คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : Fire upon the Winter
1. Escapists
ณ ที่นั่งริมหน้าต่างในห้องทำงานของBaron เเห่งเมืองVindia
มันเป็นช่วงเวลาอันเเสนสงบในช่วงเช้าของวันเสาร์ หิมะที่โปรยปรายลงมาทำให้หลังคาของบ้านเกือบทุกหลังในเมืองของผมนั้นมีหิมะปกคลุมอยู่ไม่มากก็น้อย
นี่ก็ผ่านมาเดือนกว่าๆเเล้วจากที่เริ่มเข้าสู่หน้าหนาว การเดินทางเเทบจะทั้งอาณาจักรHyfelt นั้นหยุดชะงัก รวมไปถึงชีวิตของชาวบ้าน,ชาวเมือง ที่หยุดการประกอบอาชีพไปตลอดหน้าหนาว ,ยกเว้นคนบางคนน่ะนะ
“มันคงจะเป็นวันเเสนสงบอีกวันหนึ่งสินะ” ผมคิดในใจพร้อมจิบชาที่เมดประจำตัวทำไว้ให้
ในตอนนั้นเองที่Hymlan ที่ปรึกษาประจำตัวของตะโกนเรียกตัวผม
นั่นทำให้ผมถอนหายใจ ก่อนจะเดินไปเปิดประตูห้องที่ถูกล็อคเอาไว้
“เรามีปัญหาเเล้วครับท่าน!” เขาพูดด้วยหน้าตาตื่น
“โว้วๆ ใจเย็นๆก่อน คุณที่ปรึกษา ค่อยๆพูดนะ หายใจเข้าลึกๆ” ผมพูดพร้อมกับมองไปที่Hymlan ที่มีสภาพเหมือนคนเเก่ที่หัวใจกำลังจะวาย หรืออะไรเทือกนั้น
เขาสูดลมหายใจเข้าลึก ก่อนจะพูดกับผมด้วยสายตาที่ดูเฉียบคมขึ้นมา “เรามีทาสที่หลบหนีมาจาก ค่ายของพวกOrc ครับ ท่านBaron ”
คราวนี้เป็นผมที่ต้องสูดหายใจเข้าลึก ก่อนจะพูดออกด้วยเสียงที่ฟังดูเรียบเฉย
“กี่คน?”
“สิบเก้าคนครับท่าน”
“เป็นมนุษย์ทั้งหมดใช่ไหม?”
“ใช่ครับท่าน”
“พวกเขาบาดเจ็บมากไหม?”
“มีทั้งรอยน้ำเเข็งกัด,ฟกช้ำ,เเผลฟัน,เเขนขาด,ขาขาด,โด.. ”
ผมชูมือขึ้นให้เขาหยุด “พาข้าไปหาพวกเขาเดี๋ยวนี้”
เเล้วผมเเละทหารยามก็เดินตามเขาขึ้นรถม้าเพื่อเดินทางไปยังโบสถ์ประจำเมือง
–-
ชายหญิงนับสิบ นั่งเเละนอนเรียงรายกันอยู่บนเก้าอี้ทางยาวของโบสถ์ ทุกๆคนนั้นมีทั้งเเผลสดเเละเเผลเป็นทั่วตัว ไปเเทบจะทุกคน เเละเท่าที่ผมสังเกตพวกเขาทั้งหมดนั้นมีรอยเเผลน้ำเเข็งกัด
ใกล้กันนั้นเป็นกลุ่มทหารสวมผ้าคลุมสีขาว อดีตเหล่า Green cloak ที่ในตอนนี้เปลี่ยนชื่อหน่วยเป็น White cloak เนื่องจากผ้าคลุมสีขาวนวลที่พวกเขาต้องใส่ในช่วงฤดูหนาวเเทนผ้าคลุมสีเขียวเพื่อการพรางตัว
White cloak ทำความเคารพทำทีที่เห็นผม
