คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : New year/New life/New Question
1. The Festival of Promises
ในค่ำคืนสุดท้ายของฤดูหนาวเเละก้าวเเรกสู่ฤดูใบไม้ผลิ
ณ เวทีสำหรับปราศรัยใจบนถนนกลางเมืองVindia บนถนนนั้นอัดเเน่นไปด้วยผู้คนนับพันพร้อมกับรอยยิ้มบนใบหน้า โต๊ะที่เต็มไปด้วยอาหารเเละเครื่องดื่มหลากหลายชนิด เสียงดนตรีเครื่องเป่าประจำท้องถิ่นได้ถูกเล่นในท่วงทำนองที่ฟังดูเหมือนกับดนตรีในโรงเหล้าของเกมเเฟนตาซี ให้ความรู้สึกของงานรื่นเริง
เหล่าทหารในชุดผ้าคลุมสีขาวเดินขบวนพาเรดไปพร้อมกับOrc สองสามตัวที่ถูกขังอยู่ในกรงเหล็กบนรถเข็นที่กำลังถูกผู้คนตะโกนด่าทอเเละปาข้าวของเข้าใส่
เเละที่หน้าขบวนพาเรดนั้นเอง Baron เเห่งเมืองVindia ที่กำลังขี่ม้านำขบวนพาเรดมาด้วยสีหน้าที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่
“ขี่ม้าอะไรกัน ปวดก้นโว้ย!” ผมคิดในใจพร้อมกับกัดฟันเเน่น
นี่คืองานวันปีใหม่ของเมืองVindia เเละเพื่อทำให้ผู้คนได้รับความรู้สึกว่าพวกเขานั้นจะมีความสุขเเละพวกOrc จะทำอะไรพวกเขาไม่ได้อีกต่อไป ผมจึงต้องเล่นใหญ่ในระดับนี้ ผมมีเเผนการอีกมากในหัวของผม เเต่สิ่งที่สำคัญในตอนนี้ก็คือกำลังใจของผู้คนของผม
พอขบวนพาเรดหยุดลง ผมก็ได้ลงจากหลังม้าเเล้วเดินขึ้นไปบนเวทีเพื่อเริ่มพูดเปิดงานอย่างเป็นทางการ
รอบๆด้านของผมนั้นคือเเผ่นทองเหลืองทรงกลมขนาดใหญ่ที่ถูกตั้งอยู่บนเวทีในมุมที่หันเล็งให้สะท้อนเสียงไปกระทบกับเเผ่นทองเหลืองเเผ่นอื่นๆที่ถูกติดอยู่ตามมุมที่ถูกคำนวนเอาไว้ เพื่อส่งเสียงของผมไปทั่วบริเวณจัดงาน
“สวัสดี! ประชาชนของข้า ทุกคนคงจะรู้เเล้วว่าเมืองของเรานั้นเปลี่ยนไปหน่อยๆตั้งเเต่กลางปีที่เเล้ว ” ผมพูดจบก็ดึงกระดาษเเผ่นหนึ่งออกมาจากกระเป๋าสะพายข้าง
“นี่คือเอกสารหลักฐานว่าในตอนนี้ ข้าได้ลดภาษีของพวกเจ้าทุกคนลงไปอีกเท่าตัว เยี่ยมใช่ไหมล่ะ!”
