ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ᴅ ᴀ ᴛ ᴀ ᴅ ᴇ ɴ ᴀ s ᴄ ɪ ᴍ ᴇ ɴ ᴛ ᴏ

    ลำดับตอนที่ #1 : White

    • อัปเดตล่าสุด 5 มี.ค. 61










    There’s nothing left to take, but I still try to reach
    Try to swallow it all down, yet I can’t seem to breathe
    Just a single pill of mine, nothing else would suffice
    I take it in, now I’m alive



    My phone is set on lock and I don’t really care
    There’s a tangle and a knot that I cannot repair
    I’m a tragedy, I’m ugly, I’m trying to hide
    I say “Hello” then wave “Goodbye”


    See me fall down
    Let me die here, slowly
    Nothing goes right
    Not a trace of honesty


    I’m to blame
    So I’ll remain
    ‘Black’, ‘White’, ‘Day’, ‘Night’
    It’s all the same




    colleen wing

    This is my new freedom @riverpoetry




    Short steps, deep breath
    Everything is alright
    Chin up, I can't
    Step into the spotlight


    She said, "I'm sad"
    Somehow without any words

    I just stood there
    Searching for an answer












    " ที่ฉันเข้ามาพูดคุยกับคุณแบบนี้
    มันเป็นเรื่องที่รบกวนคุณรึเปล่าคะ? "







    คู่ : Sakamaki Shuu

    นามสกุล - ชื่อ : โอโทกิ ฮินาโอะ :: Otogi Hinao :: 御伽 雛緒 ::

                           โอโทกิ Otogi 御伽 เทพนิยาย

                           ฮินาโอะ Hinao 雛緒 เส้นด้ายลูกเจี๊ยบ



    ชื่อเล่น : ฮินะ / นาโอะ

    อายุ : 18

    สัญชาติ : ญี่ปุ่น

    อาชีพ : นักเรียนระดับชั้นมัธยมปลาย ปีที่3



    ลักษณะรูปร่างหน้าตา :




                   เธอเป็นเด็กสาวที่ประสานความน่ารักที่สมกับที่ชื่อขึ้นต้นด้วยคำว่าฮินะ ของญี่ปุ่น กับเรื่องเล่าจากเยอรมันได้อย่างชัดเจน หญิงงามมีผิวขาวราวกับหิมะ ริมฝีปากแดงดั่งโลหิต และมีผมดำดุจไม้มะเกลือ นามของเธอคือ สโนว์ไวท์ ซึ่งฮินาโอะก็ไม่ต่างอะไรคำอุปมาของสโนว์ไวท์ แต่ในขณะเดียวกันก็ผสมผสานความงามสมกับเป็นชาวญี่ปุ่นได้อย่างชัดเจน เด็กสาวผู้มีใบหน้าที่ชวนมองและน่าหลงใหล และ ยามที่ได้มองใบหน้าของเด็กสาวที่งดงามชวนหยุดหายใจ เธอนั้นมีความน่ารักที่เปล่งปลั่งออกมาจากรูปลักษณ์ แม้แต่ความเศร้าหมองของแววตาและสีหน้าก็ไม่สามารถบดบังความงามของเด็กสาววัยแรกแย้มได้




                   แรกพบนั้นฮินาโอะดูเป็นคนที่เหมือนแบกโลกไปทั้งใบ ดวงตาของเธอนั้นอย่างโศกเชื่อมและสั่นเครืออยู่ตลอดเวลา บวกกับใบหน้าเรียบๆนั้นทำให้ดูออกอย่างชัดเจนว่า เธอคงแบกเรื่องร้ายๆไว้ตลอดเวลา แต่กระนั้นเธอก็ยังมีท่วงท่าที่สำรวมอยู่ตลอดเวลา ทำให้ความเศร้านั้นดูน่ามองขึ้นมา มือประสานกันอยู่ระหว่างเอว ยืนหลังตรงราวกับไม้บรรทัด ดวงตาที่จ้องตรงแต่ด้านหน้า ไม่มีล่อกแล่กหรือก้มมองพื้น




                   ฮินาโอะมีผิวขาวราวกับแตงร่มใบ นุ่มนวลน่าสัมผัส ผิวที่คล้ายๆกับจะโปร่งใสด้วยความที่ไม่ค่อยได้ตากแดดนั้นยิ่งทำให้เธอดูบอบบางขึ้นไปอีก ผิวที่บางจนเผยให้เห็นเส้นเลือดใต้ผิวนั้นแม้จะดูน่ากลัวแต่ก็ดูมีเสน่ห์อย่างน่าประหลาด ผิวกายของเธอนั้นมีความหอมเฉพาะตัวของเด็กสาว กลิ่นนั้นก็ไม่ต่างอะไรกับกลิ่นน้ำนมก็ยิ่งทำให้เธอดูน่าเอ็นดูขึ้นไปอีก ฮินาโอะมีผมสีดำที่ราวกับไม้มะเกลือซึ่งตัดกับผิวขาวๆของเธอได้เป็นอย่างดี ผมสีเข้มของเธอนั้นขับให้ผิวของเด็กสาวขาวขึ้นไปอีก เส้นผมของฮินาโอะนั้นนุ่มนวลเสมือนเส้นผมของเด็กแรกเกิด อ่อนนุ่มราวกับเส้นไหม มันทั้งตรงสลวย และถูกตัดแต่งเป็นทรงฮิเมะคัตอย่างดี ทำให้ปลายผมทุกเส้นนั้นเท่ากันเสมอต้นเสมอปลาย ถึงกลางหลัง ด้วยทรงผมนั้นก็ยิ่งทำให้เธอเสมือนตุ๊กตาฮินะเดินได้ เด็กสาวนั้นไว้ผมหน้าม้ายาวจนเกือบที่จะปิดคิ้วของเธอ ฮินาโอะก็ยังสรรหากิ๊บสวยๆหลายๆชิ้นมาเกี่ยวปอยผมมาเหน็บบริเวณขมับของเธอ บางทีก็เป็นรูปโบสีหวาน บางทีก็เป็นรูปเปลือกหอย บางครั้งก็เป็นกิ๊บเรียบๆสีหวานธรรมดา




                   เธอมีใบหน้าหวานชวนน่าหลงใหล ดวงตาคู่หวานกลมโตนั้นประกอบไปด้วยจนตาที่งอนงาม เสียจนขนาดหลุบสายตาลงก็ยังเห็นถึงความยาวเป็นแพหนาได้ หางตาที่ตกลงทำให้ดวงตาคู่นั้นก็ยิ่งอ่อนหวานขึ้นไปอีก นัยน์ตาสีแดงราวกับรัตนาภรณ์ อัญมณีสีแดงก่ำแวววาวระยิบระยับ แม้จะมีความสวยงามจับใจ แต่ความเศร้าที่สะท้อนออกมายังนัยน์ตาของเธอนั้น ก็ไม่ต่างอะไรกับเพชรโฮป เหนือดวงตาที่เศร้าสร้อยนั้นก็เป็นคิ้วที่เป็นทรงสวยงาม แม้จะออกบางเพราะไม่ได้มีเครื่องสำอางใดๆแต่งแต้ม แต่กระนั้นมันก็ยิ่งทำให้ใบหน้าของฮินาโอะดูเป็นธรรมชาติ พวงแก้มที่มักจะขึ้นสีระเรื่อตามบรรยากาศด้านนอก ยามอากาศร้อนผิวขาวๆของเธอก็ขับเป็นสีแดงระเรื่อ ยามอากาศหนาว ผิวที่บอบบางของเธอก็ย้อมเป็นสีแดงไปถึงปลายจมูก จมูกรั้นปลายจมูกจะเชิดขึ้นเล็กน้อย ทำให้ทุกอย่างดูน่ามองขึ้นไปอีก ริมฝีปากที่อิ่มสีแดงสดตามธรรมชาติเป็นรูปกระจับสวย นุ่มนิ่มและไม่แตกกร้าน




                   รูปร่างที่ดูจะผอมไปกว่าวัยนิดๆ เนื่องจากได้รับสารอาหารไม่เพียงพอ ทำให้เธอไม่มีทรวดทรงที่น่ามองเหมือนหญิงสาวคนอื่นๆที่แตกเนื้อสาวแล้ว เรือนอกขนาดเล็ก แต่ก็ยังหลงเหลือความนุ่มนิ่มเอาไว้อยู่ ทรวดทรงที่บาง จนต้องคิดว่าใต้ร่มผ้านั้นจะต้องเห็นเค้าโครงของกระดูกขนาดเล็กของฮินาโอะเป็นแน่แท้ นั้นยิ่งทำให้เธอดูบอบบางจนน่าใจหาย แต่ก็ไม่ถึงกับแค่สัมผัสก็แตกสลาย ร่างกายของเด็กสาวคนนี้แทบจะไม่มีไขมันส่วนเกิน หรือ กล้ามเนื้อที่เพียงพอ จนชวนอดห่วงไม่ได้ว่า เธอได้รับประทานอาหารที่เพียงพอรึเปล่า




                   เธอมักที่จะสวมชุดที่หลวมกับตนไปหนึ่งไซส์ เหตุผลหลักๆคือการซ่อนร่างกายที่ผอมแห้งของตน และ เผื่ออนาคตเธอจะได้ใส่ได้อยู่ ด้วยความคิดประหยัด แม้วัยรุ่นสมัยนี้จะเริ่มพับถบกระโปรงให้สั้น แต่ฮินาโอะกลับเลือกใส่กระโปรงที่คลุมหัวเข่าอย่างพอดี และ มักจะสวมถุงน่องสีดำ และมักจะแต่งตัวไม่เปิดเผยผิวมากนักตามประสาคนระมัดระวังตัว มีลักษณะการเดินเบาหวิวราวกับแมว ฝีเท้านั้นสั้น ไม่ก้าวยาวหรือช้าจนเกินไป ฮินาโอะมักจะเดินเรื่อยๆเอื่อยๆไม่รีบร้อนมากนัก มือรวบไว้ด้านหน้า ไม่แกว่งแขนไปมาอย่างสงบท่าที เวลาที่เธอคู่คุยกับใคร เธอมักจะสบสายตากับคู่สนทนา และมีท่าทางประกอบคำพูดอยู่เสมอ








    นิสัย :








    ความอ่อนหวานสมกับเป็นเด็กสาวดินแดนแห่งอาทิตย์อุทัย










                   สุภาพอ่อนโยนเหมือนลูกแกะ สงบเสงี่ยมเจียมตัวเหมือนดอกไวโอเล็ต เรียบร้อยราวกับผ้าพับไว้ นั้นเป็นคำอุปมาที่เหมาะสมกับฮินาโอะที่สุด เธอทั้งสงบนิ่ง กิริยาที่สำรวม คำพูดคำจาที่สุภาพ สมกับเด็กสาวที่ได้รับการอบรมมาดี และ เชื่อฟังผู้หลักผู้ใหญ่ ฮินาโอะไม่แสดงท่าทางตื่นตระหนก หรือท่าทางที่ตื่นเต้นออกนอกหน้า แม้แต่ระมัดระวังในการส่งเสียงดัง ระมัดระวังท่าทาง เว้นระยะห่าง ไม่ซุ่มซ่าม เลิกลั่ก หนักแน่นทุกการกระทำ และ คำพูดคำจาที่ไตร่ตรองผ่านหัวสมองก่อนที่จะเปิดปากพูด หนำซ้ำหน้าตาของเธอก็ยังแสดงถึงความตุ๊กตาฮินะได้สมกับชื่อของตน ทำให้เธอไม่ต่างอะไรกับตุ๊กตาญี่ปุ่นจริงๆ ฮินาโอะมักจะรวบกระโปรงก่อนนั่ง และผ้าเช็ดหน้าต้องพกอยู่ในกระเป๋ากระโปรงทุกครั้ง และไม่ได้มีไว้เพียงแค่เช็ดมืออย่างเดียว หากเธอจำเป็นต้องออกไปนั่งด้านนอก เธอมักจะกางผ้าเช็ดหน้าและนั่งเพื่อไม่ให้กระโปรงของตนต้องเปื้อน แม้แต่ท่าทางการเดิน เธอยังก้าวเท้าสั้นๆไม่ยาวมาก และมักจะคอยยืนริมเพื่อไม่ให้เกะกะเวลาคนรีบเดิน











