คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : พาเขาโดดเรียน(ฉบับแก้ไข)
ในฤดูใบไม้ผลิ ท่ามกลางป่าที่มีต้นไม้สูงชะลูดกิ่งก้านเเละใบโบกพัดผ่านไปกับเสียงลม เสียงนกร้องเจื้อยเเจ้วประสานกับเสียงน้ำตกด้านหน้ามีกระท่อมหลังเล็กหลังนึง ลมพัดเย็นเอื่อยๆพัดเส้นผมสีดำขลับพลิ้วไหวไปมา ดวงตาของคนผู้นั้นตรงมองไปข้างหน้า เขานั่งท่าชันเขา มือด้านขวาถือจอกชาหมุนไปเรื่อย ๆเพื่อฆ่าเวลา ท่าทางเกียจคร้านเเต่กลับดูงดงามเหมือนภาพปะติมากรรมที่นักวาดชื่อดังวาดไว้ ความรู้สึกอบอุ่นที่สือหลันสัมผัสมาจากตรงหน้า เธอยืนมองราวกับคนโง่งมเพราะเห็นชายหนุ่มที่ไม่รู้จัก องพยพทั้งหน้าราวกับรูปปั้นแกสลัก แม้แต่พี่ชายของเธอต้องขอยกธงขาวยอมเเพ้ในศึกประชันความงามนี้ แต่ทว่าสายตากลับดูมีความเจ้าเล่ห์ หยิ่งทระนงตน ทั้งยังรู้สึกว่าคนๆนี้เป็นตัวอันตรายสือที่หลันสัมผัสได้
อ่า เหมือนตัวร้ายที่อยู่หนังสือเเต่งเรื่องเพ้อฝันที่เธอเคยอ่านเลยแหะ เด็กสาวคิดในใจ พลันเกิดความเคลื่อนไหว ทำให้สือหลันหลุดจากความคิด ดวงตาเบนไปยังผู้ที่ปรากฏตัวอีกคน
เอ๋ จิ้งจอก?
เป็นสุนัขจิ้งจอกตัวเล็กสีขาว บนหลังลำตัวกลับมีแผลขนาดใหญ่ติดตัวมาด้วย มันวิ่งทะเล่อทะล่าออกมาจากพุ่มไม้เหมือนกระต่ายตื่นตูมบางส่วนยังมีเศษใบไม้ติดตัว ทำให้มอมเเมมสกปรก ขาเล็กๆก็กะเผลกไปหาอ้อมอกชายหนุ่ม ร้องเอ๋งๆเหมือนจะบอกว่า 'ช่วยด้วย ข้าโดนรังแก'
จากนั้นก็กลายร่างเป็นหญิงสาวที่บาดเจ็บที่นอนพิงบนลำอกแข็งเเกร่ง แต่จะพูดว่ากลายร่างสมบูรณ์ก็ไม่ได้เต็มปาก หูยังคงเป็นหูจิ้งจอกสีขาวที่ลู่ลง หางเล็กๆไหวไปมาด้วยความกลัวปนหวาดระเเวง
ชายหนุ่มผู้นั้นก้มหน้ามองร่างหญิงสาวด้วยความโกรธเล็กน้อย
"เป็นของของข้าเเล้ว อย่าได้หนีเที่ยวซุกซนที่ไหนหากข้าไม่อนุญาต" มือเชยคางจ้องมองนางราวกับกล่าวโทษหลังจากที่จิ้งจอกตัวน้อยหนีเที่ยวซนจนได้บาดแผลมา
"ข้าจะไม่ซุกซนไปทั่วเเล้ว" หูที่ปรากฏลู่ลงเล็กน้อย ราวกับรู้สึกผิดจริง