เสียงเฮของเหล่าผู้คนบนถนนดังขึ้นมาในทันทีที่ผมพูดจบ
“ในปีต่อๆไป ข้าไม่ขออะไรไปมากกว่าความสนับสนุนจากพวกเจ้าทุกคน ข้าขอการันตีงานใหม่ๆให้เเก่เหล่าผู้ว่างงาน ข้าจะมอบการศึกษาเเก่ลูกหลานของพวกเจ้าทุกคน ข้าขอสาบานจะนำมาซึ่งความปลอดภัยเเละรุ่งเรืองของพวกเจ้าในปีนี้เเละตลอดไป ”
เสียงเฮของผู้คนดังขึ้นอีกครั้ง เเละได้เงียบลงเมื่อผมยกมือขวาขึ้นเป็นสัญญาณให้เบาเสียงลงหน่อย
“ข้ายังมีอีกเรื่องจะบอกพวกเจ้าอีกอย่างนึง ” ผมพูดพร้อมชี้ไปที่กรงขังOrc
“พวกเจ้าคงจะรู้ข่าวที่พวกเราได้ช่วยเหลือเพื่อนใหม่ของพวกเรามาจากค่ายของพวกมันเเล้ว เเละพวกเจ้าก็คงจะรู้ว่าพวกมันทำอะไรไว้กับมนุษยชาติ ” ผมกระเเอมก่อนจะตะโกนใส่เเผ่นทองเหลือง “พวกมันทรมาณ ฆ่า ทิ้งทาสมนุษย์เอาไว้ให้อดตาย ”
“เเต่ข้าพิสูจน์เเล้วว่า มันก็ไม่ได้เเข็งเเกร่งไปกว่าสัตว์ป่า ในสงครามที่ข้าเห็นมากับตาพวกมันถูกฆ่าได้อย่างง่ายดายเหมือนกับเเมลง” ผมพูดจบก็ได้ตะโกนขึ้นมา “ทหาร! เตรียมกิโยติน! ”
เเล้วหลังจากนั้น Orc สองสามตัวนั้นก็ถูก… พวกคุณก็คงจะรู้
ไม่ได้มีเเผนอะไรหรอกเเค่อยากฆ่ามันทิ้งเฉยๆ
เมื่อการประหารจบลงผมก็ได้ตะโกนขึ้นมา “เทศกาลเริ่มได้!” จากนั้นลูกไฟห้าลูกก็ได้ถูกยิงขึ้นไปบนฟ้า เเล้วก็ตามมาด้วยเสียงระเบิดเเละเเสงหลากสี มีประชาชนตกใจกันนิดหน่อย เเต่ส่วนมากก็สามารถเข้าใจได้ในทันทีว่านั้นคือสิ่งประดิษฐ์ใหม่ของผม
เสียงดนตรีของงานเทศกาลได้ดังขึ้นมากกว่าเดิม พร้อมกับอาหารชุดใหม่ที่ถูกเเจกให้เหล่าผู้ร่วมงาน ขนมปัง,เค้ก,ไวน์,หมูหัน,ผักเเละผลไม้ เเละที่สำคัญที่สุด ไอศกรีม
ผมเดินลงมาจากเวทีเพื่อกินอาหารมื้อเย็นเเละสนุกร่วมไปกับประชาชนของผม
ผมมองไปรอบๆตัวเเละพบกับใบหน้าที่ยิ้มเเย้มของ ทหาร,ช่างไม้,ชาวนา,พ่อค้า,ชาวเหมือง,นักดนตรีเเละนักเต้น ๆลๆ
“คุ้มค่ากับเวลาเเละงบที่ผมเสียไปจริงๆ” ผมคิดในใจไปพร้อมกับรอยยิ้มเเละเเก้วไวน์เเดงในมือ
ในตอนนั้นเองที่มีความรู้สึกของมือนิ้มๆที่เย็นเหมือนกับน้ำเเข็ง สอดเข้ามาจับที่มือซ้ายที่ไขว้หลังเอาไว้พร้อมกับกลิ่นหอมเหมือนกับน้ำหอมกลิ่นกุหลาบที่ลอยเข้ามาในจมูกของผม “ผู้ทำสัญญา”
ผมหันไปข้างหลังในทันทีด้วยอาการตกใจเพราะ ทหารยามรอบๆบริเวณนั้นคงจะจับตัวใครก็ตามที่ทำอย่างนี้กับผมในทันที เเต่ก็ไม่
