คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #17 : Chapter 1 ความตั้งมั่นของใจ
พระอาทิตย์ในยามเย็นกำลังเคลื่อนคล้อยตกลงสู่พื้นดิน ท้องฟ้าในเวลานี้เป็นสีแดงอมส้มซึ่งดูแล้วดูหดหู่ยิ่งนัก แต่คนอีกคนหนึ่งนั้นมิได้หวั่นเกรงเลยแม้แต่น้อยเพราะเธอตระหนักดีว่าการที่พระอาทิตย์กำลังจะตกดินเป็นสัญญาฯณว่าอีกไม่นานท้องฟ้าจะเต็มไปด้วยดวงดาวและดวงดาวนั่นเองคือสิ่งที่เธอต้องการ
"ฟ้าเธอจะขึ้นมาที่นี่ทำมัยอีกเนี่ย" เสียงบ่นยาวของเพื่อนสาวเปล่งออกมาด้วยความไม่ค่อยสบอารมณ์เท่าใดนัก
"เอาเถอะ นิดหน่อยน่ะริน เราว่าพระอาทิตย์ที่นี่สวยดีออก"
"ที่นี่เนี่ยนะ โอ้ยฟ้ากลับไปดูที่ระเบียงบ้านฉันก็เหมือนกันแหละ ไม่เห็นต้องขึ้นมาดูถึงดาดฟ้าเลย" เพื่อนสาวของเธอยังคัดค้านต่อด้วยอารามที่ว่าอยากลงไปจากที่นี่เต็มทน
"ไม่เหมือนนะ ยังไงก็ไม่เหมือนหรอก" หญิงสาวผิวขาวหน้าตาจิ้มลิ้มสดใส ผมที่ยาวเป็นมันเงานั้นถูกปล่อยสยายไปกับสายลม แววตาของเธอที่อาจจะเปลี่ยนแปลงไปจากเมื่อก่อนมากพอสมควรเพราะในขณะนี้ ดวงตาที่ดำขลับเป็นประกายนั้นฉายแววมุ่งมั่นอยู่เต็มเปี่ยม หญิงสาวที่ขณะนี้ยืนอยู่ที่ริมระเบียงดาดฟ้าของอาคารสำนักงานแห่งหนึ่ง เธอกำลังเฝ้ามองพระอาทิตย์ของเย็นวันนั้นตกลงสู่ทิศตะวันตก จิตใจของเธอนั้นเหม่ลอยไปไกลแสนไกลแล้วไกลจนเธอเองก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าไปถึงไหน
"เฮ้ยฟ้า อย่านะ จะทำอะไรอะ" รินเพื่อนสาวของเธอรีบตะโกนเสียงดัง เมื่อเห็นเพื่อนของตนกำลังปีนขึ้นไปนั่งบนขอบระเบียงดาดฟ้า
"เป็นอะไรไปริน" หญิงสาวพูดอย่างไม่ใส่ใจ
"ลงมาเดี๋ยวนี้เลย เดี๋ยวก็ตกลงไปหรอก"
"ฮ่าๆ" หญิงสาวหัวเราะร่า "ไม่ตกหรอกฉันนั่งจนชินแล้วละ ขึ้นมานั่งด้วยกันสิริน" หญิงสาวทำไม้ทำมือชักชวนเพื่อนของเธอ
"เหอๆ ไม่ละฉันอยู่ตรงนี้ดีกว่า นั่งตรงนั้นน่ากลัวจะตายไป"
"ไม่เห็นน่ากลัวเลย แค่เพียงไม่ต้องมองลงไปข้างล่างเท่านั้นเอง"
"เฮ้อ เป็นเอามากแฮะฟ้า ฉันนั่งรอตรงนี้แหละนะ จะไปเมื่อไหร่ก็บอกละกัน" รินหันหลังนั่งลงกับพื้น เธอเหนื่อยใจนิดหน่อยกับเพื่อนของเธอเสียจริงเพราะตลอดระยะเวลา 4 ปีที่ผ่านมานี้ เพื่อนของเธอชอบขึ้นมาที่นี่เหลือเกิน มานั่งดูพระอาทิตย์ตกดิน ไม่งั้นบางวันดึกหน่อยก็จะมานั่งดูดาวและฟ้าเองก็สามารถนั่งอยู่ที่นั่นได้เป็นระยะเวลานานมากทีเดียว
เวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ไม่รู้ ตอนนี้ท้องฟ้าเบื้องบนมืดสนิทแล้ว รินนั่งเพลินจนเผลอหลับไปเรียบร้อยแล้ว แต่แล้วเสียงโทรศัพท์มือถือของฟ้าก็ดังขึ้นทำลายความเงียบของบริเวณนั้น รินสะดุ้งตื่นขึ้นและยังภพว่าเพื่อนสาวยังนั่งจ้องท้องฟ้าอยู่โดยที่ไม่สนใจเสียงโทรศัพท์ที่ดังติดต่อกันเลยแม้แต่น้อย