“ไม่ต้องมากพิธี,เล่ามาก่อนว่ามันเกิดอะไรขึ้น ”
White cloak คนหนึ่งดึงhood ของตนเองลงก่อนจะเริ่มพูด
“คือในระหว่างที่พวกเรากำลังฝึกเดินเท้าในหน้าหนาว เราก็เจอพวกเขาวิ่งหนีตายออกมาจากป่าน่ะครับ ” เขาพูดพร้อมหันไปมองที่เหล่าผู้คนบนเก้าอี้ทางยาว “ถ้าจะลงโทษที่พวกผมกระทำนอกเหนือคำสั่งละก็ เชิญได้เลยครับ” เขาพูดพร้อมก้มหัวลง
ผมเอื่อมมือขึ้นเเตะไหล่ของเขา “ไม่ต้องกังวลไป ข้าไม่ลงโทษพวกท่านหรอก” ผมพูดพร้อมยิ้มขึ้นมา “จริงๆเเล้วข้าควรจะขอบคุณด้วยซ้ำ ที่พวกท่านช่วยคนเหล่านี้มาได้” ผมพูดพร้อมหันไปมองที่ผู้คนบนเก้าอี้
ทหารผู้นั้นทำความเคารพผมด้วยสีหน้าที่ผมอธิบายไม่ถูก จะดีใจก็ไม่ใช่จะเสียใจก็ไม่เชิง
“เเล้ว.. พวกเขาได้พูดอะไรเกี่ยวกับค่ายของพวกOrc ไหม?” ผมถาม
“ไม่เลยครับ พวกเขาดูเหมือนจะช็อคกับอะไรสักอย่างมาน่ะครับ” เขาพูดพร้อมชี้ไปที่ชายคนหนึ่งที่นั่งกุมหัวตนเองอยู่บนเก้าอี้
“เลือดๆ เลือดเต็มไปหมด” ชายคนนั้นพูดวกไปวนมาเหมือนกับคนเสียสติ
ผมกล่าวคำขอบคุณกลุ่มทหารWhite cloak เเล้วบอกให้พวกเขาไปพักได้ ผมเเละทหารยามจะจัดการเรื่องตรงนี้ต่อเอง
หลังจากที่กลุ่มWhite cloak ออกจากโบสถ์ไปเรียบร้อยเเล้ว ผมก็สั่งให้ทหารยามไปดูอาการของผู้หลบหนีเเต่ละคนเเล้วนำกลับมาบอกผม
เเล้วผมก็เริ่มทำการรักษาพวกเขาเรียงคน มีเเผลสดให้ใช้เหล้าRum เทใส่เเผล ก่อนจะทำความสะอาดเเผลด้วยผ้าเเละน้ำสะอาด ถ้ามีเเผลน้ำเเข็งกัดให้ใช้ผ้าบางๆหุ้มเอาไว้ด้วยเเบบเบาๆเเละห้ามไม่ให้นำเเผลไปผิงไฟเด็ดขาด จากนั้นผมจึงสั่งให้นำอาหารเเละน้ำสะอาดมาเเจกจ่ายให้พวกเขา
พอผมเห็นว่าพวกเขาเเต่ละคนเริ่มอาการดีขึ้น ผมจึงถามว่าเรื่องราวมันเป็นมาอย่างไร เเละนี้ก็คือสิ่งที่ผมสรุปได้
“พวกเขาที่ถูกส่งมาเป็นทาสจากเมืองต่างๆทั่วทั้งอาณาจักร พวกเขาบางคนเคยเป็นอาชญากรมาก่อน ส่วนบางคนก็เป็นเเค่ชาวบ้านที่ถูกจับมาเป็นทาสเเบบไร้เหตุผลหรือไม่มันก็เป็นเหตุผลที่พวกเขาไม่รู้ พวกเขาถูกบังคับให้ตัดไม้ 12 ชม.ต่อวันมาเป็นเวลาปีกว่าๆเเล้ว เเต่มันก็เป็นเรื่องที่พวกเขาเข้าใจได้ว่าตอนนี้พวกเขาเป็นทาสมันจึงเป็นเรื่องปกติ จนกระทั่งสองเดือนก่อน พวกOrc ก็เริ่มฆ่าพวกเขาไปวันละคนด้วยวิธีฆ่าปาดคอเเล้วเทเลือดลงถัง เมื่อพวกเขารู้ตัวว่าอยู่ที่นี่ต่อไปตายเเน่ๆ พวกเขาจึงหนีตายออกมากลางหิมะ เเละก็มาเจอกับทหารกลุ่ม White cloak ที่กำลังฝึกเดินเท้าอยู่พอดี”