ความว่างเปล่า นั้นคือสิ่งที่ผมพบ ผมมองไปรอบๆตัวก่อนจะกลับมายืนถือเเก้วไวน์ด้วยมือขวาในท่าเดิมพร้อมกับมือซ้ายที่นำขึ้นมาพาดไว้บนหน้าผาก “ช่วงนี้นี่ หลอนบ่อยเเหะ” ผมคิดไปพร้อมกับอาการเจ็บนิดๆที่นิ้วมือข้างซ้าย
ในจังหวะนั้นเองที่เสียงเพลิงรื่นเริงในงานเทศกาลมีจังหวะที่ช้าลง พร้อมกับพื้นที่วงสำหรับเต้นรำกลางถนนที่เกิดขึ้นมา เหล่าชายหญิงหลายคู่พุ่งออกจากฝูงชนลงไปเต้นรำในวงว่างๆนั้น
ผมมองเหตุการณ์ที่เเสนงดงามนั้นไปพร้อมกับกระดกเเก้วไวน์ในมือ
“เอิ่ม… ท่านคะ” เสียงใสๆที่เเสนจะคุ้นหูได้ดังขึ้นมาจากทางข้างหลังของผม พร้อมกับความรู้สึึกว่าชุดสูทสีขาวที่ผมใส่มาสำหรับงานเทศกาลจะถูกดึงหน่อยๆ ผมหันไปด้วยเหตุผลเดิมจากเหตุการณ์ก่อนหน้านี้
เมดประจำตัวของผม ที่ผมจำเธอเเทบไม่ได้เนื่องจากชุดเดรสลายกุหลาบสีขาวที่เธอใส่มาเเทนชุดเมดของเธอ ผมทรงโพนี่เทลสีทองของเธอส่องประกายไปด้วยเเสงไฟของคบเพลิงงานเทศกาล นัยย์ตาสีฟ้าน้ำทะเลมองตรงเข้ามาในนัยย์ตาผม
ผมหยุดนิ่งไปสักพัก พร้อมกับสมองที่กำลังประมวลผลภาพตรงหน้า จนตาของผมไปสังเกตเห็น Hymlan เเละ John ที่กำลังยกนิ้วโป้งมาทางผมด้วยสีหน้าที่ดูภูมิใจ
เเละพอรู้ตัวอีกทีผมก็กำลังเดินคู่กับเธอตรงไปที่กลางวงสำหรับเต้นรำ ในฐานะคู่พระ,นาง ประจำงานเทศกาลไปซะเเล้ว
เเละในระหว่างนั้นเองผมก็ได้ถามคำถามที่คาใจมานานออกไป “คุณมีชื่อว่าอะไรเหรอครับ?” ผมถามในระหว่างที่จับมือเธอเดินตรงไปที่กลางวงเต้นรำ
เธอมองผมด้วยรอยยิ้ม “Cyneคะ ฉันมีชื่อว่าCyne” เธอพูดด้วยน้ำเสียงใสๆเเต่เเฝงไปด้วยความประหม่า
เเล้วพอผมเเละเธอรู้ตัวอีกทีพวกเราก็กลายเป็นเป้าสายตาของเหล่าผู้คนในค่ำคืนวันเทศกาลไปซะเเล้ว
นี่คงจะกลายเป็นค่ำคืนที่น่าจดจำสำหรับผมเเละเมืองๆนี้
2. City of Opportunity
หลังจากวันขึ้นปีใหม่มาได้สามเดือน.
“ลองไปที่เมืองVindia ดูสิ ข้าฟังมาจากพวกพ่อค้าว่าเมืองๆนั้นเนี่ยเป็นเเหล่งรวมพวกผู้ต่อต้านพวก Orc เลยนะ เเถมมีข่าวว่ากำลังเปิดรับคนจากทุกอาชีพ,ทุกชนชั้น เป็นพลเมืองอยู่ด้วยนะ ” ชายคนหนึ่งกำลังนั่งคุยกับเพื่อนของเขาอยู่ในบาร์เล็กๆเเห่งหนึ่งใน
เขามีชื่อว่าLeonard นักประดิษฐ์ไส้เเห้งที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้านเล็กๆเเห่งหนึ่งทางตอนใต้ของอาณาจักรHyfelt กำลังวางเเผนที่จะย้ายที่อยู่กับเพื่อนของเขาเพื่อหนีจากการถูกส่งตัวไปเป็นทาสของพวกOrc
