ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ตำนานบารอนปฎิวัติต่างโลก

    ลำดับตอนที่ #1 : Baron in the sharted kingdom

    • อัปเดตล่าสุด 25 ธ.ค. 64


    1.ชีวิตใหม่ในร่างท่าน Baron

    ดวงตาของผมเริ่มจะส่งสัญญาณของความเหนื่อยล้าจากการนั่งดูสารคดีติดต่อกันมานานถึง 14 ชม. เเต่ทำไงได้ผมทำอย่างงี้ทุกสุดสัปดาห์จนเป็นนิสัยไปเเล้ว

    ผมถอนหายใจพร้อมกับหน้าจอ iPad ที่มืดดับลง ผมเสียบชาร์จมัน ก่อนที่จะล้มตัวลงนอนไปบนฟูกนุ่มๆ พร้อมเปลือกตาที่ค่อยๆปิดลง ในตอนนั้นเองที่หัวใจของผมค่อยๆเต้นเบาลงเรื่อย ๆ จนในที่สุดผมก็ผล็อยหลับไป

    ผมสะดุ้งตื่นขึ้นมาพบว่าผมนั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวหนึ่งในห้องทำงานสไตล์ยุโรป มือทั้งสองข้างสวมถุงมือหนังสีน้ำตาล มือขวาถือปากกาขนนก มือซ้ายจับกระดาษใบหนึ่งที่ถูกเขียนเอาไว้ในภาษาอังกฤษเป็นหัวข้อด้านการจัดเเจงอาหารประจำเดือน

    ผมเริ่มลุกขึ้นจากเก้าอี้ด้วยความตื่นตระหนกในทันทีที่ผมรับรู้ได้ถึงการเปลี่ยนเเปลง ผมปล่อยปากกาขนนกในมือลงพร้อมก้มหัวลงมองว่าตอนนี้ตนเองกำลังใส่ชุดอะไรอยู่ ชุดผ้าฝ้ายสีฟ้าที่ลำตัว กางเกงหนังสีน้ำตาลที่ขา

    ผมถอนหายใจเเล้วคิดในใจว่าเราคงดูสารคดีมากไปจนเก็บเอามาฝัน ผมจึงหลับตาเเล้วตบหน้าตนเองอย่างเเรงจนเกิดเสียงดังทั่วห้องไป 1ที เเต่ดูเหมือนว่าผมก็ยังไม่ตื่นขึ้นจากฝันสักที ผมจึงมองไปรอบๆห้อง จนไปหันหน้าไปพบกับกระจกบานหนึ่งที่ตั้งอยู่ตรงมุมห้อง“เฮ้ย! ” ผมตะโกนออกมาอย่างสุดเสียงด้วยความตกใจ สิ่งที่มองกลับออกมาจากกระจกคือชายหนุ่มอายุประมาณ 20ต้นๆ ผมสีน้ำตาลเข้มมัดหางม้า พร้อมกับนัยย์ตาสีฟ้าน้ำทะเล นั้นไม่ใช่ตัวผมเเน่ๆ

    ในตอนนั้นเองที่ เสียงเปิดประตูได้ดังขึ้นพร้อมกับเสียงตะโกน “ท่าน! เกิดอะไรขึ้น!” ชายหนุ่มผมทองตัวสูงใหญ่ สวมชุดเกราะเหล็กคนหนึ่งถีบประตูเข้ามาพร้อมกับมือที่จับดาบ Claymore เอาไว้มั่น

    ผมไปใจลอยไปอยู่สักพัก ก่อนที่ความทรงจำที่ไม่ใช่ของตัวผมค่อยๆ ปรากฎขึ้นมาในหัวผม “ไม่มีอะไรหรอก ฉันเเค่เครียดเรื่องปริมาณอาหารในเดือนนี้น่ะ ” ปากของผมพูดออกไปเเบบอัตโนมัติ

    “ผมเข้าใจนะว่าท่านเครียดเเต่ก็อย่าทำให้ผมตกใจสิครับ” เขาถอนหายใจก่อนจะเดินกลับออกไปจากห้องพร้อมปิดประตู

    ความทรงจำในหัวผมเป็นของชายคนหนึ่งที่มีชื่อว่า Victor Rydal บารอนคนหนึ่งที่ปกครองอยู่ในเมือง Vindia เมืองเล็กๆทางใต้สุดของอาณาจักร Hyfelt ที่พึ่งขึ้นสืบทอดตำเเหน่งหลังจากพ่อเเละเเม่ของเขาตายจากอุบัติเหตุระหว่างการเดินทางด้วยรถม้า โดยที่เขาเป็นลูกคนเดียว