แม้จิ้งจอกตัวนี้จะไม่ได้งดงามเท่าชายหนุ่มเเต่กลับมีเสน่ห์ที่สือหลันยังรู้สึกได้ ดวงตาเฉี่ยวลงเล็กน้อย บนหน้าผากยังมีปานสีแดงเป็นดอกก้าวหาง รูปร่างอ้อนแอ้นบอบบาง ใบหน้ารูปเรียวไข่ยังมีเหงื่อซึมออกมาตามไรผม เเม้เเต่เส้นผมของนางก็ยังเป็นสีขาว ร่างในอ้อมอกเม้มริมฝีปากเป็นเส้นตรง ก้มหน้าลงหลังจากถูกต่อว่า
มันทั้งน่าทะนุถนอมเเละเซ็กซี่ในเวลาเดียวกัน เเม้เเต่สือหลันก็ยังคิดว่าหากนางเป็นชายหนุ่มคนนั้นมีหรือจะไม่ใจอ่อน
"ป่าฮั่วถง เป็นป่าลึกลับ เล่ากันว่าคนที่เข้าไปนั้นฝึกตนเพียงไม่กี่เดือนพวกเขาก็สามารถเลื่อนขั้นสูงสุด อีกทั้งยังมีของโบราณที่ขายได้หลายร้อยตำลึง"
"อาจารย์ เเล้วท่านเคยไปไหม" เด็กสาวถามอย่างใคร่รู้
"ไอหยา ข้าก็บอกพวกเจ้าไปแล้ว ว่าเป็นป่าลึกลับ ใครจะไปเจอง่ายๆขนาดนั้น ว่ากันว่าคนที่ได้เจอ ชาติก่อนต้องมีบุญสูงส่งแน่นอน" ชายแก่ชราที่นั่งสอน เบื้องหน้าของชายแก่เป็นนักเรียนที่คนในเผ่าต่างก็ส่งมาเรียน แม้ว่าองค์หญิงรองจะมีฐานะสูงส่ง เเต่เรียนอยู่ในห้องเรียน นางก็ต้องปฏิบัติให้เท่าเทียมดั่งคนอื่นๆ และฐานะเองก็ไม่เกี่ยวเช่นกัน สายตาที่เริ่มพร่ามัวกวาดตามองเห็นนักเรียนที่ตั้งใจฟังกันอย่างสนใจ แต่ก็มีนักเรียนขี้เกียจหลังห้องคนหนึ่งที่นั่งเท้าคางสัปหงก
“องค์หญิง” ชายแก่ตบโต๊ะดัง ปัง ทำให้ร่างเล็กตื่นขึ้นมาด้วยความตกใจ
เป็นแค่ความฝันนี่เอง แต่นางรู้สึกในใจเต้นโครมครามไม่เป็นจังหวะ แถมยังจุกโหวงๆอยู่ในอก
“องค์หญิง ข้าขอถามอะไรหน่อย” สือหลันเงยหน้ามองอาจารย์ไม่สบอารมณ์ เธอเลยไม่รู้เลยว่าในฝันนั้นชายหนุ่มจะทำยังไงกับปีศาจจิ้งจอกตนนั้น แต่ก็รีบปัดความสงสัยนี้ออกไปทันที
“ได้”นางหยักไหล่เล็กน้อย แล้วบิดขี้เกียจ กิริยาท่าทางเองก็เหมาะสมกับชื่อเสียงขององค์หญิงรอง
“ท่านมาเรียนที่นี่ได้อะไรมาบ้าง” นาง กวาดสายตามองไปรอบๆ สายตาทุกสายตาล้วนมองนางเป็นจุดเดียว เธอทำท่าคิดหนัก คิ้วขมวดเป็นปม หลังจากนั้นก็ร้อง “อ้อ”ออกมายกนิ้วชี้ขึ้น
“ข้านึกออกแล้ว แน่นอนไม่มี” ทุกคนที่ต่างรอคอยคำตอบต่างก็เปล่งเสียงหัวเราะยิ่งคึกคักเข้าไปใหญ่ ผู้เป็นอาจารย์เองก็เบิกตาโพลง ไม่อยากจะเชื่อเลยว่า
นางจะตอบ
ตอบได้เหลวไหลขนาดนี้!
