คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : องค์หญิงรอง(ฉบับแก้ไข)
เผ่ามายาเป็นเผ่าลับแห่งหนึ่ง เป็นเผ่าที่ตัดขาดจากโลกภายนอก น้อยครั้งที่จะรู้ว่าเผ่านี้ตั้งถิ่นฐานอยู่ที่ใด แต่ครั้งหนึ่งเคยมีตำนานว่า ราชวงศ์ของเผ่ามายาล้วนเป็นเอกลักษณ์ สีดวงตาสวยงาม ชวนให้ไม่ละสายตา ราวกับมีพลังแอบแฝงไว้ ใครได้ลิ้มรสเลือดของพวกเขาจะเป็นอมตะ ไม่แก่ ไม่ตาย และยังสามารถรักษาโรคทุกชนิดได้ อีกทั้งยังเลื่อนขั้นวรยุทธ์ได้ง่าย
“องค์หญิงท่านจะหนีเรียนไม่ได้นะเพคะ”สาวใช้รีบวิ่งตามร่างบางที่ควบม้าออกไปจากจวนตัวเอง เส้นผมสีเงินเปล่งประกายหยอกล้อกับเเสงอาภากรซึ่งถูกรวบเป็นหางม้า ใบหน้าเกลี้ยงเกลาหมดจด คิ้วเรียวโค้งได้รูปรับกับดวงตากลมโตข้างซ้ายเป็นสีเขียวมรกต และข้างขวาเป็นสีฟ้ากระจ่าง ในแววตาเผยถึงความซุกซนและดื้อดึงชวนให้คนเตรียมกุมขมับ เธอหัวเราะร่าอย่างมีความสุข หันกลับไปมองสาวใช้เงอะงะของตนที่วิ่งราวกับจะหยุดนางให้ได้
“หวงเออร์ เจ้ากลับไปปอกมะม่วงให้ข้ากินเถอะ รอข้ากลับมา ฮ่าๆๆๆ”หลังจากนั้นหลังบางๆของนางก็ไกลลิบจากสายตาของสาวใช้ชื่อ หวงเออร์ ทิ้งไว้เพียงฝุ่นฟุ้งจากการไปของเด็กสาว
นี่คือองค์หญิงรองของเผ่ามายา ทุกคนในชนเผ่าต่างก็เอือมระอาที่เด็กสาววันๆ ไม่ทำอะไรนอกจากเที่ยวเตร่ และสร้างความวุ่นวายไปทั่ว กฎในเผ่านางเองล้วนไม่อยู่ในสายตา ไม่มีข้อไหนที่นางไม่กล้าทำ พี่ชายผู้ซึ่งเป็นหัวหน้าเผ่าเองก็ตามใจจนนางเคยตัว
ร่างบางควบม้ามายังกลางตลาด มือข้างหนึ่งก็คว้าขวดสุรารสชาติดี แล้วโยนเงินลงใส่มือพ่อค้าที่จะทักท้วง นางหันไปขยิบตาแล้วมุ่งหน้าไปทุ่งหญ้าที่กว้างใหญ่ ที่นั่นมีต้นไม้ใหญ่ๆต้นหนึ่งอยู่บนเนินเล็กน้อย กวาดสายตามองไปรอบๆล้วนแต่เป็นดอกไม้สีสันงดงาม ซึ่งตัวนางเองก็ไม่ได้รู้จักชื่อดอกไม้อะไรอยู่แล้ว นางวางขวดเหล้าสองขวดไว้ข้างกาย หลังจากนั้นก็หยิบขนมเฉียนกั่วที่ไปจิ๊กมาจากโรงครัวมากินอย่างสบายใจ
“สือหลิว!” ร่างบางหันไปตามเสียง เห็นเด็กหนุ่มรีบวิ่งเข้ามา หอบขนมมากมายวิ่งขึ้นเนินมาหานาง
“หมิงเจ๋อ เร็วๆหน่อย ข้าหิวจะตายแล้ว”มือเล็กๆกวักอย่างเร่งรีบ เท้าน้อยๆของหมิงเจ๋อเองก็สับขาวิ่งอย่างเหนื่อยหอบ
“เจ้าดื่มเหล้าอีกแล้วหรือ”หนุ่มน้อยหน้าหวานขมวดคิ้ว อ้าปากหวังจะตำหนินาง
“ทำไม ถึงยังไงโตมาก็ต้องดื่มตอนโตอยู่ดี อีกอย่างข้ากำลังเติบโต เจ้าเองก็ด้วย ฝึกๆดื่มตอนนี้ไม่เสียหายหรอก”นางยัดจอกเหล้าใส่อุ้งมือหมิงเจ๋อ
หมิงเจ๋อ “……………..”
