ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ตำนานบารอนปฎิวัติต่างโลก

    ลำดับตอนที่ #7 : Dreaming Pigeon

    • อัปเดตล่าสุด 6 ก.ย. 64


     1. Camp and Coffin

    1 วันหลังศึกที่ทุ่งหิมะรอบนอกป่าGreen vale จบลง

    ผมเเละหน่วยBodyguardส่วนตัวที่Johny เลือกไว้ให้เป็นการเฉพาะ กำลังเดินผ่านป่าที่ปกคลุมเต็มไปด้วยหิมะเเละคละคลุ้งไปด้วยกลิ่นคาวเลือดเเละดินปืน

    ผมเดินจนมาถึงหน้าประตูทางเข้าไม้ที่เต็มไปด้วยรูกระสุน ถูกเปิดทิ้งเอาไว้อยู่ ที่สองฝั่งของหน้าประตูมีWhite cloak สองคนยืนเฝ้าอยู่ พวกเขาทำความเคารพผมทันทีที่เห็นผม

    “ท่านJohn กำลังรอท่านอยู่ครับ ” เขาพูดก่อนจะกลับไปยืนตรง

    ผมโบกมือพร้อมยิ้มให้พวกเขาก่อนจะเดินเข้าไปในค่าย ในตอนนั้นเองที่Hymlan เดินตรงเข้ามาหาผม

    “เราช่วยเหลือทาสมาได้ทั้งหมด 200 คน จับเชลยได้ทั้งหมด 50 กว่าตัว กับทรัพยากรต่างๆที่ยึดมาได้เป็นไม้เเปรรูปเเละเเร่เงินจำนวนมาก ครับท่าน” เขาพูดรายงานผม

    “ขอบคุณมากHymlan ฝากดูเเลเรื่องการขนส่งด้วยล่ะ” ผมพูดก่อนจะออกเดินต่อ

    ผมเดินมาเรื่อยๆจนมาพบกับWalden กับหน่วยWhite cloak ที่กำลังช่วยกันทำการปฐมพยาบาลเหล่าอดีตทาสอยู่ เมื่อผมเดินผ่านใครไปพวกเขาก็ไม่ลืมที่จะลุกขึ้นมาทำความเคารพทั้งๆที่กำลังทำการรักษาผู้บาดเจ็บอยู่  

    “รักษาพวกเขาต่อไปเถอะ มันสำคัญกว่าการเคารพข้าเยอะ ” ผมพูดพร้อมเดินตรงต่อไปเรื่อยๆ

    ภาพของค่ายเเรงงานทาสสำหรับตัดไม้ที่ถนนหนทางถูกปกคลุมไปด้วยหิมะเเละรอยเลือดเป็นจุดๆ โกดังที่สร้างขึ้นจากไม้พังๆตั้งอยู่เรียงกัน 5 หลัง เเละที่ประตูของเเต่ละหลัง ก็มีกลุ่มทหารของผมกำลังทำการขนกล่องไม้ขนาดใหญ่กลับไปที่เเคมป์นอกป่า 

    “ขนอะไรกันอยู่เหรอ พลทหาร?” ผมหยุดเดินเพื่อทักทายพวกเขา

     

    พวกเขาวางกล่องลงก่อนจะทำความเคารพผม “เเร่เงินกับของมีค่าอื่นๆที่พบ ครับท่าน” 

    “โอ้! เยี่ยมเลย ข้าไม่กวนพวกเจ้าเเล้ว ขนกันต่อไปเถอะ!” ผมพูดก่อนจะเดินต่อด้วยใบหน้าที่ยิ้มเเย้ม

    ผมเดินตามถนนมาเรื่อยๆ จนมาถึงลานโล่งตรงกลางค่าย เเล้วผมก็ได้พบกับJohny ที่ยืนรอผมอยู่หน้าเหล่าเชลยชาวOrc ที่ถูกจับมัดเเละนั่งเรียงเเถวกันอยู่ประมาณ 50 ตัว

