คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #13 : Character of สมาพันธ์รั่ว : Thoarleyva Whyth Belanaire (แก้ไขประวัติ+อินโทรค่ะ)
ประเภทตัวละคร : NPC
ชื่อตัวละคร: โธแอเลฟา ไวธ์ เบลาแนร์ [ Thoarleyva Whyth Belanaire ]
ชื่อเรียก(ชื่อเล่น) เธลเฟอร์ [ Thelver ]
อายุ : 17
ชั้นเรียน : ปี 5
วันเดือนปีเกิด : 14 กุมภาพันธ์ เวลา เที่ยงคืน 0 นาที 0วินาที
กรุ๊ปเลือด : AB
เพศ: ชาย
สรรพนาม แทนตัวเองว่า: ผม
สรรพนาม แทนคนอื่น : คุณ(บุคคลทั่วไป) นาย,เธอ(เพื่อนสนิท) พี่,น้อง (กับรุ่นพี่และรุ่นน้องที่สนิท)
เผ่าพันธุ์: มนุษย์[เผ่าอาร์ต (มีด้วย...)] ปล.เจ้าตัวเติมเผ่าเองตอนเขียนใบสมัครเข้ารร.
สายการเรียน : Psychic
ตำแหน่ง : นักสู้แนวหน้า
ลักษณะรูปลักษณ์ตัวละคร: ผมสีน้ำตาลทองสั้น ไม่ค่อยชี้หรือยุ่งมากนัก ดวงตาสีม่วงอมเทา เต็มไปด้วยความว่างเปล่า หน้ารูปไข่ ผิวขาวตามลักษณะของลูกผู้ดี สูงโปร่ง และค่อนข้างติดผอมเล็กน้อย เวลาเรียนมักใส่แว่นทรงสีเหลี่ยมบางๆล้อมด้วยกรอบสีดำ ซึ่งเลนส์นั้นเป็นกระจกธรรมดาๆ(สายตาปกติ)แต่ใส่เผื่อความเนียนเป็นเด็กเรียน
การแต่งกาย (ไปรเวท) : ส่วนใหญ่มักใส่เสื้อผ้าสีดำขาวอยู่เสมอๆ กางเกงผ้าเนื้อดีสีดำ ไม่ก็ยีนส์สีเข้มเป็นส่วนใหญ่ หากอากาศหนาวจัดอาจใส่เสื้อคลุมตัวยาวสี (ขาว-ดำ (แล้วแต่เสื้อที่ใส่อยู่ตอนนั้น)) ร้องเท้าที่ใส่ส่วนมากเป็นผ้าใบสีขาวสลับน้ำเงินเข้ม หรืออาจเป็นบู๊ทหนังเนื้อดีสีดำ ทั้งสั้นและยาวตามแต่สภาพภูมิอากาศ สวมนาฬิกาข้อมือที่แขนซ้าย (แต่ไม่เคยจะหยิบมาดู) ใส่แหวนสีเงินเรียบๆที่นิ้วกลางข้างขวา และมีโซ้คล้องต่อเป็นกำไลข้อมือ
อุปนิสัย : เป็นพวกอาร์ตๆ ทุกอย่างในสายตาคืออาร์ตไปหมด แต่ติดที่มึนๆเบลอๆ ถามคำตอบคำ ไม่สนใจโลกภายนอกเท่าไหร่ ยกเว้นกับพวกที่สนิทๆ เป็นพวกขวานผ่าซากหรืออาจจะรวมถึงมะนาวไม่มีน้ำ เพราะเป็นคนที่พูดอะไรตรงเกินความจำเป็น แต่เป็นคนที่ซื่อบื้ออย่างถึงที่สุด ใครเล่าอะไรให้ฟัง เชื่อหมด หูเบามากมาย การเรียนอยู่ในระดับดีมาก โดยเฉพาะวิชาอาร์ตๆ แนวๆ หรือวิชาที่ถนัด ไม่ท็อปก็รองท็อป มีอาวุธอย่างนึงคือหน้าตาย มองคนได้อย่างทะลุปรุโปร่ง แต่ไม่ค่อยจะสนใจคนอื่นมากนัก โลกส่วนตัวสูง รักความเป็นส่วนตัว ไม่ชอบมีเรื่องกับใคร
