คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #18 : Player character : Zelundel Northheim
ของ : ApolloN
แบบฟอร์มตัวละคร
ประเภทตัวละคร : Player
ชื่อตัวละคร: Zelundel Northheim
เซลันเดล นอร์ธเฮม
ชื่อเรียก(ชื่อเล่น) : ลัน
อายุ : 11
ชั้นเรียน : ปี 2
วันเดือนปีเกิด : 13 ธันวาคม
กรุ๊ปเลือด : AB
เพศ: ชาย สรรพนาม แทนตัวเองว่า: ข้า/เจ้า (ถ้าเป็นคนไม่รู้จักจะเรียกตามเผ่าพันธุ์ไปซักพัก) ถ้าคุยกับผู้หญิงจะเปลี่ยนเป็น ผม/พี่สาว(ถ้าอายุมากกว่า) หรือชื่อ
เผ่าพันธุ์: พ่อมดกึ่งเทพ
สายการเรียน : Gambler (นักพนัน)
***อยากให้มี class ต่ออ่ะครับ***
ลักษณะรูปลักษณ์ตัวละคร: นัยน์ตามีสองสี ข้างซ้ายสีทอง และข้างขวาสีแดงม่วง ใบหน้าเรียวยาวจมูกเป็นสันผมสีขาวเงินถูกตัดลวก ๆ แบบขอไปที ผิวสีขาวซีดเนื่องจากไม่ถูกแสงแดดบ่อยนัก (แต่พละกำลังดีเป็นเลิศ) หน้าหล่อมีสเน่ห์แบบเงือกคือถ้ามองนาน ๆ จะหลงหัวปักหัวปำ (มีผลกับเพศตรงข้ามและพวกเบี่ยงเบนทางเพศ) มีขนาดตัวเล็กและค่อนข้างเตี้ยเนื่องจากมีโครงร่างเป็นเด็กอยู่ (เป็นทั้งพ่อมดและเทพเลยโตช้า) หุ่นปกติดีออกผอม
การแต่งกาย (ไปรเวท) : ชุดลำลองสีดำยาวมีลายแปลก ๆ มีคอพับสูงกว่าปกติเล็กน้อย กางเกงยาวตรงหัวกางเกง(ใต้เป้า) จะติดกัน(มีผ้ายึดกัน) อาจใส่หมวกและไม่ใส่หมวก หมวกสีดำมีปีกขนาดใหญ่ มีผ้าคลุมยาวสีดำไว้ใส่ในบางโอกาส
อุปนิสัย : ขี้เล่น ขี้หลี ฉลาดเป็นกรด (เป็นตัวละครแรก ๆ ขอให้ฉลาดสุด ๆ เลยนะครับ ^ ^) เถียงไม่แพ้ อ้อนเก่ง(ผู้หญิงเป็นพิเศษ) ชอบพนันดวงดีเว่อร์ เข้ากับคนได้ดี เจ้าเล่ห์แต่ซื่อสัตย์ไม่โกงใคร มองกลออกทุกอย่างแบบทะลุปรุโปร่ง
อาวุธ : ลูกแก้วพ่อมด เด็ดออกมาจากหัวคทาของตัวเอง
ท่าต่อสู้/วิธีการสู้: ท่าโจมตีธรรมดา เสี่ยงทายเวทย์ถ้าถูกเวทย์จะออกมารุนแรง ถ้าผิดจะกลายเป็นมายากล เวทย์จะเป็นธาตุอะไรจะออกมาแบบสุ่มแล้วแต่ดวง จะมีการแผ่ของพลังจากหัวลูกแก้วเป็นวงกลมเบาไปตามระยะทาง (บังคับลูกแก้วได้)
, อีกวิธีคือให้คู่ต่อสู้เสี่ยงทาย (บังคับ) ถ้าคู่ต่อสู้ทายถูก เขาจะหลบการโจมตีได้ครั้งหนึ่งถ้าทายผิดจะเป็นเวทย์ฟื้นฟูแก่เรา