    “สวัสดียามบ่ายครับท่านBaron หลังจากศึกนั้นจบพวกเราทำการสังหารพวกมันได้เพิ่มอีก40 กว่าตัว เเละจับเชลยมาได้50 ตัว ครับผม” Johny รายงานผมไปพร้อมกับทำความเคารพผม

    “เข้าใจเเล้วJohn เจอพวกที่เป็นหัวหน้าพวกมันไหม? ”

    “เจอครับ เเต่ในสภาพที่เป็นศพ สงสัยคงมีพวกเราสักคนฆ่าไปน่ะครับ”

    ผมถอนหายใจก่อนจะหันหน้าไปมองเหล่าOrc ที่นั่งอยู่บนพื้น “มีไอ้เศษขยะตัวไหน พูดภาษาของข้าได้ไหม!?” ผมตะโกนออกไปอย่างสุดเสียง

    “…” มีเพียงความเงียบเเละเสียงสายลมในฤดูหนาวที่เป็นคำตอบให้กับผม

    “เเล้วผมจะถามข้อมูลกับอะไรละทีเนี้ย คงจะยังพอถามพวกอดีตทาสได้อยู่ละมั้งนะ ” ผมคิดในใจพร้อมเอามือกุมหัว

    John ขอปืนพกหน่อย ” ผมพูดพร้อมเเบมือออก เเล้วปืนพกคาบศิลาที่เอาไว้ถือคู่กับดาบก็ถูกวางลงบนมือของผม

    “บรรจุเรียบร้อยครับ” เขาพูด

    ผมหันปากกระบอกเข้าใส่หัวOrc ตัวหนึ่งที่นั่งอยู่บนพื้นในทันที เสียงการระเบิดของดินปืนเกิดขึ้นไปพร้้อมกับเลือดของมันที่ฟุ้งกระจายไปโดนOrc ที่นั่งอยู่รอบๆตัวมัน

    “ข้าขอถามอีกครั้ง มีเจ้าเศษเดนตัวไหนพูดภาษาข้าได้ไหม?” ผมพูดพร้อมส่งปืนกลับไปให้ Johny

    “….” เงียบเหมือนเดิม เเต่สิ่งที่เพิ่มขึ้นมาคืออาการตัวสั่นของOrc ที่นั่งข้างๆตัวที่โดนยิงไป

    ผมถอนหายใจ “งั้นเตรียมเอาตัวพวกมันกลับไปที่เเคมป์ คงจะหาประโยชน์จากพวกมันที่นี่ไม่ได้เเล้วล่ะ ” ผมพูดพร้อมสะบัดผ้าคลุมของผม เเล้วเริ่มหันหลังเดินกลับไปจากทางที่ผมเดินเข้ามา

    ในตอนนั้นเองที่Johny วิ่งตามผมก่อนจะใช้มือซ้ายมาดึงไหล่ผมเอาไว้ “ผมลืมสาเหตุที่เรียกท่านมาไปเลย! ”

    ผมหันหน้าไปมองเขาด้วยอาการงง “อ้าว ไม่ใช่เรื่องเชลยหรอกรึ? ” ผมพูดพร้อมขมวดคิ้ว

    “คุณFerrum ฝากผมมาบอกกับท่านว่า เขาเจออะไรเเปลกๆน่ะครับ ” Johny พูดพร้อมใช้มือขวาส่งกระดาษเเผ่นหนึ่งให้กับผมก่อนจะหันหลังวิ่งกลับไปคุมคนของเขา

    ผมอ่านสิ่งที่อยู่บนหน้ากระดาษพร้อมด้วยอาการงงที่มากกว่าเดิม 

    “ฝากไปบอกท่านBaron ให้มาพบข้าที่ด้านในสุดของโกดังในหลังที่ 5 พวกเราพบโลงศพประหลาด”

    “โลงศพ? ” ผมคิดเเล้วก็ยิ่งงงกว่าเดิม ผมจึงตัดสินใจเดินกลับไปที่โกดังที่ผมเดินผ่านมา

