ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    สือหลัน

    ลำดับตอนที่ #3 : ท้องฟ้าแปรปรวน

    • อัปเดตล่าสุด 18 ส.ค. 64


    เด็กหญิงวัยสิบสี่ปี ลากชายหนุ่มวัยไล่เลี่ยกันเข้าไปในเผ่ามายา  ต้องเดินผ่านช่องว่างของภูเขาที่ขนานคู่กัน ลมพัดโชยเย็นๆอ่อน พัดกลิ่นหอมกรุ่นของดอกไม้เถาฮวา*[1] 

    "มีกลิ่นเถาฮวาด้วย"เจ๋อหมิงหันมาเชิงถามนาง ปอกรกับสีหน้าประหลาดใจ 

    "ข้าคงลืมบอกเจ้า เผ่าของข้าล้วนชื่นชอบเถาฮวาเป็นพิเศษ"นางทำหน้าภูมิใจเล็กน้อย 

    "มิน่า เจ้าถึงมีกลิ่นหอมเหมือนเถาฮวา"เขาพึมพำเพียงคนเดียว ทำให้คนที่ลากจูงนำหน้าเขาไปจึงไม่ค่อยได้ยิน จึงหยุดชะงักเล็กน้อย

    "อะไร เจ้าพูดอะไร"เด็กสาวหันหน้ามองเจ๋อหมิงระคนสงสัย 

    "เปล่า ข้ายังไม่พูดอะ-"แต่ก็ถูกนางแทรกพูดขึ้นทันควัน

    "เห็นๆว่าข้าได้ยินเจ้าพูด จะพูดทีก็พูดให้ข้าได้ยินบ้างสิ"กล่าวพลางก็ดีดกะโหลกดังเป๊าะ เขาที่ถูกการกระทำป่าเถื่อนของสือหลันบ่นอุบอิบ แต่ไม่วายยังโดนมือเล็กๆนั่นจับจูงลากไปนู่นไปนี่

    พาเขาโดดเรียนเเล้วยังจะรังแกเขาอีก! 

    พอเขาเงยหน้ามา เพราะอีกฝ่ายปล่อยมือเขากระทันหัน ยืนมองตะลึงชั่วครู่ 

    ใบหน้าเกลี้ยงเกลาที่ยังเติบโตไม่เต็มที่  กำลังส่งยิ้มหวานมาให้เขา นางอ้าเเขนสูดอากาศที่นี่ เหมือนปีศาจล่อลวงพาเขาไปซ่อนตัว กลีบเถาฮวาร่วงประโปรยลงมาราวกับยินดีต้อนรับกับผู้มาเยือน พลันเขาก้มหน้า ใบหน้าแดงก่ำ ลามไปถึงหู 

    สือหลันเห็นเจ๋อหมิงมัวเเต่ก้มหน้าลง จึงนึกเป็นห่วงขึ้นมา "เจ๋อหมิง เจ้าไม่เป็นอะไรใช่ไหม" 

     

    กลิ่นของเธอที่กลมกลืนไปกับบุปผาเถาฮวานั้น ยิ่งเดินเข้ามาใกล้ ในใจเจ๋อหมิงเเทบจะหยุดหายใจ เเต่เขาเองก็กลัวว่าอีกฝ่ายจะได้ยินเสียงหัวใจตนเองเต้นเเรงเกินไป 

     

    เขาเงยหน้าขึ้น ใบหน้าแดงก่ำ เขายกมือขึ้นปฎิเสธพัลวัน "ไม่เป็นไรๆๆ เจ้าหยุดอยู่ตรงนั้นๆ" คนมีพิรุธพูดตะกุกตะกัก หันไปมองอย่างอื่น ซ้ำสายตายังลอกแลก กลอกไปกลอกมา ไม่กล้าสบตาคนตาสองสี 

     

    แต่ดูเหมือนว่าร่างที่สูงกว่าเจ๋อหมิงจะไม่ได้ยินสิ่งที่เขาบอก เธอจับเเขนเล็กนั่นหยุดการกระทำที่อยู่ดีๆก็ทำตัวบ้าขึ้นมา นางอังหน้าผาก เเล้วขมวดคิ้ว 