ท่าโจมตีพิเศษ เสี่ยงทายท่าธรรมดาติดต่อกันมากกว่า 3 ครั้งพลังโจมตีจะรุนแรงมาก ขึ้นอยู่กับครั้งที่ทายถูก เวทย์จะเป็นสุ่มระหว่างแสงกับมืด ใครโดนในรัศมีถ้าไม่ตายจะมีโอกาสติดคำสาปรุนแรงหรือติดพิษ (แล้วแต่ดวง)
จุดแข็ง: ถ้าเดาถูกบ่อยจะพระเจ้ามาก ๆ (ขึ้นกับดวง) การโจมตีส่วนมากเป็นแบบสุ่มยากต่อสายวิเคราะห์ที่จะคิดวิธีรับมือ การโจมตีเป็นวงกว้างและผ่านเวทย์อื่น ๆ ได้ แต่โดยรวมขึ้นอยู่กับดวง... ถ้าเจอเพศตรงข้ามก็สะดวกมาก ยกเว้นเจอพวกตายด้านต้องรอหน่อยสเน่ห์ถึงทำงาน อาจเป็นจุดที่น่ากลัวในการต่อสู้เพราะจะทำให้หลงรักหัวปักหัวปำ
จุดอ่อน: ส่วนมากขึ้นอยู่กับดวง ถ้าทายผิด (ซึ่งเจ้าตัวโชคดีไม่ค่อยผิด) จะกลายเป็นเล่นจำอวดเสียได้
ความสามารถ (แบบคนธรรมดา) : มองกลทุกอย่างออกทะลุปรุโปร่ง คล่องแคล่วว่องไวกว่าปกติ จะรับรู้ถึงคนที่มองมาที่ตนแบบปิดกั้นไม่ได้ แบบใครมองลันลันก็จะรู้ว่ามีใครมองอยู่ จากตรงไหน มองทำไม ประมาณนี้
ความสามารถ (แบบพิเศษ) : เครื่องรางมหาโชค- คนที่อยู่ใกล้ตนรวมตนเองจะโชคดีจนผิดสังเกต(มาก ๆ)
ศาสตราพ่อมด เข้าถึงเวทย์ได้ดีกว่ามนุษย์เยอะมาก
ผิวกายเทพ ต่อต้านคำสาปทุกชนิดและพิษบางชนิด
สเน่ห์ตรึง มีผลต่อเพศตรงข้ามทำให้หลงรักและไม่สามารถทำร้ายได้ถ้ามองนาน ๆ
สิ่งที่ชอบ : ผู้หญิง สตรอว์เบอร์รี่ ของหวานต่าง ๆ
สิ่งที่เกลียด : กระเทยร่างยักษ์ และการโกง
Background(ภูมิหลัง ที่มาของตัวละคร) : เกิดในป่าของพวกแม่มด ที่มีธรรมเนียมฆ่าเด็กผู้ชายแต่ลันมีสเน่ห์ทำให้แม่มดไม่สามารถฆ่าได้ เติบโตด้วยการเลี้ยงดู และได้รับการสอนมนต์ดำต่าง ๆ บลา ๆ ๆ ๆ
เหตุผลที่เข้าโรงเรียน(เป้าหมายที่อาจจะนอกเนื้อจากธีมเรื่อง) : หาสีสันในชีวิต
ความปรารถนา : สูงขึ้น และใช้เวทย์ได้ดีขึ้น
Intro
Intro
แม่ข้าเคยบอกกับข้าไว้ว่าข้านั้นวิเศษกว่าคนอื่น แปลกประหลาดกว่าคนอื่น น่าสะพรึงกลัวกว่าสิ่งอื่น ทุกคนควรจะหวาดกลัวต่อข้าหวาดผวาเมื่อได้รับรู้ถึงข้า หนีหัวซุกหัวซุนเหมือนได้เห็นมารร้าย อาจจะเป็นเพราะสีตาอันแสนแปลกประหลาดของข้าหนึ่งล่ะ ความสามารถทางเวทย์มนตร์ของข้าหนึ่งล่ะที่ทำให้ทุกคนเกรงกลัวต่อข้า...