พอผมได้ฟังจนจบมันก็ทำให้ผมรู้สึกเกลียดพวกOrc ขึ้นมากกว่าเดิมเป็นหลายเท่าตัว
เเละในตอนนั้นเองก็มีผู้หลบหนีชายอีกคนหนึ่งตะโกนขึ้นมา
“นี่ทุกคนลืมเรื่องที่พวกเลวนั่นมันพูดไปเเล้วรึไง ที่พวกมันบอกว่าพอจบหน้าหนาวเเล้วมันจะบุกเมืองๆนี้น่ะ! ”
“อันนี้ได้ยินมาจริงใช่ไหม? ” ผมถามด้วยสีหน้าตกใจเนื่องจากคิดว่าถ้าพวกมันต้องการทรัพยากรเเค่สั่งอาณาจักรที่เป็นเมืองขึ้นพวกมันอยู่ก็ได้ เเถมพวกมันอาจทำสงครามกับElfอยู่ เเล้วเมืองผมก็ไม่ได้โดดเด่นอะไร ทำไมมันถึงต้องบุกเมืองของผม
“จริงครับท่าน! เห็นพวกมันพูดถึงเรื่องตามล่าเลือดที่ใช้การได้ อะไรสักอย่างนี้เเหละครับ ” ชายผู้นั้นพูดด้วยสายตาจริงจัง
เรื่องที่เขาพูดนี้ทำให้ผมที่ตกใจอยู่ค่อยๆเปลี่ยนเป็นอารมณ์โกรธในทันที ผมฝืนใจที่โกรธเป็นฟืนเป็นไฟของตนเองเเล้วยิ้มให้กับเหล่าผู้หลบหนี “กินอาหาร,รักษาตัวกันให้ดีๆนะครับ ขอยินดีต้อนรับสู่ชีวิตที่มีอิสระ ” ผมพูดก่อนจะเดินออกมาจากพื้นที่ตรงนั้นตรงไปที่ทางออก ใกล้ๆกับประตูโบสถ์นั้นมีหญิงสาวผมสีเงินในชุดSister ปักลายนกพิราบสีทองยืนอยู่ “Sister Esfell ในตอนนี้ฝากดูเเลพวกเขาด้วยนะ ” ผมพูดก่อนจะเปิดประตูโบสถ์ออก
“คะ ท่านเจ้าเมือง ” เธอพูดพร้อมก้มหัวลงเล็กน้อยพร้อมรอยยิ้มที่อ่อนโยน
ผมก้าวเท้าออกจากโบสถ์เเล้วเดินตรงไปยังรถม้า คืนนี้ผมมีเรื่องต้องประชุมกับเหล่าผู้ช่วยของผม “พวกมันต้องชดใช้ในสิ่งที่พวกมันทำเเละกำลังคิดจะทำ” ผมพึมพำกับตนเองพร้อมกับสมองที่เริ่มวางเเผนการรบในช่วงฤดูหนาว
เมื่อ Baron เเห่งเมืองVindia ได้ก้าวเท้าขึ้นรถม้าไปเเล้ว ตาของEsfell ก็ได้ส่องประกายเเสงสีทองทำให้เธอได้เห็นภาพทุ่งหิมะสีเเดงเลือด ก่อนที่นัยย์ตาของเธอกลับจะมาเป็นปกติเธอก็ได้ยกมือสองข้างขึ้นประกบกันเพื่อภาวนา
“โอ้ท่านเทพธิดาเเห่งเเสงผู้ทรงสง่า โปรดปกป้องพวกเขาด้วยเถิด”
2. The Plan
