ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    War-Of-Blood [สงครามสายเลือด]

    ลำดับตอนที่ #3 : chapter-*-2 ชายลึกลับกับจดหมายสีดำ

    • อัปเดตล่าสุด 6 ม.ค. 49


                    เสียงผู้คนยังคงดังจอกแจกจอแจ  ในวันหนึ่งที่อากาศเป็นใจ ท้องฟ้าสีฟ้าสดใส  แต่งแต้มด้วยสีขาวเสมือนมุกที่ประปรายของปุยเมฆ  พระอาทิตย์สาดแสงสีทองทอประกาย นี่เป็นวันที่ดีอีกวันหนึ่ง

        

                    “หยุดนะ ’ฟีเลียส’ แล้วส่งลูกแก้ววิเศษ มาให้ข้า’ซิสซัส’ ชายเลือดสีดำผู้ยิ่งใหญ่ เดี๋ยวนี้” เสียงเล็กๆของเด็กผู้ชายคนหนึ่งดังขึ้น ก่อนจะหันดาบไม้ในมือไปหาเพื่อนอีกคน

        

                    “ชะ.....ช่า เจ้าซิสซัสตัวกะจ้อยร่อย บังอาจมาดูถูก’ฟีเลียส’ผู้เก่งกล้าอย่างข้า ลูกแก้ววิเศษนี่จะต้องเป็นของข้าคนนี้เท่านั้น”

        

                    “อะ.....จ้ากกก”

        

                    “ย้ากกก”

        

                    เสียงตะโกนโหวกเหวกของเด็กๆด้านนอก  ทำให้การทำงานของเด็กหนุ่มอีกคนด้านในหยุดชะงักลง ‘อีกแล้วใช่มั้ยเนี่ย ที่อื่นมีตั้งเยอะแยะทำไมไม่ไปเล่นกันนะ มันน่านักเจ้าพวกนี้’ เขาคิดอย่างไม่ค่อยพอใจ  ก่อนจะเดินออกไปจัดการกับปัญหาที่เกิดขึ้น

        

                    “เฮ้  หยุดนะเจ้าทั้งสองคนนั่นแหละ หยุด....หยุด เดี๋ยวนี้ ข้าบอกพวกเจ้าหลายครั้งแล้วใช่มั้ยว่า อย่ามาเล่นกันหน้าร้านพ่อข้า เสียงตะโกนของพวกเจ้ามันทำให้ลูกค้าแตกตื่น” น้ำเสียงที่ไม่ค่อยสบอารมณ์เท่าไรดังขึ้น  พร้อมๆกับที่เสียงตะโกนโหวกเหวกของเด็กๆเงียบลง ก่อนจะพร้อมใจหันไปมองหน้าผู้มาใหม่



                    เด็กหนุ่มเจ้าของโครงหน้าได้รูปซึ่งติดจะดูดีเป็นพิเศษเมื่อริมฝีปากอมชมพูนิดๆนั้นแย้มยิ้ม เช่นเดียวกันกับเวลาที่ใบหน้านั้นดูเรียบๆออกจะบึ้งตึงก็ให้ความรู้สึกน่าเกรงขามแต่ก็ดึงดูดอยู่ไม่น้อย  ดวงตาสีฟ้าอมเทาที่ดูสดใสบัดนี้กลับฉายแววรำคาญและเบื่อหน่าย  เส้นผมสีดำที่เดิมก็ดูไม่ค่อยเรียบกลับยิ่งดูยุ่งเหยิงเข้าไปใหญ่เมื่ออยู่ในสภาพแบบนี้

        

                    “โธ่...แพน ไม่มีที่ไหนเหมาะจะเล่น ซิสซัสผู้ยิ่งใหญ่เท่าที่นี่อีกแล้วนะ” เสียงเด็กผู้ชายตัวโตที่สุดในกลุ่มคนหนึ่งพูดด้วยน้ำเสียงผิดหวังเต็มที่ ลานโล่งๆแต่ยังมีต้นไม้ใหญ่ให้ร่มเงา เก้าอี้ไม้ตัวยาวเหมาะนักสำหรับนั่งพักเวลาที่เล่นจนหมดแรง ที่นี่เหมาะจะเป็นที่เล่นสนุกของพวกเด็กๆที่สุดแล้ว

