คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : ถ้าโลกนี้มันสู้ยากก็เปลี่ยนมันซะสิ
ถ้าโลกนี้มันสู้ยากก็เปลี่ยนมันซะสิ
หลังจากที่เซบาสเตียนพาผมแหกคุกออกมา เราก็กลับมาที่บ้าน ซึ่งบ้านในตอนนี้ของผมก็คือห้องลับใต้ดินที่อยู่ข้างใต้โรงทิ้งขยะแห่งหนึ่ง ภายในห้องไม่ได้ใหญ่โตอะไรมากมาย แต่ก็พอที่ผมจะสามารถทำงานประดิษฐ์ของตัวเองได้
ผ่านมาตอน 2 ตอนละพวกคุณยังไม่รู้ชื่อจริงผมเลยสินะ หึหึ กระผมนั้นมีนามอันแสนจะชั่วร้ายว่า
บลาวนี่ ไทเร่อ
เริ่มกลัวกันแล้วละสิๆ แต่ผมชอบให้คนเรียกว่า บลาว มากกว่า
ส่วนฉายาวายร้าย “แฮมเตอร์” ของผม ....ถ้าจะให้ผมเล่าจริงๆ มันมาจากว่า
ตอนเด็กๆ ที่บ้านเก่าผมที่เป็นศูนย์วิจัย มันจะมีห้องๆหนึ่งที่มีหนูอยู่เต็มไปหมด พวกมันอยู่ในกล่องกระจกใสและวิ่งอยู่ในที่หมุนๆ ซึ่งผมชอบที่จะเข้าไปดูพวกมันมากๆ ไม่ว่าจะเป็นท่วงท่าการวิ่งอันสง่างาม กับร่างเล็กๆที่ดูไม่ย่อท้อต่ออนาคต และวิ่งต่อไปเรื่อยๆ ได้อย่างไม่เน็จเหนื่อย (มันติดจั่นอยู่ =_= ) ทำให้ผมนับถือพวกมันจากใจ
แต่หนูพวกนั้นไม่ใช้แฮมเตอร์หรอกนะ มันเป็นหนูตะเภา แต่จะให้ตั้งชื่อว่าตะเภามันก็ดูแปลกๆใช้ใหม้ละและมันไม่เท่เอาซะเลย ผมจึงลองคิดที่จะเปลี่ยนเป็น rat man ดู แต่ไม่เอาดีกว่ามันไปซ้ำกับวายร้ายอีกคน ที่สามารถแปลงร่างเป็นวายร้ายชุดดำได้
ผมจึงเลือก แฮมเตอร์นี่แหละ มันชั่งเท่ ไฮโซ และทันสมัย เหมาะกับการเป็นฉายาวายร้ายของผมมากๆ 5555555555555555 (ไม่เห็นจะต่างกับตะเภาตรงใหน)
ผมแนะนำตัวเสร็จเรียบร้อยแล้ว งั้นผมขอดูทีวีต่อละกัน
ตอนนี้ผมกำลังดูข่าวอยู่ จากทีวีที่ออกมาจากท้องของเซบาสเตียน ข่าวที่ว่า ก็คือเรื่องที่ผมแหกคุกออกมานั้นแหละ ในรายงานบอกว่ามีผู้ที่ได้รับบาดเจ็บมากถึง 30 คน แต่ไม่มีใครเสียชีวิต เพราะผมตั้งใจไว้แบบนั้นอยู่แล้วจะมีใครตายได้ไง
ซึ่งหลังจากที่ผมแหกคุกออกไปแล้ว นักโทษคนอื่นก็พยายามแหกคุกเหมือนกัน ซึ่งหนีไปได้ตั้งหลายคน ทางตำรวจก็วุ่นวายกับการทำประกาศจับพวกคนร้ายที่หลบหนีไป รวมทั้งผมด้วย
ดูเสร็จผมก็บอกให้เซบาสเตียนปิดทีวี ช่องทีวีที่ท้องของเซบาสเตียนก็เลื่อนเก็บเข้าไปข้างใน แล้วผมก็สั่งให้เขาไปซื้อของกินจากเซเวนเท็นเข้ามา
ส่วนผมก็ นั่งคิดเรื่องต่างๆ ต่อ
เมื่อไหร่ผมจะครองโลกได้นะ....