ภายในห้องประชุมของคฤหาสน์ ผมได้รวบรวมเหล่าที่ปรึกษาของผมทุกคนมาประชุมกันในช่วงดึกเพื่อวางเเผนการรบJohny,Hymlan,Walden,Ferrum
“ผมเข้าใจนะว่าท่านกังวล เเต่ว่ามันไม่ใช่ความคิดที่ดีเลยนะครับ การรบในช่วงฤดูหนาวเนี่ย ” Johny ยกมือขึ้นพูด
“ข้าก็ว่าตาม John เขานะท่านBaron ถ้าเราเป็นฝ่ายตั้งรับนะได้ เเต่ประเด็นคือเราเป็นฝ่ายโจมตี ” Hymlan พูดด้วยสีหน้าเป็นกังวล
“อย่างน้อยท่านก็ควรจะรอให้จบฤดูหนาวไปก่อนนะ จากประสบการณ์ผม ป่าGreen vale หน้าหนาวนี่มันนรกสำหรับผู้ไม่เตรียมพร้อมเลยล่ะ ” Walden พูดไปพร้อมหยิบPipe ยาสูบขึ้นมาสูบ
“เเต่ด้วยอาวุธทุกชิ้นที่ท่านออกเเบบให้ข้าว่าเรามีโอกาศชนะนะ เเต่อาจต้องใช้เวลาสัก2 อาทิตย์ ” Ferrum พูดพร้อมนำมือกอดอก
ผมหลับตาเพื่อวางเเผนในหัวอยู่สักพักก่อนจะเริ่มพูด
“ John ตอนเจ้าเป็นอัศวินที่เมืองหลวงเจ้าได้เรียนเรื่องวัฒนธรรมของพวกOrc มาขนาดไหน? ” ผมพูด
“ผมก็ลืมๆไปบ้างเเล้วละครับ Orc เป็นเผ่าพันธุ์นักรบที่คลั่งในเรื่องเกียรติเเละความเเข็งเเกร่ง ประมาณนั้นมั้งครับ ”
“เเล้วเจ้ารู้ไหมว่าพวกมันคลั่งในเรื่องเกียรติขนาดไหน? ”
“ไม่ทราบครับ”
“งั้นลองดูนี่ ” ผมพูดจบก็วางหนังสือเล่มหนึ่งลงบนโต๊ะ “นี่คือ Orc Culture/Religion ลองเปิดไปหน้าที่25 ตั้งเเต่บรรทัดที่3 ดู” ผมพูดพร้อมเเสยะยิ้มไปทางJohny
“Orc นั้นมีกฏเหล็กในการล้างเเค้นให้เเก่มิตรที่ตายในการต่อสู้ที่ไร้เกียรติดั่งนักรบ โดยการต่อสู้อย่างมีเกียรติทดเเทนให้เเก่เหล่ามิตรที่ตายจากไป เฉกเช่นราชาOrc ในตำนานUlag the great Boar ผู้ส่งสารท้าดวลกับมือสังหารที่ฆ่าเพื่อนรักของเขาเเม้ตนจะกำลังบาดเจ็บปางตายก็ตาม เช่นนี้เราสามารถเห็นได้ถึง…. ”
ในตอนนั้นเองที่Johny หันมาทางผมด้วยสีหน้าที่ตื่นตะลึง ส่วนผมก็ยิ้มเเล้วหันไปพูดกับที่เหลือ
“Walden ช่วยหาใครสักคนที่กล้าเเละบ้าพอจะไปส่งจดหมายให้พวกOrc ในป่าได้ไหม? ” ผมพูดพร้อมมองไปทาง Walden
“เรื่องนั้นวางใจผมได้เลยครับ ” เขาพูดพร้อมสีหน้าจริงจัง
“Hymlan คืนนี้มาช่วยข้าเขียนจดหมายหน่อย เอาเเบบที่Orc เห็นเเล้วจะโกรธจนเลือดขึ้นหน้าเลยนะ ” ผมหันไปพูดกับHymlan
