คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #16 : Player character : Unzena Luh Mernear
แบบฟอร์มตัวละคร
ประเภทตัวละคร : Player
ชื่อตัวละคร: อันเซน่า ลูห์ เมลเนีย [Unzena Luh Mernear]
ชื่อเรียก(ชื่อเล่น) : เซนน์ [Zen]
อายุ : 15 ปี
ชั้นเรียน : ปี 3
วันเดือนปีเกิด : 23 กุมภาพันธ์
กรุ๊ปเลือด : O
เพศ: หญิง สรรพนาม แทนตัวเองว่า: ข้า
เผ่าพันธุ์: มนุษย์ผู้มีสองวิญญาณในตัว
สายการเรียน : Mystic Class แผนการเรียนนักอัญเชิญ [Summoner]
ลักษณะรูปลักษณ์ตัวละคร: เรือนผมสีน้ำตาลทองยาวเป็นลอนจรดเอว ตัดผมม้าเลยคิ้วเหนือขนตา ดวงตาคู่กลมฉายแววกร้าว ไม่เกรงกลัวใครสีน้ำเงินขุ่น คิ้วบางโค้งได้รูป จมูกนิดรับกับริมฝีปากเล็ก ผิวขาวระเรื่อดูบอบบางราวผิวเด็กทารก สูง 165 รูปร่างเพรียวบาง ราวกับสามารถปลิวไปตามลมได้
การแต่งกาย (ไปรเวท) : เสื้อกระโปรงยาวเหนือเข่าสีดำ เป็นแบบเสื้อโค้ด ติดกระดุมทุกเม็ดจนไม่เห็นเสื้อที่ใส่อยู่ข้างใน เนื้อผ้าหนา กระโปรงเป็นจีบพอง แขนยาวถึงข้อมือ แบบปลายแขนพับขึ้น มีรูปกางเขนปักอยู่สีทอง สวมกางเกงลองจอนสีดำยาวเหนือข้อเท้าเล็กน้อยเพื่อความคล่องตัว ที่คอพันผ้าพันคอสีแดงเลือดหมูทำมาจากผ้าเนื้อดี ปักลายเถาวัลย์สีแดงเข้ม ที่ปลายผ้าขลิบทอง นอกจากนั้นยังสวมหมวกรูปร่างดังรูป ส่วนเสื้อผ้าด้านในที่มองไม่เห็น เป็นเสื้อไหมพรมคอเต่าแขนกุดสีขาว สุดท้ายเธอใส่รองเท้าบู้ตสีดำส้นสูง
อุปนิสัย : เด็กสาวผู้นิ่งเงียบ เธอไม่ชอบพูด และไม่ปรารถนาที่จะสุงสิงกับใคร ชอบอยู่ตัวคนเดียวกับแมวขนเทา จากนั้นก็เหม่อมองท้องฟ้าเงียบๆ มีแววตาแข็งกร้าวกับคนแปลกหน้าเสมอ หากเมื่อเริ่มคุ้นเคยแววตาก็จะอ่อนลง คนที่ได้สนิทจะรู้ว่าเธอเป็นคนอ่อนโยน ร้องไห้ง่าย ขี้เกรงใจ และขี้อาย ปลงกับเรื่องของตัวเองง่าย แต่ปล่อยวางเรื่องคนอื่นยาก หากน้อยคนนักจะได้รับรู้ สิ่งที่พวกเขามักเห็นคือตัวตนเธอที่เย็นชา ปิดกั้นทุกคนและทุกสิ่ง ใบหน้านิ่ง ยากจะเดาความคิด ใจเย็น และยั่วขึ้นยาก
อาวุธ : หนังสือปกกำมะหยี่สีน้ำเงินเข้ม ตรงกลางปกเป็นรูปกางเขนซึ่งเหมือนมีเถาวัลย์ปรากฏจากด้านหลัง คืบคลานออกมาพันธนาการทั้งหนังสือสีทอง ปักด้วยดิ้น เล่มค่อนข้างหนา หนักในมือคนอื่น แต่เบาในมือเธอ ภายในบรรจุภาพสัตว์อสูร อสูรมากมายเกินนับ