มีลักษณะเด่นอีกอย่างคือ มักจะพูดภาษาแปลกๆ ที่ไม่มีใครเค้าเข้าใจกัน เรียกได้ว่าอาร์ตทั้งศิลป์ทั้งภาษาเลยจริงๆ มีหัวความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ และจินตนาการดีเสมอ แค่มักทำตัวเรื่อยเปื่อยๆ เฉื่อยๆ ชิวๆ แต่เป็นพวกให้ทำอะไรก็ทำได้หมด ขอแค่ต้องสั่งให้ละเอียด อย่าไปคิดว่าจะรับรู้และแปลคำสั่งได้เองอย่างเด็ดขาด ไม่อย่างนั้น...มันจะทำตามคำสั่งนั้นแบบซื่อๆ โดยไม่คิดจะตีความหมายแต่อย่างใด เป็นพวกทำตัวเสมอต้นเสมอปลายได้ทุกเวลา แม้ช่วงคับขันก็ตาม นั่นคือ เหม่อ แล้วก็นอน แล้วก็เหม่อ ตามสเต็ป...มีความเป็นตัวของตัวเองสูง ถึงจะดูแปลกๆ แต่ก็กล้าทำในสิ่งที่ทุกคนคิดไม่ถึง ออกมาบ่อยๆ รวมทั้งให้ความสำคัญกับคำสัญญามาก (ทั้งที่ให้คนอื่น และ ที่คนอื่นให้ไว้) และซื่อสัตย์กลับความรู้สึกของตัวเองมาก
อาวุธ : กระดาษสีขาวธรรมดาๆ กับปากกาโบราณที่มีหัวปากกาเป็นลวดแข็งๆ (เป็นปากกาเวทมนตร์ที่เชื่อมต่อกับพลังจิต)
ท่าต่อสู้/วิธีการสู้ : ไม่ค่อยได้ใช้อะไรมาก เนื่องจากมีพลังจิตก็สบายอยู่แล้ว แต่มีไว้เพื่อป้องกันตัว นำความสามารถนี้มาประยุกต์กับการใช้พลังจิตของตน โดยการวาดหุ่นหรือตุ๊กตาของตนขึ้นของตน จากนั้นก็ใช้พลังจิตควบคุม แต่ความสามารถจะขึ้นกับพลังจิตว่ามากแค่ไหน วิธีการนี้ทำให้เค้าไม่ต้องไปสรรหาตุ๊กตามาจากไหนแบบคนอื่น แต่ถึงแม้ว่าตุ๊กตาของเขาจะไม่มีสี แต่ก็ยังคงความไฮโซและอาร์ตไว้ทุกเมื่อ
อีกประโยชน์ของอุปกรณ์พวกนี้คือ เค้าสามารถทำให้กระดาษธรรมดาแข็งขึ้น และคมราวกับมีดได้สบายๆ ส่วนปากกา แค่จิ้มก็จบ (มักใช้ในกรณีป้องกันตัว)
จุดแข็ง: สามารถวิเคราะห์ลักษณะความคิดในการวางแผนต่างๆของผู้อื่นได้สูงถึง 91% สมาธิสูง พลังจิตแข็ง ประสาทสัมผัสทั้งห้าอยู่ในระดับสูง และที่สำคัญที่สุดคือ ...มีความอดทนสูงมาก
จุดอ่อน: เป็นพลังที่ไม่เหมาะจะใช้ระยะประชิด ควรเป็นผู้ควบคุมพลังจิตจากที่ไกลๆมากกว่า ไม่ถูกกับการต่อส็ที่เน้นแนวระยะประชิด อย่างพวก ดาบ มีด เพราะส่วนมากมักจะเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง ทำให้ลำบากในการควบคุม