เด็กหนุ่มเงียบ เก็บคำที่จะตำหนิกลืนลงไปในคอของตนอย่างจนใจ
“นี่ๆ ถ้ากินกับขนมเฉียนกั่วรสชาติก็ไม่เลว เจ้าลองดูซิ”
หมิงเจ๋อเป็นองค์ชายรองจากแคว้นหยาง ตอนนั้นเขามาคำนับอาจารย์ชื่อโด่งดังใกล้ๆกับทุ่งหญ้าแห่งนี้ ตอนนั้นเขาเจอเด็กสาวที่กำลังนั่งดื่มสุรา และนั่งมองทุ่งหญ้าโล่งกว้าง ตอนเจอกันครั้งแรกนึกไม่ถึงว่านางจะชวนเขาร่วมวงพาเขาดื่มเหล้า หลังจากนั้นเขาก็โดนมอมจนเมามาย นางต้องพาเขาไปส่งที่ใกล้ๆแห่งนั้น ตอนนั้นเขาติดใจที่ไม่ได้ถามชื่อ หลังเลิกเรียนก็ไปที่ทุ่งหญ้าอีกครั้ง คิดไม่ถึงว่าจะเจอนางเช่นเดิม แล้วเขาเองก็ไปทุกวันหลังเลิกเรียน
“สือหลิว ในวันข้างหน้าข้าจะพาเจ้าไปดูแคว้นหยางของข้า ที่นั่นล้วนเเต่มีของกินมากมายที่เจ้าไม่เคยได้ลองชิม หากได้ชิมเเล้วจะติดใจ” สือหลันได้ยินเช่นนั้น รีบหันไปสบตาคนข้างๆดวงตาเป็นประกายด้วยความอยากรู้อยากเห็นของตน
“จริงรึ ข้ารอเจ้าเอ่ยปากคำนี้มาตลอดเลย” นางสบตาเขา สีดวงตาที่ไม่เหมือนใครเป็นเอกลักษณ์ของนาง เขามองทีไรชวนให้ใจเต้นทุกครา ดวงตาที่กำลังสว่างไสวราวกับแสงอาทิตย์สดใสเสียจนเขาอยากให้เป็นแบบนี้ไปตลอด อยากจะเฝ้าทะนุถนอมนางที่เป็นเช่นนี้ไปตลอด
“ข้าเบื่อที่นี่ เป็นเพราะว่าทุกคนในเผ่าของข้าไม่เคยย่างก้าวออกจากเผ่า”นางพูดด้วยน้ำเสียงเบื่อหน่าย แล้วยกไหเหล้ากระดก ทำสีหน้าซาบซึ้งหลังจากได้ลิ้นได้สัมผัสกับน้ำเมา
“ไว้มีเวลาว่างมากพอ ข้าจะพาเจ้าไปเที่ยวเล่นในเผ่าของข้า เจ้าจะได้เห็นว่าเผ่ามายาที่เจ้าเคยบอกว่าเป็นเผ่าลึกลับ เขาใช้ชีวิตอย่างไร”
“สัญญา”เจ๋อหมิงยกนิ้วก้อยเพื่อเป็นคำสัญญา
“แน่นอน สัญญา”นางฉีกยิ้มแล้วเกี่ยวก้อยทำสัญญา นิ้วโป้งแตะกันเป็นการลงนาม
“กลับมาแล้ว” เด็กสาวเปิดประตูในห้อง เห็นผู้เป็นพี่ชายของตนกำลังนั่งมองภาพวาดที่นางวาดทิ้งไว้ สือชีเองก็เป็นชายหนุ่มรูปงาม ดวงตาของเขาสีแตกต่างจากผู้เป็นน้อง ด้านซ้ายเป็นสีม่วง และด้านขวาเป็นสีแดง เขาฉีกยิ้มต้อนรับน้องสาวซุกซนดั่งลิงของตน
“พี่รอน้อง มากินข้าวด้วยกัน ไปดูสิวันนี้มีแต่ของโปรดที่น้องชอบทานทั้งนั้น” เขาจูงมือพาร่างเล็กๆไปยังห้องโถง
“ท่านพี่ทำเองเหรอเพคะ”
“แน่นอน เจ้าเองก็กำลังเติบโตเป็นสาว ต้องทานเยอะๆหน่อย”น้ำเสียงอบอุ่น มือใหญ่ๆลูบหัวนางอย่างเอ็นดู แล้วพาสือหลันไปยังโต๊ะที่มีอาหารโปรดของร่างบางวางไว้
“ไม่ว่าท่านพี่ทำอะไรให้ข้าทาน ข้าก็ล้วนชอบหมด” นางยิ้มตาหยี มือคว้าตะเกียบเตรียมคีบอาหารเข้าปาก
“ปากหวาน”เขาขำเล็กน้อย แล้วนั่งตรงข้าม คีบอาหารให้น้องเล็กอย่างใส่ใจ
แม้ว่าท่านพ่อและท่านแม่ของพวกเขาจะเสียไป แต่ตอนนี้เขาเหลือผู้เป็นน้องสาวเป็นครอบครัวเพียงคนเดียว เขาล้วนหวงแหนและดูแลอย่างดี ไม่ทำให้นางรู้สึกถึงความขาดหายหรือความว่างเปล่า โดดเดี่ยวแม้แต่น้อย
