนี้ผมกำลังศึกษาแนวทางในการแต่งนิยายจากเรื่อง'ผู้ กล้าซึนซ่าส์กับจอมมารสู้ชีวิต'ซึ่งที่ไทยมี วางจำหน่ายจนถึงเล่ม 6 แล้ว!(เชียร์เอมิ รัวๆ -w-") กลับเข้าเรื่องๆ การได้อ่านเล่ม นี้นอกจากจะฮาเหมือนเดิมแล้วยังได้เห็น ด้านซึนๆของคู่ผู้กล้าจอมมารมากขึ้น เอ๊ย! ไม่ใช่สิ! จะบอกว่าได้แนวทางใหม่ๆใน การแต่งนิยายได้มากขึ้นต่างหาก ซึ่งหลัก สำคัญที่ผมได้พบก็คือแต่งให้ยืดเข้าไว้ ดังนั้นผมเลยคิดว่าจากปกจิที่ผมจะแต่ตอน ละสองช่วงแล้วเอามาลงทีเดียว ผมจะ เปลี่ยนเป็นสามช่วงแทน ดังนั้นตั้งแต่ตอน นี้เป็นต้นไป นิยายแต่ละตอนของผมจะ ยาวขึ้นเป็น 3/2 เท่า(มั้งนะ?) อ่า...ก็ จากเดิม 2 ช่วง ตอนนี้ 3 ช่วง จะหาว่าเพิ่ม ขึ้นเท่าไหร่ก็ต้องหาว่า 2 คูณอะไรได้ 3 ก็จะได้ว่า 2X=3 ทีนี้พอแก้สมการก็จะได้ 3÷2 หรือ 3/2 เท่านั่นเอง ไม่เชื่อลองเอา 3/2 ไปคูณ 2 ดูแล้วกัน จะได้ 3 เป๊ะๆเลย!
         
    สุดท้ายนี้ก็ต้องขอบคุณผู้อ่านทุกๆท่าน ทั้ง 26 คนนะครับ จากสถิติที่เก็บไว้(ซึ่งไม่ รู้จะทนทำได้ซักกี่น้ำ)พบว่าเดือนธันวาปีที่ แล้วมีคนอ่าน 12 คน เดือนมกราที่ผ่านมามี 11 คน และเดือนกุมภานี้อีก 3 คน ยังไงก็ ขอบคุณมากนะฮะ ไว้เจอกันใหม่ครั้งหน้า ครับ อ้อ! ก่อนไป มีใครหาเจอมั้ยเอ่ยว่าผม ใช้เนื้อเรื่องจากผู้กล้าซึนซ่าส์กับจอมมารสู้ ชีวิตมาอะแด็ปเล็กน้อยในตอนนี้ ไม่บอก หรอกว่าเอามาจากเล่ม 1(อ้าว?! - -") ลอง หากันเล่นๆก็ได้นะครับ ไปจริงๆละ สวัสดี ครับ!


    [ช่วงคุยกับตัวละคร]
    คิฟุโคะ : ทำไมตอนนี้ฉันแทบไม่มีบท เลยเนี่ย?!!
    เมอร์ซี่ : ใจเย็นคิฟุโคะ...
    คิฟุโคะ : ไม่ยงไม่เย็นมันแล้ว! ไอ้คน เขียน กลับมานี่เลยนะ! มาคุยกันให้รู้เรื่อง!
    คนเขียน : อ้าวเฮ้ย! ก็บอกว่าจะไปแล้ว ไง!
    คิฟุโคะ : อย่างพึ่งไปสิเจ้าบ้า!!!
    คนเขียน : ไปละ บ๊ายบาย~
    เมอร์ซี่ : หวังว่าครั้งนี้จะไปจริงๆนะ...
    ดราโก้ : นั่นสิฮะ
    คิฟุโคะ : เดี๋ยวก่อน~!

     

    วันที่ลง : 14/2/60

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×