ความสามารถ (แบบคนธรรมดา) : ศิลปะเกือบทุกแขนง แต่ที่ถนัดสุด คือการวาด ออกแบบ มีความอดทนสูง เพราะไม่ค่อยสนใจอะไรอยู่แล้ว สามารถเคลียร์+ปั่นงานได้อย่างรวดเร็ว เนื่องจากมีความติสท์อยู่ในตัวสูง จึงนำมาประยุกต์กับการใช้ชีวิตประจำวันของตน โดยไม่จำกัดงาน
ความสามารถ (แบบพิเศษ) : สามารถปรับจิตของตนให้ตรงกับคลื่นจิตของผู้อื่นได้อย่างง่ายดาย และสามารถแทรกแซงเอาข้อมูลในความทรงจำของคนๆนั้น หรือสามารถติดต่อพูดคุยได้ แตมีข้อเสียอย่างคือ สามารถใช้ได้ในระยะรัศมีไม่เกิน1กิโลเมตรเท่านั้น
สิ่งที่ชอบ : ความอาร์ต หรือทุกอย่างที่มีพื้นฐานอยู่บนคำว่าอาร์ต เรื่องเล่าแปลกๆที่เจ้าตัวคิดว่ามันแนวและอาร์ตถูกใจ (-*-) พวกรุ่นพี่หรือเพื่อนหรือรุ่นน้องที่สนิทกัน
สิ่งที่เกลียด : พวกที่ไม่มีแม่แต่เสี้ยวความอาร์ตในจิตใจ และ พวกคนที่ชอบทำตัวให้ดูน่าสงสาร (จะดีหรือเลวชั่งมัน-*-)
Background(ภูมิหลัง ที่มาของตัวละคร) : มีฐานะร่ำรวย เป็นลูกชายคนเล็ก จึงไม่มีใครว่าเรื่องนิสัยติสท์แตกแบบนี้ พ่อแม่จะไปทางวิชาการ เคร่งเครียดกับชีวิต ต่างจากลูกโดยสิ้นเชิง พี่สาวมีลักษณะของความร่าเริงแบบแปลกๆสูง จึงส่งผลให้น้องชายเกลียดนิสัยแบบนั้น(เพราะโดนแกล้งบ่อยๆ) วันหยุดสองพี่น้องจะนั่งหาความแปลกเข้าสู่บ้านของตน ไม่ว่าจะเอาของแปลกๆ จากประเทศอื่นๆมาไว้ในบ้าน (อาทิเช่น สัตว์เลี้ยงหายาก พืชแปลกๆ กินคนได้บ้าง เดินได้บ้าง) สร้างความหลั่นล้าให้กับครอบครัวนี้พอสมควร
เหตุผลที่เข้าโรงเรียน(เป้าหมายที่อาจจะนอกเนื้อจากธีมเรื่อง) : อืม...แลเห็นซึ่งความอาร์ตของโรงเรียน จึงตัดสินใจเข้าทันที ที่เดินผ่าน อีกอย่างคือ ไม่มีโรงเรียนไหนอาร์ตถูกใจเท่าที่นี้+ความขี้เกียจ จึงเดินเข้าไปอย่างไม่ลังเล
ความปรารถนา : มากจนนับไม่ถ้วน แต่หลักๆก็ เป็นเทพเจ้าแห่งการอาร์ตอันดับหนึ่งของโลก (เอิ่ม...) และอีกอย่าง อันนี้เก็บไว้ในจิตใจไม่ได้ให้ใครรู้ มันคือ ...หาสิ่งมีชีวิตที่ประหลาดกว่าพี่สาวของตนให้เจอ (มีใครหนักกว่านี้อีกหรอ)
Thoarleyva’s Intro : The important reason
นี่...คนเราน่ะนะ
ไม่จำเป็นต้องดำเนินชีวิตตามที่คนอื่นหวังหรอกนะ เธลฟ์
...ทำไมล่ะฮะ พี่...