“วันนี้ออกไปเที่ยวหนีที่ไหนล่ะ”พูดเสียงระรื่น ตาก็มองร่างเล็กเคี้ยวข้าวเเก้มตุ่ยๆ จนอยากจะยื่นมือหยิกแก้มเล็กๆนั่น เเต่ก็ต้อหักห้ามใจ
“วันนี้ข้าไปอุทยานอานผิง แล้วก็เจอเจ๋อหมิงเหมือนเช่นเคย เขาพูดกับข้าว่าจะพาข้าไปดู เเคว้นอะไรนะ” เด็กสาวทำท่านึก ก่อนจะร้องอ๋อออกมาว่า “แคว้นหยาง” เขายกชาจิบขึ้น มองน้องสาวตนพูดเจื้อยเเจ้วด้วยความเอ็นดู ไม่มีทีท่าจะหยุด แต่ก็ต้องชะงักเมื่อพูดถึงบุคคลที่สาม
“เด็กคนนั้นอีกแล้วรึ?” ชายหนุ่มเลิกคิ้วถาม
“เพคะ”
“………………” เกิดความเงียบชั่วครู่ สือหลันเองก็รู้ดีว่าสือชีนั้นไม่อยากให้นางออกไปผูกมิตรกับคนนอกเผ่า ยิ่งเผ่ามายาที่ตัดขาดจากโลกภายนอก ไม่ต้องการยุ่งข้องเกี่ยว เเม้นางจะเป็นถึงทายาท เเต่นางก็รู้สึกว่ามันน่าเบื่อคร่ำครึเกินไป
มือเล็กๆวางตะเกียบลง เเล้วลุกขึ้นยืนเดินไปหาสือชี
“ท่านพี่ ข้าอยากพาเขาเข้าเที่ยวเล่นในเผ่ามายา”นางกะพริบตาหวังจะพาให้ใจเขาอ่อนยวบ
“ไม่ได้” เขาทำใจเสียงเเข็งเล็กน้อย มือวางตะเกียบลง จ้องมองน้องสาวตนเองที่ยังไร้เดียงสาบริสุทธิ์เกินไป
“ทำไมเพคะ เขาเป็นเพื่อนคนแรกของข้า ข้าอยากพาเขามาอีกอย่าง เขาก็บอกกับข้าด้วยว่าวันนึงจะพาข้าไปที่บ้านเกิดของเขา”
“หลันเออร์ เจ้าจะไว้ใจคนแปลกหน้าไม่ได้” มือใหญ่ๆเอื้อมมือลูบหัวนางเบา
“เขาไม่ใช่คนแปลกหน้า เขาคือเพื่อนของข้า” มือเล็กๆปัดมือใหญ่ออกด้วยความขุ่นเคือง ความน้อยใจซ่อนลึกอยู่ภายใต้คำพูดประชดประชัน นางลุกขึ้นแล้วเดินดุ่มๆออกจากห้องไป
เหลือแต่สือชีที่มือค้างอยู่กลางอากาศหลังจากนั้นก็ก็เก็บมือ ปล่อยให้คำพูดนั้นผ่านหูไปเฉยๆ เขานั่งนิ่งไปพักใหญ่ ก่อนจะเรียกสาวใช้ส่วนตัวของนาง
“หวงเออร์”
“เพคะ” ร่างบางเข้ามาในห้อง ก้มหน้าเคารพอย่างนอบน้อม
“ทำขนมเฉียนกั่วไว้ เดี๋ยวกลางคืนนางจะหิวอีก”
“เพคะ” หลังจากนั้นสือชีก็ออกไปจากห้องทานอาหาร
“ข้าไม่เข้าใจ ทำไม่พี่ชีต้องห้ามหมิงเจ๋อเข้ามาด้วย เขาเป็นถึงเพื่อนคนแรกของข้าเลยนะ” ร่างเล็กนอนคว่ำ ใบหน้าจมไปกับหมอน พูดน้ำเสียงอู้อี้ด้วยความน้อยใจ
“หัวหน้าเผ่าคงจะเป็นห่วงองค์หญิงนะเพคะ” สาวใช้วางขนมเฉียนกั่วไว้บนโต๊ะ กล่าวด้วยความหวังดี
เธอยกตูดขึ้น เเล้วหันหน้าไปตอบหวงเออร์ทั้งๆที่ใบหน้ายังแนบติดกับหมอนอยู่
“มีอะไรให้ห่วง วรยุทธ์ข้าเก่งขนาดนี้ ใครอยากทำร้ายข้า ข้าล้วนมีแต่ตีให้เขาร้องขอชีวิต” สาวใช้ขำเล็กน้อยกับท่าทางของนาง
“เพคะๆ นี่ก็ดึกแล้ว อากาศยิ่งหนาว พระองค์รีบนอนเถอะเพคะ” เธอจัดสรรให้ผู้เป็นนอนด้วยท่าทางสบายห่มผ้าห่มด้วยความใส่ใจ
“อื้อ” เด็กสาวหาวเล็กๆ ก่อนจะหลับตาลงอย่างเชื่อฟัง แล้วจมอยู่ในนิทรา
ความคิดเห็น