“เฮ้อ.. เเล้วเเต่ท่านเลย ท่านBaron” เขาพูดพร้อมเอามือก่ายหน้าผาก
“Ferrum ข้ามีอาวุธให้เจ้าช่วยสร้าง เดี๋ยวมาหาข้าที่ห้องทำงานนะ ” ผมพูดพร้อมชูนิ้วโป้งให้Ferrum
เขาพยักหน้าเป็นการตอบรับ
ผมสูดลมหายใจเข้าลึก
“งั้นเอาล่ะข้าจะบอกเเผนการที่ข้าคิดขึ้นมาได้เลยเเล้วกันนะ มันอาจฟังดูเเปลกไปหน่อย เเต่เท่าที่คิดดูเเล้วมันอาจได้ผล” ผมพูดพร้อมควักเเผนที่เเนวป่าขึ้นมาวางไว้บนโต๊ะประชุม
“ข้าจะส่งสารท้ารบพร้อมคำด่าไปให้พวกOrc ให้มาสู้กันเเบบตรงๆ ซึ่งข้าเชื่อได้เลยว่าพวกมันจะรับ เพราะพวกมันต้องเห็นว่าพวกเราเป็นเเค่เมืองเล็กๆของพวกมนุษย์ จากนั้นเราก็เเค่สร้างเเนวรบที่เขตรอบนอกของเเนวป่ารอพวกมันโจมตีเข้ามา มีคำถามอะไรไหม?”
“เเล้วท่านเเน่ใจได้ไงว่าพวกมันจะมา?” Hymlan ยกมือขึ้นถาม
“ยังจำค่ายก็อบลินที่เรากำจัดไปได้ใช่ไหม นั้นเเหละพันธมิตรของพวกมัน ที่เหลือก็เเค่ส่งจดหมายเยาะเย้ยไปพวกมัน เเละเรื่องนั้นเเหละที่เจ้าต้องช่วยข้า คุณHymlan”
“ถึงพวกมันจะกลายเป็นฝ่ายบุกมาก็เถอะครับ เเล้วเเน่ใจได้ไงว่าพวกเราจะเป็นฝ่ายชนะ? ” Johny ยกมือขึ้นถามอีกครั้ง
“นั้นคืองานของข้า กับWaldenเเละFerrum ที่จะทำให้มั่นใจได้ว่าพวกเราจะชนะ หน่วยWhite cloak จะต้องทำให้พวกเรารู้ได้ว่าพวกมันจะโจมตีตอนไหน ต้องให้Ferrum กับทีมช่างของเขาเตรียมการอาวุธต่างๆได้ทัน” ผมพูดจบก็หันไปหาFerrum “ตอนนี้ปืนFlintlock ของพวกเรามีกี่กระบอก? ”
“ตอนนี้มี 150 กระบอกเเล้วครับท่าน กระสุนเเละผงดำก็ยังมีเก็บไว้เหลือเฟือ ” Ferrum พูดด้วยสีหน้าภูมิใจ
“John หน่วยทหาร30 คนที่เจ้าฝึก ส่งพวกเขามานำหน่วยWhitecloak ได้” ผมสูดลมหายใจเข้า “ส่วนWalden ช่วยไปเลือกทหารที่ดูจะมีประสบการณ์เเล้วมอบFlintlock ให้ เเล้วก็หาคนส่งสารมาด้วยละ ”
ทั้งสองคนพยักหน้ารับ
“เอกสารสรุปเเผนการทั้งหมดข้าจะเขียนส่งไปให้พรุ่งนี้นะ ถ้าไม่มีคำถามอะไรอีกก็เริ่มงานได้! ”
3. Glory for mankind
2 อาทิตย์ต่อมา
ณ เเคมป์ทางการทหารชั่วคราว ที่ประกอบไปด้วยเต็นท์ผ้าใบสีขาวที่ตั้งอยู่เรียงรายกันอยู่ท่ามกลางทุ่งหิมะในเขตรอบนอกของป่า Greenvale