ที่เขาคาดหวังกับเราน่ะ ก็เพราะว่าสิ่งนั้น
เขาเป็นไม่ได้ไงล่ะ
...อ้าว...ถ้าเราทำให้เขามีความสุขกับการคาดหวังนั้น...
...มันก็ดีไม่ใช่หรอฮะ
แต่ถ้าทำแบบนั้นน่ะ... เราก็จะสูญเสียความเป็นตัวตนของเราไปนะ
เธลฟ์จะยอมหรอ ที่เสียตัวเองไปแบบนั้นน่ะ
...ไม่ต้องห่วงหรอกฮะ พี่...
...เพราะผมน่ะ...จะทำให้ทั้งความหวังของคนอื่นและของผม...
...เป็นจริงให้ได้ โดยไม่สูญเสียตัวตนของตัวเองแน่นอนฮะ...
ฮิฮิ...ทำให้ได้ละกันนะ
พี่ถามอะไรอีกอย่างสิ
ถ้าสมมติว่า...เธอไม่ได้ทำในสิ่งที่ชอบ
เธอยังมีจุดหมายที่จะอยู่ต่อไปไหม
...ไม่รู้สิฮะ...
คิกคิก... นั่นสินะ ก็เธลฟ์ยังเด็กอยู่นี่นา
เอาเถอะ ยังไม่ต้องตอบพี่ตอนนี้หรอก
...เอาไว้ เธลฟ์ค้นพบจุดหมายที่สำคัญที่สุดของตนแล้ว...
ถึงเวลานั้นน่ะ เธลฟ์ก็จะรู้คำตอบเองแหละจ้ะ
.
.
.
.
“นี่ เฟโร่ เมื่อไหร่นายจะเริ่มประชุมสักทีเนี่ย”เสียงหวานแหลมของเด็กสาวเจ้าของเส้นผมสีฟ้าม้วนยาวผู้มีตำแหน่งเป็นถึงรองประธานนักเรียนเอ่ยขึ้นอย่างหงุดหงิด จ้องไปยังนาฬิกาเรือนใหญ่บนผนังห้องอย่างไม่สบอารมณ์
...นี่มันอะไรกัน(วะ)เนี่ย นัดประชุม 8โมง นี่จะ10โมงครึ่งอยู่แล้ว ยังไม่ได้เริ่มสักนิด...
“ก็คนยังมาไม่ครบนี่ เบค”ประธานนักเรียนเอ่ยตอบกลับมาอย่างสบายๆ สายตาจับจ้องอยู่ที่โทรทัศน์ข้างหน้าตน
“คราวนี้ขาดใครไปอีกล่ะ ไหน ดูสิ เดลฟี่ เอเลส เรส สปอนท์ อืม ก็ครบแล้วไม่ใช่หรอ สำหรับพวกที่นัดมาวันนี้อะ”รีเบคก้าเอ่ยทวนรายชื่อคน ก่อนจะหันมามองเฟโร่อย่างงงๆ
“ให้ตายสิเธอเนี่ย ก็เธลเฟอร์ไง เธลเฟอร์”ประธานหนุ่มย้ำชื่อของคนที่เธอลืมไป โดยที่สายตาไม่ได้ละออกจากโทรทัศน์ข้างหน้าตนแม้แต่น้อย
“เบค เธออย่าบ่นมากเลยน่า ถ้าเธออยากจะประชุมเร็วๆ เธอก็ออกไปตามเขามาสิ”เด็กสาวผมแดงเอ่ยขึ้นอย่างรำคาญ เพราะเธอถูกเสียงแปดหลอดของรีเบคก้าตามรังควานจนดูโทรทัศน์ไม่รู้เรื่อง
“ย่ะ แม่เดลฟี่ ฉันตามเขาแน่”ว่าแล้วเธอก็สะบัดหน้าเดินออกจากห้องประชุมไปทันที เรียกได้ว่า ทุกคนที่อยู่ในห้องนั้นต่างถอนหายใจออกมาพร้อมกันทันที
............................................................