    หวานเหมือนน้ำผึ้ง






                   นอกจากความเรียบร้อยที่โดดเด่น ความอ่อนหวานของเธอนั้นก็ยังหวานเสมือนน้ำผึ้งมิปาน ทั้งแช่มช้อย นุ่มนวลทั้งกิริยาและคำพูด อ่อนนุ่มเสมือนปุยสายไหมรสหวาน ช่างสังเกตและใส่ใจ ไม่ว่าจะเรื่องเล็กๆน้อยๆแค่ไหน ฮินาโอะใส่ใจ และคอยช่วยเหลือ แม้จะเป็นคนที่เคยกลั่นแกล้งตนก็ตาม โดยที่เธอไม่แสดงออกว่าตนห่วงใย เธอมักจะแอบกระทำคอยช่วยเหลืออยู่เงียบๆ และ มักที่จะมาโรงเรียนเช้ากว่าใครๆ เพื่อทำความสะอาดเล็กๆน้อยๆภายในห้อง และก็ไปทบทวนบทเรียนที่ห้องสมุด ฮินาโอะไม่เคยค้านหรือคิดโต้ตอบใคร ค่อนข้างเชื่องช้า แต่ก็ไม่ช้าเกินจนทำให้หงุดหงิด บุคลิกของเธอพูดค่อยข้างเอื่อยๆ เรื่อยๆ ท่าทางซื่อๆ แม้จะดูไม่คิดเล็กคิดน้อยแต่ก็แฝงไปด้วยความเศร้าโศกอย่างน่าประหลาด ใบหน้าของฮินาโอะนั้นไม่ขยับยิ้มหวานตามกิริยา เธอมักมีเพียงรอยยิ้มบางๆที่มุมปากเท่านั้น เธอมักจะใช้คำพูดที่อ้อมค้อมมากกว่าคำพูดที่ตรงไปตรงมา และ เลี่ยงคำพูดที่คิดว่าน่าจะทำร้ายจิตใจของคู่สนทนา แม้จำเป็นที่จะต้องโกหกก็ตามแต่ เธอมักจะใช้คำที่เป็นทางการในการพูดเพื่อแสดงให้เห็นว่าเธอนั้นให้ความเคารพ



                   ความหวานของเธอนั้นยังไม่จบเพียงแค่นี้ เธอมักจะเห็นใจผู้คนอยู่บ่อยครั้ง และ ไม่รีรอที่จะช่วยเหลือคนอื่น ไม่ว่าจะสัตว์เล็กสัตว์น้อย ผู้สูงอายุ หรือ บุคคลที่เด็กกว่า บ้างครั้งจึงมักจะถูกหลอกใช้อยู่บ่อยครั้ง แม้จะรู้ตัวดี เธอก็ยินยอมที่จะโดนหลอกใช้












    มนุษย์สัมพันธ์ดี แต่กลับไม่มีใครอยากคบหาสมาคมด้วย








                   ซึ่งนั้นก็ไม่ใช่เรื่องหน้าประหลาดอะไรมากนักสำหรับเธอ แม้ความเรียบร้อย ความอ่อนโยนของฮินาโอะจะอัดแน่นอย่างเต็มเปี่ยม แต่ก็ไม่มีผู้ใด อยากจะพูดคุยกับเธอเท่าไร ซึ่งฮินาโอะก็เข้าใจตรงจุดนี้ดี เธอมักจะอยู่เงียบๆอยู่ในห้อง โดยไม่ได้พูดคุยกับใครเลย หากไม่มีใครเปิดประเด็นก่อน แน่นอนว่า ประเด็นส่วนใหญ่ที่เขาพูดกับเธอก็เป็นคำต่อว่าระรานทั้งนั้น แม้ท่าทางจะเอื่อยเฉื่อย แต่เธอเป็นคนฉลาดสามารถตามบทสนทนาของคนอื่นได้ทัน และ รู้จักไม่นำคำพูดลบๆที่ได้รับจากคนอื่นมาใส่ใจ  ไม่แสดงอารมณ์ด้านลบของตนเองมากนัก แม้จะหมดความอดทน หรือว่าโกรธ เจ้าตัวก็ไม่มีท่าทางแสดงความฟึดฟัด หรือ ไม่พึงพอใจทางสีหน้า หรือการกระทำออกมา ไม่ว่าอีกฝ่ายจะไร้เหตุผลแค่ไหน หรือ วาจาสะบั้นจิตใจเธอรุนแรงแต่เพียงใด เจ้าตัวกลับไม่แม้แต่ก้มหน้า หรือ ร้องไห้ โกรธแค้น เธอกลับเงยหน้ารับคำนั้น ให้อีกฝ่ายระบายจนพอ เธอไม่แสดงคำพูดที่อวดดีตอกกลับ หรือ แนะนำไป เพียงแค่รอให้อีกฝ่ายระบายจนเสร็จเท่านั้น


                   แต่เธอกลับใช้วิธี การชม ผู้อื่นเป็นการตัดปัญหาต่างๆ ไม่ว่าอีกฝ่ายจะว่าอะไรเธอ เธอก็เพียงแค่คลี่รอยยิ้มที่ดูอ่อนหวาน วาจาที่สุภาพ ดวงตาที่อ่อนโยน คำหยอดหวานๆก็ถูกโต้ตอบกลับไป " วันนี้คุณเปลี่ยนแชมพูหรือคะ " " ทรงผมคุณดูนุ่มนวลจังเลยนะคะ เหมาะสำหรับคุณมากค่ะ " ไม่ก็เออออไปตามที่อีกฝ่ายว่า


                   แม้จริงๆจะไม่พอใจแค่ไหนก็ตาม แต่การที่ใช้อารมณ์และคล้อยตามไปกับอีกฝ่ายนั้น มันก็มีแต่ทำให้มันแย่ลง งั้นก็สู้พูดชมอีกฝ่ายไป จะโดนด่าว่าบ้า ประสาท หรืออะไรก็ตาม อีกฝ่ายที่ตะลึงกับการที่เธอโต้ตอบด้วยคำชมเชย ก็จะงุนงงกับการกระทำ โต้ตอบไม่ถูก และจากไปเอง นั้นเป็นสาเหตุที่ไม่ค่อยมีใครกล้ามาด่ากับเธอตรงๆเท่าไร แต่นั้นก็ไม่ได้หมายความว่าคำพูดที่เสียดแทงนั้น จะไม่ทิ้งรอยแผลเอาไว้














    เย็นราวกับน้ำแข็ง ใจกว้างราวกับแม่น้ํา








                   นอกจากคุณสมบัติ อ่อนหวาน เรียบร้อย เธอยังใจเย็น และ ให้อภัยคนได้อย่างง่ายดาย เธอผู้ซึ่งมีจุดเดือดต่ำกว่าคนอื่น แต่ต่อให้หลอดอารมณ์เธอพุ่งสูงถึงจุดเดือด ฮินาโอะก็ยังควบคุมอารมณ์ของตนได้ อยู่ในหลักของเหตุผล ไม่ใช้อารมณ์ของตนเองเป็นที่ตั้ง เธอจะไม่ถูกชักจูงไปกับอารมณ์ของคู่สนทนาง่ายๆ แม้จะโดนอีกฝ่ายต่อว่า ด่าอย่างไร้เหตุผล และ เอาความสนุก เจ้าตัวก็เพียงแค่ รับฟัง และ หากตนทำตัวไม่ดีก็ปฏิบัติตนใหม่ หนำซ้ำยังไม่มีเจตนาร้าย หรือความแค้นใดๆ เธอเป็นคนจิตใจดี มีเมตตา เพราะงั้นไม่นาน เธอก็ให้อภัยคนอื่นได้อย่างง่ายดาย ตัวเธอนั้นไม่มีอะไรที่จะต้องเสียอีกแล้ว ดังนั้นจึงไม่รู้ว่าจะคิดแค้นไปทำไม


                   แม้ทุกคนจะบอกคล้ายๆกับว่าเธอโลกสวย แต่ความจริงนั้นไม่เลย เพียงแค่ฮินาโอะมีความคิดที่ว่า ต่อให้โดนว่าอย่างไรก็ตาม หากมันไม่ใช่เรื่องจริงอย่างที่เขากล่าวหา จะนำไปใส่ใจทำไมกัน ถึงแม้ว่าเธอจะมีความคิดแบบนั้น แต่การปฏิบัติตนตามสิ่งที่เธอคิดนั้นมันช่างยากสิ้นดี ดังนั้นฮินาโอะจึงเป็นคนที่ไม่ชอบอยู่นิ่ง เธอมักที่จะหาอะไรทำ เบี่ยงความคิดของตน ไม่ให้มีเวลาว่างในการคิดแง่ลบ และดำดิ่งสู่โลกส่วนตัวของตนเอง จุดนั้นทำให้เธออ่านหนังสือทุกอย่างที่ขวางหน้า ไม่ว่าจะเป็นนวนิยาย หรือ นิตยสาร หนังสือเรียน ต่างๆอีกมากมาย จนกลายเป็นว่า เพื่อนสนิทของเธอนั้นคือหนังสือ


                   ฮินาโอะมีความคิดว่า หนังสือนั้นเข้าใจง่ายกว่าคน อย่างน้อยมันก็เป็นมิตรกว่า มันไม่ทำร้ายจิตใจเธอ หรือแม้แต่ทำร้ายร่างกาย ดังนั้นการอยู่กับหนังสือ เป็นเหมือนคอมฟอร์ทโซนกับเธอ แม้ฮินาโอะจะรู้ตัวดีว่า มันไม่ช่วยให้เธอรอดจากสังคมหากอยู่แค่เพียงในคอมฟอร์ทโซน แม้จะคอยบอกกับตัวเองว่า ตนนั้นไม่จำเป็นที่จะต้องมีเพื่อนหรอก แต่ลึกๆแล้วเธอก็กระหายที่จะอยากมีเพื่อน ความอ้างว้างนั้นเหมือนบ่อโคลน คอยดูดเธอให้จมไปกับความเหงานั้น เธอปรารถนาที่จะมีเพื่อนคอยรับฟังเธอ เหมือนเด็กสาวคนอื่น












    เด็กสาวคนนั้นน้ำตาแห้งเหือด








                   แม้หยาดน้ำตาจะไม่โรยรินอีกแล้ว แต่นั้นก็ไม่ได้หมายความว่าเธอจะสูญเสียความรู้สึกเศร้า มันเจ็บจนเธออยากจะให้อีกฝ่ายแทงมายังที่ทรวดอกของเธอ แต่กระนั้นคำพูดของอีกฝ่ายมันก็ไม่ได้ทำให้เธอตาย ฮินาโอะกล้ำกลืนความเศร้า เสียงกรีดร้อง เรียกอ้อนวอนต่อพระเจ้า ลงลำคออย่างเงียบงัน เด็กสาวที่ตัดสินใจว่า ตนจะร้องไห้จนพอโดยไม่กั้นน้ำตา แต่ปรากฏว่าหยาดน้ำตาของเธอก็ไม่ยอมไหล ราวกับถูกช่วงชิงไป เพราะเรื่องที่ต้องร้องไห้หนักที่สุดในชีวิตมันทำให้เรื่องอื่นๆที่เข้ามาในชีวิตฮินาโอะนั้นเบาหวิวราวกับขนนก แต่กระนั้นมันก็ทำให้เธอจุกและทรมานเสียกว่าตอนร้องไห้ แต่ฮินาโอะก็ไม่ยอมให้ความเศร้านี้เหนี่ยวรั้งให้เธอจมอยู่กับอดีต











    ฝนทั่งให้เป็นเข็ม ฉลาด สุขุม เหมือนนกเค้าแมว











                   เพียรพยายามจนสุดความสามารถจนกว่าจะสำเร็จ ในสารบบของเธอนั้นไม่มีคำว่ายอมแพ้ เธอจะทำทุกวิธีทาง แม้ว่าจะไม่สำเร็จ แต่นั้นก็คุ้มค่าที่ได้ทำ ฮินาโอะจะทำทุกอย่างสุดความสามารถ อย่างน้อยก็จะได้ไม่เสียใจภายหลังว่า ตนนั้นน่าจะพยายามให้มากกว่านี้ ทำให้ฮินาโอะเป็นคนเรียนเก่ง มีความสามารถหลากหลายอย่างจากความพยายาม และ ความอดทนของเธอ อีกหนึ่งเหตุผลก็คือเธอทุ่มเทเพราะอยากจะหลีกหนีโลกความเป็นจริง แต่มันก็กลายเป็นความเพียรอย่างน่าประหลาด ในการสอบนั้นมักจะมีชื่อฮินาโอะติดอยู่ในบอร์ด 1-30 อันดับอยู่เสมอ และ เจ้าตัวก็ไม่มีท่าทีที่จะโอ้อวดแน่อย่างใด เพราะยังไงเรื่องข้อสอบก็เป็นเพียงหลักการท่องจำ และ เข้าใจเท่านั้น เธอผู้ทุ่มเทกับทุกสิ่งทุกอย่าง จะทำได้ก็ไม่แปลกอะไร