เป็นคำถามที่ผมรู้สึกท้อในการหาคำตอบเอามากๆเลย ผมก่อการร้ายมาทั้งหมด 40 ครั้ง สำเร็จไปแค่ 6 ครั้ง คิดดูสิ ซึ่งบางครั้งที่ผมทำสำเร็จ สุดท้ายผมก็ยังโดนลากเข้าคุกอยู่ดี ขนาดผมมีอุปกรณ์สุดไฮเทคที่ทำจากกองขยะชั่นดีข้างบนนี้ ก็ยังสู้ไอสิ่งที่เรียกว่าฮีโร่นี่ไม่ได้เลย
ทำไมละมันผิดพลาดตรงใหนกัน ในเมื่อผมทำตามหนังสือคู่มือมหาวายร้ายทั้งหมดแล้ว..
ผมจึงหยิบคู่มือนั้นขึ้นมา แล้วเปิดไปที่หน้า “สิ่งที่มหาวายร้ายสายประดิษฐ์ต้องมี”
ใช่แล้วผมไม่ได้มีพลังวิเศษอะไร ไม่ได้แข็งแรงอย่างไอ้ตัวเขียว ไม่สามารถบินได้อย่างไอ้กางเกงใน หรือสามารถชกครั้งเดียวแล้วระเบิดดวงจันทร์ได้เหมือนไอ้ล้าน
สิ่งที่ผมทำได้อย่างเดียวก็คือ .....ประดิษฐ์ นั้นเอง
ผมไล่สายตาไปอ่านในหน้านั้น
1. สิ่งที่วายร้ายสายประดิษฐ์ต้องมีอย่างแรกสุดเลยก็คือ “ฐานทัพลับ” มันมีไว้สำหรับการเป็นสถานที่ในการเพิ่มพูนกำลังรบ สิ่งประดิษฐ์ และหลบภัย ยามที่มหาวายร้ายพ่ายแพ้จากการต่อสู้ เพราะพวกเราไม่สามารถต่อสู้ได้ด้วยตัวเองจึงต้องมีที่ๆเราสามารถอยู่ได้อย่างปลอดภัย
อันนี้ผมมีแล้วก็บ้านที่ผมกำลังอยู่นี่ไง ถือว่าเป็นฐานทัพลับเหมือนกัน เพราะมันอยู่ใต้ดินแถมข้างบนก็เป็นสถานที่ๆคนไม่อยากมากันด้วย
ผ่าน!!...
2. ผู้ช่วยหรือผู้ติดตาม ที่สามารถทำเรื่องยิบย่อยให้เราได้ เพราะพวกเรามหาวายร้ายสายประดิษฐ์ ไม่สามารถเสียเวลากับอย่างอื่นได้มากนัก เพราะพวกเราต้องวางแผนการร้าย รวมทั้งประดิษฐ์อุปกรณ์ที่ใช้ในการก่อการร้ายเองด้วย ดังนั้นต้องมีใครสักคนคอยทำความสะอาดฐานทัพ ซื้อข้าว ล้างจาน จิปาถะอื่นๆอีกมากมาย
อันนี้ผมก็มีแล้ว เซบาสเตียนไงละ ถึงจะเป็นหุ่นยนต์แต่ก็สามารถทำงานได้เหมือนมนุษย์เลย
ถือว่าผ่าน!!...
3. ความเป็นเอกลักษณ์ของสิ่งประดิษฐ์ เพื่อง่ายต่อการจดจำของผู้อื่น เป็นจะสร้างเครดิตให้กับตัวมหาวายร้ายในยามที่เราก่อการร้ายจะสามารถทำให้คนจำได้เราเป็นคนก่อการร้ายนะ
อันนี้ไม่แน่ใจเท่าไหร่แต่ทุกๆสิ่งประดิษของผมมักจะติดโลโก้รูปหนูแฮมเตอร์ไว้ตลอด เช่น [ระเบิดเรียกหนู ver.007 +ระบบจับเวลา] มันมีรูปหนูแฮมเตอร์ที่มีเลข 7 ติดอยู่ หรือ [หุ่นbattle hamster ver.03] ที่มีหัวเป็นหนูแฮมเตอร์ นั่นคงเรียกว่า เอกลักษณ์ของสิ่งประดิษฐ์ ได้นะ
ผ่านละกัน...
4. คำพูดติดปากเวลาพ่ายแพ้…….. มีไว้เพื่อช่วยสร้างแรงกระตุ้น ให้พวกเราวายร้ายสายนักประดิษฐ์ ในยามที่พวกเราพ่ายแพ้ ก็สามารถพยายามต่อไปได้ เช่น “ลางไม่ดีอีกแล้ว” ของวายร้ายแก๊งจรวด ที่ต้องการสื่อว่าครั้งนี้พวกเรา “ลางไม่ดี” เลยแพ้ แต่ครั้งหน้าลางพวกเราอาจจะดีขึ้นก็ได้ หรือ บอกว่า “ฝากไว้ก่อนเถอะ” ที่ตัวร้ายหลายเรื่องชอบพูดกัน นี้ก็เป็นอีกหนึ่งคำพูดที่ดี เป็นการสื่อว่า ครั้งหน้าเตรียมตัวโดนพวกเราเอาคืนแน่..