ทว่าทุกสิ่งทุกอย่างกลับไม่เป็นอย่างนั้น แต่ก็อย่างที่แม่ข้ากล่าวไว้มันควรจะเป็นอย่างนั้นเฉย ๆ แต่ไม่ได้เป็นอย่างนั้นจริง ๆ ... อ๊ะ อย่าเพิ่งสับสนเกี่ยวกับเรื่องของข้านะ ข้าก็ไม่ได้พอใจนักหรอกนะที่มารดาสุดที่รักของข้าพูดว่าข้าควรจะถูกกระทำแบบแปลก ๆ อย่างนั้นใส่... กลับมาเข้าเรื่องกันต่อดีกว่า ตั้งแต่ ๆ ตอนที่ข้าเด็ก ๆ แล้วแม่ข้ายัดเยียดเวทย์ดำต่าง ๆ ให้ข้าใช้บอกข้าว่ามันจะเป็นประโยชน์ต่อข้า ทั้งคำสาปกรีดแทง แช่งคน ตุ๊กตาต้องสาป สังเวยด้วยเลือดอะไรต่อมิอะไรที่จำกันจนไม่หวาดไม่ไหว เริ่มสงสัยกับสิ่งที่แม่ข้าเคยสอนข้าแล้วใช่มั้ยล่ะ? ก็แน่ล่ะจะมีแม่ที่ไหนมาสอนลูกตัวเองในเรื่องน่าขนลุกแบบนี้เล่า? ไม่มีหรอก... เท่าที่ข้ารู้มานะ
แน่นอน... เพราะแม่ของข้า... เป็นแม่มด ข้าเกิดและโตมาในหมู่บ้านแม่มด เรียนเวทย์มนต์ต่าง ๆ เหมือนกับพวกแม่มด ใช่... ข้าควรจะกลายเป็นแม่มดไปด้วยเหมือนกัน แต่เผอิญว่าข้าเป็นเด็กผู้ชาย และไม่มีผู้ชายคนไหนที่เป็นแม่มดหรอก จริง ๆ นะ พวกเจ้าอาจจะสงสัยว่าแล้วข้าไปเรียนเวทย์ดำแบบพวกแม่มดทำไม? ข้าก็จะตอบว่าเพราะข้าเป็นลูกแม่มด แล้วบางทีอาจจะมีคำถามต่อมาอีกว่า ‘แล้วเจ้าเป็นลูกชายของแม่มดคนแรกในโลกหรือไงถึงได้เรียนแบบนั้น?’ ข้าก็จะตอบอีกว่า ‘ใช่’
... นี่แหละคือประเด็นล่ะ ไม่มีผู้ชายคนไหนที่เป็นแม่มด และก็ไม่มีผู้ชายคนไหนที่ถูกยอมรับว่าเป็นลูกของแม่มดด้วย ตามธรรมเนียมโบราณของหมู่บ้านแม่มดโดยทั่วไป นางจะแต่งงานกับคนนอก เมื่อตั้งครรภ์ก็จะทิ้งสามีผู้น่าสงสารไว้คนเดียวและหนีกลับมาที่หมู่บ้าน ถ้าเด็กคลอดมาเป็นผู้หญิงก็แล้วไป เพราะเด็กคนนั้นจะกลายเป็นแม่มดต่อไปได้ พวกนางจะได้รับการสั่งสอนแบบแม่มด ๆ และก็กลายเป็นแม่มดที่ดีในอนาคตต่อไป...
แต่ปัญหาก็ตามมาเมื่อหลายปีมาแล้วล่ะ เพราะแม่มดคนล่าสุดได้คลอดบุตรออกมาเป็นผู้ชาย ซึ่งปกติแล้วพวกนางไม่สามารถคลอดบุตรชายได้เพราะมีโครโมโซมผิดประหลาดที่ผันทำให้เด็กที่เกิดมามีแต่ผู้หญิงพร้อมอำนาจมนต์ดำ... แม่มดคนนั้นคือแม่ของข้าเอง ไม่ต้องสงสัยเลย การที่แม่มดคลอดลูกเป็นเด็กชายคงจะทำพิธีบูชาพระเจ้าเหมือนกับพวกมนุษย์ปกติพร้อมปิดซอยฉลองกันก็เป็นไปไม่ได้แน่นอน ตัดประเด็นนั้นทิ้งไปได้ สิ่งที่พวกแม่มดอาวุโสทำกันก็คือชี้บ่งว่าข้าเป็นกาลกิณีด้วยประการใด ๆ ทั้งปวง พวกนางกล่าวหาข้าต่าง ๆ นานาในตอนที่ข้าเพิ่งเกิด และแน่นอนอีกล่ะ ว่ายังไม่เคยมีใครเห็นหน้าข้าเลย...