ท่ามกลางแสงแดดที่ส่องรำไรอยู่ไปทั่วบริเวณของโรงเรียน นักเรียนทุกคนต่างหลบแสงเข้ามาภายในบริเวณใต้อาคารกันทั้งนั้น แต่ก็ยังคงมี ‘เขา’ เพียงคนเดียว ที่ยังคงตามแดดอยู่ข้างนอก
“โธแอเลฟา ไวธ์ เบลาแนร์”เสียงเรียกชื่อเต็มยศของเขาดังขึ้น เด็กหนุ่มเจ้าของเส้นผมสีน้ำตาลทองและดวงตาสีม่วงเทาจึงค่อยๆหันกลับมาด้านหลัง และก็พบกับ เด็กสาวร่างบางเจ้าของเส้นผมสีฟ้ายาวม้วนผู้เป็นถึงรองประธานของโรงเรียนนี้
“นายคิดว่านายกำลังทำอะไรอยู่ยะ”สายตาของเธอจับจ้องไปในสิ่งที่เขากำลังทำอย่างไม่สบอารมณ์
“เพิ่มความอาร์ตให้แก่โรงเรียนฮะ รองประธาน”เขาตอบกลับด้วยใบหน้านิ่งเฉย
“แต่นี่มันทรัพย์สินส่วนรวมนะ”
“ผมรู้ฮะ แต่ถ้าโรงเรียนไม่อาร์ต ผมคงทนเรียนอยู่ที่นี่ไม่ได้หรอกฮะ”เธลเฟอร์ตอบพลางทำหน้าหงอยๆ
“เออ ไอเรื่องความอาร์ตของนายน่ะ ชั่งมันก่อน แต่นายรู้ไหม ว่าวันนี้เค้ามีประชุม”
“รู้ฮะ”
“แล้วทำไมไม่เข้าย่ะ”
“ก็คราวที่แล้ววิธีง้อแฟนให้ประธานที่คิดกัน มันไม่อาร์ตนิฮะ ผมเลยคิดว่าคราวนี้ต่อให้เป็นเรื่องสำคัญ มันก็คงไม่อาร์ตเหมือนเดิม”
สิ้นเสียงของเด็กหนุ่ม รีเบคก้าก็ยกมือขึ้นกุมขมับอย่างสุดจะทนกับความซื่อบื้อของเด็กหนุ่มรุ่นน้องคนนี้ ทั้งๆที่มีดีกรีเป็นถึง ‘นักสู้แนวหน้า’ แต่เอาเข้าจริง เมื่อถึงเวลาต่อสู้ เค้าก็ตัดกำลังไปได้มากพอสมควร แต่พฤติกรรมการทำตัวของเขาก็ยังคงเดิมไม่เคยเปลี่ยนแปลง ตั้งแต่ ปี1จนกระทั่งปี5แล้วก็ตาม ยังคงความอาร์ตแบบแปลกๆและเฉื่อยชากับโลกภายนอกอยู่เรื่อยมา
“แล้วถ้านายไม่เข้าประชุม นายจะรู้ไหมยะ ว่าเค้าพูดเรื่องอะไรกันบ้าง”รีเบคก้าถามขึ้น ทั้งๆที่พอจะเดาคำตอบของเด็กหนุ่มได้อยู่แล้ว แต่ก็ผิดคาด...