ท่าต่อสู้/วิธีการสู้:
ท่าการต่อสู้
† “ด้วยวาจาแห่งผู้ถือครอง จงปลดผนึก ลาเซ่น”
แรกเริ่มการต่อสู้ทุกครั้ง เซนน์ต้องใช้ท่านี้เพื่อปลดผนึกหนังสือในมือให้พร้อมใช้งาน โดย ณ ปัจจุบัน เธอปลดผนึกหนังสือได้เพียง 14 หน้าเท่านั้น
† “ซาลู”
นามแห่งแมวขนเทา สัตว์อสูรตัวแรกของหนังสือ มันมีขนาดเท่าแมวธรรมดาทั่วไป ลักษณะขนสีเทา ดวงตากลมสีน้ำตาลแดง โดดเด่นเรื่องความว่องไว และการหลอกล่อ
† “เมอลิค”
นามแห่งเงือกผู้ครองสายน้ำ อสูรตัวที่สอง นางเป็นเงือกรูปอรชร ผมยาวสีฟ้าจรดข้อเท้า นุ่มลื่นดั่งเส้นไหมชั้นดี ดวงตาเรียวสวยสีเงิน ถนัดกล่อมจิตใจคนด้วยเสียงเพลง เรียกใช้ในบริเวณที่มีน้ำเท่านั้น
† “อาเซน”
นามแห่งนักรบผู้อหังการ อสูรตัวที่สาม รูปร่างองอาจดุดัน สูงราว 2 เมตร ราวกายแดงก่ำราวผุดมาจากลาวา บนศีรษะปรากฏเขาแพะเป็นเกลียว ดวงตาสีดำลึกล้ำเหนือผู้ใด เด่นในเรื่องความบ้าคลั่ง ยิ่งเห็นเลือดยิ่งเก่งกล้า แต่หลายครั้งที่ขาดสติจนเป็นภัยแก่เซนน์เอง
† “คลอร์น”
นามแห่งยูนิคอร์นผู้หยิ่งยะโส สัตว์อสูรตัวที่สี่ รูปร่างขาวปลอดดูบริสุทธิ์ เขาเป็นเกลียวบนหน้าผากนั้นแข็งยิ่งกว่าสิ่งใด ดวงตาแลดูเย็นชาสีไพลิน เด่นนักในเรื่องหลบหลีก ฝีเท้าเร็วแต่ไม่ได้เร็วที่สุดในหมู่อสูร มีประโยชน์ยิ่งในศึกกับพวกธาตุมืด
† “โกลอน”
นามแห่งโกเลมผู้ปกป้อง อสูรตัวที่ห้า หนึ่งในสามพี่น้องตระกูลโก มีรูปร่างใหญ่โตร่วม 3 เมตร ทั้งตัวเป็นหินกล้าสีเทา ยามปรากฏลำพัง เด่นในเรื่องป้องกัน
† “โกแลน”
นามแห่งโกเลมผู้ใช้หอก อสูรตัวที่หก หนึ่งในสามพี่น้องตระกูลโก ร่างกายเป็นหินสูงร่วม
† “โกลิค”
นามแห่งโกเลมผู้แข็งแกร่ง อสูรตัวที่เจ็ด พี่คนโตแห่งตระกูลโก ร่างเป็นหินสูงเพียง 2 เมตรกว่า เด่นเรื่องพลังหมัดในการโจมตี
† “นักรบโกเลม”
ชื่อเรียกท่ารวมร่างของสามพี่น้องตระกูลโก อสูรตัวที่แปด มีเงื่อนไขในการปรากฏคือต้องอัญเชิญทั้งสามโกออกมาก่อน มีความสูงรวมร่วม
† “มอร์แกน”
ชื่อเรียกนางรำสาว อสูรตัวที่เก้า ร่ายรำงดงามพาเพลิน ใบหน้าถูกปิดปิดด้วยผ้าผืนชมพู ร่างกายอรชร แต่งกายดูล่อแหลม ผมยาวสีน้ำตาลแดงถึงสะโพก เก่งนักในเรื่องล่อลวงด้วยดวงตาสีอำพัน
† “เกลม”
ชื่อเรียกนักดาบแพะ อสูรตัวที่สิบ หัวมันเป็นแพะ แต่ร่างกายเป็นคน แววตาดูนิ่ง ดาบในมือนั่นใหญ่ร่วมเมตร ใบหน้าตายด้าน ปรากฏความรู้สึกแต่ยามเห็นคาวเลือด ใจรวนเร เดายากว่าคิดสิ่งใด
