ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Fiction Fighting [ เทิร์นบอสเริ่มลงบางรายแล้วจ้า ]

    ลำดับตอนที่ #11 : Character of สมาพันธ์รั่ว : Ferobeal x Rebelotte

    • อัปเดตล่าสุด 19 ต.ค. 52





    เนื่องจากสำเหนียกตนเองว่าไม่มีเวลาปั่น555+
    ดังนั้นขอถอนตัวมา ณ ที่นี่นะจ๊ะ

    หวังว่าคงจะได้พบกันใหม่อีกครั้งนะ

    Caogonly จ้า













     

     

     

    ประเภทตัวละคร NPC 

    ตำแหน่ง : ประธานนักเรียน !! (เน้น5555+)


    ชื่อตัวละคร
    : เฟโรเบเอล  เอลอัลแลนเชอร์  เรพารอค ออฟ เธียทอร์เรี่ยน ที่20

        [Ferobeal Elallancher Reparoce of Teartarrien XX]


     ชื่อเรียก(ชื่อเล่น) :
    เฟโร่ บางคนเรียกเฟเอล


     อายุ :
    18ปี


     ชั้นเรียน :
    ปี6


     วันเดือนปีเกิด :
    25 ธันวาคม


     กรุ๊ปเลือด :
    RH A nagative


     เพศ:
    ชาย


     เผ่าพันธุ์:
    มนุษย์เผ่าราชา


     สายการเรียน :
    Bounty Hunter (แผนการเรียนขั้น Technical)


     ลักษณะรูปลักษณ์ตัวละคร:
    ไอ้หน้าตาดี ไอ้โมเอะ ไอ้พ่อแม่เลี้ยงมาดี ถุย จะหล่อไม่ปรับปรุงอีกนานมั้ย(โดนตบ ล้อเล่นๆ) ผมสี
    น้ำตาลไฮไลท์ตรงข้างๆสีแดงสลับขาว ผมด้านหน้าดูเรียบๆ ข้างหลังชี้ๆยุ่งๆเล็กน้อย ใบหน้าเรียวรูปไข่ คิ้วเรียวเข้มรับกับดวงตาคมกริบสีแดงชาติแฝงนัยเจ้าเล่ห์ตลอดเวลา ผิวสีขาวแสดงการเลี้ยงดูแบบผู้ดี รูปร่างสูงสมส่วน


     การแต่งกาย (ไปรเวท)

    เสื้อเชิ้ตคอปกแขนยาวสีขาวพับแขนขึ้นถึงข้อพับ สวมเนคไทสีแดงเข้ม และผ้าพันคอยาวถึงเข่าสี
    แดงเลือดหมูเข้มเกือบดำ กางเกงขายาวสีดำมีสายระโยงรยางค์อยู่เต็มไปหมด สวมถุงมือหนังรัดสีดำ โซ่เป็นสร้อยคอรูปหัวกะโหลกไขว้ รองเท้าสีขาวส่วนหน้าเป็นลายตารางหมากรุก

     

    อุปนิสัย : ไอคิวสูงถึง210  สำส่อนเอ้ย ชอบหาผลประโยชน์ใส่ตัว ชอบยิ้มเจ้าเล่ห์จนคนอื่นตามความคิดไม่ทัน แม้เวลายิ้มแบบจริงใจคนก็ยังไม่ค่อยอยากจะเชื่อใจเท่าไหร่ ในยามปกติก็ดูเรื่อยๆเอื่อยๆ ยามจริงจังก็ยังดูเรื่อยๆเอื่อยๆ ชอบทำเรื่องใหญ่ให้เป็นเรื่องเล็ก เรื่องเล็กให้เป็นเล็กกว่า ดูเหมือนจะไม่กลัว ไม่สนอะไรนอกจากความสนุก แต่ก็มักคิดแผนการรับมือเอาไว้ในใจเงียบๆ เพราะตำแหน่งประธานของเขาทำให้เขาเป็นคนที่มีความรับผิดชอบสูง แม้จะไม่ค่อยแสดงออกมาตรงๆ

     

    เรียกตัวเองว่า : ฉัน บางทีก็เรียกผมกับผู้สูงวัยกว่า หรือสุภาพสตรี / เรียกคนอื่นว่า : มึง เอ้ย นายกับผู้หญิง เธอกับผู้ชาย (ล้อเล่น) นายกับผู้ชาย เธอกับผู้หญิง และมีคำว่าคุณบ้างตามสถานการณ์ความเหมาะสม


     อาวุธ
    :-หนังสือนิทานพูดได้ เป็นหนังสือเล่มหนาๆ กระดาษเก่าๆแถมขาดอีกต่างหาก ข้างในมีเนื้อเรื่องของนิทานทั่วโลกอยู่ในนั้น ตัวหนังสือเป็นสีน้ำตาลแก่ ขอบสีทอง สันปกสีน้ำตาลอ่อน แถมด้านหลังยังมีปีกด้วย ตรงกลางเป็นวงกลมที่มีแสงอยู่ข้างในหมุนไปมาคล้ายเข็มนาฬิกาสีทอง


     ท่าต่อสู้/วิธีการสู้
    :

    แบบใช้อาวุธ

     ส่งคนเข้าไปอยู่ในหนังสือ ผจญชีวิตในโลกของนิทาน สยองขวัญ อันเกิดจากความบิดเบี้ยวของเรื่องราวในหนังสือ จนกลายเป็นนิทานที่ทำให้ฝันร้าย

    -เรียกสิ่งของที่มีลักษณะเด่นของนิทานแต่ละเรื่องออกมาใช้เป็นอาวุธ เช่นแอ๊ปเปิ้ลอาบยาพิษ เครื่องปั่นด้าย รองเท้าต้องสาปที่ใส่แล้วจะเต้นรำไม่หยุดเป็นต้น

    แบบไม่ใช้อาวุธ

    -ไร้ผล พลังเวทมนตร์ไม่สามารถโจมตีใส่ได้ ผู้ที่มีอาคมคาถามากมายเมื่อเข้ามาอยู่ใกล้ๆก็จะกลายเป็นเพียงคนธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้น


    จุดแข็ง
    : รวดเร็ว หลบหลีกเก่งยากที่จะโจมตีโดนได้โดยตรง เมื่ออยู่ใกล้ต่อให้มีอาคมแกร่งกล้าแค่ไหนก็จะไม่สามารถใช้เวทมนตร์ใส่ได้(ไกลๆก็ไม่ได้) เป็นคนที่เวทมนตร์ไม่สามารถส่งผลได้ กระโดดสูง