“รองไม่ต้องห่วงหรอกฮะ เพราะคุณเรสเค้าอาสาอัดวีดิโอไว้ให้ผม แลกกับการที่ผมจะวาดภาพเค้กของเค้าลงบนกำแพงของโรงเรียนฮะ...อ้อ แล้วเค้าก็บอกว่า ถ้าประธานเปิดร้านเบเกอรี่ให้เค้าจริงๆ ผมต้องไปออกแบบร้านให้เค้า แลกกับการที่เค้าจะอัดวีดิโอทุกครั้งที่เค้าประชุมกัน เพราะงั้น ต่อจากนี้ รองจะไม่เห็นผมในที่ประชุมแล้วนะฮะ ลาก่อนฮะ”เด็กหนุ่มเอ่ยขึ้นอย่างรวดเร็วด้วยสีหน้าเรียบนิ่งเฉยตามสเต็ป
แม้รีเบคก้าจะแปลกใจอยู่บ้าง ที่ไม่เคยเห็นเขาพูดเยอะขนาดนี้มาก่อน แต่อย่างน้อยตอนนี้เธอก็มั่นใจได้อีกอย่างนึง...ว่าต่อจากนี้ ถ้าใครหายไปสักคน เธอคงต้องถามจากสมาชิกในที่ประชุมเอาเสียก่อน ว่ามีใครรู้เห็นบ้าง ไม่งั้นก็คงเสียเวลามาตามเองแบบนี้แน่
เด็กสาวมองไปยังภาพวาดบนผนังกำแพงของโรงเรียนที่เริ่มมีลวดลายและภาพวาดอันสวยงามเต็มไปด้วยสีสันที่ไม่ถือว่าสดแต่ก็ไม่อ่อนจนเกินไป มาตั้งแต่ บริเวณสุดมุมกำแพง แต่ถึงแม้ว่ามันจะสวยงามแค่ไหน...แต่เธอก็ยังไม่ลืมหรอกนะว่า นี่มันทรัพย์สินโรงเรียน !!
“เชิญนายอาร์ตต่อไปละกันนะยะ เธลเฟอร์ แล้วก็...ถ้าจะดี วันหลังก่อนที่นายจะทำอะไรที่เป็นของสวนรวม ช่วยขออนุญาติก่อนด้วยนะยะ”
“ก็ผมขอประธานแล้วนิฮะ อีกอย่าง คนที่เสนอความคิดนี้คือคุณรีเบลนะฮะ”เด็กสาวสะดุดกึกทันทีกับชื่อหลังที่เอ่ยออกมา พลางหันไปจ้องหน้าเด็กหนุ่มอย่างขอคำอธิบาย
“ก็...คุณรีเบลบอกว่า เธออยากจะให้ผมวาดรูปของขวัญทุกชิ้นที่ประธานเคยให้เธอ และบอกด้วยว่า อยากจะวาดตรงไหนก็วาดไปเถอะ ‘แต่ถ้าวาดที่มีคนเห็นเยอะๆยิ่งดีนะจ้ะ เธลเฟอร์ เพราะทุกคนจะได้ประจักษ์ถึงความรักระหว่างฉันและเฟโร่ไงจ้ะ โฮะๆ’ นี่แหละฮะ ที่คุณรีเบลบอกผมมา”เธลเฟอร์จ้องมองรีเบคก้ากลับด้วยดวงตาใสซื่อ และตอนนั้นเอง เสียงหวานแหลมคล้ายกับเสียงของรีเบคก้าก็ดังขึ้นจากอีกทาง