พวกเจ้าน่าจะสงสัยกันอีกแล้วสินะ ว่าการเห็นหน้าค่าตาก่อนจะต้มยำทำแกงกันมันส่งผลถึงขนาดไหน? ข้าขอบอกว่านั่นแหละประเด็นสำคัญเลยล่ะ เพราะว่าพอพวกแม่มดเห็นหน้าข้าแค่แว่บเดียวเท่านั้นแหละ พวกนางก็หลงรักข้าจนหัวปักหัวปำจากตอนแรกที่วางแผนจะฆ่าข้าด้วยวิธีต่าง ๆ นานากลับเริ่มปิดหมู่บ้านเลี้ยงฉลองแบบพวกมนุษย์ที่ข้าเปรียบเทียบให้ฟังในตอนแรกน่ะแหละ
แม่ข้าเป็นคนเล่าเรื่องนี้ให้ข้าฟังเอง เมื่อนางเล่าจบ นางก็หัวเราะอย่างขบขันพลางเปรยถึงสีหน้าของพวกแม่มดคนอื่น ๆ ตอนเห็นหน้าข้าไว้กับ ‘รักแรกพบของหญิงสาวใจแตก’ ซะงั้น... ข้าก็ไม่ได้ดีใจกับการได้เป็นรักแรกพบของพวกแม่มดอายุครึ่งค่อนร้อยหรอก
ไม่ใช่เพราะหน้าตาของพวกนางหรอกที่ทำให้ข้าปฏิเสธรักแรกพบแบบนั้น... ข้ากล้าเอาหน้าหล่อ ๆ ของข้าเป็นประกันได้เลยว่า ถ้าพวกนางไปประกวดความงามกับพวกมนุษย์แล้ว พวกนางจะได้โล่นางงามจักรวาลอะไรทั้งหลายแหล่กลับมายกหมู่บ้านเลยนั่นแหละ
แล้วทำไมข้าถึงไม่ชอบกับการได้เป็นรักแรกพบน่ะเรอะ? แน่สิพวกนั้นน่ะไม่ได้ชอบข้าจากใจจริงหรอก แม้จะหลงข้าหัวปักหัวปำก็เถอะ ตั้งแต่ข้าโตมาเนี่ย ไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนที่ไม่ยอมศิโรราบต่อสเน่ห์แปลก ๆ ของข้าได้เลย อ้อลืมไป เว้นแม่ข้าไว้คนหนึ่ง สาเหตุนั้นก็คงเป็นปริศนาพอ ๆ กับที่ทุกคนที่เป็นผู้หญิงแล้วมาหลงรักข้านั่นแหละ
นี่เองเป็นสาเหตุที่แม่ข้าบอกว่าข้านั้นน่าสะพรึงกลัวยิ่งนัก เพราะสเน่ห์ของข้าอาจจะนำภัยมาสู่ใครต่อใครได้โดยที่ข้าไม่รู้ตัว และก็อย่างที่ข้าว่าไว้ในตอนแรก ไม่มีใครมากลัวข้าเพราะสเน่ห์ของข้าหรอก เพราะพวกเขาหลงรักข้าแบบโงหัวไม่ขึ้นกันหมดน่ะสิ...
ตั้งแต่ตอนนั้นที่ข้ายังเป็นทารกน้อยผู้ไร้เดียงสานามว่า เซลันเดล นอร์ธเฮม เด็กกะโปโลในฐานะพ่อมดเชื้อสายตรงคนแรก และได้รับการสั่งสอนมากผิดปกติจากแม่มดทั่วไป... จนมาถึงตอนนี้ข้าก็อายุนับได้ 11 ขวบปีแล้วล่ะ มันช่างเป็นช่วงชีวิตที่แสนป๊อปปูล่าร์ต่อคนในหมู่บ้านมากมายเหลือเกิน เจ้าลองคิดถึงการเป็นเด็กผู้ชายหน้าตากระตุกต่อมฮอร์โมนของเด็กผู้หญิงและผู้หญิงทั้งหมู่บ้านมันทำให้ข้าหนักใจขนาดไหน
อันที่จริงแค่ขนาดไหนน่ะไม่พอหรอก เพราะมันหนักใจมากกก จนนับไม่หวาดไม่ไหวเลยน่ะสิ...
“เฮ้อ...” ข้าถอนหายใจ พอคิดถึงเรื่องอดีตก็มักทำให้ข้าละเหี่ยใจอยู่เสมอ ๆ มันเป็นแบบนี้มาตลอดน่ะแหละ บางทีข้าก็อยากออกจากไอ้ป่าทึบ ๆ ทึม ๆ นี่บ้างนะเนี่ย
คิดไปขาข้าก็ก้าวเท้าเดินต่อไป พลางมองไปรอบ ๆ ตัวอย่างไม่กระตือรือร้นนัก ทัศนียภาพที่เห็นจนชินตา... แม้จะเคยกลัวจนฉี่ราดแต่ตอนนี้ขอให้ข้ามานั่งถ่ายอุจจาระคนเดียวกลางดึกข้าก็ไม่กลัวแล้วล่ะ...