† “เฟอรอน”
นามแห่งอสูรเงา ผู้ปรากฏกายในหนังสือหน้าที่สิบเอ็ด ไม่เคยเห็นใบหน้าที่แท้จริง รู้เพียงว่าเป็นเงามืดสีดำ หลบซ่อนตัวได้ดี ถนัดในการใช้อาวุธลับดั่งนักฆ่า
† “คล็อค”
นามแห่งนาฬิกาตัวอ้วน อสูรตัวที่สิบสอง รูปร่างมันเป็นนาฬิกาปลุกกลมๆ สีน้ำตาลที่มีขาสองขา มีหนวดโค้งสีดำ หน้ามันเป็นหน้าปัด สูงราวครึ่งเมตร ความสามารถที่ทำได้ตอนนี้มีเพียงทำให้เวลาช้ากว่าที่เป็นอยู่ได้ประมาณ 5 วินาที เพราะเซนน์ยังดึงพลังมันได้ไม่หมด
† “บลัด”
นามแห่งอสูรหนุ่ม ผู้ครองตำแหน่งที่สิบสาม มีรูปร่างเป็นชายหนุ่มผมยาวสีดำ ใบหน้าตาย ดวงตาที่ฉายเพียงความเฉยชาสีรัตติกาล และมีความสามารถสมดังชื่อ คืออัญเชิญได้ด้วยเลือด และปริมาณเลือดที่อัญเชิญคือปริมาณพลังที่จะปรากฏ ตายด้านมาก
† “โปรดฟังคำวิวอน ต่อสายลมผู้พัดผ่าน โปรดสดับฟังเสียงแห่งข้า แด่ท่านวาโยหมุน โปรดมอบพลังแห่งตัวท่าน แก่...(นามอสูร)...ของข้าด้วยเทอญ”
ยืมพลังธาตุลมมาเพิ่มความเร็วให้อสูร
† “โปรดสดับฟังเสียง ผู้อ้อนวอนท่านจากแดนไกล ถึงเตโชผู้เผาไหม้ โหมทำลายทุกสิ่งสรรพ์ ไฟแห่งชีวิตไร้จีรัง มอบพลังแด่...(นามอสูร)...เพื่อทำลายเทอญ”
ยืมพลังธาตุไฟเพื่อเพิ่มพลังให้อสูร
ท่าไม้ตาย
† “เพน”
อสูรหนุ่มตัวที่สิบสี่ คือถ้าไม้ตายของเธอ อัญเชิญออกมาได้เมื่อสภาพร่างกายอยู่ในภาวะเจ็บปวดสุดกำลัง เป็นอสูรในชุดคลุมเก่าแก่สีน้ำตาลขาดๆ ไม่มีใครเคยเห็นใบหน้า แต่เล็บของมันยาว ผิวขาวซีด โจมตีได้ครั้งเดียว โดยดึงความเจ็บปวดทั้งหมดในร่างผู้อัญเชิญเป็นพลังโจมตีที่คูณจากความเจ็บปวดสองเท่า แล้วโจมตีโดยการใช้เพียงฝ่ามือ เป็นอสูรที่เมื่ออัญเชิญแล้วจะต้องสลบทันทีโดยไม่มีเงื่อนไข
วิธีการต่อสู้
ทุกครั้ง เซนน์จะร่ายคำเชิญไว้ในหัว แล้วเอ่ยเพียงชื่อของอสูร ซึ่งคำร่ายคือ “ณ หนึ่งนาฬิกา ข้าขออัญเชิญ...” โดยคำว่าหนึ่งนาฬิกา แทนตำแหน่งที่อสูรจะปรากฏ มีทั้งสิ้นสิบสองตำแหน่ง สิบสองนาฬิกา แต่ก็มี นักรบโกเลม บลัด และเพนที่มีคำอัญเชิญต่างออกไปอีกนั่นคือ
นักรบโกเลม “ผนึกกำลังแห่งสามโกเลม ด้วยความภักดีอันเปี่ยมล้น ณ สองนาฬิกา ข้าขออัญเชิญ นักรบโกเลม”
บลัด “ณ หนึ่งนาฬิกา ข้ากำนันด้วยเลือด จากผู้ครอบครอง ถึงอสูรแห่งคำบัญชา บลัด”