    จุดอ่อน: ขนาดเดียวกันมันก็โจมตีไม่ค่อยจะโดนคนอื่นเหมือนกัน เพราะความแม่นยำต่ำ...แม้จะมีพลังไร้ผลต่อเวทมนตร์ แต่ถ้าโดนอาวุธทั่วไปที่ไม่ใช่เวทมนตร์โจมตีใส่ เช่นดาบ ปืน ธนู หรือแม้แต่กรรไกรก็มีสิทธิ์ถึงตายได้เหมือนกัน กระโดดสูงก็จริงแต่บินไม่ได้


     ความสามารถ (แบบคนธรรมดา)
    : ถอดรหัสยากๆได้ภายในเวลาไม่ถึง1นาที อ่านหนังสือเรียนแล้วหลับภายในเวลาไม่ถึง1นาที โทรศัพท์พังได้ภายในเวลาไม่ถึง1นาที (ทุกครั้งที่ซื้อใหม่ จนปัจจุบันใช้เพจแทนละ)

     ความสามารถ (แบบพิเศษ) : ไร้ผล อำนาจเวทมนต์ใดๆไม่สามารถมีผลกระทบได้(และตายได้ถ้าเจออาวุธมา)


     สิ่งที่ชอบ
    :ผู้คนในโรงเรียน ,รอยยิ้ม, ทุกอย่างที่คนรอบข้างชอบก็จะชอบตามด้วยโดยอัตโนมัติ

     สิ่งที่เกลียด :คนดี..

                       ที่ยอมแพ้ทั้งที่ยังไม่ลองคิดจะลุกขึ้นสู้


    สัตว์เลี้ยง
    : ไม่มี มีแต่มอร์เตอร์ไซด์ขนาดชอปเปอร์ที่มีที่นั่งยืนออกมาข้างๆสีดำ


     Background(ภูมิหลัง ที่มาของตัวละคร) :
    ฐานะร่ำรวยอยู่ดีมีสุขหลั่นล้ากับชีวิต เติบโตท่ามกลางครอบครัวที่อบอุ่น ทั้งพ่อทั้งแม่หลั่นล้าพอกัน พ่อประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐขนาดใหญ่แห่งหนึ่ง  ส่วนแม่ก็เป็นทูตที่คอยเชื่อมต่อระหว่างมนุษย์และเทพ ได้รับการเลี้ยงดูให้มีคุณสมบัติของจักรพรรดิ ถูกตามใจจนนิสัยไม่ค่อยจะดีเท่าใดนัก แต่ไม่ได้คิดว่าตนเองไม่ได้รับความรัก กลับรู้สึกว่าได้รับมากจนรู้สึกจุกไปหมดแล้วจึงไม่ค่อยแสดงออกถึงความรักที่มีต่อพ่อแม่เท่าใดนัก แต่ก็ดีใจลึกๆล่ะนะ  


     
    เหตุผลที่เข้าโรงเรียน(เป้าหมายที่อาจจะนอกเนื้อจากธีมเรื่อง) : เส้นพ่อ ใช้เงินยัดเข้าแม่ง แต่ตำแหน่งประธานนักเรียนได้เพราะฝีมือ(10%)นะเอ้อ


     ความปรารถนา :  
    N/A


    <><><><><><><><><><><><><><><><><> 

     

     

    ประเภทตัวละคร NPC 


    ตำแหน่ง
    : แฟนประธานนักเรียน  และแฝดผู้น้องของรองประธานค่ะ


    ชื่อตัวละคร
    : เรเบล็อตเต้ ซาวิเอร่า

        [Rebelotte Xaviera]


     ชื่อเรียก(ชื่อเล่น) :
    รีเบล


     อายุ :
    18ปี


     ชั้นเรียน :
    ปี6


     วันเดือนปีเกิด :
    1มกราคมเวลาเที่ยงคืน3นาที


     กรุ๊ปเลือด :
    B


     เพศ:
    หญิง


     เผ่าพันธุ์:
    มนุษย์เผ่าศักดิ์สิทธิ์


     สายการเรียน :
    Bard


     ลักษณะรูปลักษณ์ตัวละคร:
    ผมม้วนๆเป็นโรลสีชมพูอ่อน มัดสองข้างด้วยริบบิ้นสีแดง ดวงตากลมโต2สี ข้างซ้ายสีแดงเหมือนทับทิม ข้างขวาสีฟ้าเหมือนอควอ แก้มแดงเล็กน้อย แบบชมพูๆใสๆ ปากเล็กจมูกเล็กจิ้มลิ้ม รูปร่างสูงสมส่วนตามวัย หน้าอกใหญ่(เน้น**)


     การแต่งกาย (ไปรเวท)

    ชุดกิโมโนแบบญี่ปุ่นประยุกต์สีชมพูอ่อนลายดอกเบญมาจหลากสี เป็นแบบตัวกิโมโนกระโปรงสั้นมีลูกไม้สีขาวอยู่ด้านใน และประดับโดยรอบ มีผ้ายาวๆขาวบางคลุมทับคล้ายเจ้าหญิงคางุยะของญี่ปุ่น บางวันอยากอ้อนแฟนก็ล่อหูกระต่ายมาเลย
     


     อุปนิสัย :
    พูดจาตรงไปตรงมา เจ้ามารยาแบบผู้หญิง ออดอ้อนออเซาะเก่ง ชอบยั่วยาน ทะเยอทะยาน ถ้าเพื่อสิ่งที่ต้องการไม่ว่าต้องทำอะไรก็จะทำโดยไม่ลังเล เป็นผู้หญิงเอาแต่ใจแบบคุณหนู แต่ร้ายลึกแบบพวกคมในฝัก ฉลาด ค่อยๆตะล่อมเหยื่อ(?)ให้ตายใจไปทีละนิด ตบเก่งแรงเยอะ ชอบแต่งหน้าหนาๆ ส่องกระจกทุกครั้งที่มีเวลาว่างเพื่อเช็คความงามของตัวเอง


    เรียกตัวเองว่า
    : ฉัน / เรียกคนอื่นว่า : คุณ ลงท้ายด้วยจ๊ะ จ๋า เสมอ


     อาวุธ
    : กรรไกรสีแดง ด้ายแดงแห่งโชคชะตา


     ท่าต่อสู้/วิธีการสู้
    : เธอสามารถตัด ด้ายแดงแห่งโชคชะตา ของผู้อื่นได้อย่างง่ายดาย ผลคือคนผู้นั้นจะถูกคนรอบข้าง ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนฝูง คนรัก ครอบครัวลืมเลือน หรือไม่ก็รู้สึกรังเกียจคนๆนั้น เป็นการทำร้ายที่ส่งผลด้านจิตใจมากกว่าร่างกาย