ฟู่ว
. ฉับพลันก็มีลมกรรโชกระดับหนึ่งพัดมาจากด้านหลังข้า ส่งผลให้ผมที่ข้าอุตส่าห์จัดไว้เสียทรงแล้วมากองกันข้างหน้าข้าอีก เป็นแบบนี้เสมอแหละ ใจนึงข้าก็อยากกร้อนหัวทิ้งอยู่นะแต่มันก็ขี้เกียจอ้ะ... ว่าไปข้าก็ปัดมวยผมสีเงินไปพาดไว้ข้างหลังอีกอย่างเซ็ง ๆ นัยน์ตาข้างซ้ายและข้างขวาที่เป็นสีทองและสีม่วงก็กลอกไปมาอย่างเกียจคร้าน
‘เซ็งว่ะ...’
นั่นคือทั้งหมดที่ข้าพอจะคิดออกในตอนนี้ ก็มันน่าเบื่อโคตร ๆ เลยนี่...
แต่ฉับพลัน ความคิดบางอย่างก็แล่นเข้ามาในหัวสมองของข้า ลมเมื่อกี้เป็นลมสตรอมา ซึ่งจะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อมีเวทย์ที่แผ่รังสีผิดสังเกตเข้ามาในเขตป่า และการที่จะมีแม่มดที่ไม่เข้ากันกับป่านั้นก็หายากได้พอ ๆ กับผู้หญิงที่ไม่พ่ายสเน่ห์ข้าเลยทีเดียว... การที่มีลมนี่พัดมาแบบนี้ก็ตีความพอได้ว่า
มีคนนอกเข้ามาในป่านี้
คิดแล้วเลือดในกายของข้าก็สูบฉีดไปมาอย่างตื่นเต้น อาจจะเป็นนักเดินทาง หรืออาจจะเป็นใครก็ได้ โอ๊ยน่าสนุกที่สุดเลยว่ะ!! นั่นคือสิ่งที่ข้าคิด... และก่อนที่ข้าจะได้วิเคราะห์อะไร ๆ ให้ละเอียดถี่ถ้วน ร่างบางของข้าก็วิ่งตรงไปยังทางที่ลมพัดผ่านไปแล้ว
แล้วข้าก็เห็นจุดมุ่งหมาย มันเป็นถ้ำขนาดย่อม ๆ พวกข้าไม่ค่อยมาที่นี่เท่าไหร่นักเพราะมันไม่มีอะไรน่าสนใจ แต่ในตอนนี้ ในความเห็นของข้า มันน่าสนใจมาก ๆ เลยแหละ
และข้าก็ร่ายเวทย์อำพรางกาย(ที่ข้าฝึกเองในตอนที่แอบไปหาของกินในห้องแม่) ไปซุ่มดูที่ปากถ้ำจัดแจงหาที่เหมาะ ๆ และข้าก็นั่งฟัง
“มันกำลังแผ่อำนาจ” เสียงหวานพึมพำแบบผู้หญิงดังมาจากข้างในถ้ำ แล้วอะไรล่ะวะ? ที่กำลังแผ่อำนาจ
“อาญาสิทธิ์สั่งอสูร... นึกว่าเอามาโยนทิ้งไว้ที่นี่แล้วก็จบเสียอีก” อีกเสียงดังขึ้นมา ข้าขมวดคิ้วชื่อของบ้านั่นไม่คุ้นหูข้าเลย
“ของวิบัติอัปรีย์” เสียงหนึ่งเปรยอย่างติดจะหงุดหงิดปลุกความอยากรู้อยากเห็นของข้าขึ้นทำให้เขยิบเข้าไปไกล้อีกนิดหนึ่ง
“จริงของเธอ แต่ก็ช่วยไม่ได้ มันเป็นของที่ทำลายกันไม่ได้นี่นะ” เสียงผู้หญิงในตอนแรกดังขึ้นอีกหลังจากจบประโยคนั้นเสียงหัวเราะคิกคักก็แทรกขึ้น
“คิก... ของวิบัติ ของวิบัติ สาเหตุเภทภัยบนโลกที่สมควรจะลบให้หายไป แต่ก็ทำไม่ได้” ในท่อนท้ายของน้ำเสียงทอดลงอ่อนเหมือนปลงอนิจจัง “ของอย่างนั้นกลับกลายเป็นสิ่งวิเศษในสายตาบางคนไปได้ เฮ้อ”
“จะอัปรีย์หรือวิเศษตอนนี้ไม่เกี่ยวกัน” เสียงต่อมาแย้งขวับ “ก่อนที่มันจะอาละวาดโลกจนเละไปมากกว่านี้หาทางทำอะไรกับมันเข้าสักอย่างสิ!”