เพน “ด้วยความเจ็บปวดแห่งข้า ณ สามนาฬิกา ด้วยความหวังในอก เดิมพันแห่งอสูร เพน”
ปัจจุบัน เซนน์ฝืนอัญเชิญอสูรออกมาได้พร้อมกันมากที่สุดได้เพียงสามตัว หากฝืนไปมากกว่านั้น เธอมีสิทธิ์บอบช้ำไปถึงวิญญาณเลย
การต่อสู้เด็กสาวจะวางแผนไปตามสถานการณ์ ไม่มีตายตัว แต่ที่เรียกออกมาบ่อยคือ อสูรแพะ เกลม
ส่วนการใช้ความสามารถตาที่สาม แค่คิดเด็กสาวก็สามารถมีความสามารถนี้แล้ว แต่จำกัดเวลาใช้มากสุดที่ 1 นาที ก่อนต้องพัก 5 นาที
จุดแข็ง: ความไวในการอัญเชิญ และสติในการคงอยู่
จุดอ่อน: โจมตีโดนตัวเธอเองเลยทีเดียวก็ไปแล้ว
ความสามารถ (แบบคนธรรมดา) : เรียนรู้ไว สมาธิดี หูตอบสนองต่อเสียงได้ดี
ความสามารถ (แบบพิเศษ) : เสมือนมีสามดวงตา เพราะวิญญาณในตัวเธอสามารถออกมาข้างนอกในรูปแบบวิญญาณ และเป็นตาที่สามคอยมองให้เธอ แต่ไม่สามารถใช้ได้นาน เพราะจะมีวิญญาณจากที่อื่นมาเข้าสิง
สิ่งที่ชอบ : ไอศกรีม กาแฟ สายฝน หิมะ
สิ่งที่เกลียด : ความเปลี่ยนแปลง และความไม่แน่นอน รวนเร
Background(ภูมิหลัง ที่มาของตัวละคร) : อดีตเคยอยู่อย่างมีความสุขในคฤหาสน์ขนาดกลาง กับคุณลุง คุณป้า และพี่สาว เซนน์เป็นนักปราชญ์ ส่วนพี่เธอเป็นนักอัญเชิญ แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์หนึ่งขึ้นในฤดูร้อน วิญญาณของเซนน์ได้เข้ามาอยู่ในร่างของพี่สาว ส่วนตัวพี่สาวเธอกลายเป็นวิญญาณรอง และสุดท้ายคือร่างเนื้อที่แท้จริงของเธอตายไป เซนน์จึงต้องกลายเป็นเซน่า แต่แน่นอนเธอไม่มีทางเป็นเหมือน จึงได้มายังโรงเรียนแห่งนี้ โดยใช้ชื่อว่าอันเซน่า เพื่อต้องการสื่อว่าเธอไม่ใช่ และไม่มีทางเป็นเซน่าไปได้ ส่วนในตัวเซน่าที่เป็นวิญญาณรองนั้น เซนน์ไม่สามารถคุยกับเธอได้ ช่วงแรกพี่สาวเธอแม้แต่จะลืมตาตื่นยังทำไม่ได้ แต่พอผ่านไประยะหนึ่ง เซน่าก็สามารถลืมตาได้ และกลายมาเป็นตาที่สามแก่เธอในปัจจุบัน แต่นอกจากนั้นเธอก็ยังพูดไม่ได้ ขยับร่างกายไม่ได้ ทำได้เพียงลืมตาเท่านั้น
เหตุผลที่เข้าโรงเรียน(เป้าหมายที่อาจจะนอกเนื้อจากธีมเรื่อง) : คืนร่างแก่เซน่า
ความปรารถนา : กลับสู่สิ่งที่ควรเป็น
Intro :
สายลมกำลังพัดผ่าน...สะบัดเรือนผมของเธอให้พลิ้วไหว
อ้อนแขนที่กอดแมวเทาถูกกระชับแน่น เมื่อดวงตาที่แข็งกร้าวทอดมองลงไปเบื้องล่าง
“ที่นี่สินะ... โรงเรียนเซนต์เบริเอล”
.