     

    "เจ้าก็ไม่ได้สบายนิ ทำไมหน้าถึงแดงนัก"หลังจากตรวจสอบเเน่ใจว่าคนตรงหน้าไม่ได้เป็นอะไร จึงยกมือลง

     

    "ข้าไม่เป็นไรน่า"เขาตอบปัด ใบหน้าเชิดขึ้นเล็กน้อย 

     

     

    ผ่านไปสักพักใหญ่ สือหลันหันขวับมามองเขา “เจ้ารออยู่ที่นี่ก่อน” 

    หลังจากสั่งเขาเเล้วก็วิ่งดุ๊กๆผลุบหายไปเส้นทางข้างหน้า ระหว่างเขายืนรอนั้นก็สำรวจรอบๆข้าง ท่ามกลางหมู่ไม้ที่ทอดกิ่งก้านสาขามาตามชายน้ำ เขาเห็นนกเกาะกิ่งไม้ร้องเพลงอ่อนหวานชวนชุ่มฉ่ำใจ ไม่ผิดที่อาจารย์เขาเคยกล่าว เผ่ามายานั้นทั้งลึกลับเเละพิศวง มีอากาศบริสุทธิ์ อีกทั้งยังมีธรรมชาติสวยสดงดงามราวสวรรค์สรรสร้างแค่เพียงที่นี่ที่เดียว 

    ผ่านไปสองถ้วยชา นางก็วิ่งออกมาในมือถือเสื้อคลุมไว้ เเล้วโยนให้เขา หยุดยืนกอบโกยหายใจเข้าออกถี่ๆ ใบหน้าเล็กๆมีเหงื่อเกาะตามไรผม

    “อะไร”เด็กชายหันไปถามด้วยใบหน้าใสซื่อ

    “สวมไว้ คนที่นี่มักคุ้นหน้าคุ้นตาคนในเผ่า อย่าได้ถอดหากข้าไม่ได้อนุญาต”ร่างสูงพูดอย่างเป็นงานเป็นการที่นานๆทีเจอหมิงถึงจะรู้จักนางในมุมนี้ 

    นางคว้ามือเขา จูงเข้าไปเส้นทางที่นางเคยหายเข้าไป  ทันทีที่นางเดินเข้าไปทางเข้าตลาดที่ครึกครื้นนั้น

    “องค์หญิงรอง” ไม่รู้ว่าใครเป็นคนพูดตะโกนออกมา เเต่ทว่าทุกคนที่ได้ยินต่างไหวตัวรีบปิดร้าน บ้างก็วิ่งหนีพากันเอาตัวเองไปซ่อน ทุกคนวิ่งแจ้นไปคนละทิศคนละทาง ใครที่กำลังจับจ่ายใช้สอยก็ทิ้งของลงกับพื้นอย่างไม่ไยดี 

    หากช้าอีกนิดกลัวว่าจะโดนนางรังแก เอารัดเอาเปรียบเป็นได้ ต่อให้โลกนี้มีองค์หญิงรองเผ่ามายา พวกเขาก็ขอแค่มีแค่พระองค์เดียวก็เกินพอ! ราวกับพายุคลั่งหอบสิ่งมีชีวิตที่มีอยู่หายไปในเพียงพริบตา เหลือเเต่ลมที่พัดเศษใบไม้มา 

    “ข้าทึ่งกับความสามารถของเจ้าจริงๆ”เขาพูดกลั้วหัวเราะ แม้ว่าเจ๋อหมิงจะพอรู้นิสัยของนางบ้าง แต่ไม่คิดว่านางจะเลวร้ายจนเด็กตาดำๆยังเผ่นหนี

    ใบหน้าเด็กสาวครึ้มลงเล็กน้อย บ่นกระปอดระแปดว่า "วิ่งทำไม ข้าไม่ใช่ปีศาจซักหน่อย"  กระนั้นนางสลดเเค่วูบเดียว ก็เป็นม้าดีดกะโหลก ลากจูงเขาไม่สนใจตลาดร้างไร้คน 

     

    โดยมีสายตาครู่นึงจ้องมองเขม็ง โดยเฉพาะมือที่จับจูงกันไป

     