หลังจากตัดสินใจกับเพื่อนอยู่นานเขาเเละเพื่อนก็หนีออกจากเมืองโดยผ่านการเดินทางไปกับเกวียนของพ่อค้าคนหนึ่งที่จะเดินทางลงใต้ไปสู่เมืองVindia
เเละหลังจากการเดินทางเป็นเวลาสองสัปดาห์ ในที่สุดผมก็มาถึงที่หมายของผม
สิ่งเเรกที่ผมเห็นคือกำเเพงอิฐสูงสิบเมตรที่ตั้งตระหง่านอยู่ตรงหน้าผม
ตรงหน้าของผมนั้นคือประตูเมืองที่เต็มไปด้วยเกวียนขนสินค้ามากมายหลายชนิดเเละเหล่าผู้คนที่ต่อเเถวเพื่อรอการตรวจจากทหารในชุดผ้าคลุมสีเขียวที่เดินตรวจตราอยู่รอบๆบริเวณประตูเมือง
พอรอไปซักพักมันก็ถึงตาของเกวียนที่ผมนั่งอยู่ที่จะถูกตรวจ
ทหารใส่ผ้าคลุมสีเขียวผู้สะพายอาวุธรูปร่างเหมือนหอกเหล็กประหลาดที่ส่วนปลายมีรูเอาไว้ที่หลัง เดินตรงเข้ามาหาคนขับรถเกวียนก่อนจะถามคำถามอย่าง “ขนอะไรมา” “มีคนนั่งด้วยมากี่คน” “เดินทางมาจากที่ไหน” พร้อมจดทุกคำตอบที่คนขับเกวียนพูดลงไปในกระดาษ
จากนั้นเขาก็เดินมาทางผมเเละเพื่อนเพื่อถามคำถาม เเละพอเขารู้ว่าพวกผมย้ายมาเพื่ออยู่อาศัย เขาก็ยิ้มเเล้วเล่าเรื่องที่ควรจะรู้เกี่ยวกับเมืองๆนี้ให้ผมเเละเพื่อนฟัง ศาลาว่าการประจำเมือง การหาที่อยู่ ราคาอาหาร ๆลๆ ก่อนที่เขาจะโกนให้พวกผมผ่านเข้าไปได้
สิ่งเเรกที่ผมเห็นหลังจากผ่านกำเเพงเข้าไปก็คือลานกว้างที่มี กองทหารในชุดชุดผ้าคลุมเขียวที่กำลังเข้าเเถวเป็นกลุ่มๆเดินวนไปวนมา ใกล้ๆกันนั้นกลุ่มทหารใส่ผ้าคลุมสีดำที่กำลังขี่ม้าลากเเท่งเหล็กติดล้อวนไปมา
ผ่านมาสักพัก ผมก็มองไปรอบๆบริเวณพร้อมกับล้อของรถเกวียนที่เคลื่อนที่ไปข้างหน้า
สองข้างถนนนั้นมีทุ่งข้าวสาลีเเละต้นฝ้ายที่กว้างที่สุดเท่าที่ผมเคยเห็นในชีวิตที่กลางทุ่งมีกังหันลมที่กำลังหมุนไปพร้อมกับต้นข้าวสาลีที่ลู่ไปตามสายลมจากทางทิศตะวันออก
เเต่สิ่งที่ผมตกใจที่สุดนั้นก็คือทหารใส่ชุดคลุมสีดำที่กำลังลงเเส้ไปที่หลังของOrc ถือเคียวเกี่ยวข้าวพร้อมสั่งให้พวกมันทำงาน
“ผมเชื่อเเล้วว่าเมืองนี้เป็นพวกต่อต้านOrc เเต่นี้มันเข้าสุดโต่งไปเเล้ว! นี่ถือเป็นการเเหกกฎหมายของอาณาจักรได้เลย ”
ต่อมาเกวียนของผมเคลื่อนก็ผ่านกำเเพงหินเรียบๆสีเทา ที่กำเเพงหินนั้นก็มีสิ่งก่อสร้างเเละปล่องไฟมากมายที่โผล่พ้นเเนวกำเเพงขึ้นมาพร้อมพ่นควันสีเทาเเละดำออกมาเหมือนกับไฟป่า ผมรู้สึกสงสัยในขึ้นมาทันทีว่าพวกเขาทำอะไรกันอยู่ที่หลังกำเเพง