“เหลวไหล! องค์หญิง! ”ชายแก่ยกนิ้วชี้สั่นเทาด้วยความโกรธ ใจเต้นตุบตับ เขาพยายามหายใจขึ้นลงๆเพื่อบรรเทาความโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ แต่ทว่าเด็กสาวกลับประเคนเชื้อเพลิงให้ด้วยความเต็มใจ
“ตาแก่อย่างท่านสอนไปมันก็เข้าทะลุหูซ้ายผ่านหูขวาข้าอยู่ดี"ว่าพลางฉีกยิ้มกว้างเห็นเขี้ยวเล็กๆ คำนับอาจารย์เเล้วเดินจากไป
“………………….” ทุกคนเงียบฉี่ อึ้งกับฝีปากที่ตอกกลับมาไม่ไว้หน้า แถมยังโดดเรียนซึ่งๆหน้าขนาดนี้ หากไม่ใช่นางทำก็คงไม่มีใครกล้าทำได้เท่านางเเล้วเช่นกัน
สือหลันควบม้าแล้วมุ่งหน้าไปหาหมิงเจ๋อที่กำลังเรียนอยู่ นางหลบอยู่ในพุ่มไม้ มองเห็นหมิงเจ๋อตั้งหน้าตั้งตาเรียนอย่างจดจ่อ ใบหน้าเกลี้ยงเกลาหลุบตาลงใช้ความคิด
พลันสายตาเห็นก้อนหิวเล็กๆ นางโยนขึ้นมาเล่น ฉีกยิ้มนึกสนุกออกมา แล้วนางก็ดีดก้อนหินเล็กๆไปโดนมือของเขา
หมิงเจ๋อมองก้อนหินที่อยู่บนกระดาษ เขาหันมองที่ก้อนหินโยนมาหาเขา เห็นสือหลัน กวักมือเรียกเขาอยู่
เขาชี้ที่ตัวเอง แล้วพูดแบบไม่มีเสียงว่า “ข้าเรียนอยู่” แล้วก็หันไปสนใจที่อาจารย์สอนอยู่ ร่างเล็กทำสีหน้าไม่พอใจ คิ้วขมวดกันเล็กน้อย
นางอุตส่าห์ดั้นด้นออกมาเชียวนะ เขาปฎิเสธน้ำใจงามๆของนางได้ยังไง เรียนแบบนี้ถึงได้คร่ำครึเหมือนคนเเก่แบบนั้นนั่นไง
แต่ทว่านางหันไปปะทะกับงูพอดี นางก็ค่อยๆนั่งยอง มือเล็กก็เอื้อมมือลูบหัวอย่างอ่อนโยน “ข้าฝากหน่อยนะ” แล้วโยนเข้าห้องเรียน เด็กสาวผู้โชคร้าย สบตากับงูหลังจากนั้นก็คว่ำโต๊ะเรียนด้วยความตกใจ “กรี๊ดดด”
ผู้คนในห้องต่างตกใจ มองไม่เห็นว่ามีงู แต่พอได้ยินว่าเป็น งูๆๆ ในห้องพลันเกิดความโกลาหล ใครอะไรต่างก็แยกไม่ออก เอาแต่วิ่งพล่านไปทั่วต่างหาอาวุธติดมือ หลับหูหลับตาตี เด็กสาวผู้โชคร้ายคนนั้นหลังกรี๊ดเสร็จก็สลบไป ห้องก็อลเวงวุ่นวายไปหมด แม้แต่อาจารย์ก็วิ่งหนีไปแล้ว
มือเล็กๆคว้ามือของหมิงเจ๋อ แล้วพาเขาควบม้าหนีไปแล้วเช่นกัน
นี่ไม่ใช่ว่าพาเขาโดดเรียนหรอกหรือ
“สือหลัน เจ้าไม่เรียนหรือ” เขาถามนางด้วยใบหน้าซีดเซียวเล็กน้อย พร้อมกับถอนหายใจด้วยความจนปัญญา
“ไอหยา อาจารย์ข้าขี้เกียจสอน เจ้าก็อย่าถามเยอะน่า วันนี้ข้าจะพาเจ้าเที่ยวเผ่ามายา” สือหลันโกหกหน้้าตาย
หมิงเจ๋อได้ยินแบบนั้นก็ขมวดคิ้ว อาจารย์ที่เผ่ามายาเป็นเช่นนี้เองรึ