        

                    “พี่แพนขอพวกเรามาเล่นที่นี่บ้างไม่ได้เหรอ เมื่อก่อนพี่ก็มาเล่นกับพวกเราบ่อยๆนี่นา“ เสียงเด็กผู้หญิงพูดเสริมด้วยน้ำเสียงผิดหวัง

        

                    “โธ่…จินนี่มันไม่เหมือนเดิมอีกแล้วพี่โตขึ้น ต้องรับผิดชอบมากขึ้น ไม่มีเวลามาเล่นเป็นเด็กๆอีกแล้ว เข้าใจพี่ใช้มั้ย” แพนพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนลง พลางลูบผมสีดำยาวสลวยของเด็กผู้หญิงคนนั้นด้วยความเอ็นดู นั่นทำให้หน้าของจินนี่เริ่มสีจัดขึ้น

        

                    “ก็ได้ เราจะไปเล่นซิสซัสผู้ยิ่งใหญ่ ที่อื่นก็ได้” จินนี่พูดด้วยความมั่นใจ

        

                    “ดีมาก เป็นเด็กดีกันทุกคนเลยนะเนี่ย แล้วอย่าส่งเสียงดังกันหล่ะเดี๋ยวจะโดนว่าเอาอีกนะ” แพนพูด

        

                    “คร้าบบ,ค่า” เด็กๆตกปากรับคำอย่างแข็งขัน  ทำให้แพนยิ้มออกมาน้อยๆ  มันจะเป็นแบบนี้เสมอ เวลาที่เจ้าพวกตัวจุ้นนี่มาเล่นหน้าร้านของพ่อทีไร...

        

                    ร้าน’เพอร์เฟ็กต์พอต’ ร้านขายหม้อชั้นดี ขนาดร้านไม่ใหญ่ไม่เล็ก แถบชานเมืองฟอร์คฮอร์น ที่ไม่ค่อยวุ่นวายเท่าใดนัก หน้าร้านมีป้ายไม้ขนาดใหญ่เขียนด้วยตัวอักษรสีแดงว่า ‘Perfect Pot’ ร้านนี้เป็นที่รู้จักกันดีของคนฟอร์คฮอร์น เพราะเป็นร้านหม้อร้านเดียวในเมืองนี้จึงไม่แปลกที่ร้านนี้ดูจะคึกคักกว่าที่มันควรจะเป็น นั่นส่งผลให้ ‘เพอร์รี่’ ชายอายุอานามราวสี่สิบกว่าๆ ท่าทางใจดี ที่มีแต่รอยยิ้ม ต้องยุ่งวุ่นวายอยู่เสมอ

        

                    ฟอร์คฮอร์น เมืองเล็กๆที่ห่างไกลจากกรุงซานริโอ เมืองหลวงของแบล็กแลนด์ แต่ก็เป็นอีกเมืองหนึ่งที่เศรษฐกิจดีเยี่ยม   ฟอร์คฮอร์นเป็นศูนย์รวมของเครื่องเทศ และพืชเศรษฐกิจชองแบล็กแลนด์ แต่ที่นี่ก็มีปัญหาการบุกรุกของพวกไวท์แลนด์อยู่บ่อยๆเพราะมีชายแดนที่ติดต่อกับพวกไวท์แลนด์อยู่หลายแห่ง แต่ฟอร์คฮร์อนก็เป็นบ้านเกิดเมืองนอนที่แพนรักและภาคภูมิใจมาตลอด...

        

                    “ ไงแพน ข้างนอกมีอะไรหล่ะ” เสียงเพอร์รี่ผู้เป็นพ่อ พูดกับลูกชายเพียงคนเดียว หลังจากที่แพนเดินกลับเข้ามาในร้าน

        

                    “อ้อ--ไม่มีอะไรหรอกพ่อแค่พวกเด็กๆน่ะ”  แพนพูดพลางชำเลืองมองพ่อของเขาที่ตั้งท่าเหมือนจะตีหม้อใบใหม่อีกใบ



                    “ฉันว่าพ่อน่าจะพอได้แล้วนะ  ใบที่เท่าไหร่แล้วหล่ะเนี่ย”  แพนเอ่ยถามเพอร์รี่

        