                   แต่กระนั้นเธอกลับไม่ถนัดวิชา ดนตรี ศิลปะ กับ กีฬาอย่างน่าเวทนา เธอผู้ซึ่งไร้ความตัวอ่อน และ นิ้วแข็งไม่สามารถขยับมือให้ไปตามเครื่องดนตรีได้อย่างใจนึก แม้จะจดจำตัวโน้ตได้ก็ตามแต่ สิ่งที่ทำให้ดี คงเป็นกลอนที่ไม่ต้องขยับนิ้ว.. แต่ในวิชาเรียนก็ไม่มีกลอนให้เธอใช้ในการแสดง รวมถึงการวาดรูปสร้างสรรค์ซึ่งต้องบอกว่าทำได้แย่เอาเสียมากมาก แต่เธอก็พยายามฝึกวาดอยู่ตลอด














    เข้มงวดกับตนเอง แต่กลับผ่อนผันกลับผู้อื่น จนยอมคน แม้จะโดนใช้งานอย่างหนัก








                   ในจิตใจของเธอนั้นมีกฎสำหรับตัวเธออยู่ นั้นก็คือไม่ทำให้ใครเดือดร้อน ไม่สร้างปัญหา หากมีปัญหาต้องรีบดำเนินเรื่องให้จบอย่างรวดเร็วที่สุด คะแนนข้อสอบของตนนั้นจะต้องไม่น้อยไปมากกว่า75คะแนน เว้นระยะห่างต่อผู้คน ประหยัดอดออม ตนเป็นที่พึ่งของตน ทำการบ้าน ทบทวนความรู้ ให้เสร็จถึงจะไปพักผ่อนได้ ไม่บ่นอิดออด นั้นล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่ฮินาโอะกำหนดขึ้นมา และเธอก็ปฏิบัติตนตามสิ่งที่เธอคิดอย่างเคร่งครัด และจะต่อว่าตัวเองอย่างหนัก หากทำผิดข้อใดข้อหนึ่งไป แต่ในขณะเดียวกัน หากเพื่อนทำไม่ดีต่อเธอ หรือ สร้างความเดือดร้อนให้แก่เธอ ฮินาโอะก็ไม่แสดงท่าทางตำหนิติเตียนแต่อย่างใด การวางตัวของเธอแม้จะดูง่ายๆเหมือนไม่มีอะไร แต่ก็ขีดเส้นแบ่งกันตนกับผู้อื่นเสมอ เธอจะไม่ไปเหยียบสั้นที่เธอขีดเอาไว้กั้นกับผู้คน



                   จากใช้ชีวิตของฮินาโอะนั้นดำเนินขึ้นอย่างเคร่งเครียด โดยเธอตั้งเป้าหมายว่า เธอจะทำงานพิเศษเก็บเงินเอาไว้ และในอนาคตเธอจะหางานง่ายๆโดยไม่หวังที่จะได้รายได้สูง ดังนั้นฮินาโอะจึงพยายามอดออมเงิน ตั้งแต่ยังวัยรุ่น เพื่ออนาคตของตน จะได้ไม่ต้องลำบากมากนัก



                   แม้จะรู้ว่าตัวเองนั้นมีบุคลิกที่ถูกกดขี่ได้ง่าย แต่ฮินาโอะก็ไม่มีท่าทีที่จะเปลี่ยนแปลงตนเอง เพราะยังไงเสียหากปรับนิสัยของตน มันก็ไม่ได้ทำให้อนาคตข้างหน้าของตนสุขสบายขึ้น โดยฮินาโอะตัดความหวังไว้เรียบร้อย ปกติเด็กสาวนามฮินาโอะ ไม่ใช่คนมองโลกในแง่ร้าย เธอเป็นคนมองในหลักความเป็นจริง.. แม้นั้นเป็นสิ่งที่เจ้าตัวพูดแบบนั้น แต่ความจริงคือเธอก็ค่อนข้าง มองโลกในมุมร้ายพอสมควร










    เป็นผู้ใหญ่กว่าตัว








                   เพราะความเข้มงวดกับตัวเอง ทำให้เธอค่อนข้างที่จะมีความรับผิดชอบสูง และ รักษาสัญญาอย่างมั่นคง หากเธอรับปากกับใคร เธอก็พร้อมที่จะทำตามสัญญา สิ่งเดียวที่ทำให้เธอแสดงออกถึงความไม่พอใจอย่างชัดเจนนั้นก็คือ การผิดสัญญาจากครอบครัว ฮินาโอะที่สลัดความเป็นเด็กออกจากสารบบก่อนวัยอันควร เธอมีความคิดในแบบผู้ใหญ่ และ การพูดการจาที่แสดงให้เห็นถึงความฉลาดกว่าวัย ทำให้เธอไม่แสดงกิริยา เอาแต่ใจ หัวดื้อแต่อย่างใด หากมีเหตุผลเพียงพอ ฮินาโอะก็จะยอมรับฟังและทำตามแต่โดยดี โดยไม่ต้องใช้คำด่า หรือ การบังคับ แต่หากเหตุผลนั้นไม่เพียงพอ มันก็ไม่สามารถห้ามให้ฮินาโอะทำตามใจตนเอง ซึ่งเป็นที่แน่นอนว่า สิ่งที่เธอกระทำนั้นจะไม่เดือดร้อนใคร และยกเว้นอีกข้อคือ สิ่งที่อีกฝ่ายปรารถนาให้เธอทำนั้น เป็นไปด้วยความห่วงใย ความรัก นั้นเป็นสิ่งที่เธอไม่ต้องการเหตุผลใดใด เธอก็ยอมรับและรับฟังแต่โดยดี


                   ด้วยความที่เป็นผู้ใหญ่กว่าเด็กทั่วๆไป แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่เข้าใจเด็ก ทำให้เธอค่อนข้างเอ็นดู และเข้าอกเข้าใจคนรอบตัวอยู่บ่อยครั้ง ฮินาโอะเป็นคนฉลาด ดังนั้นบางทีเธอก็มองคนออก ใครที่เข้ามาเพื่อก่อกวนเธอ ใครที่ไม่ได้ตั้งใจ หรือใครที่ไม่ชอบขี้หน้าเธอ แต่กระนั้นก็มีคนที่เธอไม่สามารถเดาอารมณ์ได้ ซึ่งก็เป็นเรื่องที่น่าสนใจพอควร











    ไม่แม้แต่จะเอ่ยคำหยาย ประชด แม้จะหมดความอดทน






                   ฮินาโอะเป็นบุคคลที่เรียกได้ว่า ควบคุมอารมณ์ของตัวเองได้ดีที่สุด เธอไม่แม้แต่ที่จะหลุดเสี้ยวอารมณ์ของเปลวเพลิงในจิตใจ หนำซ้ำต่อให้เธอโกรธ ยังไงเธอก็ดับอารมณ์อย่างได้รวดเร็ว ราวกับเธอบกพร่องด้านอารมณ์ไปเสียอย่างงั้น เหมือนตุ๊กตาที่พังลง เธอไม่คิดว่า การไม่โกรธมันเป็นเรื่องที่ดี เราโกรธเพราะเราคาดหวัง หากเธอไม่โกรธ แสดงว่าเธอไม่คาดหวังอะไรเลย ดังนั้นมันจึงเป็นเรื่องยากมากถึงมากที่สุด ที่เธอจะแสดงอารมณ์โกรธออกมา มีเพียงไม่กี่บุคคลที่ทำให้เธอโตได้ นั้นคือพี่ของตน เป็นบุคคลคนเดียวที่เธอรักและคาดหวัง โกรธเป็นฟืนเป็นไฟก็ต่อเรื่องครอบครัวเท่านั้น



                   ดังนั้นพื้นฐานความรู้สึกโกรธที่มีให้ผู้อื่นนั้นก็มีแต่เพียงแค่ว่า ไม่ชอบ เท่านั้น แต่ของประมาณนี้ หากอดทนมันก็ปล่อยเฉยได้ หากไม่ใส่ใจ มันก็ไม่ทำอะไรเธอได้ นั้นมันเป็นสิ่งที่ฮินาโอะคิดและปฏิบัติตนมาตลอด แม้จะโดนแหย่เรื่องที่เธอไม่อยากฟังที่สุด แม้จะด่าเธอเสียๆหายๆ แม้จะรังแก หรือกลั่นแกล้งเธอ มันก็ไม่สามารถทำให้เธอโกรธ โมโห คลุ้มคลั่งได้ นั้นมันเป็นเรื่องที่น่าสยดสยองพอตัว เธอผู้ไม่เคยที่จะโมโห หรือ โกรธไปตามเกมส์ของใครๆ แต่มีอยู่แค่เรื่องเดียวที่อารมณ์เป็นเจ้าของเหตุผล เรื่องเดียวเท่านั้น หากการแหย่นั้นมันไม่ใช่เรื่องจริง และ เป็นเรื่องครอบครัวที่พูดเกิดจริง แต่กระนั้นฮินาโอะก็ไม่ที่จะอาละวาด แต่เธอจะหลั่งน้ำตา คร่ำครวญจวนจะขาดใจ " ..ท ทำไมล่ะ? ทำไมล่ะ ฉันไม่เคยทำอะไรให้พวกเธอเลยสักครั้ง ทำไมเธอต้องทำแบบนี้กับฉัน ว่าร้ายแบบนี้กับครอบครัวของฉัน ทำไมล่ะ ทำไมล่ะ "











    พยายามเป็นเด็กดีที่สุดเท่าที่ตนจะทำได้





                   ยอมรับความจริง และ จริงใจโดยพื้นฐานแล้ว ฮินาโอะนั้นอยู่ในโลกของความเป็นจริง หากเธอทำอะไรไม่ดี หรือ ครอบครัวของเธอนั้นเป็นตามที่อีกฝ่ายกล่าวหา ฮินาโอะก็ยอมรับแต่โดยดี ดังนั้นหากเป็นคำด่าที่ล้วนแล้วแต่เป็นความจริง ฮินาโอะจะไม่แก้ตัวใดๆทั้งนั้น ในขณะเดียวกัน หากเป็นคำด่าที่ไม่จริง เธอก็จะแก้นิดหน่อยแต่สุดท้ายก็ยอมปล่อยไปตามที่อีกฝ่ายว่าอยู่ดี



                   เธอเป็นคนที่จริงใจ และ ซื่อตรงกับความรู้สึกในด้านดีของตนเอง หากเธอรู้สึกชอบ ก็บอกกว่าชอบ แต่หากพูดถึงเรื่องไม่ชอบ เธอจะเกรงใจ และไม่กล้าบอกตรงๆว่าเธอไม่ชอบนั้นนู่นนี้ และไม่ปริปากบ่นใดๆ ระมัดระวังว่าตัวเองจะไปทำให้เขาเสียความรู้สึก แต่ก็ไม่ว่าอะไรหากมีคนทำให้เธอเสียความรู้สึก ฮินาโอะพยายามทำตัวน่ารักและอยู่ง่าย กินง่าย และ ไม่เรื่องมาก ต่อให้บาดเจ็บ ฮินาโอะก็ทำสีหน้าและท่าทางปกติ เพื่อป้องกันไม่ให้ใครเป็นห่วงถึงต่อให้คนรอบข้างไม่เป็นห่วงใดๆเกี่ยวกับเธอก็ตามแต่ ดังนั้นเวลาจะทำอะไร เธอจะคิดเผื่อคนรอบข้างเสมอ อย่างสละสิทธิ์เล็กน้อย เพื่อให้คนอื่นได้ไปต่อ