    จุดแข็ง
    : เหมือนจะคาดเดา และอ่านแผนของผู้อ่านได้อย่างทะลุปรุโปร่งจึงตั้งรับการโจมตีได้ทันท่วงทีเสมอ แม้จะมีมนตราไม่มากแต่เธอก็มีธาตุแสงจากเผ่าพันธุ์คอยสนับสนุน เวทย์แสง (Holy Light) กับเวทย์น้ำศักดิ์สิทธิ์ของเธอมีพลังการทำลายค่อนข้างสูง

    จุดอ่อน: พลังของเธอเหมาะแก่การสนับสนุนในแนวหลังมากกว่าเป็นแนวหน้าเพราะเธอค่อนข้างมีกำลังกายต่ำ พลังต้านทานการโจมตีก็ต่ำ(ยกเว้นเวลาจะตบกับเพศเดียวกันจะหนักเป็นพิเศษ) ทำให้แพ้ได้ง่ายๆ และพลังที่ใช้ธาตุแสดงช่วยก็ใช้ติดต่อกันมากๆไม่ได้เพราะจะส่งผลต่อร่างกาย


     ความสามารถ (แบบคนธรรมดา)
    : ยั่วยวนเก่ง โกหกหน้าตายโดยไม่ถูกจับได้ / ตบ(มือหนัก) / ร้องเพลง

     ความสามารถ (แบบพิเศษ) : เข้าแทรกแทรงโชคชะตาของคนอื่น โดยใช้ด้ายแดงของตัวเองเป็นตัวนำ เปลี่ยนแปลงความสุขให้กลายเป็นความทุกข์ และสร้างปาฏิหาริย์ให้เกิดภายในอนาคตที่สิ้นหวังของคนเหล่านั้น


     สิ่งที่ชอบ
    :เฟโร่ค่า! ประธานค่า! แฟนค่า! สามีในอนาคตค่า!(มันคนเดียวกันหมดมิใช่รึตัวเธอ) พี่สาวด้วย แล้วก็เพื่อนๆประธานและพี่สาวทุกคนเลยค่า รวมไปถึงนิทานพื้นบ้านของญี่ปุ่น

     สิ่งที่เกลียด :คนเลว

                       ที่แกล้งทำเป็นคนดี (เหมือนกับตัวเอง เพราะถ้าเจอคนประเภทเดียวกันจะจูนเข้าหากันยาก)


     
    สัตว์เลี้ยง
    : วัว...เอาไว้ลากเกี้ยวแบบญี่ปุ่น..


     Background(ภูมิหลัง ที่มาของตัวละคร)
    : อันนี้ก็ครอบครัวอบอุ่นสดใส ไปเที่ยวทะเลส่วนตัวทุกอาทิตย์

     เหตุผลที่เข้าโรงเรียน(เป้าหมายที่อาจจะนอกเนื้อจากธีมเรื่อง) : เส้นพ่อแม่เหมือนกัน ครอบครัวบริจาคเงินให้กับโรงเรียนเลยเป็นนักเรียนระดับVIPห้องหออยู่ดีกว่าคนทั่วไปแถมมีคนที่บ้านคอยตามมารับใช้ถึงที่


     ความปรารถนา :  
    มีเยอะจนบรรยายออกมาได้ไม่หมด

     

     

    <><><><><><><><><><><><><><><><><> 

     

    <><><><><><><><><><><><><><><><><> 

     

     

     

     

    Ferobeal x Rebelotte ‘ Intro : Boys and Girls ~ Under the sun ~

                                                                          [เหล่าเด็กหญิง และเด็กชายภายใต้แสงตะวันอันอบอุ่น]

     

     

     

     

     

     

     

    ผิดด้วยหรือถ้าผมอยากจะอยู่คนเดียว?”

     

     

     

     

     

    กว่าจะรู้ว่ามีสิ่งสำคัญ..

    มันก็สายเกินไปเสียแล้ว

     

     

     

     

     

     

    การบ้านน่ะ

     

               

                กลางทุ่งหญ้าที่กลายเป็นสีทองเพราะแสงแดดที่ส่องกระทบลงมา ยอดหญ้าพลิ้วไหวตามกระแสลมอ่อนๆ เด็กหญิงอายุประมาณ10-11ขวบสองคนกำลังวิ่งเล่นอยู่บริเวณนั้น ใบหน้าของพวกเธอแม้จะเต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อ แต่ก็สดใสงดงามด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า..

                ดวงตาสีทับทิมคู่หนึ่งเหม่อมองภาพเบื้องหน้าจากบานหน้าต่างที่เปิดอยู่อย่างเงียบเชียบ ในมือถือกระป๋องน้ำอัดลมรสโคล่าที่ตอนนี้เหลือเพียงครึ่งหนึ่ง

                   

    สงบสุขจริงๆ เขายิ้มเล็กน้อย ใบหน้าดูอ่อนโยนขึ้น สายลมเย็นพัดเข้ามาทางหน้าต่างไล้ตามเส้นผมสีน้ำตาลที่ถูกทำไฮไลท์ด้านหน้าด้วยสีแดงสลับขาวอย่างนุ่มนวล

     

    อืม สงบมาก...แล้วทำไมไม่ทำการบ้านเองล่ะวะ!!” น้ำเสียงกึ่งอาละวาดดังขึ้นจากด้านหลัง ทำลายภาพพจน์อันงดงามที่อุตส่าห์นั่งเก็กไว้เป็นชั่วโมงของเด็กหนุ่มคนแรกเป็นอย่างสิ้นเชิง เด็กหนุ่มคนที่สองถอนใจยาวก่อนจะเริ่มร่ายกาพย์ว่าด้วยการบ่นแห่งปีออกมา

     

    ทั้งดาราศาสตร์ ภูมิศาสตร์เอย อะไรอีกวะ เอ่อ..

     

    อ๊ะ..นั่นนกสีน้ำเงิน..

     

    ฟิสิกส์ วิชามารยาท ทฤษฎีเรื่องดาบ..

     

    ว้าว..ดาวตก...

     

    (พ่อแกสอนว่าดาวตกมีตอนกลางวันเรอะ)แล้ววิชาเดียวที่นายทำเองคือวิชาเพศศึกษาเนี่ยนะ..

     

    อยากไปปิกนิกจังแฮะ

     

    ปัดโธ่!!!”