                    “สิบเก้า  ใบที่สิบเก้าแล้วไอลูกชายเอ๋ย...น่าภูมิใจมาก  ทำลายสถิติเดิมซะด้วย อืม--ดีจริงๆ”  เพอร์รี่พูดด้วยน้ำเสียงที่ทำให้แพนต้องมองพ่อตัวเองด้วยสายตาขบขันระคนปละหลาดใจ เขาคิดอยู่เสมอว่ามันน่าทึ่งมากที่พ่อของเขาสามารถตีหม้อได้จำนวนมากขนาดนี้ภายในวันเดียว

        

                    “กริ๊งๆ” เสียงกระดิ่งหน้าร้านที่คุ้นเคยเรียกความสนใจของคนทั้งคู่ไปยังหน้าร้าน

        

                    “แพนเสียงกระดิ่งหน้าร้านดังหน่ะไปดูสิ  อาจจะเป็นคุณป้ามอร์เรียก็ได้ เธอบอกว่าจะมารับหม้อบ่ายนี้หน่ะ” เพอร์รี่พูด

        

                    “ ได้ฮะ”   แพนตอบก่อนที่จะเดินไปหน้าร้าน…และนั่นก็ทำให้แพนต้องปละหลาดใจอีกครั้ง

        

                    ชายผู้หนึ่งในชุดคลุมสีดำเป็นมันตัวยาว  ยืนอยู่หน้าร้านด้วยท่าทีสงบ หมวกรูปทรงสวยงามสีดำใบใหญ่ที่ดูแปลกตาอยู่ไม่น้อยสวมอยู่บนศรีษะ  ทำให้ใบหน้าของชายผู้นั้นถูกบดบังไว้กว่าครี่ง เหลือแต่เพียงดวงตาอีกข้างที่หรี่เล็กลงเล็กน้อยมองแพน อย่างไม่วางตา รอยยิ้มแปลกๆปรากฏอยู่ที่มุมปากของชายผู้นั้น แพนเองก็ยังจ้องมองเขาอยู่ รอยยิ้มนั่นไม่ทำให้แพนรู้สึกพอใจเลยสักนิด และดูเหมือนว่าชายคนนั้นจะอายุมากกว่าเขาเพียงเล็กน้อย แพนตัดสินใจเอ่ยทักออกไปก่อนเนื่องจากท่าทีของเขายังคงดูเยือกเย็นอยู่เช่นเดิม

        

                    “เอ่อ...สวัสดีครับ คุณต้องกา...”

        

                    “เรามาธุระ- - ธุระสำคัญ ไม่ได้ทำอะไรๆอยากที่เจ้าอยากให้เราทำหรอก” ชายคนนั้นพูดแทรกก่อนที่แพนจะพูดจบ เขาชูซองจดหมายสีดำที่ค่อนข้างหนาขึ้นมา และดูเหมือนว่าจดหมายนั้นจะอยู่ในมือของเขาก่อนที่จะได้หยิบมันด้วยซ้ำ เขายื่นจดหมายที่อยู่ในมือมาตรงหน้าแพน  ซึ่งเหมือนจะเป็นสัญญาณว่าให้เขารับมันไว้ ท่าทีของเขาดูมั่นใจและยังคงดูสงบอยู่เช่นเดิม แต่แพนก็ไม่ได้ชอบใจเท่าไหร่หรอก

        

                    “ คุณเป็นใคร...ไปรษณีย์หรือ” แพนถามชายคนนั้นด้วยคำถามที่ออกจะแสดงความรู้สึกของเขาอย่างชัดเจน แพนรู้สึกตั้งแต่นาทีแรกว่าเขาไม่ถูกชะตากับชายผู้นี้ ทั้งชุดคลุม หมวกรูทรงแปลกประหลาด ท่าทางมั่นใจเกินกว่าเหตุ หรือจะเป็นการพูดจาของเขา แต่ก็ดูเหมือนจะมีอะไรบางอย่าง ทำให้เขาตัดสินใจรับจดหมายของเขา รอยยิ้มเล็กๆปรากฏ อยู่ตรงมุมปากของขายลึกลับอีกครั้ง ก่อนที่เขาจะกล่าวตอบด้วยน้ำเสียงที่ดูจะมั่นใจกว่าเดิม