สิบบุคคลในคูหาผู้ยืนล้อมตัวการภัยพิบัติต่างมองหน้ากันเหมือนรอให้ใครคนใดคนหนึ่งเสนอความคิดเงียบ ๆ ข้าค่อย ๆ ชะโงกหัวเข้าไปแต่ก็ต้องรีบดันหัวเข้ามาทันทีเมื่อเห็นคนท่าทางน่ากลัวยืนบังวัอยู่
“...ต้องย้ายที่อยู่” เสียงแรกสุดที่กล่าวบทสนทนาออกความเห็น อีกเก้าคนที่เหลือให้ความสนใจมาที่เธอทันที “ต้องส่งไปที่ที่มีเวทมนตร์คุ้มครองกล้าแข็งพอให้มันสงบ” อืม... ถึงตรงนี้ชักหน้าสนใจซะแล้วสิ
“ที่ไหนล่ะ?”
“จะมีที่ที่แข็งแกร่งพอ ปลอดภัยพอเหลืออยู่อีกเร้อ~” หนึ่งในนั้นเปรยลากเสียงยาวอย่างละเหี่ย
“ ‘ที่นี่’ กำลังจะตาย” หญิงสาวเจ้าของเสียงแรกที่ดูเป็นผู้นำหลับตาลง “แต่ยังไม่ตาย อะไรที่พอทำได้ก็ทำจะดีกว่า ...และเรายังมีที่แข็งแกร่ง แต่อาจไม่ปลอดภัยอยู่นะ”
“ตกลงว่าที่ไหน?” หนึ่งในสิบคนถามย้ำ
“โรงเรียนเซนต์ เบริเอล”
อุ๊บ... ข้าเกือบแอบหลุดเสียงหัวเราะออกมา พวกนั้นจะย้ายของซักอย่างไปไว้ในโรงเรียน! ข้านิ่งคิดถึงความทรงจำเกี่ยวกับโรงเรียนในหมู่บ้าน แล้วรูปของแม่มดที่แต่งกายยั่วยวนถือแส้ก็แว่บเข้ามาอย่างไม่มีเหตุผล... สยองจริง ๆ
“อืม... มีอาคมแข็งแกร่งคุ้มกันที่นั่น... ปลอดภัย” หนึ่งในนั้นครางเสียงให้เหตุผล
“ผู้คนเยอะแยะอันตราย” อีกเสียงแย้ง
“ที่ที่อันตรายคือที่ที่ปลอดภัยที่สุด”
“ของอันตรายยากจะคาดเดาเมื่ออยู่ในที่ที่อันตราย”
“ตอนนี้เราไม่มีที่ที่แข็งแกร่งและปลอดภัยเหลืออีกแล้ว...” สิ้นคำโต้เถียงล่าสุด ทุกเสียงก็เงียบลงอย่างจำใจยอมรับ
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า!!!” เสียงหัวเราะไม่เกรงใจใครดังขึ้นถามกลางความเครียด ข้าสะดุ้งอย่างตื่น ๆ แต่คงไม่ทำให้พวกนั้นเห็นข้าหรอก
“งั้นตกลงตามนี้” เจ้าของเสียงที่เสนอสถานที่สรุป แล้วเอ่ยคล้ายจะภาวนา
“เราคงต้องฝากความหวังให้พวกเขา... ขออย่าให้เกิดเรื่องขึ้นอีกเลย”
เมื่อได้ยินดังนั้นแล้วข้าก็ผละออกมาจากหน้าถ้ำ วิ่งตรงกับหมู่บ้านพลางคิดถึงเรื่องราวสนุก ๆ หลังจากที่ข้าได้เข้าโรงเรียนนั่น...
เซนต์ เบริเอส...
ความคิดเห็น