    ความทรงจำนี้มันทำให้ผมรู้ได้เลยว่าที่นี้มันไม่ใช่โลกที่ผมเคยอยู่เเน่ๆ เพราะท่ามกลางความทรงจำนั้นมีหัวข้ออย่าง กองทัพ Orc เเละอาณาจักรของ Elf/Dwarf รวมถึงชนเผ่า Lizardman อยู่ด้วย

    นี่มันเหมือนนิยายเเฟนตาซีที่ผมเคยอ่านเอาไว้ทั้งหมดเลย เเต่สิ่งที่หน้าเเปลกนั่นก็คือมันมีหัวข้ออย่างปริมาณทาสที่ส่งออกได้ในเดือนนี้เอาไว้อยู่ด้วย เเละเมื่อผมขุดลึกลงไปเรื่อยๆในความทรงจำนี้ก็พบกับความจริงอันน่าตกใจว่า 

    อาณาจักรHyfelt ได้ผ่ายเเพ้เเก่กองทัพOrc ไปเรียบร้อยเเล้วจึงได้กลายเป็นเมืองขึ้นที่ต้องส่งเครื่องบรรณาการเป็นทาสเเละอาหารให้เเก่พวกมันทุกๆเดือน ในขณะที่เหล่าๆขุนนางในอาณาจักรก็ใช้โอกาศหลังจากที่สงครามกับOrcจบลงรบกันเพื่อดินเเดนเเละอำนาจ ในขณะที่อาณาจักรของเผ่าพันธุ์อื่นๆพอเห็นสภาพที่วุ่นวายขนาดนี้จึงไม่ได้มีการยื่นมือเข้าช่วย

    ถ้านี่ไม่ใช่ความฝันเเละนี่คือความทรงจำในหัวของเรา งั้นคำอธิบายที่พอจะมีเหตุผลเหลืออยู่นั่นก็คือ “โดนส่งมาต่างโลก”

    มันเป็นความคิดที่ประหลาดสุดๆเเต่ก็ไม่มีเรื่องอื่นๆที่จะอธิบายสถานการณ์ในตอนนี้ได้ดีกว่านี้อีกเเล้ว ถ้านี่คือชีวิตใหม่ของผม มันก็คงจะมีอย่างเดียวที่ผมอยากจะทำในตอนนี้ “ปลดเเอกมนุษย์ให้เป็นอิสระ”

     

    2. เริ่มเเผนโครตกำเเพง

    หลังจากที่ผมหาเป้าหมายให้ตนเองเป็นการปลดเเอกมนุษย์ได้เเล้ว ผมจึงจำเป็นต้องเริ่มคิดเเผนขึ้นมาในทันทีซึ่งขั้นเเรกที่ต้องทำนั่นก็คือการได้รับการความสนับสนุนจากผู้คนในเมืองนี้ซะก่อน เพราะจากที่ความทรงจำในหัวผมได้บอกมาว่า Victor ทำงานของเขาเอาไว้ได้ไม่ดีซักเท่าไร ผู้จนจึงไม่ค่อยชอบขี้หน้าเขา

    ผมจึงคิดเเผนที่น่าจะเหมาะกับเรื่องนี้เอาไว้ได้ขึ้นมา ผมใช้เวลาอีก2วัน ในการศึกษาเเผนที่ของพื้นที่รอบๆเมืองของผม เเละสร้างสิ่งที่จำเป็นต่อเเผนในห้องของช่างประจำคฤหาสน์ เเละในตอนเช้าของวันที่ 3 นั้นผมก็เรียกที่ปรึกษาของผมเข้ามาคุยด้วย

    ชายเเก่ผมหงอกสวมเเว่นตาข้างเดียว (Monacle) เขามีชื่อว่า Hymlan เป็นที่ปรึกษาประจำตระกูลผม

    “ข้าอยากจะประกาศอะไรซักอย่างเเก่ประชาชนของข้าในตอนเย็นๆน่ะ ” ผมพูดด้วยใบหน้าที่ดูง่วงๆจากอาการขาดการพักผ่อน