“เธลเฟอร์จ้ะ นี่จ้ะ ช่อดอกกุหลาบบูชารักขนาดไซส์คูณสี่จากเฟโร่ที่ฉันสตาฟต์ไว้ตั้งแต่เมื่อสามปีก่อน วาดลงไปด้วยนะจ้ะ แล้วก็วาดตอนเฟโร่ขอฉันแต่งงานเลยด้วยก็ดี โฮะๆ”เด็กสาวเจ้าของเส้นผมสีชมพูดัดลอนมัดด้วยริบบิ้นสีแดงทั้งสองข้างรีบวิ่งมาหาเด็กหนุ่ม ก่อนจะยื่นช่อดอกกุหลาบสีแดงขนาดใหญ่กว่าปกติสี่เท่า เด็กหนุ่มพยักหน้ารับ ก่อนจะหันกลับมาจัดการกับภาพเค้กตรงหน้าที่ใกล้จะเสร็จสมบูรณ์ด้วยความรวดเร็ว
“อ้าว เบค ไม่ไปประชุมหรอจ้ะ”เด็กสาวที่ถูกเรียกว่ารีเบล หรือก็คือเรเบล็อตเต้เอ่ยถามพี่สาวฝาแฝดของตน หรือก็คือรีเบคก้านั่นเอง
“ประชุมอะไรล่ะรีเบล ก็เพราะเธลเฟอร์ไม่ยอมเข้าประชุมน่ะสิ เฟโร่ของเธอถึงไม่ยอมเริ่มสักที บอกแต่จะดูละครๆ คนอย่างนี้เธอคบทำไมเนี่ย”รีเบคก้าว่าพลางทำหน้าเบื่อหน่าย เรเบล็อตเต้อมยิ้มกับคำพูดของพี่สาว ก่อนจะจับมือของเธอและจูงเดินออกไปจากบริเวณที่โธแอเลฟาวาดภาพอยู่ทันที
“แหม ก็เฟโร่น่ารักจะตายนี่ เบคอย่าขัดขวางทางรักของฉันเลยนะจ้ะ ไปเถอะ เข้าไปประชุมเถอะ เดี๋ยวเฟโร่จะรอนานนะ”ว่าแล้วสองพี่น้องฝาแฝดก็พากันเดินเข้าไปในตัวอาคารทันที
โธแอเลฟาหันกลับมามองภาพเค้กเบื้องหน้าที่เสร็จอย่างสมบูรณ์ เขาหยุดครุ่นคิดอย่างเนิ่นนาน ก่อนจะหันกลับไปมองและพบว่าสองพี่น้องฝาแฝดหายไปจากบริเวณนี้แล้ว เขาจึงลงมือทำมันทันที
.................................................................
“โอเค สรุปก็เอาตามนั้นแหละนะ ทุกคน”ประธานนักเรียนร่างสูงเอ่ยขึ้นอย่างสบายๆ มือขาวเอื้อมไปปิดโทรทัศน์เบื้องหน้าของตน ก่อนจะผุดลุกขึ้นยืนเตรียมเดินออกไปทันที
“เอาตามไหนหรอคะ คุณเฟโร่ที่ 20” สรรพนามเรียกอันเป็นเอกลักษณ์ดังขึ้นจาก สปอนตาเซีย เมลล์ ผู้เป็นเสนาธิการฝ่ายหลัง และยังควบตำแหน่งของเหรัญญิกสภานักเรียนกล่าวขึ้นอย่างงุนงง
“ดิฉันไม่เห็นว่า...หกชั่วโมงที่ผ่านมานี้ เราได้พูดคุยอะไรเป็นเรื่องเป็นราวขนาดเป็นข้อสรุปได้ขนาดนั้นหรอกนะคะ”เธอกล่าวด้วยสีหน้านิ่งเฉย เฟโรเบเอลหยักไหล่กลับสบายๆ พลางเอ่ยขึ้นเบาๆ
“หึหึ แล้วเธอจะรู้ว่าเราได้อะไรเยอะเลยทีเดียว”ว่าจบ ประธานนักเรียนหนุ่มก็เดินคล้องแขนออกไปกับแฟนสาว โดยยังคงทิ้งปริศนาให้แก่ทุกคนที่อยู่ในห้องนั้น