     

    ดวงตาสีอ่อนดูขุ่นเคืองจนน่ากลัวอย่างเห็นได้ชัด ไอ้หน้าตาท่าทางที่ดูเหมือนจะกินคนได้ประมาณ10คนแบบนั้นทำเอาผู้ดำรงตำแหน่ง ประธานนักเรียนอันดับหนึ่ง (อันหลังนี้เติมเอง)อย่างเฟโรเบเอล  เอลอัลแลนเชอร์  เรพารอค ออฟ เธียทอร์เรี่ยน ที่20 (อย่าถามว่าใครตั้งชื่อให้ เคยมีคนใช้ชื่อนี้ตั้ง20คน..)รู้สึกขยาดได้เหมือนกัน

     

    ช่วยไม่ได้นี่..ก็ฉันต้องรับผิดชอบเรื่องนู้นเรื่องนี้ แล้วก็เรื่องนั้น แล้วก็เรื่องโน้นอีกตั้งมากมายสาธยายไม่จบ เฟโรเบเอลเริ่มแก้ตัว ทำเอาเอลาเรนทิส ฌานเนร์ ฟอน คลาเรนซ์ ผู้ดำรงตำแหน่งนักสู้ หรืออีกนามคือแม่ทัพแนวหลังแห่งเซนต์เบริเอลต้องถอนใจออกมาเป็นรอบที่99ของวัน

     

    นี่เขาอุตส่าห์ถ่อมาตั้งไกลเพื่อมาทำการบ้านให้คนอื่นเนี่ยนะ??

     

    ตอนนั้นเองที่เสียงใสๆเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นมา

     

    รับผิดชอบบ้าอะไร เห็นโยนงานมาให้ฉันจัดการแทนทุกที! วันนี้มีหนังอัตชีวประวัติ หนีตามโจนส์ ออฟ อาร์คด้วยนะ ฮือ อยากกลับไปดู อยากกลับไปดูววว ดันเต้อย่าลืมไปอัดวีดีโอให้ด้วยนะ ผ้าก็ซักให้ด้วย หิวแล้วลงไปซื้ออะไรให้กินด้วยนะอย่าลืม!!” ตามมาด้วยร่างบางของเด็กสาวในชุดสภานักเรียนสีขาวลุกขึ้นมาจากโต๊ะตัวหนึ่งในห้อง ผมลอนยาวสีฟ้าอ่อนจนเกือบขาว กับดวงตาสองสีเค้าแววหงุดหงิด หงุดหงิด และก็หงุดหงิดนามของเธอคือ รีเบคก้า ซาวิเอร่า ข้างๆของเธอคือลูกน้องคนสนิท ดันเต้ ฮาร์เบิร์ตที่กำลังทำหน้าเหมือน กูอยากตาย..

     

    อย่ารุมประธานกันสิครับคุณนักสู้แนวหลัง คุณรองประธาน เด็กหนุ่มคนที่3ในห้องพูดขึ้น ใบหน้าอ่อนเยาว์ประดับไปด้วยรอยยิ้มอ่อนโยนปรากฏขึ้นตรงหน้าพวกเขา ในมือถือถาดเค้กรสวานิลาที่ประดับหน้าด้วยเลมอน และสตรอเบอร์รี่สีแดงดสวย

     

    ถึงบางครั้งจะไร้ความผิดชอบ งี่เง่าในบางที และไม่ค่อยจะใส่ใจกับเรื่องสำคัญในบางเวลา แต่เขาก็เป็นถึงท่านประธานนะครับ

     

    ไม่น่าพูดประโยคต่อมาเลยเนอะ เรเรสประธานหนุ่มฉีกยิ้มรู้สึกเจ็บๆคันๆเล็กน้อย เรเรส ราฟาเอลิส ผู้ดำรงตำแหน่งเลขาของเขายิ้มพรายออกมาอย่างอารมณ์ดี และไม่สนใจ ก่อนจะเริ่มขนมเค้กโชว์ผลงานชิ้นใหม่ให้คุณนักสู้แนวหลัง กับคุณรองประธานได้ชิม

     

    ถึงจะทะเลาะกันไปบ้างในบางครั้ง แต่ก็คือสิ่งที่บ่งบอกว่าอย่างน้อยสถานที่นี้ก็ยังมี ความสงบสุขเล็กๆอยู่

     

    ตึง! ตึง! ตึง!

     

    เสียงอึกทึกคึกโครมดังขึ้นจากนอกห้อง ตามด้วยร่างบางอีกร่างวิ่งเข้ามา เธอเปิดประตูเข้ามายังห้องสภานักเรียน เด็กสาวผู้หน้าตาเหมือนรองประธานนักเรียนรีเบคก้า ซาวิเอร่าราวกับแกะ ต่างกันแค่สีผมที่ไปทางโทนชมพูอ่อน กับดวงตาสองสีที่มมีสีข้างสลับกันกับของรีเบคก้า

     

    ทุกคนแย่แล้ว ไฟไหม้!” ดวงตาสองสีของเธอเค้าแวววิตก

     

    ไฟไหม้ ไฟไหม้ ไฟไหม้หมดเลย ไฟลามแล้ว ไฟไหม้ ไฟไหม้ แย่แล้ว แย่มากๆ ว้ายยย!!”

     

    ใจเย็นๆรีเบล เฟโรเบเอลรีบลุกขึ้นวิ่งไปยัง แฟนสาวที่กำลังคุมสติไม่อยู่

     

    ไฟไหม้ ไฟไหม้ ไฟลุกหมดเลย แย่แล้ว กรี๊ดๆๆๆ

     

    รีเบลใจเย็นๆ

     

    ไฟไหม้ คุมไม่อยู่แล้ว ลามมาถึงตรงนั้นแล้ว.. รักนะจ๊ะเฟโร่!!”

     

    รักเหมือนกัน..ห๊ะ!?”

     

    เด็กสาวตรงหน้าอดแลบลิ้นออกมาอย่างซุกซนไม่ได้ เธอค่อยๆบดเบียดร่างนุ่มนิ่มเข้ามาใกล้ๆตัวเฟโร่และมอบรอยจูบบนแก้มข้างขวาให้เขาหนึ่งที ก่อนจะฮัมเพลงเดินออกไปอย่างอารมณ์ดี

     

    …..

    …….

    ……..