เเละเเล้วผมก็มาถึงยังจุดหมายของผม นั้นก็คือจุดขนส่งสินค้าประจำเมือง ผมเเละเพื่อนช่วยกันยกสัมภาระของพวกเราเเละสินค้าของพ่อค้าลงจากเกวียนก่อนจะจ่ายค่าเดินทางพร้อมกล่าวขอบคุณพ่อค้าคนนั้น เเล้วพวกเราก็ได้เเยกออกจากเขตขนส่งสินค้า เเล้วเริ่มออกเดินถามผู้คนเเถวนั้นเพื่อหาทางไปศาลาว่าการประจำเมือง
บนทางเดินเท้าที่ถูกสร้างขึ้นจากหินอ่อนสีขาว เหล่าผู้คนในชุดสีสันสดใสเดินผ่านกันไปมาด้วยใบหน้ายิ้มเเย้มผมจึงถามทางพวกเขาเเละพวกเขาก็ให้คำตอบอย่างเป็นมิตร หลังจากผมถามเส้นทางเสร็จผมก็เดินเลาะฟุตบาทข้างถนนหินเรียบสีเทา มาจนถึงอาคารไม้หลังใหญ่ที่มีป้ายศาลาว่าการเมืองติดเอาไว้
เมื่อผมเดินเข้าไปในตัวอาคารผมก็พบกับผู้คนมากมายที่นักอยู่บนเก้าอี้ไม้นับร้อยตัว ใกล้ๆกันนั้นก็มีโต๊ะไม้ที่มีกล่องใบหนึ่งวางอยู่ ในกล่องใบนั้นมีเเผ่นไม้ที่สลักตัวเลขเอาไว้พร้อมกับตัวอักษร ผมเเละเพื่อนยืนคุยกันอยู่สักพัก ก่อนที่จะมีชายในชุดสูทสีดำเดินเข้ามาหาพวกผม
“พวกคุณเข้ามาที่นี่ครั้งเเรกเหรอครับ? ” เขาถาม
“ใช่ครับ พวกผมพึ่งย้ายมาเมืองนี้น่ะครับ ไม่ทราบว่าพวกเราต้องทำอะไรบ้าง? ” Leonard ตอบพร้อมนำมือเกาหัว
“อ้อ! สำหรับพวกคุณถ้าเเค่คำถามเกี่ยวกับเมือง ไม่ต้องต่อคิวครับ ให้เดินไปตรงเคาน์เตอร์ไม้เลขที่8 เเล้วถามเรื่องที่อยากรู้ได้เลยครับ ” เขาพูดด้วยใบหน้าที่ยิ้มเเย้มพร้อมชี้ไปที่เคาท์เตอร์ไม้ที่ว่า
“โอ้! ขอบคุณมากครับ”
“ไม่เป็นไรครับ” เขาพูดก่อนจะเดินกลับไปยืนอยู่ข้างๆโต๊ะไม้ที่วางหีบใส่เเผ่นไม้
ผมเเละเพื่อนก็เดินไปถามเรื่องๆต่างๆกับพนักงาน เรื่องที่พักอาศัย เรื่องการหางาน เรื่องการขึ้นชื่อเป็นพลเมือง เเละหลังจากได้คำตอบ ผมเเละเพื่อนก็ตกลงกันที่จะเเยกกันไปหาที่พักคนละที่ เพราะอาชีพของผมคือการเขียนเเบบสิ่งประดิษฐ์ไปขายให้ผู้สนใจ ส่วนเพื่อนของผมเขาอยากสมัครเป็นทหารหลังจากได้ยินว่ามีอาหารฟรีให้
จนในที่สุดผมก็พบห้องเช่าเป็นห้องที่พนักงานคนนั้นเเนะนำมา “ห้องเช่าคอนกรีตสำหรับ 1 คน ”
ห้องเช่าห้องเล็กๆที่สร้างขึ้นมาจากคอนกรีตเสริมเหล็ก พร้อมกับระบบประปา,เตียง,เตาถ่านสำหรับทำอาหาร,โต๊ะเเละเก้าอี้. นั้นทำให้ผมตกใจนิดหน่อยเพราะคุณภาพของห้องๆนี้มันดีกว่าบ้านเก่าผมซะอีก
ผมเปิดกระเป๋าสัมภาระออกเพื่อทำการจัดห้อง หลังจากนั้นผมก็ถอนหายใจออกมาพร้อมรอยยิ้มบนใบหน้า
“เอาเป็นว่า คงตัดสินใจถูกเเล้วละกับการย้ายมาที่นี่ ” ผมพูดกับตนเองก่อนจะล้มตัวลงไปนอนบนเตียง