เเผนที่ข้อมูลของพื้นที่เขตนี้วางอยู่บนโต๊ะไม้ที่ตั้งอยู่กลางเต็นท์ รอบๆโต๊ะมีทั้งJohny,Hymlan กับหัวหน้าหน่วยWhite cloak อีก 4 คนกำลังวางเเผนการรบกันอยู่ เเละที่หัวโต๊ะมีผมกำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ฟังเรื่องที่พวกเขาคุยกันอยู่
“เราควรรวมเเนวปืนFlintlock กับหน้าไม้RainMaker เข้าด้วยกันนะครับ เพื่อให้สั่งการได้ง่ายขึ้น”Johny พูด
“ไม่ได้หรอก ความต่างในความเร็วของการบรรจุกระสุนมันมากไป” Hymlan พูด
“ผมว่าเเยกกันเป็น 5 ส่วนเเล้วล้อมพวกมันเลยไหมครับ ” หัวหน้าหน่วยWhite cloak คนหนึ่งพูด
“ใช่ๆ ล้อมเเบบตอนGoblin อ่ะ ” หัวหน้าหน่วยอีกคนพูด
ในตอนนั้นเองที่Walden ได้พุ่งเข้ามาในเต็นท์ด้วยสีหน้าตาตื่น “พวกมันเริ่มเคลื่อนไหวเเล้ว” เขาพูด
ผมลุกขึ้นจากเก้าอี้ในทันที “ประมาณเวลาที่พวกมันจะโจมตีได้ไหม?” ผมถาม
“หน่วยสอดเเนมของพวกเราประมาณไว้ว่าอีก 10-12 ชม. พวกมันจะเริ่มเดินทัพ” เขาตอบผม
นั่นทำให้ที่ปรึกษาเเละหัวหน้าหน่วยทำหน้าตาตื่นขึ้นมาในทันที นั่นทำให้ผมต้องพยายามบอกให้ทุกคนใจเย็นลงก่อนเพราะทั้งหมดนี้เป็นไปตามเเผนทั้งหมด
“อย่าตื่นตระหนกไป จัดทัพตามเเผนเดิมนั้นเเหละ ” ผมถอนหายใจก่อนจะพูดต่อ “เเล้วก็ไปเรียกรวมตัวทุกๆคนมาที่กลางเเคมป์ด้วย ข้ามีอะไรจะพูด ”
–-
1 ชม. ต่อมา
ณ กลางโพเดียมไม้ที่ตั้งอยู่กลางเเคมป์ ผมกำลังยืนอยู่บนโพเดียมในสภาพที่สวมเกราะเหล็กประจำตระกูลพร้อมกับผ้าคลุมสีขาวบนไหลเพื่อเตรียมการที่จะพูดก่อนการรบ
เหล่าทหารสวมผ้าคลุมสีขาวจำนวน170 กว่าคน พร้อมกับทหารในชุดทหารเสือสไตล์ฝรั่งเศสสีขาวอีก 30 คนที่ถูกฝึกโดยJohny เพื่อการนำทัพตามสถานการณ์ที่ไม่คาดฝันในสนามรบโดยเฉพาะ กำลังมองขึ้นมาที่ผม
“ทุกท่าน! ในวันนี้พวกเราทุกคนจะสร้างประวัติศาสตร์ในฐานะผู้ปลดปล่อยเเห่งมวลมนุษย์ จงอย่าได้กลัวความผ่ายเเพ้ จงอย่าได้กลัวความตาย จงอย่าได้กลัวศัตรูของพวกเจ้า ” ผมสูดหายใจเข้าลึก
“ข้าขอสัญญาว่า พวกเราจะไม่เเพ้ พวกเราจะไม่ตาย เเละพวกเราจะไม่กลัวพวกมัน! ” ผมพูดจบก็ชูมือขึ้นฟ้าพร้อมตะโกน
“Glory for Mankind!”