     

    ใบ้รับประทานกันทั้งห้องเลยทีเดียว

     

    เป็นการบอกรักที่ทำลายสถิติการตกใจมากที่สุดในรอบ2อาทิตย์ เรเรสหยิบสมุดขึ้นมาจดบันทึก เพราะ2อาทิตย์ก่อนเธอคนนี้จุดพลุเป็นตัวอักษรบอกรักบนท้องฟ้า และอาทิตย์ที่ผ่านมาเธอก็ส่งคนมาลักพาตัวประธานนักเรียนแล้วเฉลยทีหลังว่าเพื่อไปดินเนอร์ใต้ท้องทะเลริมชายหาดบ้านของเธอเอง (รวยไง)

     ส่วนรีเบคก้าก็กลับไปนั่งที่เหมือนเดิมแล้ววางดาบลงช้าๆ(จะเอาดาบไปดับไฟเรอะ..)โดยไม่พูดอะไรสักคำนอกจากหยิบกระจกขึ้นมาส่องหน้าตัวเองแล้วพูดว่าฉันตอนทำหน้าตกใจนี่เหมือนยัยนั่นขนาดนั้นเลยเหรอ(ก็เธอเป็นแฝดกันใช่หรือไง??) พร้อมกับเอเลสที่นั่งลงพร้อมกับบ่นอุบอิบเบาๆ ส่วนประธานนักเรียนแห่งเซนต์เบริเอลก็ได้แต่วางถังดับเพลิงในมือสลับกับมองสาวน้อยที่เขย่งเท้าร้องเพลงเดินออกไปนั้นอย่างงงๆก่อนจะยิ้มออกมาเล็กน้อย

     

     

    นี่คือวันที่แสนสงบสุขอีกวัน...

    เป็นวันธรรมดาอีกหนึ่งวัน

    ปรารถนาจะให้คงอยู่เช่นนี้ตลอดไป..

    และจะยังคงอยู่

     

     

    จนกระทั้ง..

     

    สิ่งนั้น มาอยู่ที่นี่..

     

     

    ตอนนี้เกิดเหตุวุ่นวายขึ้นที่หน้าโรงเรียนค่ะอาจารย์ใหญ่ ครูสาวคนหนึ่งวิ่งเข้ามายังห้องทำงานอธิการสูงสุดแห่งเซนต์เบริเอล สีหน้าแตกตื่นตกใจเช่นเดียวกับอาจารย์ท่านอื่นๆ

     

    ชายร่างสูงใหญ่ดูน่าเกรงขามในชุดคลุมยาวสีเทาหม่นขยับกรอบแว่นบนใบหน้าขึ้นเล็กน้อย

     

    เรื่องของ สิ่งนั้น รั่วไหลไปแล้วสินะ.. เขาเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าเรียบเฉยจนไม่รู้ว่าตอนนี้กำลังคิดอะไรอยู่ ก่อนจะเหลือบมองไปทางกลุ่มสภานักเรียนที่นั่งล้อมโต๊ะคณะอาจารย์เป็นวงกลมอยู่

     

    จะให้เราออกไปห้ามศึกเจ้าพวกนั้นหรือไง เด็กสาวตัวเล็กที่สุดในกลุ่มเอ่ยขึ้น น้ำเสียงแสดงถึงความไม่พอใจเท่าใดนัก ดวงตาคมสวยสีเขียวมรกตแสดงความขุ่นเคืองออกมาอย่างไม่ปิดบัง

     

    เป็นอาจารย์แท้ๆ

     

    ไม่เอาน่า เดลฟี่ รีเบคก้าเอ่ยเตือน เดลฟินิลาเอล เมอซิลอนเป็นคนตรงไปตรงมากับความรู้สึกของตัวเอง แต่บางทีก็ดูจะแสดงออกจนตรงเกินไป เด็กสาวร่างเล็กถอนใจ ก่อนจะยอมเงียบลงแต่โดยดี แต่ก็ยังไม่วายแผ่ออร่าทมึนไปยังกลุ่มคณะอาจารย์ตรงหน้าอยู่ดี

     

    เพราะข่าวเรื่องของสิ่งที่เรียกว่า อาญาสิทธิ์สั่งอสูร รั่วไหลออกไปทำให้นักเรียนจำนวนมากเริ่ม มอง คนรอบตัวด้วยสายตาที่เปลี่ยนไป..

    จากที่เคยเป็นมิตร ก็กลายเป็นศัตรูกันได้ในชั่วพริบตาเดียว เกิดความคิดอยากจะครอบครอง และหลายคนก็คิดแบบเดียวกัน..ทุกคนกลายเป็น คู่แข่งที่เคยรักก็กลายเป็นเกลียด ต่างคิดกันว่าควรจะ กำจัด ฝ่ายตรงข้ามให้สิ้น ยิ่งคนน้อยเท่าใด โอกาสที่จะได้ครอบครองสิ่งที่เหมือนกับคำอวยพรจากเทพและปีศาจ..อาญาสิทธิ์สั่งอสูรก็ยิ่งมีมากขึ้น

     

    นั่นแหละคือมนุษย์.. เอลาเรนทิส หรือเอเลสเปรยขึ้นแผ่วเบา ท่ามกลางความเงียบของคนในห้อง เรเรสซึ่งนั่งอยู่ข้างๆไม่พูดอะไรออกมา นอกจากมองออกไปนอกบานหน้าต่างที่เปิดอยู่ แว็บหนึ่งที่ดวงตาคู่นั้นดูเศร้าลงอย่างน่าประหลาด

     

    เพราะมนุษย์นั้นอ่อนแอ..พ่ายแพ้...จนยอมละทิ้งตัวตนของตนไป เขาเสริมประโยคของเอลาเรนทิส

     

    ใครบางคนที่เขารู้จักเคยยอมแพ้..และเลือกที่จะหันหลังให้กับชีวิตของตน..พอคิดถึงตรงนี้ดวงตาสีเทาก็ดูหม่นลงเล็กน้อย..

     

    ไม่มีใครที่ไม่มีกิเลสหรอก คราวนี้รีเบคก้าลุกขึ้นยืนและพูด แม้แต่สัตว์ก็ยังต้องการอาหาร ต้องการที่พักพิง ไม่ว่าจะเป็นความต้องการแบบไหนมันก็คือกิเลสทั้งนั้น คนเราไม่สามารถอดอาหารได้ สัตว์ก็เหมือนกัน ไม่สิ..ไม่ว่าเผ่าพันธุ์ไหนก็ล้วนแล้วแต่มีความต้องการทั้งนั้น เธอสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆก่อนจะเอ่ยออกมา

     

    ฉันเองก็เหมือนกันคราวนี้ดันเต้ผู้ติดตามของรีเบคก้าอดไม่ได้ที่จะส่งสายตามองผู้เป็นนายด้วยความเป็นห่วง

     