                   เป็นพวกถ้าอยู่ในหนังฆาตกร ต้องตายแน่ๆ(..) ไม่ใช่คนขี้ขลาด แต่เป็นคนกล้าหาญพอตัว กล้าที่จะพูดหากตัวเองไม่ผิด แม้จะโดนสังคมรอบข้างแบน เธอก็ยังแบกหน้าที่จะใช้ชีวิตอยู่ต่อได้เหมือนปกติ หากเจอใครที่รุมกลั่นแกล้ง เธอก็จะเป็นคนห้ามทัพ แม้ตนจะกลายเป็นเป้าหมายที่โดนกลั่นแกล้งแทน แต่ฮินาโอะก็ไม่เคยคิดเสียใจที่ยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือ









    โดดเดี่ยว และ อ้างว้าง








                   พื้นฐานแล้วเธอเป็นน้องคนเล็กสุด ทำให้เธอมีความขี้อ้อนตามประสาเด็ก ฮินาโอะชอบบอดี้ทัชเอามากๆ ไม่ว่าจะจับมือ จับแขน หรืออะไรก็ตาม แต่พักหลังๆก็ต้องเลี่ยงไปอย่างน่าเสียดาย แต่เพราะว่าไม่ค่อยได้อ้อนใครก็ไม่ทำให้เธอหายจากนิสัยนี้ แม้จะวางตัวให้สมกับเป็นผู้ใหญ่ แต่ลึกๆในใจฮินาโอะก็ต้องการที่พึ่งพิง และคนที่ไว้ใจได้ บางทีฮินาโอะก็ต้องการคนคุยด้วย แต่ก็เข้าใจสถานะตัวเองตอนนี้ดี โหยหามิตรภาพอยู่ลึกๆ บางทีเธอก็รู้สึกน้อยใจ และเศร้าสร้อยจนบอกไม่ถูก แม้พยายามจะฮึดสู้ แต่การต่อสู้กับความเหงานั้นมันน่าเศร้าเสียเหลือเกิน


                   แม้พยายามบอกกับตัวเองว่า มีหนังสือให้อ่านคอยเยียวยาก็พอ แต่มันเป็นแก้ไขที่ปลายเหตุ ไม่ใช่ต้นเหตุ แต่เธอก็คิดหาวิธีที่จะแก้ต้นเหตุไม่เจอจริงๆ แต่ไม่นานนัก เธอก็เริ่มเจอวิธีแก้ไขปัญหา พร้อมทั้งวิธีที่ยังได้อ่านหนังสือไปพร้อมกันได้










    ถือคติต้องทนเหมือนอูฐ








                   เกิดมาต้องสู้ เป็นคำพูดที่ฮินาโอะมักจะให้กำลังใจตัวเองอยู่สม่ำเสมอ ฮินาโอะแม้จะไม่ค่อยได้มองโลกในแง่ดีนัก แต่มีข้อดีที่ว่า เธอจะไม่ยอมแพ้ และ ท้อแท้โดยเด็ดขาด ดังนั้นจึงมักจะเห็นเธอพยายามเกินตัวเสมอ แต่ผลลัพท์ก็ออกมาดีสมกับที่เธอทุ่มเทเอาเสียมากมาก ฮินาโอะไม่คิดจะย่อท้อไม่ว่าจะเรื่องการเรียน สังคม หรือ การทำงาน ความขยันขันแข็ง ทํางานตัวเป็นเกลียว หลังคดหลังแข็งมักจะเป็นภาพที่เห็นฮินาโอะกระทำอยู่ตลอดเวลา และ เธอมีสมาธิสูง และ มีสติ แม้เธอจะดูซื่อๆก็ตาม หากได้ไปแข่งในคำถามสายฟ้าแล่บ เธอต้องครองแชมป์แน่ๆ!



                   ความมีสมาธิของฮินาโอะไม่ใช่เรื่องเล่นๆ ไม่ใช่แค่ในยามอ่านหนังสือ แต่ในยามที่เธอทุ่มเทอะไร เหมือนเธอจะกระเด็นหลุดไปอีกโลกหนึ่ง ไม่ว่าจะเย็บปัก ทำอาหาร วาดภาพ ทำความเข้าใจ การบ้าน แม้แต่ขับรถ และผลงานจะเนี้ยบอย่างไร้ที่ติ ยกเว้นวาดภาพกับดนตรี... เธอจะไม่สนใจสิ่งรอบข้าง และ เป็นพวกที่จดจ่ออยู่ตรงนั้นจนกว่าจะเสร็จ บางทีก็ถึงครั้งอดหลับอดนอนเลยก็มีเหมือนกัน










    ประวัติ :





    เธอเป็นเพียงแค่เด็กสาวธรรมดา

    ก่อนหน้านี้ทุกคนต่างก็รักใคร่เอ็นดูเธอ

    แต่ทุกอย่างก็กลับตาลปัตรไปในค่ำคืน

    ด้วยสีแดงที่ย้อมผนังสีขาวตอนนี้กลายเป็นลิ่มเลือดแห้งกร้านไปทั่ว

    พร้อมกับหัวใจดวงน้อยๆของเด็กสาวที่แตกสลายไป









                   เช้าวันนั้นก็เป็นเหมือนเช้าทั่วๆไปของบ้านอามามิ ครอบครัวของเธอนั้นมีสี่คนพ่อแม่ลูก พ่อของเธอ มีนามว่าสึโยชิ เป็นพนักงานกินเงินเดือนทั่วๆไป กับแม่ของเธอ นางิสะ ที่เป็นแม่บ้านคอยดูแลครอบครัว และ พี่ชายคนโต ฮินาโตะ ที่เรียนมหาลัย สาขาวิทยาศาสตร์ ปีที่สาม และ น้องสาวคนสุดท้อง ฮินาโอะ ที่กำลังเรียนอยู่มัธยมต้นปีที่3 หรือนั้นก็คือเธอนั้นเอง





                   ครอบครัวอามามินั้นเป็นครอบครัวที่ค่อนข้างพิเศษกว่าบ้านหลังอื่น ตรงที่ลูกของบ้านหลังนี้น่าภาคภูมิใจ พี่ชายคนโต ฮินาโตะมีผลการเรียนที่ยอดเยี่ยม หนำซ้ำยังได้ทุนไปเรียนต่อม.โทที่อเมริกา ทำให้มีหน้ามีตากับบ้านรอบข้างเป็นอย่างมาก หนำซ้ำนิสัยที่นุ่มนวลของฮินาโตะก็ยังเป็นที่รักใคร่ของผู้คน และ ฮินาโอะผู้เป็นน้องคนสุดท้องก็ไม่น้อยกว่าก็เป็นพี่ เธอติดโรงเรียนมัธยมปลายเอกชนชื่อดัง ต่างก็เป็นที่น่าภูมิอกภูมิใจให้กับครอบครัวเป็นอย่างมาก แต่แล้ว เส้นทางที่เต็มไปด้วยเสียงชื่นชมก็ถูกพลิกไปเสียหมด สาเหตุเพราะสึโยชิ ผู้เป็นพ่อนั้นเกิดความริษยากับบุตรทั้งหลายและภรรยาของตน การงานของเขานั้นไม่ได้ดีอย่างที่ควร ในขณะที่ลูกๆของเขาเรียกได้ว่ามีอนาคตที่สวยงามราวกับถูกโรยด้วยกลีบกุหลาบ ทั้งๆที่เขายังคงทำงานงกๆ ถูกคนที่ตำแหน่งสูงกว่ากดหัว เพื่อนรุ่นเดียวกันต่างก็เลื่อนขั้นเป็นเจ้าคนนายคน จนเกิดเป็นความเครียดที่สะสมและไม่สามารถระบายได้ ความริษยาที่พรั่งพรูออกมา แม้แต่ลูกในไส้ของเขาก็ยังไม่อยากมองหน้านั้น ก็กลายเป็นจุดเริ่มต้นของทุกอย่าง เพียงแค่ความใจแคบของหัวหน้าครอบครัว..





                   เมื่อคุณพ่อที่เริ่มหาที่ระบายจากความตกต่ำของอาชีพตัวเองและพาลไปลงที่ครอบครัว มัวเมาสุรานารี และเมื่อกลับมาบ้านเขาก็ก่นด่า และ เนื้อกายกลิ่นของสุราก็ตลบอบอวลไปทั่วบ้าน แต่นางิสะที่มีความเยือกเย็นสมกับเป็นศรีภรรยา กลับโต้ตอบอีกฝ่ายด้วยเหตุผลประสานกับการกล่อมของฮินาโตะ ทำให้ผู้เป็นพ่อ สึโยชินั้นหยุดการกระทำที่น่าอายนั้นไว้เพียงแค่โวยวาย ไม่ขั้นที่ลงมือทำร้ายกัน แต่เสียงก่นด่าและความวุ่นวายนั้นที่ดังมาจากบ้าน ก็กลายเป็นขี้ปากไปทั่ว สายตาที่ชื่นชมก็เริ่มแปรผันมาเป็นท่าทางที่ดูสงสาร



                   ความภาคภูมิใจถูกป่นปี้ในคืนเดียว แต่กระนั้น นางิสะก็ยังคงเชิ่ดหน้าขึ้น และ ทำงานของตนให้เหมือนเดิม เมื่อตอนเช้าสึโยชิก็กลับมาเป็นปกติ แต่บนโต๊ะกินข้าวในวันนั้นก็เป็นมื้อที่ชวนอึดอัดที่สุดเท่าที่ฮินาโอะเคยสัมผัสมา..




                   " ไปไหนมาอีกแล้วคะ คุณ? "

                   " ปาจิงโกะไง ปาจิงโกะ! "


                   " อีกแล้วเหรอคะ? คุณหยุดเอาเงินไปเล่นการพนันสักที่จะได้มั้ยคะ "

                   " เงินนี่ฉันหามาเอง!! ฉันจะทำอะไรก็เรื่องของฉัน!! คนที่ไม่ได้ทำงานน่ะหุบปากไป

                   นี่ก็ถือว่าเป็นการหารายได้เพิ่มอีกอย่างหนึ่งเว้ย!! "







                   เสียงก่นด่ากันทุกครั้งที่สึโยชิได้กลับมาบ้านนั้นช่างบาดลึกจิตใจของเธออย่างไม่สามารถ อดทนได้ ความหวาดกลัวค่อยๆคืบคลานเข้ามายังจิตใจ สุดท้ายมันก็กลืนกินฮินาโอะแทบทั้งตัว เหตุการณ์ที่เกิดปากเสียงกันทุกวันทำให้ฮินาโอะไม่ค่อยร่าเริงเหมือนทุกครั้ง เริ่มทานอะไรไม่ลง และ เก็บตัวเงียบ จนทำให้ฮินาโตะอดที่จะเป็นห่วงน้องสาวของตนไปไม่ได้ แม้จะพาออกไปเที่ยวเล่น ซื้อหนังสือสนุกๆให้เธออ่าน แต่ฮินาโอะก็ไม่มีท่าทีที่ดีขึ้น จนแล้วจนเล่า เรื่องราวก็มาถึงจุดที่ร้ายกาจอย่างหยุดไม่ได้




                   สึโยชินั้นถูกไล่ออกจากที่ทำงานเพราะไปทำตัวเละเทะที่ที่ทำงาน แต่ก็ยังไม่หยุดที่ไปเที่ยวเล่นการพนัน จนนางิสะต้องออกไปทำงานหาเงินเพื่อประคองครอบครัวเอาไว้ ข้าวของบางส่วนในบ้านก็ถูกขายทิ้ง ชีวิตของพวกเขาจะต้องอยู่อย่างประหยัด ฮินาโตะก็ต้องออกไปทำงานพิเศษ ส่วนฮินาโอะพอขึ้นมัธยมปลาย เธอก็เริ่มหางานพิเศษทำเพื่อจุนเจือครอบครัว แม้แต่จะต้องทำงานควบคู่ไปด้วย ทั้งสองก็ยังรักษาอันดับที่ดีของตนไว้ได้ แม้จะลำบากแต่ก็ประคองกันไปได้ แต่สุดท้ายก็เกิดเรื่องบางอย่างขึ้น เมื่อตอนที่ฮินาโอะอยู่มัธยมปลายปีที่ 1 เทอม 2