     

    ในขณะเดียวกันคนที่ถูกเรียกว่า‘ชายแก่’ เดินลกๆด้วยสีหน้ายังคุกรุ่นด้วยความโกรธ ด้านหน้าเป็นสาวรับใช้ที่เดินนำทางมายังห้องทำงานของสือชี “ท่านผู้นำ  ท่านเยี่ยนอู๋เซียขอเข้าพบเพคะ”

    ในห้องที่ตกแต่งเรียบง่าย ผนังด้านซ้ายตกแต่งด้วยชั้นหนังสือหลายชั้นถูกจัดวางเป็นระเบียบ ส่วนด้านขวาเป็นโต๊ะรับรองเเขกโดยมีฉากกั้นที่ถูกแต่งเเต้มเป็นภูเขาลึกลับ บนโต๊ะยังมีชุดน้ำชาวางไว้ กลิ่นหอมของดอกเถาฮวาที่สือหลันชอบ ก็ถูกประดับตกแต่งลงแจกัน ด้านหลังของชายหนุ่มเป็นภาพวาดที่สือหลันวาดไว้ให้เขาตอนที่นางอายุสิบขวบ มองปราดเดียวก็รู้ว่าห้องนี้ ติดน้องสาวเเค่ไหน

    สือชีที่นั่งอ่านฎีกาด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง เขาถอนหายใจลงเล็กน้อย เเล้ววางฎีกาลง “เข้ามา” เดิมทีเหตุการณ์ครั้งนี้ ควรจะประหลาดใจว่าทำไมอาจารย์ของน้องรองถึงได้วิ่งเเจ้นมาหาเขา เเทนที่จะสอนตำรานาง  แต่เขาก็ประหลาดใจซ้ำซากจำเจจนเกิดความเคยชินเสียเเล้ว

    เยี่ยนอู๋ซียทำความเคารพเล็กน้อย ค้อมตัวลงทีก็เกิดเสียงกระดูกดัง 'กรอบ' แม้จะปิดบังสีหน้าไว้ แต่ก็เก็บไว้ไม่มิด มันบ่งบอกได้ถึงว่า

    เขามา ‘ฟ้อง’ อีกฝ่ายบ่อยจนกระดูกเคล็ด เเละตาแก่อย่างเขาจะไม่ทนกับยาโถ่วปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมอีกต่อไป!  

    มีอยู่ครั้งหนึ่งที่สือหลันมีเรื่องทะเลาะเบาะเเว้งกับศิษย์ที่มีอำนาจเดิมชอบข่มเหงลูกหลานเล็กที่ไม่มีอำนาจ โอ้อวดความรวย ความฉลาด  นางนึกว่างไม่มีอะไรทำ หาเรื่องสนุกๆทำ ผ้าคาดเอวของคนผู้นั้นไม่รู้ล่วงไปตอนไหน เมื่อไม่มีผ้้าคาดเอวเเล้ว กางเกงก็ล่วง

    เห็นเต่าที่กระเด้งออกมา  ให้คนทั้งห้องได้เห็น เด็กสาวต่างก็ปิดตาร้องกรี๊ดด้วยความตกใจ แต่กลับมีเสียงหัวเราะบ้าคลั่งดังออกมา ศิษย์คนนั้นอับอายร้องไห้กลับบ้าน ไปฟ้องพ่อแม่ 

    พ่อเเม่มาเพื่อฟ้องการกระทำขององค์หญิง


    แต่ทว่านางตีหน้าฝืนกล้ำกลืนความทรหด บีบน้ำตาที่ใช้ 'น้ำเปล่า' หยอดลงนัยน์ตาต่อหน้าต่อตาของพวกเขา เบะปาก เสียกสะอึกสะอื้นถล่มบ้านนถล่มเมือง  บอกว่าเป็นเขาที่ซุ่มซ่าม จะมาโทษนางได้อย่างไร 'นางเห็นเต่าก็เเค่ขำเท่านั้น

    หรือจะเป็นตอนที่สวนดอกไม้ของสำนักเรียนเองยังไหม้ เพียงเพราะนางย่างไก่ แต่เพราะ 'หมั่นไส้' อาจารย์เล็กน้อย เลยปล่อยขี้ให้เขาเก็บ