    “ท่านต้องการจะประกาศเรื่องอะไรเหรอ? เพิ่มอัตราภาษี?” เขาถาม

    “ความลับน่ะ ” ผมพูดไปพร้อมกับเสียงหัวเราะเบาๆ ในขณะเดียวกันกับรอยยิ้มเเห้งๆของ Hymlan ที่มองมาที่ผม “งั้นไปเตรียมทุกอย่างตามคำสั่งของข้านะ…”

    ณ เวทีสำหรับการประกาศข่าว กลางเมืองVindia เวลา 6 โมงกว่าๆ

    ผู้คนจำนวนประมาณ 200 กว่าคน ที่ส่วนใหญ่เป็นพ่อค้าเเละช่าง พึ่งเดินทางกลับจากการทำงานในช่วงกลางวัน ยืนอัดกันอยู่ตรงข้างหน้าเวที เพราะได้ยินข่าวว่าเจ้าเมืองมีเรื่องจะประกาศ

    เมื่อผมเห็นว่าผู้คนมากันเยอะพอเเล้วผมก็เริ่มพูด

    “สวัสดี! เหล่าประชาชนอันทรงเกียรติของข้า พวกท่านคงจะสงสัยว่าข้ามีเรื่องอะไรจะประกาศ…” ผมหยุดพูดเพื่อรอให้ทุกๆสายตาจับมาที่ผมก่อนที่จะเริ่มพูดต่อ

    “ ข้าต้องการบอกเเผนการสำหรับเดือนนี้เเละต่อๆไป” ผมพูดพร้อมใช้มือดึงกระดานไม้ที่วางอยู่บนพื้นของเวทีขึ้นมาตั้งไว้ข้างๆตัวผม สิ่งที่ถูกติดอยู่บนกระดานไม้คือกระดาษเเผ่นใหญ่เเผ่นหนึ่งที่มีรูปวาดของพื้นที่รอบๆเมือง พร้อมรอยปะที่ถูกลากเป็นเเนวรอบๆจากเเม่น้ำไปจนถึงเเนวภูเขา “ข้าต้องการจะสร้างกำเเพงตามเเนวเส้นปะนี้”

    ผู้คนทันทีที่ได้ยินก็มีสีหน้าเป็นกังวล บ้างก็คุยซุบซิบกัน บ้างก็มองมาที่ผมด้วยสายตาเเปลกๆ ซึ่งผมก็นึกไว้เเล้วว่าการตอบสนองของผู้คนต้องเป็นอย่างนี้

    “ ทุกท่านคงจะสงสัยว่าข้าตั้งใจจริงหรือไม่ ขอตอบไว้ตรงนี้เลยว่าข้าเอาจริง! ” ผมพูดพร้อมส่งสัญญาณให้กองทหารยามประจำเมืองยกวัสดุเเละอุปกรณ์ที่ผมเตรียมเอาไว้ขึ้นมาวางไว้บนเวที

    สิ่งที่ถูกนำขึ้นมานั่นก็คือ ถังอาบน้ำไม้กว้างขนาด 1x1 ม. ไม้พาย น้ำ3ถัง ถุงใหญ่ใส่ผงสีเทา เเละอิฐอีกหนึ่งกองใหญ่

    “ข้าจะเเสดงเวทย์มนต์ให้ดูเอง” ผมพูดก่อนจะเทผงสีเทาลงไปในถังอาบน้ำก่อนจะเทน้ำตามลงไปเเล้วเริ่มใช้ไม้พายกวนไปเรื่อยๆ จนพอผมเห็นว่าได้ทีเเล้วผมจึงปะมันเข้ากับกองอิฐทีละก้อนจนเกิดขึ้นเป็นกำเเพงอิฐเล็กๆขนาดครึ่งตัวคน ผมรอเวลาให้มันเเห้งอยู่นานก่อนจะตะโกนออกมา “เข้ามาลองดึงอิฐออกจากกันได้เลย ถ้าทำสำเร็จข้าให้ 1 เหรียญทอง!” พอพูดจบผมก็เดินลงจากเวทีเเล้วรอให้เหล่าผู้ชมขึ้นมาลองดึงอิฐออกจากกัน ซึ่งเเน่นอนว่าไม่มีใครทำได้ เพราะมันคือปูน Cement ที่ผมใช้เวลาหาอุณหภูมิที่เหมาะสมในการสร้างอยู่ 2 วันเต็มๆ