.
.
แสงอาทิตย์กำลังทอประกายเจิดจ้าสมดั่งฤดูร้อน เหล่าแมลงน้อยใหญ่ต่างเปล่งเสียงกันเซ็งแซ่ในยามสาย ผ่านตามสองข้างทางเดินในป่าใหญ่ ลึกเข้าไปในดงทึบ คฤหาสน์สีขาวเก่าแก่แห่งหนึ่งตั้งอยู่ที่นั่น
“โอ้! หลานรักเจ้าฟื้นแล้ว...โอ้! ขอบคุณสวรรค์...” เสียงร่ำร้องด้วยความดีใจดังขึ้นในห้องหนึ่งของคฤหาสน์หลังงาม ภายในห้องตกแต่งด้วยโทนสีฟ้าสบายตา กลางห้องปรากฏเตียงขนาดใหญ่รูปร่างลักษณะดั่งเตียงเจ้าหญิง และในตอนนี้ข้างเตียงกว้างปรากฏร่างสองร่างยืนอยู่
“เซน่า เซน่า เจ้าได้ยินเสียงป้าไหม เซน่า...” สตรีร่างอ้วนในชุดรูปแบบสตรีชั้นสูงชาวฝรั่งเศสสีดำเอ่ยถาม ดวงตาสีม่วงใสของนางคลอด้วยน้ำตา ผ้าเช็ดหน้าผืนขาวถูกยกขึ้นมาซับให้เป็นระยะจากบุรุษร่างสูงดูภูมิฐานซึ่งยืนอยู่ข้างกัน
“...ข้า...” ผู้ถูกเรียกนิ่งไปนานนักก่อนเอ่ย ดวงตาของเธอดูสับสนกับสถานการณ์ มันอ่อนล้า และเหน็ดเหนื่อย ก่อนเสียงของบุรุษผู้ยืนซับน้ำตาแก่ภรรยาจะเอ่ยขัด
“ไม่ต้องรีบหรอกเซน่า พักผ่อนไปก่อนเถิด ไม่ต้องตอบอะไรหรอกหลานรัก” เขาว่า มือหยาบยกขึ้นลูบหัวเธออย่างเอ็นดู ทำให้เธอรู้สึกอบอุ่น และหลับลงไปอีกครั้งอย่างง่ายดายด้วยความอ่อนแรง
“เซน่า...” สตรีร่างอ้วนเอ่ยเรียกอีกครั้ง เสียงของเธอดูสั่นเครือ ขณะที่ฝ่ายบุรุษยกมือเธอขึ้นกุม แล้วส่ายหน้าน้อยๆ
“อย่ารีบไปเลยที่รัก ไม่ว่ายังไงเซน่าก็จะลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ใช่...ยังไงเซน่าก็จะตื่นขึ้นมา” ท้ายประโยคคล้ายพึมพำกับตนเอง เมื่อสตรีร่างอ้วนหันมาเอ่ยกับเขา
“แต่ถ้านางไม่!...” เสียนางเอ่ยขึ้นสูง ก่อนจะลดลงอย่างรวดเร็วเมื่อร่างบนเตียงครางฮือ “ถ้านางเป็นเหมือนเซนน์...”