    วีรกรรมนางนั้นล้วนโดดเด่น ไม่เหมือนใคร

    “ท่านเยี่ยน ลำบากท่านเเล้ว” สือชีเองก็ค้อมรับเล็กน้อย เขายืนขึ้นเต็มความสูงผายมือเชิญให้อีกฝ่ายนั่งบนตรงโต๊ะรับแขก สาวใช้ที่รู้หน้าที่ก็รินน้ำชาให้ทั้งสองคน เสร็จกิจก็ถอยห่างออกไป 

    “ เหล่าจู่*[2] ไม่มีความสามารถ อบรมสั่งสอนองค์หญิงรองได้”เเต่ในใจนั้นเขาอยากพูดว่า  นางหมดหนทางเยียวยาจริงๆ เเต่ก็ทำได้เเค่พูดในใจ เพราะหากพูดออกไป ชีวิตนี้ตาแก่เขาคงไม่สงบสุข

    ชายหนุ่มพนักหน้ารับเนิบๆ มือยกถ้วยชามาจิบ "คนล่ะ" น้ำเสียงทุ้มแหบต่ำติดเย็นชาถามชายอายุรุ่นพ่อของเขาด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง 

    “นางกล่าวว่า ตาแก่อย่างท่านสอนไปมันก็เข้าทะลุหูซ้ายผ่านหูขวาข้าอยู่ดี หลังจากนั้นก็โดดเรียนไม่กลับมาอีก"ยิ่งพูดอารมณ์ที่พลุ่นพล่านอยู่ในอกก็ยิ่งเก็บไม่อยู่ สีหน้ากระฟัดกระเฟียดนั้นอยู่ในสายตาของชายหนุ่มมาตลอด

    “รุ่ยเหอ”

    “พะย่ะค่ะ” องครักษ์ส่วนตัวถือถาดที่มีทองเป็นกอง เดินเข้ามาในห้องเเล้ววางถาดนั้นลงบนโต๊ะ เเล้วหยุดยืนข้างๆสือชี ในขณะเดียวกันสายตาเป็นประกายของเยี่ยนอู๋เซียก็จ้องมองก้อนทอง ในใจก็วางแพลนชีวิตหลังจากนี้เเล้ว 

    เขาปรายตามองประตายตาของเยี่ยนอู๋เซียเเล้วหลุบตาลงต่ำ 

    เหยี่ยวยอมให้ข้าใช้เพราะมันหิว ถ้าอิ่มมันก็บินหนีไป*[3]  

     

    ก้อนเมฆแต่งเเต้มเป็นรูปทรงต่างๆ ร่างเล็กๆนอนหนุนแขน ส่วนเจ๋อหมิงนั้นกำลังใช้ไม้แหลมๆที่ตนเหลากำลังลงมือเเทงปลาที่อยู่ใต้น้ำ ในขณะที่สือหลันหลับตาพริ้ม มือขวายกผิงกั่ว*[4]มากัดคำนึง เคี้ยวแก้มตุ่ยๆ อย่างผ่อนคลาย 

    เขาแทงลงดัง ฉึก น้ำแตกกระจาย อาภรณ์ที่เจ๋อหมิงเปียกเเนบลู่กับร่างกายเล็กน้อย เขาหงุดหงิดเงยหน้ามองร่างที่กำลัง ‘นอนสบาย’ อยู่ตรงนั้น ก็ขมวดคิ้ว 

    “สือหลัน ใจคอเจ้าจะนอนเฉยๆ รอข้าประเคนอาหารให้หรือยังไง”เขาตะโกนถามเด็กสาวหน้าตาย

    “ข้าไม่ว่าง นอนอยู่ อีกอย่างมือข้ามีที่ว่างเเค่ผิงกั่วเเล้วก็หนุนแขนก็พอแล้ว”เด็กสาวตอบอย่างเกียจคร้านหาข้ออ้างไปเรื่อย

    “ได้ งั้นเจ้าไม่ต้องกินปลาย่าง” พลันเด็กสาวดีดกายลุกขึ้น ทันควันร้อง “เพ้ย” 