    ผมเดินผ่านเหล่าทหารที่กำลังขนกล่องไม้ไปมากันไป จนมาถึงด้านในสุดของโกดังหลังที่ 5 

    “โอ้! สวัสดีท่านเจ้าเมือง ” Ferrum พูดพร้อมยิ้มให้กับผม 

    ที่ใกล้ๆกับเขานั้นมีถังไม้นับสิบใบ ที่ในถังเเต่ละใบมีเลือดใส่ไว้เต็มถัง 

    “นี่คงเป็นถังที่พวกเขาพูดถึงสินะ ถังสำหรับใส่เลือดทาสที่โดนปาดคอ ” ผมคิดในใจพร้อมกำหมัดเเน่น 

    เเต่สิ่งที่หน้าประหลาดมันไม่ได้อยู่ตรงนั้น เเต่คือสิ่งที่อยู่ใกล้ๆกัน

     

    โลงศพไม้สีน้ำตาลที่ถูกสลักไว้ด้วยลวดลายโบราณเเละประทับอักษรประหลาดที่ทำมาจากทองคำเเละอัญมณีมาเรียงติดกัน เเละที่ฐานของโลงนั้นมีรอยเลือดอยู่เต็มไปหมดจนดูเหมือนกับฉากในหนังสยองขวัญ

    “ท่านว่าเเปลกไหมละครับ ที่ของเเบบนี้มาอยู่ที่นี่ ” Ferrum ถามพร้อมมองมาทางผม

    “เเปลกสิ นี้ไม่ใช่สำหรับใส่ศพทาสหรือพวกOrc ชั้นเลวพวกนี้เเน่ๆ” ผมพูดพร้อมนำมือขึ้นมาชันคางเเล้วเริ่มคิดหาความเป็นไปได้

    “ที่น่าเเปลกไปกว่านั้นคือไม่มีใครเปิดมันออกได้เลยเเม้เเต่คนเดียวครับ เหมือนจะเป็นล็อคเวทย์มนต์ ” Ferrum พูดพร้อมเดินเข้าไปจับที่ฝาโลง “เเต่อาวุธเงินก็งัดไม่เข้า ”

    ผมจึงลองเดินตามเขาเข้าไปดูโลงศพบ้าง พร้อมสั่งให้Bodyguard ของผมเตรียมตัวเผื่อมีเหตุอะไรไม่คาดฝัน

    โลงศพนั้นสลักด้วยภาษาที่ดูเหมือนกับรูนจากโลกเก่าของผมเเต่ก็ไม่ใช่ทั้งหมด ยังมีตัวอักขระเเปลกๆอยู่ด้วย 

    ตราประทับรูปนกอินทรีที่มีปีกเป็นค้างคาว

    ผมจึงลองเอื้อมมือไปจับมันเเละในตอนนั้นเองนิ้วของผมก็ได้ไปบาดกับส่วนที่คมบนปีกค้างคาวบนตราประทับจนเลือดของผมหยดลงไปโดนตราประทับ เเละในตอนนั้นเองก็มีบางอย่างเกิดขึ้น

    ในตอนนั้นเองที่โลงศพนั้นส่งเสียงเหมือนกลไกไขลาน ก่อนจะค่อยๆเปิดออกเหมือนกับประตูตู้เย็นที่ใช้สำหรับเเช่เเข็งอาวุธชีวภาพ

    ผมเเละทุกคนในบริเวณนั้นหยุดนิ่งอยู่กับที่ด้วยความตกใจต่อสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นตรงหน้า 

    ผมกับFerrum มองหน้ากันก่อนจะตัดสินใจมองเข้าไปข้างในพร้อมๆกัน

    เเละเมื่อผมก้มลงมองไปในโลงศพนั้นเอง “ว่างเปล่า?” ภายในโลงศพนั้นว่างเปล่า

    Ferrum หัวเราะขึ้นมา “สงสัยคงจะเป็นเเค่โลงเปล่าๆที่พวกOrc ไปปล้นมาจากเมืองห่างไกลสักที่ เพราะเห็นว่ามันหรูดีละมั้ง ” เขาพูดก่อนจะเดินออกไปจากบริเวณนั้น