                   ในตอนกลางคืนช่วงเวลาประมาณเที่ยงคืนสามสิบนาฬิกา ฮินาโอะที่พรุ่งนี้มีสอบก็ได้ขอตัวไปนอนตั้งแต่สามทุ่ม ในขณะที่ฮินาโตะกับนางิสะ สองแม่ลูก ออกมาคุยเรื่องค่าใช้จ่ายเดือนนี้อยู่บริเวณห้องทานอาหาร คืนนั้นเป็นคืนที่มืดมิดไร้ซึ่งแสงดาว ทั้งๆที่อยู่ในช่วงฤดูหนาว บรรยากาศรอบๆนั้นเริ่มหนาวเย็น ใบหน้าที่ตึงเครียดกับค่าใช้จ่ายที่ไม่ค่อยเพียงพอเท่าไร เนื่องจากสึโยชิมักจะขโมยเงินออกไปเล่นการพนันอยู่บ่อยครั้ง แม้ลูกๆจะพยายามทำงานมาอุดบัญชีไม่ให้ติดตัวแดง แต่มันก็แทบจะไม่ช่วยอะไรเลย







                   " ผมว่าผมจะไม่เรียนต่อป.โทแล้วครับ " แม้เสียงของฮิตาโตะจะนุ่มนวลแต่คำพูดนั้นแฝงไปด้วยความหนักแน่น แต่ช่างชวนให้หัวใจของผู้เป็นแม่นั้นตกลงสู่ตาตุ่ม เขานั้นกุมมือของมารดาของตนอย่างนุ่มนวล ในขณะที่ใบหน้าของฮินาโตะนั้นอ่อนโยน รอยยิ้มที่คลี่ออกอย่างเป็นกำลังใจให้ผู้เป็นแม่ เขากล่าวขึ้นมาอย่างแผ่วเบาว่า ผมจะหางานเป็นหลักเป็นแหล่งทำเพื่อช่วยคุณแม่เอง เพราะงั้นไม่มีอะไรต้องกังวล นางิสะทำได้เพียงแต่เช็ดหยาดน้ำตาที่เอ่อล้นจากหางตาอย่างแผ่วเบา





                   " แม่.. แม่อยากให้หนูเรียนต่อนะจ๊ะ.. " เสียงที่แหบแห้งลงไปเยอะหลังจากที่ทำงานหาเลี้ยงมาอย่างหนักนั้นสั่นเครืออย่างน่าเวทนา เธออยากจะส่งให้ลูกชายของตนไปเรียนที่ต่างประเทศต่อ แต่ลำพังเรียวแรงของตนนั้นไม่สามารถหางานดีดีทำได้ หญิงสาววัยอย่างเธอนั้นไม่มีใครรับทำงานประจำแล้ว นั้นทำให้เธอต้องหางานพาร์ทไทม์ เก็บออมเงินเพื่อรักษาค่าใช้จ่ายให้เพียงพอ หากไม่มีลูกๆที่คอยช่วยหาเงินมาสมทบ ความวุ่นวายทั้งหมดทำให้เธอไม่มีเวลาดูแลตนเอง จริงๆแล้วเธอก็ไม่ค่อยดูแลลูกๆอย่างที่เคยทำมา จิตใจของนางิสะนั้นปวดร้าว น้ำตาก็เริ่มทะลัก ออกมาอย่างไม่มีทีท่าที่จะหยุด






                   " แม่ขอโทษนะลูก.. แม่ขอโทษ.. ขอโทษจริงๆ.. "


                   " คุณแม่ครับ ไม่ต้องขอโทษไปหรอกครับ คุณแม่ไม่ได้ทำอะไรผิดหรอกนะครับ.. "






                   เสียงนุ่มๆของชายหนุ่มเอ่ยออกมาอย่างปลอบประโลมผู้เป็นแม่ กระชับมือที่กุมมือที่อ่อนแรงของมารดา มารดาที่มักจะเข้มแข็งและมีความงามเปล่งปลั่งของเขา อ่อนแอลงถึงเพียงนี้เชียวหรือ ผิวที่มักจะนุ่มนวล ดวงตาที่มักจะแสดงให้เห็นถึงความอ่อนโยน บัดนี้ คุณแม่ของเขานั้นผอมจนสามารถรับรู้ถึงกระดูกของคุณแม่ได้ ดวงตาแดงก่ำที่เกิดจากการพักผ่อนไม่เพียงพอ ภาระและหน้าที่นี้มันหนักอึ่งเกินไปกว่าที่ร่างกายอันบอบบางของคุณแม่จะรับไว้


                   ….เพราะงั้นต่อไปนี้ มันคือหน้าที่ของเขา..






                   เสียงร้องไห้เงียบๆของนางิสะนั้นดังก้องกังวาลไปทั่งบ้านแคบๆ เสียงปลอบของลูกชายแม้จะทำให้เธอรู้สึกดีขึ้น แต่พอมาคิดว่า ต่อให้ฮินาโตะไปทำงานหาเงินหลังขดหลังแข็งเพื่อหาเงินเข้าบ้าน แต่หากสึโยชิยังทำตัวแบบนี้อยู่ มีหวังบ้าน ครอบครัวที่รักของเธอจะต้องล่มจมแน่ๆ วิธีเดียวที่จะรักษาครอบครัวนี้ไป ก็คือการหย่าร้างกับสึโยชิ นางิสะปาดน้ำตาหยดสุดท้ายของตน เธอเริ่มประกาศให้ฮินาโตะเริ่มทำการเก็บข้าวของในห้องของตน เริ่มวางแผนที่จะย้ายออกไปจากบ้านหลังนี้ในเร็ววัน






                   แต่คำภาวนาของเธอคงจะไม่ส่งผลให้ถึงกับพระเจ้า ในขณะที่ฮินาโตะเข้าห้อง บานประตูก็ถูกเหวี่ยงออกมา คนที่ปรากฏตัวจากหน้าบ้านของเธอนั้น ไม่ใช่ใบหน้าของสามีที่เธอกำลังจะทอดทิ้ง แต่กลับเป็นใบหน้าของกลุ่มชายแปลกหน้าที่ตนไม่รู้จัก ร่างของสึโยชิถูกเหวี่ยงเข้ามายังบ้าน กลั้วกลิ้งอยู่กับพื้น ใบหน้าของชายกลางวัยนั้นยู่ยี่และยับเยินจนแทบจะจำไม่ได้ มันทั้งบวมและเปลี่ยนเป็นสีม่วงคล่ำ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่า สามีของเธอนั้นโดนกระทำอะไรมา นางิสะกลืนเสียงกรีดร้องลงคออย่างยากลำบาก เมื่อจิตใต้สำนึกของเธอร้องเตือนว่า ลูกสาวคนเล็กของเธอยังนอนอุตุอยู่ในห้อง







                   น้ำตาที่คิดว่าแห้งเหือดไปแล้วก็กลับมาหล่อเลี้ยงยังดวงตา เสียงอวดครวญของสามีของเธอร้องอย่างเจ็บปวดรวดร้าว ท่ามกลางชายฉกรรจ์ถึงสี่คนบุกเข้ามา ก็มีชายที่รูปร่างไม่เกิน35ปี เดินเข้ามาด้วยชุดสูทชั้นดี ใบหน้าของเขานั้นคมได้รูป สวมแว่นดำ เดินแหวกท่ามกลางชายร่างยักษ์มาหยุดอยู่ตรงหน้าของนางิสะอย่างเงียบเชียบ






                   " ต้องขออภัยด้วยที่มาดึกดื่นขนาดนี้ " แม้จะเป็นคำพูดที่นุ่มนวล แต่ในน้ำเสียงนั้นกลับเคลือบด้วยพลังเสียงที่ทรงพลังสมอย่างบอกไม่ถูก น้ำเสียงของชายปริศนา ทำให้นางิสะรู้สึกหวาดกลัวจากก้นบึ้งของหัวใจ





                   " พอดีคุณผู้ชายบ้านคุณยืมเงินของผมไปน่ะครับ แล้วที่มีปัญหา มันไม่ยอมคืนน่ะสิครับ " แม้ใบหน้าของผู้ชายจะแสดงออกราวกับว่าก็ลำบากใจ แต่ในแววตานั้นกลับเต็มไปด้วยเพลิงพิโรธ ชายหนุ่มที่ถูกกล่าวถึงก็ได้แต่นอนคุดคู้อยู่กับพื้นด้วยท่าทางที่ทรมาน ในขณะที่นางิสะ แม้ขาจะสั่นเทาแต่เธอก็ยังเชิ่ดหน้าประจันหน้ากับชายแปลกหน้าที่ทรงอำนาจนั้น เธอเห็นถึงแววตาของชายตรงหน้าที่แสดงออกถึงความชื่นชมในตัวเธอ นางิสะประกาศด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ แต่ตรงไปตรงมา





                   " ถ้าจะเอาชีวิตหมอนั้นก็เอาไปเลย "


                   " ต้องขอประธานอภัยนะครับคุณผู้หญิง ผมต้องการเงิน ผมไม่ได้ต้องการชีวิตไร้ค่าของมัน "






                   ชายหนุ่มคนนั้นตอบอย่างตรงไปตรงมา รอยยิ้มที่ยิ้มเยาะจากริมฝีปากของมัน ทำให้เธอรู้สึกย่ำแย่ ดวงตาที่อยู่ใต้แว่นกันแดดสีดำนั้นกวาดสายตามองเธอตั้งแต่หัวจรดเท้าทำให้นางิสะขนลุก




                   " รู้มั้ยครับว่าของที่เขาเอามาจำนำคืออะไร.. ตัวคุณยังไงล่ะครับ คุณผู้หญิง ' จะเอาไปยำไปแกงไปขายที่ไหนก็ได้ ว่าแบบนั้นน่ะครับ เมียของผมยังสวยยังสาว ต้องขายได้แน่ๆ.. ' แหนะ " ชายหนุ่มคนนั้นจับปลายคางของนางิสะให้เงยขึ้น และแน่นอนว่าเธอนั้นสะบัดไปอย่างไร้ใยดี และ ถอยออกมาเว้นระยะห่าง เสียงหัวเราะที่ชวนคลื่นไส้ก็ดังขึ้นมาจากร่างตรงหน้า






                   " ดิฉันหาเงินได้ค่ะ ต้องชำระเท่าไรกัน "




                   " เงินทั้งหมดที่สามีของคุณยืมนั้นรวมทั้งสิ้นเป็น10ล้านเยนครับผม คุณผู้หญิง " สิ้นเสียงนั้นก็เหมือนกับฟ้าผ่ามากลางใจ เธอรู้สึกเหมือนหน้ามืดอย่างบอกไม่ถูก ตามลำพังแค่หาเงินทุกเดือนรวมแสนเยนก็แทบใจขาดใจ






                   " ผมไม่รีบครับ แต่ขอให้รู้ไว้ว่ายิ่งผ่านไปนานเท่าไร ดอกเบี้ยก็ยิ่งสู... " ชายหนุ่มที่ไม่ทันได้พูดจบ เขาก็ชะงักไป เขาประคองร่างของหญิงสาวกลางวัยราวกับดึงตัวเธอให้ออกห่างกับอะไรบางอย่าง แต่เธอก็รับรู้ได้ทันที่ว่า “อะไร” คือสิ่งเขาให้ดึงเธอให้ออกห่าง ความเย็นเชียบของเหล็กถูกเฉือนไปกลับต้นแขนของเธอ นางิสะสัมผัสได้ถึงความเหนียวเหนอะของของเหลวที่ไหลอาบแขนของเธออย่างเชื่องช้า เลือดนั้นไหลรินร่วงหล่นสู่พื้นพรมสีขาว





                   ท่ามกลางความตื่นตกใจของนางิสะ ร่างของชายฉกรรจ์ก็พุ่งไปยังบุคคลที่กำมีดทำครัว บุคคลคนก็คือสึโยชิ การ์ดบิดข้อมือข้างที่สึโยชิได้กำมีดจน มีดนั้นร่วงลงกับพื้น และทั้งๆที่ยังบิดแขนอย่าง ผิดทิศทางนั้นลงลำตัว ทำให้ผู้เป็นสามีนั้นร้องออกมาอย่างดังลั่น ทุกคำพูดนั้นสบถเป็นคำหยาบอย่างร้ายกาจ