    “เจ๋อหมิง เจ้ามันจิตใจคับเเคบ”นางตะโกนด้วยน้ำเสียงเดือดดาล  แต่เจ๋อหมิงปล่อยให้คำพูดนั้นลอยผ่านหูไป

     

    นางยืนเท้าสะเอวเเล้วชี้ไปยังปลาตัวโต “นั่นไงๆเร็วเข้า เจ้าช้าแบบนี้เดี๋ยวปลาก็ว่ายหนีหายไปหมด”ร่างสูงบ่นอุบอิบ แต่ยังไม่ทันตั้งตัว เจ๋อหมิงก็ใช้ปลายเเหลมแทง โดยไม่ได้ให้สัญญาณหญิงสาวหลบแม้เเต่น้อย

     ฉึก น้ำกระเด็นใส่ใบหน้าเกลี้ยงเกลา 

    “……………..” เธอสูดลมหายใจ ริมฝีปากห่อเป็นรูปตัวโอ มือขาวสะอาดลูบน้ำออกไปอย่างช้าๆ  พับเเขนเสื้อให้พ้นข้อศอกเเล้วเดินดุ่มๆไปหาเจ๋อหมิง

    ได้เห็นดีกันเเน่ เจ๋อหมิง!

    “เจ้าจะทำอะไรน่ะ”น้ำเสียงเขาสั่นระริก เมื่อบรรยากาศเริ่มเปลี่ยนไป มือเล็กๆนั่นกวักน้ำสาดมาทางเขา เมื่อสือหลันลงมือแก้เเค้นให้ตัวเอง ก็ร้องกวนโยเย ตบท้ายด้วยหัวเราะอย่างชอบใจ 

    เจ๋อหมิงรู้ตัวอีกทีก็ตัวเปียกชุ่มไปทั้งตัวไปเเล้ว เขาหัวเราะตามนางเมื่อรู้ว่า ตนโดนเด็กสาวแกล้งเสียเเล้ว หลังจากนั้นเวลาผ่านไปทั้งสองเล่นน้ำกันอย่างสนุกสนาน แต่เล่นไปเล่นมาก็คิดจริงจังหวังเอาชนะอีกฝ่ายเกิดสงครามขึ้นเป็นหย่อมๆ ในขณะที่สายตาปริศนานั้นยังจ้องมองเขม็งเเถมยังปรากฎแววตาวาวโรจน์ ไอสังหารพวยพุ่งอยู่รอบๆด้าน 

    ครืนน เสียงท้องฟ้าก่อตัวเป็นเมฆดำทะมึน ตามด้วยเม็ดฝนที่สาดลงมา เเต่ทว่าทั้งสองก็ไม่ได้วิ่งหลบฝนแต่อย่างใด 

     

    ยังจะเล่นอีกรึ! เปรี้ยง! 

     

    จู่ๆสายฟ้าก็ฟาดมายังต้นไม้ที่สือหลันเคยนอนอยู่ มันล้มดังครืน ราวกับได้ผล ทั้งสองที่อยู่บนน้ำก็หยุด ‘สงคราม’ เเล้วหันหน้ามองกัน เเล้วมองต้นไม้ที่ไหม้เกรีียม

    “เจ๋อหมิง ข้าว่ารีบไปหาที่หลบฝนก่อนเถอะ วันนี้อากาศแปลก เมื่อกีี๊ยังดีๆอยู่เลย” เด็กสาวพูดเอามือป้องหน้าไม่ให้ฝนสาดใส่ตา 

    “ได้”ทั้งสองตกลงกันเรียบร้อยก็รีบหาที่บังฝนทันที

    /////////////////////

    เถาฮวา*[1] ดอกท้อ

    เหล่าจู่*[2] บรรพาจารย์อาวุโส

    เหยี่ยวยอมให้ข้าใช้เพราะมันหิว ถ้าอิ่มมันก็บินหนีไป*[3]  การจะเลี้ยงให้เชื่องต้องมีสิ่งที่เขาต้องการหล่อเลี้ยงเอาไว้

    ผิงกั่ว*[4] แอปเปิ้ล

    คนปริศนาเป็นใครกันนน้าาาาาา

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×