    อ้าวๆ..อย่าเครียดกันสิ เฟโรเบเอลเอ่ยขึ้นด้วยท่าทางสบายๆ เขาพิงหลังกับเก้าอี้ แล้วหัวเราะออกมา ก่อนจะลุกขึ้นแล้วยืดแขนออกมาเพื่อแก้เมื่อย

     

    เอาล่ะ..ไปสงบศึกก่อนล่ะนะเขายิ้ม ก่อนจะเดินหลั่นล้า..(?) ออกไปนอกห้องประชุม

     

    จะทำอะไรของเขาน่ะ การจะสงบกลุ่มนักเรียนที่กำลังทะเลาะวิวาทกันอยู่ไม่ใช่เรื่องง่ายๆเลยนะ อาจารย์หลายท่านพากันจับกลุ่มคุยกันด้วยความสงสัย เดลฟินิลาเอลจึงหันกลับไปมองยังกลุ่มอาจารย์กลุ่มนั้น ก่อนจะพูดออกมาด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า

     

    กรุณาสงบปากสงบคำด้วยนะคะ ฉันเชื่อว่าพี่เฟโร่ทำได้ เธอเอ่ยชัดถ้อยชัดคำ จงใจเน้นคำว่า ปาก และนะคะอย่างเห็นได้ชัด

     

    พวกอาจารย์ก็แบบนี้นั่นแหละ พอมีเรื่องดีๆก็ล้วนแล้วแต่มาเสนอหน้าเอาความดีความชอบกับอาจารย์ใหญ่ แต่พอเรื่องเลวๆก็โยนมาให้เธอจัดการ..พวกอาจารย์ดีๆใช่ว่าจะไม่มีหรอกนะ แต่ว่าก็มีน้อยมากขนาดนับคนได้ทีเดียว

     

    ด้านหน้าเซนต์เบริเอลก็มีกลุ่มนักเรียนกลุ่มใหญ่กำลังมีเรื่องชกต่อยกันอยู่..ทั้งพวกเด็กเก่าและเด็กใหม่ เสียงด่าทอดังขึ้น บ้างก็ว่า แกมาที่นี่เพื่ออาญาสิทธิ์สั่งอสูรใช่ไหม ฉันมาก่อนก็ต้องได้ก่อนสิ และอีกสารพัดสารเพมากมาย

    เฟโรเบเอลประธานนักเรียนหนุ่มมองทัศนียภาพเบื้องหน้าด้วยสายตาซาบซึ้ง..

     

    อา นี่พวกเขาเก่งเรื่องทักษะดาบ และการต่อสู้ถึงเพียงนี้เชียว สมกับเป็นเด็กนักเรียนโรงเรียนเราจริงๆ

     

    ไอ้บ้า!” รีเบคก้าที่วิ่งตามออกมาใช้หนังสือชีวประวัติโจนส์ ออฟ อาร์คเล่มหนาปึกฟาดเข้าไปกลางศีรษะของท่านประธานอย่างเต็มแรง

     

    เหวอ! นั่นๆหมอนั่นเอาขวานมาฟาดใส่ประตูโรงเรียนแล้ว เฮ้ย ไอ้บ้าประตูนั้นฉันเพิ่งซ่อมไปเองนะ เธอชี้นิ้วไปยังเด็กนักเรียนคนหนึ่งที่กำลังใช้ขวานพังประตูหน้าของเซนต์เบริเอลที่เธอเพิ่งซ่อม(ใช้ดันเต้ไปเมื่อไม่นานมานี้เพราะดันควบม้าเร็วไปนิดเลยชนเข้ากับประตูอย่างแรง มือเล็กเขย่าคอเสื้อเฟโรเบเอลไปมา จะทำอะไรก็รีบทำสิ

     

    รับทราบครับเจ้าหญิง เขาเอ่ยยิ้มๆรีเบคก้าหน้าบูดลงกว่าเดิม เธอเป็นอัศวินนะไม่ใช่เจ้าหญิง!

     

     เฟโรเบเอลก้าวเท้าไปยังฝูงชนที่กำลังวิวาทกันอยู่ พลันดวงตาสีทับทิมที่ปกติจะดูอารมณ์ดีอยู่ตลอดก็เปลี่ยนไป..สายตาที่ดูจริงจัง และเด็ดเดี่ยว

     

    คือสายตาของผู้ดำรงตำแหน่งประธานนักเรียน

     

    ทุกสิ่งเงียบลงเมื่อเขาก้าวเข้ามาในบริเวณนั้น ทุกสายตาจ้องมองเขาเป็นทางเดียว เฟโรเบเอล แห่งเธียทอร์เรี่ยนเหยียดยิ้มบาง..ก่อนจะก้มศีรษะลงช้าๆ พร้อมกับย่อตัวลงและชันเข่าข้างหนึ่งขึ้น คล้ายการทำความเคารพแก่ผู้ที่มียศสูงกว่า

     

    ท่ามกลางสายตาสับสน และความสงสัย

     

    ขอความกรุณาด้วยครับ

     

    ในที่ที่มีเสียงอึกทึกมากมาย กลับได้ยินถ้อยคำสั้นๆ และแผ่วเบานั้นอย่างชัดเจน หลายคนมองหน้ากัน ประธานนักเรียนซึ่งเป็นตำแหน่งนักเรียนที่สูงที่สุดยอมก้มหัวลงเพื่อขอให้พวกเขาสงบศึกลงอย่างนั้นหรือ?

     

    เหน็บ..มัน..ลุกไม่ขึ้น ช่วยด้วย..

     

    ประโยคต่อมาเล่นเอาแทบล้มพรืดกันทั้งแถบ แม้แต่รีเบคก้าเองก็แทบอยากเอาดาบไปฟันคอมันขึ้นมาทันที แต่ถึงกระนั้นพวกนักเรียนคนอื่นๆก็กรูเข้ามาช่วยพยุงท่านประธานขึ้นมา ดูเหมือนตอนนี้ทุกคนจะลืมจุดประสงค์ที่สู้กันไปหมดแล้ว

     

    แต่อย่างน้อยก็ได้ความสงบกลับคืนมาล่ะนะ

     

    ประมาณ 10นาทีต่อมา เจ้าของผมสีน้ำตาลไฮไลท์ขาวสลับแดงค่อยๆแง้มประตูห้องพยาบาลออกมาช้าๆ หันซ้ายขวาเพื่อเช็คให้แน่ใจว่าจะไม่มีใครอยู่ ก่อนจะค่อยๆย่องออกไป แต่แล้ว..