“ไม่หรอกที่รัก ไม่...” เขารีบว่า ดวงตาฝ้าฟางที่มองภรรยาดูมั่นคงดั่งคำสัญญา “เซน่าจะไม่ตายไปเหมือนลูเซนน์ ไม่อย่างแน่นอนที่รัก...”
ตะวันเคลื่อนคล้อยลงมาจบพื้นดิน ท้องฟ้าที่อาบย้อมไปด้วยสีส้มแดงนั้นดูลึกลับ มันเป็นเวลาเดียวกับที่เปลือกตาของเด็กสาวผู้ครองเตียงลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ดวงตาสีน้ำเงินขุ่นของเธอยังดูมึนงง หากก็นับดีกว่าครั้งแรกที่ลืมตานัก
“น้ำ...” เธอเอ่ยเสียงแหบ แต่ไม่มีใครอยู่ในห้องเวลานั้น เด็กสาวทำได้เพียงหลับตา แล้วลืมใหม่อีกครั้งเหมือนหวังว่ามันจะช่วยคลายความอ่อนล้า ก่อนจะค่อยๆ ดันตัวเองลุกขึ้นพิงพนัก สายตากวาดมองสภาพรอบตัวอย่างชัดเจนยิ่งขึ้นเป็นครั้งแรก
ที่นี่ไม่ใช่ห้องของเธอ...
มันเป็นความคิดแรกของเด็กสาว ดวงตาที่อ่อนล้าของเธอยังคงกวาดมองไปรอบๆ รู้สึกถึงความแปลกประหลาดบางอย่างที่ตกตะกอนอยู่ในใจ
ห้องของเซน่า
อยู่ๆ ความคิดนี้ก็ผุดขึ้นมาในสมอง มันทำให้เด็กสาวรู้สึกแปลกใจ ทำไมตัวเธอถึงมานอนบนเตียงเซน่า แล้วตัวพี่สาวเธอไปไหน
มันเกิดอะไรขึ้น?
เด็กสาวคิดต่อ รู้สึกว่าสมองเริ่มทำงานมากขึ้น ทำไมเธอถึงมาอยู่ที่นี่? เซน่าไปไหน? เกิดอะไรขึ้นกับเธอก่อนหน้านี้? ทำไมเธอถึงมานอนอยู่แบบนี้??
“โอ๊ย...” สุดท้าย เด็กสาวก็ต้องหลุดเสียงร้องออกมาเบาๆ เมื่อรู้สึกปวดหัวจนทนไม่ไหว ร่างบางเอนศีรษะลงบนหมอนอีกครั้ง เปลือกตาบางค่อยๆ ปิดลง รู้สึกอยากหลับไปตลอดกาลโดยไม่สนอะไรอีกแล้ว...
แอ๊ด
เสียงประตูที่ถูกเปิดเรียกให้เธอรู้สึกตัว หากเด็กสาวก็ไม่ได้คิดลืมตาขึ้นมา เธอยังคงนอนหลับตานิ่งต่อไปอย่างไม่เข้าใจตัวเองเท่าไหร่นัก หูสดับรับฟังเสียงฝีเท้าที่ใกล้เข้ามาด้วยใจที่เต้นรัวอย่างประหลาด ก่อนไม่นาน เธอจะรับรู้ถึงฝ่ามืออุ่นที่ลูบไล้ใบหน้า
ท่านป้า...
เด็กสาวรู้ทันทีว่าบุคคลที่ยืนอยู่เป็นใคร ชั่วขณะ ร่างบางคิดอยากจะลืมตาขึ้น หากอะไรบางอย่างในใจก็รั้งเธอไว้ แล้วรอคอยสิ่งที่ผู้เป็นป้าตนกำลังทำต่อไป
“เซน่า...”