เหล่าทหารทำหน้างงๆกันอยู่สักพัก ก่อนที่จะมีทหารคนหนึ่งชูมือขึ้นฟ้าตามผมเเล้วตะโกนGlory for Mankind ตามผม เเล้วทหารทั้งหมดก็ตะโกนประโยคนั้นด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความมุ่งมั้น
“เอาล่ะทุกคน ไปประจำที่ได้!”
–-
ทหารจำนวน200 กว่านายที่ถูกเเบ่งเป็นหน่วย หน่วยละ50 กว่าคน เเต่ละหน่วยยืนเรียงรายกันเป็นเเถวหน้ากระดานซ้อนกันเป็นจำนวนสี่เเถว เเถวที่1-3 ถือFlintlock ส่วนเเถวที่4 ถือหน้าไม้Rain-maker พร้อมกับเตาถ่านสำหรับจุดไฟตั้งอยู่เป็นจุดๆตลอดเเถวที่4 เเต่ละเเถวมีผู้ให้สัญญาณเเละคำสั่งเป็นของตนเอง
พวกเขาทุกคนกำลังรอการมาถึงของศัตรูจากเขตป่าเบื้องหน้าเเละคำสั่งจากผู้บังคับบัญชา
“พวกเจ้าทุกคนเตรียมตัว มันมากันเเล้ว!” เสียงของเจ้าเมืองเเห่งVindia ได้ตะโกนขึ้นพร้อมกับเสียงกู่ร้องที่ฟังดูเหมือนสัตว์ร้ายของพวกOrc ที่เริ่มพุ่งออกมาจากเเนวป่า
พวกมันบางตัวนั้นก็ใส่เกราะหนังที่ดูไร้อารยะ บางตัวที่ตัวใหญ่นั้นก็ใส่เกราะเหล็กสีดำที่เต็มไปด้วยหนามเเหลม พวกมันมาพร้อมกับอาวุธประชิด เช่น ดาบสั้น,หอก,ขวาน ที่บ้างก็สร้างจากเหล็กกล้า บ้างก็สร้างจากกระดูก
“เล็งได้! ” เสียงตะโกนของJohn ดังลั่นไปพร้อมกับการเล็งของเหล่าทหาร
ในตอนนั้นเองผมก็ได้ขึ้นตะโกน “ศรไฟ! ตำเเหน่ง1! ” พร้อมชูมือให้สัญญาณให้ทำตามเเผนที่วางไว้ เเล้วลูกศรติดไฟจำนวน50 กว่าลูกก็ได้พุ่งเข้าไปพื้นดินรอบๆนอกป่าที่พวกOrc กำลังวิ่งผ่านเข้ามา เเละทันทีที่ศรนั้นตกถึงพื้นก็ได้มีเสียงระเบิดดังลั่นขึ้น
สิ่งที่ถูกฝังเอาไว้ในดินเเบบตื้นๆ นั้นก็คือลังไม้ใส่ที่ใส่เศษเหล็กเเละดินปืนไว้อยู่เต็มเปี่ยม เเละเมื่อมันระเบิดออกก็ได้ส่งเศษเหล็กเเหลมปลิวว่อนไปในอากาศ ส่งผลให้เเนวหน้าของพวกOrc หายไปครึ่งหนึ่งในพริบตา
พวกมันทำท่าทางงงๆอยู่สักพักก่อนจะเริ่มต้นชาร์จเข้ามาอีกครั้ง
“John! Walden! ” ผมตะโกนพร้อมชี้ไปทางพวกOrc