เเล้วLeonard ก็หลับไปโดยลืมว่าตนเองยังไม่ได้กินทั้งอาหารกลางวันเเละเย็น
3. The Heck?
ภายในเขตอุตสาหกรรมเเห่งVindia ที่ๆเสียงของทั้งผู้คนเเละเครื่องจักรที่ทำงานร่วมกันดังสนั่นเหมือนกับสนามรบขนาดย่อมๆ
บนห้องสำหรับตรวจดูสภาพการดำเนินงานภายในโรงงานที่ตั้งอยู่เหนือพื้นที่สำหรับทำงาน Victor ฺRydal ท่าน Baron เเห่งเมืองVindia กำลังมองลงไปที่เหล่าคนงานที่กำลังใช้งานเตาหลอมเหล็ก พร้อมกับเเก้วไวน์ในมือ
ในตอนนั้นเองที่มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น “รายงานมาเเล้วครับท่านBaron” เสียงของHymlan ดังออกมาจากด้านนอกประตูห้อง
“เข้ามาได้คุณที่ปรึกษา ” ผมพูดพร้อมหันหลังกลับไปทางประตู
Hymlan เปิดประตูเดินเข้ามาในห้อง “การส่งออกเสื้อผ้าย้อมสีม่วงของเราทำกำไรได้มหาศาลเลยครับ คาดว่าจะได้มาประมาณ 1,500-2,000 เหรียญทองครับ!” เขาพูดด้วยใบหน้าที่ยิ้มเเย้มอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน
“เเล้วเรื่อง ประชาชน,อาหาร,ความสัมพันธ์กับพวกขุนนางเเถวๆนี้ล่ะ ? ” ผมพูดพร้อมจิบไวน์
“ตอนนี้ผู้คนกำลังไหลมาเมืองเรามากขึ้นเรื่อยๆครับ ส่วนอาหารก็มีเกินพอสำหรับฤดูหนาวหน้าเเน่ๆ ”
“สั่งสร้างตึกคอนกรีตกับปูถนนเเละทางเดินเพิ่มอีก เเล้วก็สั่งนำเข้าอาหารกับเมล็ดพันธุ์เพิ่มด้วย ”
“โอเคครับท่าน! เเล้วก็เรื่องขุนนางเนี่ยท่านได้รับเชิญไปงานเลี้ยงที่เมืองEsparia นะครับ ”
ผมขมวดคิ้ว “งานเลี้ยงที่ว่านี่จัดตอนไหน? ”
“ในอีกสองสัปดาห์ครับ เป็นโอกาศที่ดีเลยนะครับที่จะหาพันธมิตร”
“โอเคๆ เดี๋ยวข้าเขียนจดหมายส่งไป” ผมพูดพร้อมหันหลังกลับไปมองภาพของเหล็กร้อนที่กำลังหลอมเหลวอยู่ภายในเตาหลอม เหล็กหลอมภายในเบ้าหลอม เเละเหล็กที่กำลังถูกหล่อเป็นรูปร่างต่าง
“งั้นผมขอตัวไปสั่งการก่อสร้างก่อนนะครับท่าน ” Hymlan ทำความเคารพก่อนจะเดินออกจากห้องไปพร้อมกับเสียงปิดประตู
ผมจิบไวน์อีกครั้ง พร้อมยกมือซ้ายที่ผมสวมถุงมือเเละเเอบเอาไว้ใต้เสื้อคลุมออกมาก่อนจะถอดถุงมือออก
ในตอนนี้เเผลที่นิ้วของผมลากยาวลางมาเป็นเส้นตรงจนมาถึงฝ่ามือ เเละในฝ่ามือของผมเองมันก็มีอีกขระเเปลกๆสีเเดงเลือดปรากฏขึ้นมา ผมพยายามทำความเข้าใจกับมันเเต่ก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา ผมถอนหายใจก่อนจะสวมถุงมือกลับเข้าไป
“อยากได้คำตอบจัง ” ผมกระซิบกับตนเองก่อนจะเก็บมือเข้าไปใต้เสื้อคลุม
ในตอนนั้นเอง ผมก็ได้กลิ่นเหมือนกุหลาบพร้อมกับเสียงกระซิบที่ดังมาจากทางข้างหลังผม
“อยากจะถามอะไรงั้นรึ? ผู้ทำสัญญา”
ผมหันหลังตามเสียงนั้นไปด้วยความตกใจ
ตรงหน้าของผมคือผู้หญิงตัวเล็กๆคนหนึ่งในชุดสไตล์Gothic lolita สีขาวนวล เธอมีนัยย์ตาสีเหลืองทอง พร้อมกับผมทรงดัดลอนสีเงิน
ผมยืนอยู่นิ่งๆ ด้วยความตกใจจนทำอะไรไม่ถูก
เธอคนนั้นขมวดคิ้วพร้อมอ้าปากของเธอออกเพื่อพูด “เเล้วสรุปอยากได้คำตอบเรื่องอะไร? พูดมาสิ อย่าเอาเเต่ยืนนิ่งเพราะความงดงามของข้า” เเละนั้นก็เผยให้เห็นฟันภายในปากของเธอที่ดูเเหลมคมเหมือนกับเขี้ยวของสัตว์มากกว่าจะเป็นฟันของมนุษย์
หลังจากที่เธอพูดจบไป เธอกับผมก็ยืนอยู่นิ่งๆ ต่างคนต่างไม่พูดอะไรต่อ
End Chapter 8
ความคิดเห็น