                   " มึง!! อีสำส่อน กูอุตส่าห์หาเงินมาให้พวกมึง!! แต่มึงกลับจะทิ้งชีวิตกูให้กับอีพวกยากูซ่านี่น่ะ!! อีเวร!! " แม้จะถูกกดกับพื้น สึโยชิก็เงยหน้าขึ้นมาคำรามคำหยาบใส่ภรรยาของเขา ใบหน้าที่บวมช้ำนั้นบิดเบี้ยวจนน่าเกียจ ไม่เหลือเค้าโครงชายที่เธอเคยได้รัก คำพูดที่บาดเข้ามายังจิตใจ ทำให้หญิงสาวผละตัวออกจากชายหนุ่มในชุดสูทหรู ความโกรธของเธอนั้นเกินที่จะห้ามไว้ได้แล้ว เธอทรุดตัวลง ง้างมือฟาดยังใบหน้าของชายที่มีจิตใจบูดเบี้ยวอย่างสุดแรง ก่อนตะคอกด้วยความรู้สึกที่เธอเก็บเอาไว้อย่างยาวนาน







                   " เรื่องทั้งหมด เรื่องทั้งหมด! มันเกิดขึ้นเพราะคุณไม่ใช่เหรอ! หากคุณไม่ไปยืมเงิน หากคุณไม่เริ่มเล่นการพนันโง่ๆ! ไม่ไปติดเหล้า เรื่องพวกนี้จะเกิดขึ้นมั้ย!!  "




                   " เพราะมึงเกิดอีพวกนั้นขึ้นมาไง!! กูเลยต้องลำบากขนาดนีั้!!! ต้องแบกหน้าถูกเปรียบเทียบกับพวกเหี้ยนั้นทุกวัน!!! เพราะใคร เพราะมึงกำเนิดพวกนั้นไง!!! "



                   " นี่ขนาดลูกในไส้ของคุณ คุณยังอิจฉาอยู่งั้นเหรอ! "





                   " ในตอนแรกผมนึกว่า เขาจะหยิบมันขึ้นมาแทงผมซะอีกที่ไปแตะต้องภรรยาของเขา ดูเหมือนผมจะคิดในแง่ดีไปหน่อย " ในระหว่างที่ชายหนุ่มคุยกับนางิสะ เขาก็สังเกตุเห็นถึงท่าทีของสึโยชิที่ยันตัวขึ้นไปหยิบมีด เขานั้นแหละที่ส่งสัญญาณห้ามไม่ให้ลูกทีมของเขาพุ่งตรงไปทำร้ายสึโยชิ เพราะกะจะดูท่าทีที่ดิ้นรนเป็นครั้งสุดท้าย แต่ใครจะไปคิดว่า แทนที่สึโยชิจะโทษเขา กลับไปโทษภรรยาทั้งหมด




                   " ว่าไงครับคุณผู้หญิง? หากมากับพวกผมตอนนี้คุณจะไม่ต้องเจอกับคนอย่างหมอนั้นอีกนะครับ หนำซ้ำยังสามารถส่งลูกของคุณไปเรียนมหาลัยที่ต่างประเทศได้ด้วย "





                   " ไม่มีทาง! "




                   " หืม..งั้นช่วยไม่ได้นะครับ " ชายหนุ่มถอนหายใจอย่างแผ่วเบา ในทันทีที่คิดว่าเรื่องมันจะจบลงที่ลากสึโยชิไปทำงานเกรดต่ำ แต่ก็มีสิ่งที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้น สึโยชิกัดเข้าไปแขนของคนกดเขากับพื้นอย่างเต็มแรง และสะบัดคนที่อยู่บนร่างออกเขาออกก่อนที่จะพุ่งไปคว้ามีดที่ตกอยู่กับพื้น ยังไม่ทันที่ทุกคนจะห้าม แม้แต่ชายหนุ่มก็ยังไม่ทันได้ส่งสัญญาณให้กับการ์ด สึโยชิก็พุ่งเข้าไปแทง ...นางิสะ มีดทำครัวปักอยู่ที่ด้านหลังซ้ายของเธออย่างจัง ท่ามกลางความตื่นตะลึงของของคนรอบห้อง ร่างของนางิสะก็ร่วงลงกับพื้น โดยปราศจากคำพูดใดๆ ของเหลวทะลักมาออกจากบาดแผล ไหลอาบท่วมพื้นพรมจนมาถึงเท้าของชายปริศนานั้น..ในความเงียบสงบในบ้านนั้นก็มีเพียงร่างของผู้เป็นสามีที่ระเบิดหัวเราะออกมา





                   " ฮะ ฮ่ะๆๆๆ สมน้ำหน้า ยัยโง่  เป็นไงล่ะ!! ไม่ยอมเชื่อฟังกู!!! "


                   " พวกมึงก็เหมือนกัน!!! ถ้าไม่ยอมยกหนี้ให้กู กูก็จะฆ่าเหมือนอีแม่นี้! "




                   " แหม ช่างน่ากลัวจังเลยนะครับ ...เฮ้ย จัดการ " สิ้นเสียงคำสั่งของชายร่างสูง สึโยชิก็ดับวูบไปทันทีอย่างน่าประหลาด ในขณะเดียวกัน แผ่นหลังที่เย็นเชียบสัมผัสกับบานประตู ลูกชายคนโตของบ้านหลังนี้ รู้สึกเหมือนกลับจะขาดอากาศหายใจ เขาไม่ได้ยินเสียงของผู้เป็นแม่มาตั้งแต่เมื่อกี้ ไม่นานนั้นเสียงหัวเราะของพ่อก็จางหายไป ได้ยินเสียงแต่เหมือนของเหลวที่พุ่งออกมาเท่านั้น เกิด..เกิดอะไรขึ้น






                   ต่อมา ฮินาโตะก็เป็นห่วงน้องสาวที่นอนอุตุอยู่ห้องถัดไปจากตน บุคคลเหล่านั้นแม้จะเงียบสงบแล้ว แม้จะหวาดกลัวจากก้นบึ้งของหัวใจ แต่ความปลอดภัยของน้องเขานั้นสำคัญที่สุด ความหวาดกลัวที่คุกคามมายังสมอง ทั้งๆที่อากาศหนาวเหน็บ แต่หยาดเหงื่อกลับชุ่มไปทั่วแผ่นหลังและฝ่ามือของเขา ฮินาโตะกลั้นใจที่จะเปิดประตูออกมา กลิ่นสนิมตลบอบอวลไปทั่วห้อง และยิ่งเขาก้าวเข้าไปใกล้สถานที่เกิดเหตุการณ์ กลิ่นนั้นก็ยิ่งแรงมากขึ้น






                   ภาพตรงหน้าที่ฮินาโตะเห็น มันช่างชวนหยุดหายใจ ทะเลเลือดอาบกองไปทั่วพรม มันเฉอะแฉะไปทั่ว ร่างที่ไร้วิญญาณของแม่เขา นอนจมกองเลือด แต่สภาพพ่อของเขานั้นย่ำแย่กว่า คอของเขาเหมือนจะหลุดออกจากบ่า ภาพตรงหน้าช่างสะอิดสะเอียนเสียจนเขาอยากจะอ้วก มันเกิด..อะไรขึ้นกัน




                   " สวัสดีครับ คุณคงเป็นลูกชายคนโต ฮินาโตะใช่มั้ยครับ? " เสียงทุ้มที่เต็มไปด้วยอำนาจกล่าวเรียกความสนใจให้ฮินาโตะหันไปมอง ส่วนสูงของเขาเรียกได้ว่าพอๆกัน รอยเลือดที่กระเซ็นนั้นเปรอะเปื้อนไปทั่วใบหน้าและเสื้อผ้าที่ดูราคาแพง เขากำลังใช้ผ้าเช็ดกับถุงมือหนัง ผ้านั้นถูกย้อมเป็นสีแดงสด สีแดงของเลือด




                   " จริงๆผมก็กะจะแค่มาทวงหนี้แท้ๆ พอดีอดไม่ได้จริงๆ มาฆ่าผู้หญิงต่อหน้าผมนี่ " ใบหน้าของเขานั้นเปื้อนไปด้วยรอยยิ้ม รองเท้าบูทเหยียบเข้าไปยังลำตัวของชายที่ไร้ชีวิตอย่างไร้ปรานี




                   " ทีนี้หนี้ก็ตกไปอยู่ที่คุณแล้วสินะครับ เอาล่ะ ผมมีข้อเสนอใหม่ " ฮินาโตะผู้ยังหาเสียงออกจากลำคอไม่ได้ เขาทำเพียงแค่สีหน้าที่อยากจะร้องไห้ ในขณะเขาก็ค่อยๆถอยหลังอย่างเชื่องช้า ในขณะชายปริศนาที่ถอดชุดสูทลวกๆพลางก้าวมาหาเขา และส่งชุดสูทที่เปื้อนไปด้วยเลือดให้เขาถือ ชุดสูทนั้นหนักเป็นอย่างมาก ไม่รู้เพราะมันถูกย้อมด้วยเลือดของบิดามารดาของตนหรืออย่างไร



                   " เอาเป็นว่า คุณเป็นคนฆ่าพวกเขานะครับ แล้วผมจะยอมปล่อยหนี้คุณไป ถ้าไม่ยอมก็.... "


                   " .....น้องสาวของคุณ ยังเรียนมัธยมอยู่สินะครับ? "




                   " หากไม่ต้องการให้น้องสาวของคุณ ต้องรับการใช้จ่ายก่อนวัยอันควรล่ะก็ ยอมรับขอกล่าวหานะครับ อ๋อ แล้วก็อย่าลืม ล้างมีดนั้นและถอดพรมไปเผาทิ้งด้วยล่ะครับ ขอให้โชคดี " แม้สายตาของเขาชายปริศนาจะแสดงให้เห็นถึงความเวทนา แต่เรื่องนี้ชายหนุ่มคนนั้นก็ไม่ได้อยากรับผิด ดังนั้นการโยนความผิดให้เขานั้น... มันเป็นเรื่องที่ง่ายดาย เขาไม่รู้ว่าเหตุใดถึงเกิดเรื่องนี้ขึ้น แต่จากที่คำพูดของอีกฝ่ายที่กล่าวออกมาว่าพ่อของเขาเป็นคนสังหารแม่ของตน ชายตรงหน้าเลยจัดการกับพ่อ ทำไมก็ไม่รู้ เขาตัดสินใจในวินาทีนั้นเลยว่า มันเป็นความจริง.. โดยไม่ต้องถามกับตัวเองว่าทำไม




                   นับตั้งแต่นั้น ฮินาโตะก็ก้าวไปยังโลกที่เขาไม่รู้จัก เขาจำไม่ได้ว่าเขาได้อ้วกลงบนพื้นหรือเปล่า แต่เขายังจำเหตุการณ์ที่เขาต้องอุ้มร่างไร้วิญญาณของผู้เป็นพ่อแม่ไปไว้ที่อ่างอาบน้ำ ถอดพรมในบ้าน แล้วโยนลงในแม่น้ำใกล้ๆบ้าน คำสั่งของชายปริศนานั้นวนเวียนอยู่ในหัว กว่าจะรู้ตัวอีกที่ เขาก็นั่งอยู่ด้านบ้านอย่างหมดสิ้นทุกอย่าง แล้วในอนาคตเขาจะทำอย่างไรต่อ น้องสาวของเธอล่ะ? ตัวของเขาล่ะ? จากนี้เขา..จะเป็นอย่างไรต่อ






    ไม่รู้กาลเวลาผ่านไปนานเพียงใด

    แต่เขามารู้สึกตัวอีกที่เมื่อบานประตูที่ถูกกระชากออกมา

    ข้างนอกนั้นเป็นสีฟ้าใส เสียงนกร้องอย่างครื้นเครงผิดกับ

    อารมณ์ของเขาในตอนนี้สิ้นดี

    นั้นเป็นร่างของตำรวจกลุ่มหนึ่ง

    ความเย็นเฉียบของอาวุธปืนที่จรดมายังหน้าผากของเขา



    พร้อมกับเสียงตะโกนที่ดังและดุเดือดถามว่า พ่อแม่ของเขานั้นไปไหน

    เขาจำได้ว่า เขาตอบอย่างไร้เรี่ยวแรงว่า.. อยู่ในห้องน้ำ

    จากนั้นกุญแจมือก็ล็อคข้อมือของเขา






                   ฮินาโตะไม่มีแรงแม้แต่จะทรงตัวเสียด้วยซ้ำ ไม่มีแรงแม้แต่จะหลั่งน้ำตา ใบหน้าของเขานั้นชาเสียจนอยากจะอ้อนวอนให้ปืนที่เล็งเขาอยู่นั้น ได้เหนี่ยวไกปืนมาเสีย.. แต่แล้วความคิดนั้นก็สลายหายไป เมื่อเขาได้ยินเสียงหนึ่งตะโกนขึ้นมา