    หินชนิดต่างๆที่นำมาผสมเป็นตัวปูนนั้นหาได้ง่ายๆ เนื่องจากเมืองVindia มีชื่อเสียงเกี่ยวกับเหมืองหินอยู่เเล้ว ส่วนที่ยากคือการหาอุณหภูมิที่เหมาะสมที่ใช้ในการผสมมันเข้าด้วยกัน ผมจึงต้องใช้เวลาในการทดลองหาอุณหภูมิที่เหมาะสมอยู่นาน 2 วัน เเต่ในที่สุดผมก็ค้นพบอุณหภูมิที่เหมาะสม นี่ก็เป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งของวิทยาศาสตร์ “การลองผิดลองถูก” เเละผมก็ได้จด ปริมาณวัตถุดิบเเละฟืน/ไฟ ที่ต้องใช้เอาไว้เเล้วคราวหน้าผมจึงสามารถสั่งให้ช่างก่อสร้างผสมมันขึ้นมาใช้เองได้

    พอเห็นว่าผู้คนกำลังทึ่งกับเรื่องที่ว่าไม่มีใครสามารถดึงอิฐจากกำเเพงเล็กๆนี้ได้สักคน ผมสูดลมหายใจเฮือกใหญ่พร้อมตะโกนอีกครั้ง  

    “จงไปบอกต่อเหล่าเพื่อนๆของพวกเจ้า ใครก็ตามที่เข้าร่วมโครงการสร้างกำเเพงนี้จะได้รับขนมปังฟรีวันละหนึ่งชิ้นพร้อมเงินเดือน 1 เหรียญเงิน! ” ผมพูดพร้อมชูเหรียญเงินขึ้นเป็นการเชิญชวนให้ผู้คนเข้าร่วมโครงการ ก่อนจะโบกมือลาพร้อมรอยยิ้มให้เหล่าประชาชนก่อนจะเดินทางกลับไปยังคฤหาสน์

    –---

    “เหรียญเงินให้เเต่คนงานเเต่ละคนเดือนละ 1 เหรียญพร้อมขนมปังวันละชิ้น! นั้นมัน10% จากภาษีทั้งปีเราเลยนะครับ!” Hymlan ชายเเก่ที่ปรึกษาของผมพูด

    “เชื่อชั้นสิว่ามันจะคุ้ม” ผมพูดพร้อมหมุนเเก้วไวน์ในมือพร้อมมองออกไปนอกน่าต่างเพื่อชมวิวยามค่ำคืนท่ามกลางถนนที่มืดสลัวมีเพียงเเสงไฟตะเกียงเเละคบเพลิงเท่านั้นที่สว่างไสวในยามวิกาลในโลกยุคกลาง ก่อนที่จะหันกลับมาหาเขาพร้อมพูด “ พอคุณที่ปรึกษามองออกไปนอกหน้าต่างในตอนนี้คุณเห็นอะไร? ”

    “ความมืดละมั้งท่าน ” เขาตอบ

    “ใช่เเล้วละความมืด เเล้วนอกจากนั้นล่ะ? ”

    “เมืองของท่านในยามวิกาลละมั้งครับ ”

    “เเต่ชั้นมองเห็นความทรมาณของมวลมนุษย์น่ะ” 

    คำพูดของผมนั้นมันทำให้ Hymlan หน้าถอดสีไปอยู่ระยะหนึ่ง

    “เผ่าพันธุ์ที่ไร้พรสวรรค์ทางด้านเวทย์มนต์ไม่เหมือนElf ไม่ได้ทรงพลังอย่างOrc ไม่ฉลาดเท่าDwarf ไม่มีธรรมชาติหนุนหลังเเบบLizardman ถูกจับเป็นทาส ถูกลดคุณค่า ” ผมชูเเก้วไวน์ในมือขึ้นเเล้วกระดกไวน์เข้าปาก “กำเเพงนี้จะเป็นสิ่งจำเป็นต่อเเผนการถัดไปสำหรับข้าน่ะนะ เเผนการปลดเเอกมวลมนุษย์” ผมพูดก่อนจะมองเข้าไปในนัย์ตาของเขาก่อนจะถามคำถามสั้นๆ “เจ้าจะเชื่อใจข้าไหม?”

    พอเขาฟังผมพูดจบเขาก็ยิ้มเเห้งพร้อมตอบคำตอบสั้นๆกลับมา “งั้นผมจะลองเชื่อท่านนะ ท่านBaron”

     

    End Chapter 1

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×