    ผมถอนหายใจด้วยความโล่งอก ก่อนจะสั่งให้ทหารมายกโลงใบนี้กลับไปที่เเคมป์ด้วย เพราะมันเเลดูจะมีค่าทั้งในด้านประวัติศาสตร์เเละศิลปะ

    เเละเเล้วช่วงเช้าของวันนี้ก็ได้จบลงพร้อมกับคำถามที่เพิ่มขึ้นในใจของผมเกี่ยวกับโลงศพใบนี้

     

    2. Sweet dream

    ผ่านไปสักพักหนึ่ง ผมก็ได้เดินทางกลับมาถึงค่ายบริเวณรอบนอกของป่า

    ผมใช้เวลาทั้งวันนั้นสั่งการวางเเผนที่จะมอบชีวิตใหม่เเด่เหล่าทาสที่ในตอนนี้ได้รับอิสระ ทั้งเตรียมเเผนในการป่าวประกาศว่าเมืองVindia จะเปิดให้ประชาชนซื้อที่ดินได้ผ่านศาลาว่าการเมืองโดยตรง เเละทั้งเตรียมการเพิ่มอาชีพใหม่ๆให้เเก่เหล่าอดีตทาสที่กำลังจะกลายเป็นประชาชนของผม

    เเละอีกส่วนหนึ่งคือการบริหารจัดการOrc ที่ผมจับมาเป็นทาส ผมวางเเผนที่จะสร้างเหมืองรูปเเบบใหม่ที่ไม่เน้นความปลอดภัยเเต่เน้นจำนวนผลผลิต สำหรับพวกOrc โดยเฉพาะ เพราะถ้าพวกมันตายไปสักตัวสองตัวก็คงไม่เสียหายอะไรไป

    อีกทั้งผมยังวาดเเผนการจัดการรูปเเบบกองทัพเเบบใหม่เพื่อสงครามอื่นๆในอนาคต

    เมื่อผมทำทั้งหมดที่กล่าวมาเสร็จสิ้น ผมก็ไปเยี่ยมเยือนเหล่าทหารเเละอดีตทาส เพื่อไถ่ถามว่ามีปัญหาอะไรที่อยากจะเเก้ไขไหม เเละปัญหาที่ผมได้รับรู้มานั้นคือเรื่องการขนส่งทรัพยากรที่ยากลำบาก ผมจึงจดเรื่องนั้นใส่โน้ตเก็บไว้เเล้วจึงไปช่วยเหลือHymlan ในการจัดการเรื่องการขนส่ง

    เเละในอีกสองวันต่อมา พวกเราทุกคนก็เดินทางกลับเมืองVindia

    –-

    1 สัปดาห์ต่อมา ณ เมืองVindia

    ผมมองออกไปนอกหน้าต่างของห้องทำงานผม พลางจิบชาที่เมดประจำตัวชงเอาไว้ให้ ข้างนอกคือวิวของพระอาทิตย์ที่กำลังตกดิน ท้องฟ้าสีส้มเเดงบ่งบอกให้รู้ถึงการมาถึงของยามค่ำคืน

    ไอน้ำชาปะทะกับหน้าต่างในหน้าหนาวจึงเกิดเป็นฝ้าบนหน้าต่าง ในหัวของผมอัดเเน่นไปด้วยเเผนการที่ผมจะดำเนินการหลังฤดูหนาวจบลง ทั้งเปิดโรงงาน เริ่มเปิดโรงเรียนสาธารณะ,ศาลาว่าการเมือง สร้างระบบจัดการน้ำเพิ่ม

    เเละในตอนนั้นเองที่ผมรู้สึกเจ็บเเปล็บๆไปที่นิ้วมือซ้าย น่าเเปลกที่เเผลเล็กๆบนนิ้วที่บาดโดนตราบนโลงนั้นยังไม่หายไปไหน จนผมเริ่มรู้สึกได้เเล้วว่ามันไม่ปกติเเต่ก็ยังไม่ได้ใส่ใจอะไรมาก

    ผมเหม่อมองพระอาทิตย์ค่อยๆ

    ผมหันหลังกลับไปพบกับเมดประจำตัวของผมที่กำลังเดินเข้ามาในห้องพร้อมสองมือที่ถือกล่องเหล็กใบหนึ่งเอาไว้มั่น