เด็กสาวได้ยินเสียงเรียกชื่อผู้เป็นพี่สาวตนดังขึ้น มันทำให้ลมหายใจของเธอชะงักน้อยๆ อย่างประหลาดใจ
ทำไมถึงพูดชื่อเซน่า...?
เด็กสาวคิดอย่างสงสัย ขณะที่ฝ่ามืออุ่นเปลี่ยนมาลูบหัวเธอ ก่อนเสียงผู้เป็นป้าจะดังพึมพำต่อ ด้วยคำพูดที่เธอไม่อยากเชื่อที่สุดในชีวิต
“ตื่นเถิด เซน่า... ตื่นมาให้ป้าเห็นดวงตาสดใสของเราที อย่าหลับแบบนี้อีกเลย ตื่นเถิด...”
ลมหายใจของผู้ถูกเรียกหยุดกึกทันที เธอไม่ใช่เซน่า เด็กสาวนึกค้านในใจ ทำไมป้าเมอาร์ถึงเรียกเธอแบบนั้น ทำไมถึงไม่เรียกชื่อเธอ...
ลูเซนน์ เมลเนีย
เด็กสาวไม่นึกอยากหลับต่อไปแล้ว เธอกำลังจะลืมตาขึ้นเพื่อเอ่ยถาม เปลือกตาบางขยับลืมในเวลาเดียวกับที่สตรีร่างอ้วนเอ่ยคำสุดท้าย
“อย่าหลับไปชั่วนิรันดร์เหมือนน้องเจ้าเลย...”
.
.
.
ไม่มีแสงแดดของฤดูร้อน ไม่มีเหล่าแมลงที่ส่งเสียง
ไม่มีพระอาทิตย์ตกดินในวันนั้น
...ไม่มีอีกแล้ว...
เมี๊ยว~
เสียงแมวขนเทาเปล่งร้อง อุปทานไปเหมือนเห็นดวงตาของมันมองมาอย่างเป็นห่วง ช่วยดึงจิตวิญญาณของเธอที่ลอยไปไกลให้กลับมา อันเซน่าหลับตาลง แล้วลืมขึ้นใหม่อีกครั้งเพื่อสลัดอดีตที่คิดถึง ติดอยู่ทุกครั้งเพียงใต้เปลือกตา ดวงตาของเธอคงทอประกายกร้าวเมื่อลืมใหม่นี้ แม้ประกายแห่งความเสียใจจะโดดเด่นออกมาจนซ่อนไม่มิดแล้วก็ตาม
“โรงเรียนเฮงซวย” เธอพึมพำ เพราะมาถึงจุดหมาย แรงผลักดันที่ดึงให้เธอมาถึงที่นี่จึงย้อนกลับมาให้เห็นอีกครั้ง และมัน... ก็ไม่ใช่ความทรงจำที่ดีเท่าไหร่นัก
“!” อยู่ๆ เด็กสาวก็ต้องสะดุ้งอย่างตกใจ เมื่อสายลมรอบตัวพลันอบอุ่นขึ้นอย่างกะทันหัน ดวงตาของอันเซน่าฉายแววงุนงงเพียงเล็กน้อย ก่อนไม่นานมันจะกลายเป็นอ่อนโยนลง เพราะรู้ดีว่าสายลมนี้เหมือนถึงอะไร
“ไม่ต้องห่วงหรอกพี่สาว เซนน์สัญญาแล้วนี่นา” เด็กสาวว่า พึมพำออกมาคล้ายบอกกับตัวเอง “จนกว่าจะคืนร่างให้พี่ได้ เซนน์จะไม่มีวันอ่อนแอ”
ไม่มีวัน...
.
.
.
วันเวลาไม่เคยหวนคืนมา
ไม่มีน้ำตาที่ไหลในวันนั้น
แม้ตราบจนวันนี้ยังเหมือนเดิม
ความตาย
อาจหนักเหมือนขุนเขา หากก็เบาเหมือนปุยนุ่น
...ดังนี้เอง...
ความคิดเห็น