                   " พี่ฮินาโตะ!! " เสียงของน้องสาวคนเล็กที่คล้ายๆกับกรีดร้องออกมา เธอถูกตำรวจควบคุมตัวออกจากเตียง ใบหน้าที่ดูสับสนและหวาดกลัวนั้น ทำให้หัวใจของผู้เป็นพี่บีบรัดแน่น น้ำตาที่คิดว่าจะไม่ไหล ก็พรั่งพรูออกมา




                   " อย่าทำอะไรน้องสาวผม!! เขาไม่ผิด เขาไม่ได้ทำอะไรเลย! " เสียงที่ตะโกนออกมาจากชายหนุ่มนั้นแหบแห้งเสียจนน่ากังวล ทั้งๆที่ฮินาโตะผู้ซึ่งไร้เรี่ยวแรงและสมยอมให้ตำรวจจับแต่โดยดี ก็แสดงท่าทีที่ขัดขืนเหมือนเห็นน้องสาวที่ถูกลากแขนออกมา เขาพยายามที่จะวิ่งไปหาฮินาโอะ แต่ก็ถูกตำรวจกดลงแนบกับพื้น หยาดน้ำตาที่ทั้งสองหลั่ง ร่วงลงมาปะปนกับรอยเลือดที่แห้งกร้านบนพื้นไม้




                   " ก เกิดอะไรขึ้นคะ เกิดอะไรขึ้นเหรอคะ-- " ฮินาโอะสะอื้นออกมาอย่างไม่เป็นภาษา แม้ฮินาโตะอยากจะปลอบยังไง เขาก็ไม่สามารถยื่นมือไปสัมผัสน้องสาวของเขาได้





                   " ...ไม่ต้องห่วงนะ ฮินาโอะ ไม่ว่าจะยังไง ได้โปรด..จะต้องมีชีวิตอยู่ต่อไปให้ได้นะ "






                   สุดท้ายด้วยสาเหตุที่ว่า อาวุธที่คิดว่าเป็นอาวุธสังหารบิดามารดาของฮินาโตะคือมีดทำครัวที่มีรอยนิ้วมือของฮินาโตะอย่างชัดเจน จึงทำให้ศาลตัดสินว่า ฮินาโตะนั้นเป็นฆาตกรสังหารพ่อแม่ของตน แม้ฮินาโอะตอนแรกจะถูกกล่าวหาว่า ได้ร่วมมือกับฮินาโตะสังหารบิดามารดาเช่นกัน แต่ฮินาโตะให้การปฏิเสธ และ ยอมรับสารภาพว่าตนเป็นคนเดียวที่กระทำความผิด ทำให้ฮินาโอะหลุดพ้นข้อหา



                   แต่แล้ว แม้จะหลุดข้อกล่าวหา แต่ยังไงเสียเธอก็เป็นน้องสาวของฆาตกร คนญี่ปุ่นที่มักจะสาวไส้เรื่องครอบครัวของฆาตกรมาต่อว่าจนฮินาโอะไม่มีจุดยืน สุดท้ายแล้วเธอก็จำเป็นต้องเปลี่ยนนามสกุลเพื่อหลบหนีข้อกล่าวหา ลาออกจากโรงเรียนที่เธออยู่ และเนื่องจากไม่มีญาติคนไหนรับเธอไปเลี้ยง เด็กสาวก็ต้องไปอยู่บ้านบุญธรรมที่ต่างเมือง ที่แม้เขาจะเห็นอดเห็นใจ แต่ภาพลักษณ์ที่คนญี่ปุ่นมีให้ต่อครอบครัวฆาตกรนั้นช่างร้ายแรงเกินไป แม้แต่ตอนที่เธออยู่ในบ้านบุญธรรม ก็ยังมีจดหมายมาต่อว่า ไล่ให้เธอไปตาย ต่างๆนาๆอีกมากมาย มันเกินกว่าที่เด็กอย่างเธอจะรับไว้



                   แต่สัญญาที่เธอมีไว้กับพี่ชาย.. ไม่ว่ายังไงก็ต้องมีชีวิตอยู่ต่อไปให้ได้นั้น มันเป็นสิ่งเดียวที่เธอฮึดสู้กับทุกอย่าง เธอย้ายเข้ามากลางเทอมตอนปีหนึ่งเทอมสอง กับโรงเรียนใกล้ๆบ้านบุญธรรม แม้จะเริ่มต้นด้วยโรงเรียนใหม่ แต่ก็ถูกเปิดโปงได้อย่างง่ายได้ ด้วยสังคมโซเซียลและจดหมายต่อว่าถึงโรงเรียน หนำซ้ำยังมีร่องรอยของการต่อว่า ประมาณว่า ทำไมถึงรับเด็กนรกเข้ามาในโรงเรียนนี้




                   ทำให้ทุกคนต่างก็รับรู้ภายในวันต่อมาเลยว่า น้องสาวของฆาตกรนั้น ได้ย้ายมายังโรงเรียนนี้แล้ว นั้นเป็นสาเหตุที่เธอโดนแบนอย่างร้ายกาจ ร่วมถึงการต่อว่าต่างๆนาๆ แต่ในความรู้สึกของฮินาโอะนั้น พวกเขาเครียดและมาลงที่ตัวเธอมากกว่า ด้วยความที่ไม่อยากสร้างความเดือดร้อน ฮินาโอะ จึงได้แต่ยอมรับกรรมแต่โดยดี


                   เธอเป็นเด็กดีและเรียนเก่งขนาดที่ผู้อำนวยการยังเห็นใจ ร่วมถึง ผู้ดูแลที่บ้านบุญธรรมด้วย เธอทำงานควบคู่กับการเรียน เพื่อเป็นเงินเก็บใช้ในอนาคต แม้จะถูกไล่ออกอย่างรวดเร็ว เมื่อเขารับรู้ได้ว่า เธอเป็นน้องสาวของฆาตกร






    ลักษณะการพูด :


                   ฮินาโอะเป็นคนที่พูดจาฉะฉานสมกับเป็นเด็กที่มีความรู้ น้ำเสียงของเธอนั้นนุ่มนวลเสมือนนกน้อย มันน่าฟังและไพเราะ ยังไม่ต้องพูดถึงในยามที่เธอร้องออกมาเป็นเพลง เธอไม่ใช่บุคคลที่พูดเร็วนัก แต่ก็ไม่ได้ช้าเหมือนเคี้ยวเอื้อง แต่หากปกติทั่วไปได้ฟังนั้นมันก็ยังถือว่าช้าพอควร น้ำเสียงของเธอจะค่อนข้างเบากว่าปกตินิดหน่อย ไม่ว่าจะเสียงหัวเราะใดๆก็ตาม ฮินาโอะแทนตัวอย่างเป็นกันเองว่า ‘เรา’ ในขณะที่ทุกครั้งจะเรียกแทนคนอื่นว่า คุณ เธอ มีคะค่าลงท้ายทุกครั้งอย่างนอบน้อม เธอมักจะเรียกอีกฝ่ายด้วยนามสกุลอย่างเป็นทางการ แม้แต่สัตว์ต่างๆบางทีเธอก็ยังขึ้นต้นด้วยคุณ น้ำเสียงของเธอนั้นแฝงไปด้วยความเคารพ และ จริงใจ




    ยกตัวอย่าง





                   " สวัสดีค่ะ เช้ามาก็ร่าเริงแจ่มใสเลยนะคะ? ว่าแต่ เปลี่ยนกลิ่นน้ำหอมมาเหรอคะ? กลิ่นหอมเหมาะสำหรับคุณมากๆเลยนะคะ ทั้งหวานอมเปรี้ยวซุกซนสมกับเป็นหน้าร้อนเลยล่ะค่ะ " ยิ้มที่มุมปากเพียงเล็กน้อย น้ำเสียงดูจริงใจเอามากมาก แม้หน้าตาจะไม่ค่อยเปลี่ยนไปตามเสียเท่าไร




                   " วันนี้ก็มาอีกแล้วค่ะ ขอโทษนะคะ วันนี้ก็ขอรบกวนนั่งฟังเราอีกครั้งนะคะ "




                   " วันนี้เราไปยืมบทกวีของRobert Burns บทกวีชื่อว่า A Red, Red Roseมาล่ะค่ะ

    เริ่มเลยนะคะ อะแฮ่ม.. ความรักฉันนั้นเหมือนกุหลาบแดง-- " ขับร้องบทกลอนด้วยน้ำเสียงที่ไพเราะและลื่นไหลชวนน่าฟัง




                   " พูดเรื่องอะไรกันเหรอคะ? พี่ชายของเราไม่ใช่คนแบบนั้นหรอกนะคะ " เธอโต้ตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่ราวกับปกติ ใบหน้าของเธอนั้นก็ยังคงราบเรียบ แม้นัยตานั้นจะสั่นเครือราวกับไม่อาจจะสะกดกั้นความรู้สึกนี้




                   " เรื่องราวของแวมไพร์นี่ส่วนใหญ่จะมีแต่เรื่องราวโรแมนติกนะคะ ทั้งๆที่จริงๆแล้วคงต้องใช้ชีวิตอย่างลำบากแน่ๆเลย.. กระเทียมออกจะอร่อยแท้ๆ.. " เธอกล่าวพร้อมกับลูบปกหนังสืออย่างเชื่องช้าด้วยท่าทางเหมือนกับจะปลอบประโลมหนังสือที่เป็นตัวแทนของแวมไพร์




                   " เดียวคงต้องไปแล้วล่ะค่ะ ขอบคุณที่วันนี้ก็อุตส่าห์มานั่งฟังนะคะ ต่อไปต้องไปทำงานต่อแล้วล่ะค่ะ

    ขอให้โชคดี พระเจ้าอวยพรนะคะ "








    ชอบ :



                   หนังสือ : ตอนนี้กลายเป็นเพื่อนสนิทเบอร์หนึ่ง เพราะว่ามีหนังสือเลยทำให้มีเรื่องเล่าเยอะแยะสามารถเล่าให้คนอื่นฟังได้อย่างมากมาย ยิ่งเป็นหนังสือหายากจะยิ่งโปรดปรานเป็นพิเศษ เธอไม่มีหมวดหมู่ที่ชอบเป็นพิเศษ หากมันเป็นกระดาษที่ถูกรวมเข้าเป็นเล่มนั้น เธอชื่นชอบหมด ไม่ว่าจะจิตวิทยา ความรู้รอบตัว นิตรยาสาร หนังสือเรียน บทสวด ต่างๆอีกมากมาย



                   งานบ้านงานเรือน : จะรู้สึกสงบใจมากๆหากได้ทำ เพราะงั้นเวลามีปัญหาอะไรที่เครียด หรือ รู้สึกไม่ดี เธอจะลงมือทำความสะอาดเป็นอย่างแรก จนสภาพห้อง หรือ การทำความสะอาดส่วนที่เธอต้องดูแลนั้น สะอาดแบบวิ้งวับจนแสงเรือนรองออกมาเลย



                   อาหารที่มีรสชาติอ่อน : โดยเฉพาะอาหารที่ไม่ได้รับการปรุงแต่งที่มากเกินไป มันดีต่อสุขภาพ หนำซ้ำรสชาติจากต้นวัตถุดิบมันออกรสชาติอย่างพอเหมาะอยู่แล้ว โดยเฉพาะดาชินั้น เธอจะชื่นชอบเอาเสียมากๆ แต่หากอาหารที่เธอต้องทานมีรสเข้ม เธอก็ทานแต่โดยดี ไม่บ่นอิดออดใดๆ



                   เสียงเพลง โดยเฉพาะเสียงไวโอลิน : รู้สึกว่ามันเป็นเรื่องดนตรีที่ละเอียดอ่อน และสร้างเสียงที่ไพเราะและก้องกังวาล เธอมักจะชื่นชมอยู่บ่อยๆว่าคนสร้างไวโอลินนี่ช่างฉลาดเสียเหลือเกินถึงคิดเครื่องดนตรีเครื่องนี้ออกมาได้



                   วันที่ได้ไปเยี่ยมพี่ชายที่คุก : เธอแทบจะไปเยี่ยมพี่ชายทุกสัปดาห์ ผู้คุยกันอยู่บ่อยครั้ง ถามไถ่สุขภาพ และพยายามประกันตัวพี่ชายออกมา