“อ๋อ....ทุกคน ผมรู้แล้วครับ ว่ารู้อะไร”เรเรส ราฟาเอลิส เจ้าของตำแหน่งเลขาประจำประธานนักเรียนเอ่ยขึ้นพลางยิ้มออกมาตามปกติ
“รู้อะไร” เสียงหลายเสียงที่อยู่ในห้องประสานขึ้นพร้อมกันทันที
“ก็เราได้รู้ว่า...ประธานชอบดูละครเรื่องนั้นมากเลยไงครับ”
“
แล้วละครเรื่องนั้นมันเรื่องอะไรละคะ”สปอนตาเซียถามต่อด้วยเสียงราบเรียบ เด็กหนุ่มจึงได้แต่ส่ายหน้าไม่รู้ แต่เด็กสาวผมแดงหรือที่รีเบคก้า เรียกเธอว่า ‘เดลฟี่’ กลับตอบออกมาอย่างรวดเร็ว
“นายขนมต้มไง!!”ว่าจบเธอก็คว้าดาบคู่ใจเดินออกจากห้องไปทันที
“
คุณเอเลสคะ”สปอนตาเซียเอ่ยเรียกเด็กหนุ่มอีกคน และเอ่ยถามต่ออย่างตรงๆทันที“คุณเอเลสคิดว่า...สภาเราจะรอดจนจบเทอมไหมคะ”
เขาส่ายหน้าเบาๆเป็นคำตอบ ก่อนจะลุกเดินออกจากห้องไปอีกคน ทุกคนที่เหลือในห้องจึงต้องถอดถอนใจ ก่อนจะลุกตามออกไปอย่างช่วยไม่ได้
.
.
.
.
“แหม เฟโร่นี่ใจดีจังเลยนะ”เรเบล็อตเต้เอ่ยขึ้นอย่างมีความสุข ก่อนจะมองไปยังภาพเบื้องหน้า...ซึ่งเป็นภาพของกำแพงโรงเรียน ที่เต็มไปด้วยภาพใบหน้าของสภานักเรียนทุกคน รวมทั้งภาพของเธอด้วย ใบหน้าของทุกคนยิ้มแย้มอย่างมีความสุข ข้างๆมีตัวอักษรที่เขียนไว้ด้วยลายมือบรรจงแต่ยังคงความเป็นเอกลักษณ์ของผู้เขียนเอาไว้
“Our smiles”เฟโรเบเอลเอ่ยทวนคำๆนั้นเบาๆ ก่อนจะมองไปยังร่างของเด็กหนุ่มรุ่นน้อง เจ้าของเส้นผมสีน้ำตาซอยสั้น ที่นอนพิงกับเสาข้างๆกำแพงอย่างเหนื่อยอ่อน ตามเนื้อตัวมีสีเปรอะเปื้อนเป็นบางส่วน ลมหายใจเข้าออกอย่างสม่ำเสมอ บอกว่าเจ้าตัวกำลังอยู่ในนิทรา ประธานมองภาพนั้นอย่างยิ้มๆ ก่อนจะหันมากล่าวกับเด็กสาวข้างกาย
“ยังหรอก รีเบล ยังเหลืออีกอย่างที่เราต้องทำนะ”
“อะไรหรอจ้ะ”
“
ประกาศฉุกเฉินไง...ให้เจ้าพวกนั้นมาที่นี่...และเดี๋ยวนี้...”
.
.
.
.
...พี่ฮะ...
...ผมได้คำตอบแล้วนะฮะ...
ถึงแม้ว่าผมจะไม่ได้ทำในสิ่งที่ตัวเองชอบ
แต่ผมก็ยังมีจุดมุ่งหมายที่จะอยู่ต่อไป
...เพราะผม ยังมีสิ่งที่ต้องปกป้องนิฮะ...
.
.
.
.
“ผมจะปกป้องทุกๆคน ทั้งพ่อแม่ พี่ และเพื่อนๆ
รวมทั้ง...รอยยิ้มของทุกๆคนฮะ”
.
.
.
.
ความคิดเห็น