     

    ไหนบอกว่าเหน็บกินไงล่ะ เด็กหนุ่มสะดุ้งเล็กน้อยๆ หันซ้ายขวาไม่มีเพราะมันมาอยู่บนหัวเลยไงล่ะ..เดลฟินิลาเอล หรือเดลฟี่ห้อยตัวลงมาจากโคมไฟบนเพดานมองเขาด้วยสีหน้าไม่สื่ออารมณ์ใด เฟโรเบเอลยกยิ้มขึ้นก่อนจะยกนิ้วชี้แตะที่ริมฝีปากของตนเองแล้วขยิบตาให้ข้างหนึ่งอย่างรู้กัน

     

    เป็นวิธีที่ละมุนละม่อมดีจังนะ เธอพูดลอยๆ เด็กหนุ่มหัวเราะในลำคอ ก็นั่นสินะ

     

    ไม่ได้ขี้ขลาด แค่ไม่อยากนองเลือด

     

    ได้เวลากลับแล้ว นี่เฟโร่ลืมไว้ รีเบคก้าเดินเข้ามาก่อนจะโยนผ้าพันคอไปให้ ตามมาด้วยเรเรสที่เดินยิ้มนิดๆ และเอลาเรนทิสที่เดินกอดอกเข้ามาด้วยสีหน้าเรียบเฉยเช่นเดิม

     

    จะกลับได้หรือยัง?น้ำเสียงเรียบเฉย ปนหงุดหงิดเล็กน้อยโดยไม่ต้องสงสัยว่าใครเป็นคนพูดดังขึ้น

     

    ยังก่อน เฟโร่ยกมือขึ้น  เด็กหนุ่มฉีกยิ้มเล็กน้อยจนสภาที่เหลืออดสงสัยไม่ได้ ก่อนที่เขาจะเริ่มทำแบบเมื่อ10นาทีที่แล้วอีกครั้ง เขาโค้งตัวลง ก้มศีรษะไปยังกลุ่มสภานักเรียนอีก4คนช้าๆ

     

    ขอความกรุณาด้วย

     

    หา?” ดวงตา4คู่จ้องไปทางเขา เด็กหนุ่มผู้อยู่ท่ามกลางสายตามากมายยิ้มออกมาอีกครั้ง ฉันอยากกินขนมเค้กฝีมือเรเรส แล้วก็ดูหนังอิงประวัติศาสตร์ของโจนส์ ออฟ อาร์คกับรีเบคก้า แล้วก็อยากไปว่ายน้ำที่ทะเลบ้านเกิดของเอเลส รวมไปถึงดูหนังกินป๊อบคอร์นกับเดลฟี่ด้วย ก่อนจะเสริมต่ออีกประโยค

     

    นี่คือคำขอในฐานะ..มนุษย์นะ

     

    คิ้วเรียวเลิกขึ้นเล็กน้อย รอยยิ้มเหยียดกว้างคล้ายจะรอคำตอบ

     

    ได้ไหม?

     

                    เขาเงยหน้าขึ้น แล้วก็หัวเราะออกมา ก็คำตอบน่ะมันอยู่ตรงหน้าพร้อมกับรอยยิ้มนิดๆบนใบหน้าของพวกเขาแล้วไม่ใช่หรือไง

    .

    .

    .

    .

     

     

     

                 “ไม่ช่วยกันเลยนะพวกนาย เฮ้อ~” เสียงทอดถอนหายใจดังขึ้นช้าๆ ประธานหนุ่มนั่งแกว่งปากกาสีขาวไปมาอย่างเบื่อหน่าย

     

                 “แผนง้อแฟนของนายน่ะเหรอ ฉันไม่อยากยุ่งเรื่องชาวบ้านหรอกนะ เอลาเรนทิสเอ่ยอย่างเย็นชา โดยมีเรเรสนั่งจิบชาอยู่ข้างๆพยักหน้ารับ ผมด้วย

     

                “ฉันก็เหมือนกัน รีเบลตบหนักจะตาย เกิดแผนพลาดขึ้นมาฉันไม่โดนไปด้วยเรอะ รีเบคก้าพูดขึ้นบ้าง ก่อนจะหันไปแย่งป็อบคอร์นในมือของเดลฟินิลาเอลมาทานอย่างหน้าตาเฉย คราวนี้ประหนุ่มเหลือบมองรุ่นน้องสาวร่างเล็ก

     

                “เอ๊ะ! เอ่อ ขอโทษนะพี่เฟโร่ แต่เรื่องนี้ฉันไม่ยุ่งนะ ฮะฮะเธอปฏิเสธอย่างรวดเร็ว ในขณะที่สมาชิกในห้องประชุมกำลังจะลุกเดินออกไป

     

                หึ...เฟโรเบเอลก้มหน้านิ่ง เริ่มหัวเราะออกมานิดๆ...ก่อนจะงัดไม้ตายสุดท้ายออกมาใช้!

     

                “ได้ ถ้าพวกนายช่วยฉันล่ะก็เอเลสฉันจะให้นายหยุดพักร้อน3อาทิตย์ติดเลย เรเรสฉันจะช่วยเป็นสปอนเซอร์ระดมทุนสร้างร้านเบกอร์รี่ในโรงเรียนให้ด้วย ส่วนรีเบคก้าเธอไม่ต้องไปยืมหนังสือโจนส์ ออฟ อาร์คที่หอสมุดอีกแล้ว เพราะฉันจะออกเงินซื้อให้เธอหมดทุกเล่มเอง และเดลฟี่ฉันจะเหมาป็อบคอร์นทั้งเซนต์เบริเอลให้เธอเลย เอ้า!”

    ห๊ะ!

     

    ทั้งหมดหยุดชะงัก...นิ่ง..นาน..นานมาก...นานโคร-ตๆ...

     

    ช่วยไม่ได้ล่ะนะ เห็นแก่มนุษยธรรม

     

     ผมว่าซื้อดอกไม้ไปง้อก็ไม่เลวนะครับประธาน ผู้หญิงเขาชอบดอกไม้กันนี่นา เอ้อ เอาเค้กที่ผมทำไปให้คุณรีเบลด้วยสิ

     

    รีเบลชอบคาร์เนชั่นสีชมพูนะ ฉันแนะนำร้านประจำของยัยนั่นได้

     

    ไม่เป็นไรพี่เฟโร่ เรามาพยายามด้วยกันนะ

     

    เรา ..อื้ม..เอิ่ม อื้อ เรามาพยายามด้วยกันนะ อื้ม.....