เสียงปืนของทหารสามเเถวที่ผลัดกันเดินขึ้นมายิงที่เเถวหน้าในขณะที่เเถวหลังบรรจุกระสุน ดังเหมือนกับเสียงของฟ้าผ่าเมื่อฟังดูใกล้ๆ เเละในขณะเดียวกันนั้นเองเเถวที่สี่ก็กำลังบรรจุศรไฟสำหรับใช้จุดระเบิด
เสียงตะโกนของพวกOrc ดูเบาไปเลยเมื่อเทียบกับเสียงระเบิดของดินปืนเเละเสียงร้องระงมด้วยความเจ็บปวดของพวกมันที่ถูกยิง ผ่านไปไม่นานจำนวนพวกมันก็ลดลงไปกว่าครึ่ง จนพวกมันบางส่วนเริ่มวิ่งหนีกลับไปที่ป่า
“ศรไฟ! ตำเเหน่ง2! ” พูดจบก็มีลูกศรไฟพุ่งลงไปใส่ดินตรงพื้นที่กลางระหว่างฝั่งพวกผมเเละOrc เสียงระเบิดได้ดังขึ้นพร้อมกับเศษอวัยวะของพวกมันที่พุ่งไปทั่วจากเเรงระเบิด
ในตอนนี้พวกมันเข้าสู่การถอยทัพที่น่าจะเรียกว่าวิ่งหนีเอาชีวิตรอดได้มากกว่าเเบบเต็มตัวเเล้ว
เมื่อผมเห็นว่าพวกมันกำลังวิ่งหนีผมก็ได้เเสยะยิ้มขึ้นพร้อมตะโกน
“เหล่าทหารกล้าเอ๋ย! ในวันนี้พวกเราจะได้ล้างเเค้นให้กับเหล่าสหายร่วมเผ่าพันธุ์ของพวกเรา เริ่มบรรจุกระสุนเเละติดดาบปลายปืน! จับเป็นมันมาเป็นทาสถ้าทำได้,จับตายก็ได้ถ้าพวกเจ้าอยากจะฆ่า เเต่อย่าเดินเเตกเเถวล่ะ John,Walden สั่งเดินทัพได้! ”
John หันมามองที่ผมด้วยสีหน้าประหลาดใจ
ส่วน Walden รีบวิ่งชูพร้อมดาบประจำตัวที่ผมมอบให้ขึ้นฟ้าเป็นสัญญาณนำทัพเพื่อเข้าโจมตี
“ท่านครับผมว่าท่านไม่วู่วามไปหน่อยเหรอ? ” John กอดอกเเล้วมองมาที่ผม
“ข้าก็วู่วามจริงๆนั้นเเหละ, เเต่ถ้าพวกOrc มันกลับไปถึงค่ายก่อนพวกเรา พวกมันก็ฆ่ามนุษย์ที่ค่ายหมดนะสิ” ผมพูดพร้อมกอดอก “ไปนำทัพได้เเล้ว John เจ้าคงไม่อยากให้มีคนต้องตายเพราะพวกมันเพิ่มอีกใช่ไหม ”
John เลิกกอดอกเเล้วยิ้มก่อนจะหันหลังกลับไปพร้อมชักดาบประจำตัวขึ้นชูเพื่อนำการโจมตีเเล้ววิ่งตรงไปที่หน้าขบวนของทหารที่กำลังต่อเเถวตอนลึกเพื่อเตรียมเดินทัพ
พร้อมกับผมที่กระซิบขึ้นกับตนเองเบาๆ “Glory for mankind and may its enemies die”
End Chapter 6
ความคิดเห็น