"ฟ้า พี่กันต์โทรมา" รินต้องตะโกนเรียกเธอ ฟ้าถึงจะหันมาเธอหันกลับตัวเข้ามาและเหยียบลงยังพื้น "อะนี่โทรศัพท์" รินพูดพลางส่งให้
"ฮัลโล ฟ้าเองค่ะพี่กันต์" เธอกรอกเสียงของเธอลงไป
"นี่ เมื่อไหร่จะกลับบ้านซะที พี่รอทานข้าวเย็นอยู่นะ" เสียงของพี่ชายพูดขึ้น "ฟ้ารู้มั้ย ว่าพี่ลงมือทำอาหารมื้อนี้เองเลยนะ"
"อ้าว ทำมัยละค่ะ ไม่เห็นต้องทำเองเลย"
"เอาน่า รีบกลับมาก่อนเถอะ พี่หิวจนตาลายแล้ว"
"ค่ะ อีกแปปเดียวรับรองถึงบ้านค่ะ" หญิงสาวรับคำกับพี่ชายของตนเองอย่างเป็นมั่นเป็นเหมาะ
"กลับบ้านกันเถอะริน" ฟ้าพูดขึ้นพลางหนุมตัวเดินไปยังทางลงทันที
"โอ้ว ฉันรอเวลานี้มานานแสนนาน" รินกล่าวกับตัวเอง
แท็กซี่โดยสารคันหนึ่งหยุดจอด ณ หน้าบ้านจัดสรรขนาดใหญ่และหรูหราแห่งหนึ่ง หญิงสาวก้าวเท้าลงมาจากรถและเดินเข้าไปในบ้านทันที บ้านหลังนี้เป็นบ้านหลังใหม่ที่เธอเพิ่งย้ายมาอยู่ได้ไม่นานนัก พี่ชายคนเดียวของเธอเรียนจบด้านวิศวกรรมศาสตร์มาจากประเทศญี่ปุ่นได้ประมาน 2 ปี เขาและเพื่อนๆร่วมกันเปิดบริษัทจนกระทั่งมีรายได้เข้าตัวเองเป็นกอบเป็นกำและนั่นทำให้ความเป็นอยู่ของเขาและน้องสาวดีขึ้น
"อ้า กลับมาแล้วหรอฟ้า มาๆๆนั่งเลย กินข้าวกันเถอะ" พี่ชายของเธอกล่าวทักทายน้องสาวพร้อมทั้งรีบเชื้อเชิญเธอมานั่งที่โต๊ะกินข้าวทันที
"โอ้โห อะไรเนี่ยพี่กันต์ แค่ไข่เจียว กับแกงส้มน้ำเปล่าเนี่ยนะ อาหารเย็นที่พี่ทำ" ฟ้าพูดขึ้นพลางพยายามกลั้นหัวเราะ
"โห ใช่สิกว่าพี่จะทำได้นานนะจะบอกให้"
"เฮ้อ ไปอยู่ญี่ปุ่นตั้งนานทำไข่เจียวไม่เป็นได้ไง"
"นี่น้องรัก ไข่เจียวน่ะไม่ใช่อาหารประจำชาติญี่ปุ่นนะจ๊ะ เรียนวิศวะเค้าไท่สอนทำไข่เจียวหรอก"
"ไม่นะ ฟ้าหมายถึงไปอยู่ที่นั่นต้องดูแลตัวเองอาหารง่ายๆพวกนี้ก็น่าจะทำเป็นนี่"
"เหอๆ ใครจะโง่ทำ พี่ก็กินบะหมี่สำเร็จรูปสิ ง่ายดี ไม่เปลืองมากด้วย" ผู้เป็นพี่ชายยังไม่ลดละความพยายามในการเอาชนะ "แต่ช่างเถอะๆ พี่แค่อยากฝึกทำเอาไว้"
"พี่กันต์จะฝึกทำไว้ทำมัยละค่ะ ฟ้าก็ทำให้พี่กินอยู่ทุกวันแล้วนี่"
"พี่รู้ฟ้า" จู่ๆน้ำเสียงของพี่กันต์ก็เศร้าลง "แต่ฟ้าอย่าลืมสิ อาทิตย์หน้าฟ้าก็จะไปเรียนต่อแล้วนะ"
หญิงสาวเหมือนจะพึ่งนึกอะไรออกได้ อาทิตย์หน้า เธอเองจะต้องเดินทางไปเรียนต่อที่ประเทศเกาหลีแล้วเธอเหมือนกับว่าลืมไปเสียสนิท
"ค่ะ ฟ้ารู้แต่เอ๊พี่กันต์ก็....." หญิงสาวพูดพลางอมยิ้ม "ก็รีบแต่งงานซะสิค่ะ จะได้มีคนทำให้กิน ไม่ต้องง้อฟ้าด้วย"