พอผมอ่านข้อนี้จบ เอิ่ม....มันสำคัญขนาดนั้นเลยเหรอ แต่มันแหม่งๆอยู่นะ เหมือนกับมันต้องการบอกว่าเราจะแพ้ตลอดเลยละ ผมจึงเลื่อนลงมาอ่านตรงหมายเหตุด้านล่าง
มหาวายร้ายสายประดิษฐ์ ถูกออกแบบมาให้แพ้เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ดังนั้นอย่าคาดหวังอะไรมากกับโลกที่มีฮีโร่อยู่ เพราะพวกนั้นสามารถจัดการพวกเราได้โดยไม่เหนื่อยแรงอะไรเลย
ถึงแม้จะมีบ้างที่พวกวายร้ายสายประดิษฐ์ จะผันตัวเองเป็นสายอื่น เช่นสายต่อสู้ สายพลัง โดยการสร้างชุดที่ทำให้เราสามารถใช้พลังพิเศษได้ แต่เนื่องจากชุดเหล่านั้นไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของร่างกายเราจริงๆ พอโดนอะไรนิดอะไรหน่อย อาจทำให้ชุดรวนได้ จึงไม่เหมาะที่จะเอาไปลุยกันตรงๆ แล้วพอเจอฮีโร่สายลุยเข้ามาก็เละง่ายกว่าตอนพวกเราเป็นสายประดิษฐ์ซะอีก...
“.......”
วัด เดอะ ฟากกกกกกกก!!!
แล้วที่ตูพยายามมาตลอดนี่เพื่อมาแพ้เหรอเนี้ย
แต่เดียวก่อนนะ ตรง หมายเหตุ มันเขียวไว้ว่า “...โลกที่มีฮีโร่อยู่...” ถ้าผมสามารถไปโลกที่ไม่มีฮีโร่อยู่ได้ละก็ ผมก็สามารถครองโลกนั้นได้สินะ
แค่นั้นละ หึหึ ไอเดียต่างๆ ก็ผุดขึ้นมาในหัวอันชาญฉลาดของผม พร้อมกับร่างแผนการต่างๆ รวมทั้งสิ่งประดิษฐ์ที่จะใช้ด้วย
ในเมื่อโลกนี้มันครองไม่ได้ ก็เปลี่ยนมันซะสิ
ตู้ม!!!!
อยู่ก็มีเสียงระเบิดดังขึ้นไกล้ๆนี้เอง
หรือว่าหม้อแปลงระเบิด แต่ก็ช่างเถอะคิดแผนต่อดีกว่า
.......
.
.
“กลับมาแล้วครับ” ผมวางแผนไปได้สักพัก ก็มีเสียงสันๆคุ้นหูดังขึ้น
“กลับมาแล้วเหรอเซบาสเตียน” ผมก็วางแผนเพลิน จนลืมดูเวลาซะสนิดเลย
“เหมือนไม่นานมานี่ ผมได้ยินเสียงระเบิดอะไรสักอย่าง นายพอรู้อะไรบ้างไหม” เหมือนเซบาสเตียนจะยืนคิดอะไรอยู่แล้วค่อยตอบผมกลับมา
“กระผมไม่เห็นได้ยินเสียงอะไรเลยครับ” งั้นเหรอๆ งืมๆ
“ช่างเถอะ แล้วของอยู่ใหนละ” ตอนนี้ผมหิวมากเลยรีบๆเอามาได้แล้ว
“นี่ครับ” แล้วเซบาสเตีนก็ยื่นถุงใส่ของกินมาให้
“นายท่านครับ” ขณะที่ผมกำลังค้นของในถุงอยู่เซบาสเตียนก็เรียกผม
“อะไรเหรอ”
“ว่างๆช่วยติดวายฟายที่ตัวกระผมให้หน่อยได้ไหมครับ” ติดวายฟาย? ผมก็ไม่ได้อัพเกรดเซบาสเตียนมานานแล้วสิ ก็ดีเหมือนกัน เตรียมเซบาสเตียนให้พร้อมกับแผนการนี้ด้วนเลยดีกว่า
“อือ เดียวฉันแก้ข้อมูลให้นายใหม่หมดเลยละกัน”
หึหึ แค่คิดก็ชักสนุกขึ้นมาแล้วสิ
ความคิดเห็น