     

    เสร็จงานนี้จะเบี้ยวให้หมดเลยคอยดูเถอะ….เขาแอบยิ้มกรุ้มกริ่มในใจ ก่อนจะหันไปมองหนึ่งในสภานักเรียนซึ่งเป็นเด็กผู้หญิงท่าทางเงียบๆเรียบร้อยไม่ยุ่งวุ่นวายกับใครคนหนึ่ง

     

    แล้วเธออยากได้อะไรไหม สปอนท์? เขาถามขึ้น ดวงตาสีเปลือกส้มละจากกองเอกสารในมือขึ้นมามองเขาผ่านเลนส์แว่นสีเหลี่ยม สปอนตาเซีย เมลล์ ผู้ทำหน้าที่เป็นเสนาธิการฝ่ายหลังยิ้มเล็กน้อย

     

    คืนวันที่แสนสงบสุขของเซนต์เบริเอลค่ะ เธอตอบโดยไม่ลังเล

     

    รับทราบ ประธานนักเรียนแห่งเซนต์เบริเอลยิ้มออกมาอีกครั้ง

     

    ดูเหมือนคำขอนี้จะเบี้ยวไม่ได้แฮะ แต่ก็เอาเถอะ

     

    แล้วเขาก็เดินเข้าไปรวมกับพวกสภานักเรียนคนอื่น...ท่ามกลางแสงสว่างนี้

     

     

     

    .............................................

     

     

    รอนานไหมรีเบล รีเบคก้าถามขึ้น เธอค่อยๆหย่อนตัวลงมาจากหลังม้าช้าๆอย่างระมัดระวังและเดินตรงไปยังเด็กสาวที่กำลังนั่งดื่มชาเขียวแบบญี่ปุ่นแท้ๆบนม้านั่งในสวนกว้างหลังโรงเรียน

     

    มาช้าจังนะ ช่างเถอะเจ้าของผมสีชมพูยกมือปัด เธอนั่งไขว่ห้างพิงพนักเก้าอี้เผยให้เห็นทรงขาเรียวงาม และชุดนักเรียนที่จงใจเปิดเผยให้เห็นร่องหน้าอกอวบอิ่มของเธอ รีเบคก้าเห็นดังนั้นจึงเริ่มเตือนเบาๆ

     

    แต่งตัวให้มันมิดชิดหน่อยสิ มือเรียวเอื้อมไปกระชับคอเสื้อของอีกฝ่ายให้ปิดเข้าหากัน

     

    น่า เบคก็...เผื่อเฟโร่จะเกิดอารมณ์ขึ้นมาบ้าง~”

     

    พูดอะไรน่าเกลียด!” รองประธานนักเรียนขมวดคิ้ว ก่อนจะตีไปที่ต้นแขนของน้องสาวฝาแฝดเบาๆ เรเบล็อตเต้หัวเราะ แต่ว่าที่พูดน่ะเธอคิดจริงๆนะนั่น

     

    เอาล่ะ กลับหอกันเถอะ สาวน้อยสายนักรบลุกขึ้นจากม้านั่ง เอื้อมมือไปทางแฝดสาว เรเบล็อตเต้ฉีกยิ้มงดงาม

     

    เดี๋ยวตามไปก็แล้วกัน เฟโร่ไม่ยอมมาง้อฉันสักที ว่าจะไปเป็นฝ่ายง้อเองแล้วล่ะ ซื้อเค้ก ดอกคาร์เนชั่นสีชมพู แล้วก็ตั๋วดูหนังไปให้ก็คงคืนดีกันแล้วล่ะเธอกอดอกคิดเองเสร็จสรรพ ก่อนจะรีบยกถาดชาเดินออกไป

     

    นั่นน่ะ มันแผนง้อเธอของหมอนั่นทั้งนั้นเลยนะนั่นน่ะ

     

                    เอ้อ เบค จำที่เธอเคยถามได้ไหม อยู่ๆเธอก็หันมาทางรีเบคก้าอีกครั้ง นักรบสาวเลิกคิ้วขึ้น

     

                    ที่เคยถามฉันว่าทั้งๆที่ฉันชื่อเรเบล็อตเต้ แต่ทำไมชื่อย่อต้องให้ทุกคนเรียกว่ารีเบล ไม่ใช่เรเบลน่ะ

     

    อ๋อ..เรื่องนั้น.. รีเบคก้าเองก็นึกสงสัยอยู่เหมือนกัน

     

    เพราะฉันอยากใช้ชื่อนำหน้าแบบเดียวกับพี่ยังไงล่ะ รีเบคก้าอึ้งไปกับคำตอบนั้น เรเบล็อตเต้ยิ้มน้อยๆก่อนจะหมุนตัวออกไป

     

    ลับหลังเธอไปไม่นาน รีเบคก้าก็ยิ้มออกมา รอยยิ้มที่อ่อนโยน และงดงาม และเรเบล็อตเต้ก็รู้ดี เธอก้าวเท้ายาวๆไปยังสถานที่แห่งหนึ่ง

     

     

    ณ ที่แห่งนั้น..เด็กหนุ่มคนหนึ่งกำลังยืนอยู่

     

     

    โลกนี้ล้วนมีทั้งสิ่งดี และเลวเท่าๆกัน

    ขึ้นอยู่กับว่าใจของคุณนั้นจะมองไปยังสิ่งไหนมากกว่า

     

    อาญาสิทธิ์สั่งอสูร ก็เช่นกัน

    ผู้คนที่มีความปรารถนาที่ส่งผลดี และเลวก็มีเท่ากัน

     

    แล้วฝ่ายไหนจะได้รับคำอวยพรจากสิ่งแสนวิเศษนี้กันล่ะ...

     

     

    แต่ว่านะ

     

    มนุษย์น่ะ ถึงไม่มีของวิเศษอะไรก็ยังอยู่กันมาได้ไม่ใช่หรือ?

     

    แต่ก็เอาเถอะ...เฮ้อ~

     

    ว่าแต่ พูดมาตั้งนาน

     

     

     

    อาญาสิทธิ์สั่งอสูรคืออะไรวะ..

     

    (ประชุมเนียนๆทั้งๆที่ไม่รู้อะไรนี่แหละ)

     

    ช่างมันแล้วกันเนอะ?

     

    ไว้ค่อยถามทีหลังก็ได้..

     

     

     

    เฟโรเบเอลยกมือขึ้นบังตาจ้องมองแสงสว่างนั้น..ก่อนจะหันไปยิ้มให้กับเด็กสาวที่กำลังเดินเข้ามา

     

     

     

     

     

     

    ผิดด้วยหรือถ้าผมอยากอยู่ท่ามกลางผู้มากมาย

     

     

    ภายใต้แสงตะวันอันแสนอบอุ่น

     

     

    .

    .

    .

    .

     

     

     





     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×