                   สิ่งที่มีกลิ่นหอม : ชา ดอกไม้ ธรรมชาติ กลิ่นของน้ำ ดิน ทุกอย่างเป็นสิ่งที่เธอโปรดปราน มันเป็นความเสพติดอย่างหนึ่งที่ชอบกลิ่นหอมๆ หนำซ้ำฮินาโอะยังมีจมูกที่ดีเอาเสียมากๆ




                   น้ำเปล่า : ในบรรดาน้ำทั้งหมด เธอชื่นชอบน้ำเปล่าที่สุด โดยไม่มีเหตุใดเป็นพิเศษ แม้คนส่วนใหญ่จะชอบดื่มน้ำชา แต่หากเลือกได้ เธออยากดื่มน้ำเปล่าธรรมดามากกว่า



                   สัตว์น่ารักๆทั้งหลาย : อย่างน้อยพวกมันก็ไม่ตัดสินเธอก่อนที่จะรู้จัก บางทีเธอก็คิดว่า เธออาจจะเข้าได้ดีมากกว่ามนุษย์ทั่วไปอีกตั้งหาก เธอชอบทั้งหมาทั้งแมวไม่ว่านกหรืออะไร



                   ภาษาต่างประเทศ : เธอมีความสนใจเป็นพิเศษ เพราะเคยมีความคิดช่วงหนึ่งกว่า หากเก็บเงินได้ และโตมากพอ เธอจะขอวีซ่าและไปทำงานที่ต่างประเทศ เพื่อหลีกหนีปัญหาการหางานไม่ได้ แน่นอนว่า โดยที่เธอพาพี่ชายของเธอออกไปด้วย



    ไม่ชอบ :



                   เรื่องเครียดๆ : มันทำให้เธอไม่สบายใจ และ เมื่อเธอไม่สบายใจ ทำให้เธอไม่ต้องเรื่องมาทำให้เธอหายเครียด ถ้าเป็นไปได้ ถ้าเรื่องไหนสามารถตัดบทไม่ใช่ตนเครียด เธอจะทำ จะพยายามเลี่ยงไม่ให้เกิดความวุ่นวาย



                   ไม่มีเรื่องอะไรให้ทำ : พอเธอว่าง เธอจะมีเวลาหยุดคิด ซึ่งแน่นอนว่าเธอจะเอาแต่คิดแต่เรื่องร้ายๆ ดังนั้น เธอจึงต้องหาอะไรทำตลอดเพื่อไม่ให้มีเวลาได้คิด นั้นเป็นวิธีแก้ไขปัญหาของเธอ



                   การวาดภาพ : วาดยังไงก็ไม่สวย ทั้งๆที่เธอวาดแมว เหมือนเธอวาดอสูรร้าย ไม่รู้ว่าทำไมเธอถึงไม่สามารถขยับดินสอได้ตามที่ใจนึก


                   กลิ่นคาวเลือด : มันทำให้นึกถึงเหตุการณ์นั้น กลิ่นคาวเลือดนั้นอบอวลไปทั่วห้อง มักจะทำให้เธอนึกถึงร่างไร้วิญญาณของบิดามารดา



                   กลิ่นควัน หรือ แอลกอฮอล์ : เพราะว่าเธอมีจมูกที่ดี ทำให้เธอได้กลิ่นพวกนี้แรงถึงสองเท่ากว่าที่คนอื่นได้กลิ่น กลิ่นฟาดทะลั่กเข้ามายังลำคอ ความรู้สึกโดนรมควันคงจะเป็นแบบนั้น



    กลัว :


                   การที่จะต้องสูญเสียพี่ชายไปอีกคน : นั้นทำให้เธอต้องไปเยี่ยมพี่ชายบ่อยเท่าที่จะทำได้ จริงๆอยากจะอยู่กับพี่ชายทั้งวันเสียด้วยซ้ำไป ครอบครัวตอนนี้เธอมีเพียงแค่พี่ชายคนเดียว หากพี่ชายได้ตายจากเธอไปอีก ชีวิตนี้คงได้แตกสลายไปอย่างแน่แท้





    ความสามารถพิเศษ :


                   มีสมาธิเป็นเลิศ : ไม่มีใครสามารถขัดขวางสมาธิเธอได้ แม้จะเต้นต่อหน้า หรือมาชวนคุย เธอจะไม่สามารถรับรู้ได้ ยกเว้นเสียแต่หากตะโกนเสียงดัง หรือ สะกิดแรงๆ นั้นจะทำให้เธอสนใจพวกเขาได้


                   งานบ้านงานเรือน / ทำอาหาร / หรือเย็บปักถักร้อย : เป็นสกิลที่เธอเรียนรู้มาจากแม่ของเธอ เธอมีเทคนิคทำความสะอาดให้เนี๊ยบ และมันวาว รวมถึงสกิลการทำอาหาร แม้รสชาติอาจจะจางกว่าคนทั่วไป แต่มันเป็นสัมผัสที่อ่อนโยนอย่างน่าประหลาด เย็บปักถักร้อย เธอถักได้แม้แต่ตุ๊กตาหมีเลยล่ะ ถ้ามีอุปกรณ์พร้อมนะ


                   เป็นผู้พูดและผู้ฟังที่ดี : หากมีคนเปิดใจให้เธอ จะสามารถรับรู้ได้ว่า เธอสามารถพูดให้กำลังใจอย่างนุ่มนวล


                   จมูกที่ดี : เธอมีประสาทจมูกที่ไวมาก อาจจะได้กลิ่นชัดกว่าคนอื่นนิดหน่อย




    งานอดิเรก : อ่านหนังสือ , ทำทุกอย่างที่สามารถทำได้ , ทำงานพิเศษ

    เพิ่มเติม :



    - ทุกวันนี้ทำงานเป็นพนักงานร้านสะดวกซื้อ
    - รับจ็อบเสริมทำดอกไม้ประดับ
    - สนอกสนใจบทกลอนรักอยู่ มักจะทำไปฝากพี่ชายเสมอๆ
    - ตอนนี้เก็บเงินได้จำนวนหนึ่งแล้วล่ะ เป้าหมายคือ มีมากพอที่จะประกันตัวพี่ชาย.
    - น่าจะคะแนนติดบอร์ดไม่อันดับ5-25 ตลอด ไม่เกินนี้
    - ทานอาหารน้อยมาก ข้าวปั้นแค่สองลูกก็สามารถทำให้เธออิ่มได้
    - มักจะพกหนังสือมาโรงเรียนตลอด ไม่ยืมที่โรงเรียน ก็ที่หอสมุดของเมือง
    - คุ้นชินกับการโดนรังเกียจ และ เดินอยู่ดีๆก็มีคนต่อว่า ส่งจดหมายมาด่า
    - พยายามมาโรงเรียนให้เช้า เพราะจะทำความสะอาดที่นั่งกับล็อกเกอร์หากโดยรังแก





    " คิดจะโกหกพี่ชายคนนี้ล่ะก็ ยังเร็วไปสิบปีนะครับ "








    Amami Hinato อามามิ ฮินาโตะ
    อายุ24 ส่วนสูง 181 น้ำหนัก 47

    พี่ชายแท้ๆของฮินาโอะ อามามิคือนามสกุลเดิม
    ก่อนที่ฮินาโตะจะเปลี่ยนเป็น โอโทกิ

    เป็นผู้ชายที่นุ่มนิ่ม เฉื่อยๆ เอื่อยๆ จิตใจดี ดูเอ๋อๆนิดๆ
    พูดจาสุภาพ และ มีหางเสียง หนำซ้ำคำพูดยังน่าฟังอีกด้วย
    แต่ก็เป็นคนกล้าหาร ฉลาดและหัวไวเป็นมากมาก ตอนนี้อยู่ในคุก
    แม้จะผอมลงเยอะ ในช่วงที่เข้ามาแรกๆเขามักจะโดนรังแกในคุก
    แต่พออยู่เรื่อยๆ ทุกคนต่างก็รับรู้ความเอ๋อของฮินาโตะและเริ่มเอ็นดูขึ้นมา
    ทุกวันนี้เขาลือกันว่า ฮินาโตะเป็นแพะ แม้แต่ผู้คุมก็พูดถึง

    จนถึงขั้นสอนศิลปะการต่อสู้ให้แล้ว ออกจากคุกคงมีเฮ(?)
    ว่างๆเขาก็สอนวิชาความรู้ต่างๆให้คนด้อยโอกาสในคุก
    แต่พอฮินาโอะมาเยี่ยมเขาก็แสดงท่าทางร่าเริงไม่ให้น้องเป็นห่วง


    _________________________________________


    " ช่วงนี้จะงดการเปิดให้กู้ชั่วคราวนะครับ
    ถึงจะถามว่าทำไมก็เถอะครับ มันเป็นความลับครับ "




    คัตสึกิ ไม่ทราบนามสกุล
    ไม่ทราบอายุ ส่วนสูง 186 น้ำหนัก 71



    ชายปริศนาที่ตอนนี้รู้สึกผิด หากมีโอกาสย้อนเวลา
    คงเป็นฝ่ายรับฮินาโตะมาเลี้ยงเอง ตอนนีัตามสืบเรื่องของฮินาโอะอยู่เงียบๆ
    เพื่อป้องกันไม่ให้ ประชาชนรังแกหรือทำร้ายเด็กสาวอยู่
    แม้จะไม่ปรากฏตัวออกสื่อให้ใครเห็นก็ตาม

    เป็นผู้ชายที่ซุกซน ไม่ค่อยเปิดเผยตัวเองมากนัก
    พูดจาสุภาพตลอด แม้จะสบถก็ยังสุภาพ
    ไม่ได้บอกว่าตัวเองเป็นอะไร แต่น่าจะมีเส้นสายกับยากูซ่า

    แม้จะสงสารฮินาโอะ แต่ถามว่าจะรับผิดแทนฮินาโตะมั้ย
    ..มั่ย..
    /เป็นคนยัดเยียดให้ผู้อำนวยการรับฮินาโอะเข้าเรียน/


    _________________________________________
    คาร์ประกอบฉาก คุณริต้าสามารถปรับได้ตามใจชอบเลยนะคะ!




     
     with character

    - สวัสดีค่า ชื่ออะไรกันบ้างคะ?
    - " โอโทกิ ฮินาโอะค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ "
    - เชื่อในแวมไพร์หรือเปล่าเอ่ย?
    - " นั้นสินะคะ.. " เด็กสาวทวนคำอย่างแผ่วเบา " ความรู้สึกของเราคือ.. ถ้ามีจริงก็คงจะดีนะคะ.. " 
    " แต่อย่างที่เคยกล่าว หากมีจริงคงต้องลำบากแน่ๆเลยล่ะค่ะ ทั้งแสงแดด ทั้งกระเทียมอีก "  


    - ถ้าเกิดว่าต้องรักกับแวมไพร์
    รู้ใช่มั้ยคะว่าจะต้องเจอกับอุปสรรคหลายอย่างเลย

    " แค่คำว่า'รัก'ก็ถือว่ามีอุปสรรคมากมายอยู่แล้วค่ะ ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์ หรือ แวมไพร์.. "
    " แต่ถ้าเป็นไปได้ เราอยากให้จะให้เขามีความสุขนะคะ "

    - ขอบคุณที่มาคุยกันนะคะ ไว้เจอกันค่า
    " ขอบคุณมากนะคะที่ชวนคุย เหมือนไม่ได้คุยกับคนอื่นนอกจากคุณซากามากิมาตั้งนานแล้วแหนะค่ะ แหะๆ "

     

    with mommy/daddy

    - สวัสดีค่ะ คุณผปค.ชื่ออะไรหรือคะ?
    ชื่อแคนดี้ค่ะ! ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ! -
    - คิดว่าลูกสาวเรามีดีตรงไหนเป็นพิเศษมั้ยคะ?
    ตรงที่นุ่มนิ่มและอ่อนหวานค่ะ เป็นฮีลลิ่งที่น่ารัก -
    - ริคัดไม่โหดจริงๆค่ะ แต่ถ้าไม่ติดจะรับกลับมั้ยเอ่ย
    อันนี้แล้วแต่คุณริต้าจะสะดวกเลยค่ะ -
    - ขอบคุณสำหรับลูกสาวนะคะ รอประกาศผลน้า
    ขอบคุณมากนะคะ จะรอประกาศนะคะ -

    Matcha
     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×