ทั้งสองพี่น้องหัวเราะกันเสียงดังลั่นอย่างมีความสุข อาหารมื้อนั้นผ่านไปอย่างดี ถึงรสชาดอาหารจะไม่ค่อยอร่อยเท่าไหร่แต่ว่าบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความสุขนั้นก็สร้างความประทับใจให้มากเช่นกัน
เมื่ออาหารมื้อนั้นจบลง ฟ้าอยู่คุยเล่นกับพี่ชายของเธอที่ห้องรับแขกสักครู่ ก่อนขอตัวขึ้นมาอาบน้ำ เธอถอดเสื้อผ้าและเครื่องประดับทุกอย่างบนร่างกายออกเว้ณเสียแต่ แหวนทองคำขาวที่ถูกสลักเป็นภาษาต่างชาติ ที่ตั้งแต่วันนั้นที่เธอถูกใครคนหนึ่งสวมมันให้เธอ เธอก็ไม่ได้ถอดมันออกอีกเลย 4 ปีแล้วที่แหวนวงนี้ถูกสวมอยู่บนนิ้วของเธอและไม่เคยมีสักวันที่เธอจะไม่จับมันขึ้นมามองอย่างทะนุถนอม
วันเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว พรุ่งนี้แล้วสินะที่เธอจะต้องจากประเทศไทยอันเป็นที่รักเพื่อย้ายไปศึกษาหาความรู้ต่อยังประเทศเกาหลี (ที่เธอเลือกเอง) ฟ้าไม่หวั่นเกรงอะไรทั้งสิ้น ช่วงเวลา 4 ปีที่ผ่านมา เธอได้ศึกษาเรียนรู้ภาษาเกาหลีจนแตกฉาน เธอต้องการรู้อะไรอีกมากมายและใฝ่ฝันอยากจะไปเรียนต่อที่นั่น จนกระทั่งวันนี้ฝันของเธอก็เป็นจริงเพราะหลังจากที่อ้อนวอนพี่ชายของเธอมาเป็นเวลานาน พี่ชายของเธอก็ยอมอนุญาตและยอมให้เธอย้ายไปเรียนที่เกาหลีแต่โดยดี
วันนี้เป็นคืนสุดท้ายที่เธอจะได้มาที่นี่อีก ฟ้าขึ้นมายังดาดฟ้าของอาคารสำนักงานอีกครั้ง เธอตัดสินใจมาที่นี่ในเวลาที่แสนจะดึกดื่นเพียงคนเดียวเท่านั้น หน้าร้อนอย่างนี้ท้องฟ้าในยามกลางคืนก็ไม่ค่อยจะมีดาวเท่าไหร่ แต่เธอก็ยังอยากที่จะมานั่งดูนั่งจ้องมองท้องฟ้าอย่างไม่เบื่อหน่ายเลย ความตั้งมั่นของใจที่ทำให้เธออยากจะไปเรียนต่อที่เกาหลีนั้นส่วนหนึ่งก็เกิดจากระเบียงดาดฟ้าแห่งนี้ ที่ๆเธอเคยมีความสุขมากที่สุดในชีวิต คืนนั้นเธอนั่งดูดาวจนกระทั่งใกล้เช้า อากาศข้างบนนั้นหนาวเย็นเหลือเกินแต่ก็อาจจะเทียบไม่ได้กับอากาศที่เกาหลีเลย และในขณะที่เธอกำลังจะเดินจากไปจากอาคารสำนักงานแห่งนี้ เธอก็ได้หันหลังกลับไปมองจ้องที่นี่อีกครั้งหนึ่ง และหลับตาเสมือนหนึ่งว่าเธอกำลังต้องการจะเก็บภาพและความทรงจำอันแสนดีนี้เอาไว้นานแสนนาน
เมื่อเธอกลับมาถึงบ้าน เที่ยวบินของเธอจะออกตอนประมาน 10 โมง ฉะนั้นเธอยังมีเวลาอาบน้ำและหาอะไรใส่ท้องก่อนออกเดินทางได้อย่างสบาย อาการง่วงนอนหรือไม่สบายมิได้มีปรากฎเลยแม้แต่น้อย
"นี่ฟ้า ไปกันเถอะ เดี๋ยวก็ตกเครื่องหรอก" พี่กันต์พยายามเร่งเธอให้เร็วๆ ฟ้าที่นั่งอยู่ในห้องนั้นอาบน้ำแต่งตัวพร้อมทั้งเก็บของและสัมภาระเรียบร้อยหมดแล้ว เหลือเพียงแต่.....