นางพาเขาหมอบซุ่มที่พุ่มไม้ สายตาจ้องมองทหารที่ ตั้งวงกินเหล้าพูดคุยหัวเราะเสียงดัง
“เจ้ารอข้าตรงนี้ รอข้าให้สัญญาณเจ้าก็รีบเข้าไปเลยนะ” นางหันมากระชับกับเขา
“จะดีเหรอ ทำไมไม่เดินเข้าดีๆล่ะ” นางหันมาจ้องมองเขาด้วยความผิดหวัง แล้วส่ายหัวอย่างเอือมระอา แล้วดีดกะโหลกเขา
นางทำเสียงจึ๊กจั๊ก“เจ้าจะไปรู้อะไร เข้าดีๆใครเขาจะให้เข้ากันล่ะ ข้าไปละ รอโอกาสเเล้วรีบเข้าล่ะ”
นางเดินออกมาอย่างสง่าผ่าเผย เดินเข้าไปหาวงเหล้าของชายทหาร
“แฮ่ม ท่านพี่ข้าให้พวกเจ้าเฝ้าประตู แต่พวกเจ้ากลับมาตั้งวงเหล้า”ปากไม่พูดเปล่า มือเล็กๆก็คว้าจอกสุรามากินอย่างหน้าตาเฉย ในขณะที่ทหารต่างก็มองนางอย่างตะลึง ดวงตาสองสีที่เป็นเอกลักษณ์ของราชวงศ์ของเผ่ามายาเด่นชัด
“อะ องค์หญิง “พวกเขารีบยืนขึ้นทำความเคารพ สีหน้าซีดเผือด
“ข้าจะบอกท่านพี่ ยังไงดีน้า ทหารเฝ้าประตูทางเผ่า หน้าที่ที่สำคัญๆ กลับมีหน้าตั้งวงเหล้า แถมยัง มานั่งเล่นพนันกันแบบนี้ จิ๊ๆ ถ้าท่านพี่รู้ พวกเจ้าจะมีชีวิตเป็นเช่นใด” นางขยับรอยยิ้มบางๆ แต่ชวนให้คนมองขนลุกไปทั้งร่าง
“องค์หญิง ท่านพูดผิดแล้วๆ พวกข้า พวกข้าเพียงแค่นั่งกินเหล้า ไม่ได้เล่นพนันเลยพะย่ะค่ะ” หน่วยกล้าตายพูดอย่างติดๆขัด
“เอ๋ ข้าพูดผิดตรงไหน” ร่างบางพูดด้วยรอยยิ้ม
“ตรงที่-” ทหารหน้าใหม่พูดไม่ทันขาดคำ ถูกคนข้างๆ กระทุ้งศอกจนต้องงอตัวด้วยความเจ็บ
“ไม่มีๆ พะยะค่ะ” ทหารที่รู้ความรีบกล่าวแล้วก็ก้มหน้าไม่กล้าสบตา สือหลันอาศัยตอนที่พวกเขาก้มหน้า รีบส่งสัญญาณให้เจ๋อหมิงทันที ขาเล็กๆของเขารีบวิ่งเข้าประตู หลับหูหลับตาวิ่ง อกสั่นขวัญแขวนกลัวจะถูกจับได้
“ได้ ข้าไม่พูดก็ได้ แต่ถ้ามีคนนอกเผ่าแอบเข้าเผ่า พวกเจ้า”นางลากเสียงยาว มองรายคนแล้วทำท่านิ้วชี้บาดคอ หลังจากนั้นกระตุกยิ้ม แล้วเดินเข้าไปอย่างผู้ชนะ
“นี่องค์หญิงรองรึ รูปโฉมงดงามแต่ทำไมโหดร้ายกับทหารอย่างพวกเราแบบนี้”กลุ่มทหารหนึ่งในนั้นบ่นกระปอดกระแปดออกมาหลังจากสือหลันเดินจากไป
“เอ๋ เจ้าไม่รู้หรือ ถึงแม้องค์หญิงจะรูปโฉมงาม แต่ไม่เอาไหน เหลวไหล แถมยังสร้างความวุ่นวายไปทั่ว ชื่อเสียงของนางไม่ได้ดีดั่งรูปโฉมหรอก”
“อย่าพูดน่ารีบๆเก็บหลักฐานแล้วไปยืนเฝ้ายามเถอะ”
/////////////////////////////////////////////
แอบสงสารทหารเฝ้ายามนะคะ น้องเองก็โหดร้ายแกล้งคนอื่นไปทั่วจริงๆ555555
ความคิดเห็น