    “เธอลองกินมันไปรึยัง? ” ผมถามไปพร้อมรอยยิ้ม

    “อร่อยมากเลยคะท่าน! มันคืออะไรเหรอคะ?” เธอถามด้วยหน้าพร้อมกับยื่นกล่องใบนั้นมาให้ผม

    “มันเรียกว่าไอศกรีม ทำจากน้ำกับเกลือเเล้วก็กล่องใส่ผงNitre ที่ใช้สำหรับลดอุณหภูมิมาอีกทีน่ะนะ ” ผมพูดพร้อมยื่นมือไปรับกล่องใบนั้นมา

    เธอทำหน้ายิ้มปนงง ก่อนจะทำความเคารพผม

    “หลังจากที่อุณหภูมิลดลงไปถึงจุดหนึ่ง จากนั้นก็เทนมลงไปในถังที่… ” ผมลืมตามาอีกทีก็พบว่าผมกำลังพูดอยู่คนเดียวในขณะที่เมดคนนั้นเดินออกจากห้องไปเเล้ว

    ผมถอนหายใจก่อนจะเปิดกล่องเหล็กนั้นออกมาพบกับไอศกรีมรสนม ผมใช้เวลาอีกสักพักไปกับการนั่งกินไอศกรีม ก่อนจะดื่มน้ำล้างปากเเล้วลุกขึ้นจากเก้าอี้เเล้วล้มตัวนอนลงบนเตียงผ้าขนสัตว์นุ่มๆ เเล้วผมก็หลับไป

    –-

    ผมตื่นขึ้นอีกครั้ง ในสถานที่ที่ผมนั้นไม่รู้จัก 

    ผมลุกขึ้นมองไปที่เท้าของผม ผมก็เห็นพื้นหินอ่อนสีขาวโพลน 

     

    ท้องฟ้าซึ่งเเสงอาทิย์ถูกบดบังด้วยควันสีเทาดำ ผมเดินไปรอบๆสถานที่นั้น มันทำรู้ว่าตัวผมนั้นกำลังยืนอยู่บนยอดหอคอยสีขาวโพลนที่สูงเสียดฟ้า

    ผมก้มลงไปมองข้างล่างเเล้วพบกับเมืองที่สร้างขึ้นจากหินอ่อนกว้างไปสุดลูกหูลูกตาเเละที่สุดขอบฟ้าผมก็เห็นปล่องควันนับล้านซึ่งปล่อยควันออกจนดูเหมือนกับม่านที่ปกคลุมปลายขอบฟ้า

    ผมชูมือขวาขึ้นไปบนท้องฟ้าเเล้วม่านควันดำนั้นก็ได้เเหวกออกจนดูเหมือนกับวงเเหวนHalo เเละที่ใจกลางวงเเหวนก็ได้มีนกพิราบตัวหนึ่งบินลงมาเกาะที่มือขวาของผม

    ผมจ้องเข้าไปในตานัยย์ของนกพิราบเเละมันก็มองเข้ามาในนัยย์ตาผม 

    เเล้วเสียงที่ดังเหมือนกับฟ้าผ่านับล้านก็ได้ดังขึ้น

    “God Woken!!!”

    เสียงนั้นสะท้อนอยู่ในหัวผม มันรุนเเรงจนตัวผมนั้นล้มลงเเละสลบไป

    –-

    ผมตื่นขึ้นมาพบกับเเสงที่ลอดผ่านเข้ามาจากหน้าต่างในยามเช้า พร้อมกับสมองที่ยังมึนๆด้วยความฝันอันเเสนประประหลาด

    “ฝันเป็นเรื่องเป็นราวขนาดนี้ ผมคงคิดอะไรมากไปอีกเเล้ว” ผมคิดในใจ

    จากนั้นผมจึงลุกขึ้นจากเตียงเพื่อเตรียมตัวไปทำกิจวัตรยามเช้า

     

    End Chapter 7

     

     

     

     

     

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×