หญิงสาวค่อยๆเปิดลิ้นชักที่โต๊ะเขียนหนังสือของเธอ จดหมายฉบับหนึ่งพร้อมกับรูปวาดภาพหนึ่งที่เธอบรรจงหยิบมันออกมา หญิงสาวมิได้เปิดอ่านเพราะเธอจำข้อความทั้งหมดในจดหมายนั้นได้แล้ว เธอได้แต่เก็บมันใส่เข้าไปยังด้านในของกระเป๋าเสื้อคลุมและหันหลังเดินออกมาจากห้องนอนของเธอทันที
ณ สนามบินดอนเมือง ประเทศไทย
"ฟ้าไปถึงแล้วเขียนจดหมายมาหาเราบ้างนะ" รินเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวของเธอกล่าวขึ้น
"จ๊ะริน ดูแลตัวเองดีดีๆนะ เราสัญญาว่าจะคิดถึงเธอทุกวันลย" เพื่อนรักทั้งสองคนสวมกอดกันทันที น้ำตาของรินไหลออกมาเป็นสาย
"ฟ้า" พี่กันต์เรียกเธอบ้าง "ขอพี่ดูหน้าน้องพี่ชัดๆอีกทีได้ไหม"
"ได้สิค่ะ" ฟ้าพูดพลางหันมายิ้มให้กับพี่กันต์ ในตาของชายหนุ่มแดงก่ำและเหมือนว่ากำลังจะมีน้ำตา
"นี่พี่กันต์ พี่เป็นอะไรไปค่ะ" ฟ้าพูดขึ้น ชายหนุ่มเองเมื่อรู้ตัวว่าน้องสาวดูอาการของตนออกจึงก้มหน้าก้มตา "ฮันแน่ อย่าบอกนะว่าพี่กันต์ยังทำใจเรื่องที่ฟ้าจะไปเรียนต่อไม่ได้" ฟ้ากล่าวต่อเธอรู้สึกเหมือนว่าประโยคที่เธอพูดออกไปเมื่อกี้ จะเป็นประโยคที่พี่กันต์เคยพูดกับเธอเมื่อ 4 ปีก่อนที่จะเดินทางไปเรียนต่อที่ญี่ปุ่น
"โหย อะไรกันพี่ทำใจได้นานแล้วละ" พี่กันต์ทำเป็นไว้ฟอร์มต่อ "เอาเป็นว่า ดูแลตัวเองดีๆละฟ้า แล้วพี่จะหาเวลาไปเยี่ยมนะ"
"ค่ะ" ฟ้ารับคำ เธอตรงเข้าสวมกอดกับพี่ชายสุดที่รักของเธอ น้ำตาหยาดใสๆ ไหลลงอาบแก้มของหญิงสาว ความรู้สึกของคนที่จากไปกับคนที่รออยู่เนี่ยมันเป็นทุกข์พอๆกันเลย
เครื่องบินค่อยๆ ทะยานขึ้นสู่ฟากฟ้าและพกพาความฝันและความหวังของหญิงสาวติดไปด้วย ทุกที่และเวลาต่อจากนี้เธอจะต้องไปใช้ชีวิตในต่างแดนแต่เธอเองก็พร้อมและจะยิ้มรับกับโชคชะตาที่กำลังจะเกิดขึ้น
ความคิดเห็น