                   “ ไม่...เราดูเหมือนขนาดนั้นเลยเหรอ...คิดว่าไม่นะ” น้ำเสียงแบบนี้ของเขาทำให้แพนรู้สึกไม่ชอบใจขึ้นอีกนิดหน่อย



                   “ก่อนอื่นเรามั่นใจอย่างยิ่งยวดว่าเจ้าคือ แพนิค ธีปส์ ทุกอย่างที่เจ้าครวจะรับรู้มีอยู่ในจดหมาย ” เขายังคงพูดต่อไป แต่น้ำเสียงดูเป็นทางการขึ้นมาก



                   “อย่า...คิดว่าเรื่องที่เจ้าจะได้รับรู้ต่อไปนั้นเป็นเรื่องโกหก...หรือปั้นน้ำเป็นตัว อย่าพยายามทำลายจดหมายทิ้งหรือทำเป็นลืมมัน ไม่ว่าจะด้วยความเต็มใจหรือไม่ก็ตาม เจ้ามีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องปฏิบัติตาม...หวังว่าคงจะเข้าใจ” เขาสังเกตเห็นสีหน้าของแพนฉายแววหวาดหวั่นขึ้นมานิดๆ นั่นทำให้รอยยิ้มของเขากว้างขึ้นมาจนดูเหมือแสยะ



                   “เอาหล่ะ...ดูเหมือนว่าข้าคงต้องไปเสียที เราคงได้พบกันอีก....ใช่ไหม--คุณธีปส์” ชายลึกลับรีบพูดตัดบททันที เมื่อเห็นว่าแพนพยายามจะซักไซ้เขาต่อ ชายคนนั้นหันหลังกลับอย่างรวดเร็วจนปลายเสื้อคลุมของเขาสะบัดขึ้น ก่อนจะเดินกลับออกไปจากร้านโดยไม่เหลียวกลับมามองแพนอีกเลย ดูเหมือนว่าเขาจะรีบเร่งมาก เสื้อคลุมสีดำของเขายังคงพลิ้วไหวเมื่อแพนมองตามหลังชายผู้นั้น ขณะที่เขาเดินห่างออกไปไกลเรื่อยๆ ความรู้สึกแปลกประหลาดบังเกิดขึ้นภายในจิตใจของแพน ความรู้สึกที่เหมือนจะร้องบอกว่าชายคนนี้ไม่ใช่แค่อย่างที่เห็น



                   “แพน...แพน” เสียงของเพอร์รี่เหมือนจะปลุกให้แพนออกจากห้วงความคิดของเขา แล้วทำให้เขาเริ่มกังวลถึงเรื่องจดหมายขึ้นมา



                   “ใครมาน่ะ--มอร์เรียหรือเปล่า” เพอร์รี่ถาม เขาเดินออกมาจากหลังร้านเมื่อได้ยินเสียงกระดิ่งซึ่งเป็นสัญญาณบอกว่ามีใครสักคนเดินออกไปหรือเข้ามา



                   “เปล่าฮะ...ไม่ใช่ป้ามอร์เรีย เป็นผู้ชายแต่งตัวแปลกๆ เค้าเอาจดหมายมาให้ผม” แพนชูสิ่งที่ได้รับมาให้ผู้เป็นพ่อดู  เพอร์รี่หยิบจดหมายมาจามือแพน เขาพิจารราจดหมายในมืออย่างตั้งใจ ก่อนจะคืนมันให้แพนด้วยสีหน้าที่พยายามทำให้เป็นปกติ



                   “แพนลองเปิดอ่านดูสิ คงเป็นเรื่องอะไรสักอย่าง จดหมายของลูก ลูกก็ควรเป็นคนแรกที่จะอ่านมัน” เพอร์รี่พูดพลางสบตาแพน

        

                   แพนตัดสินใจแกะซองจดหมายในมือ เขาเพิ่งสังเกตตอนนี้เองว่าบนซองมีตราหรือสัญลัษณ์ ขนาดเท่าแสตมป์ทั่วไป รูปร่างแปลกๆ แบบที่แพนไม่เคยเห็น เป็นรูปหอคอยเรียงกันอยู่สามหอคอย ตรงกลางเป็นสีดำ ด้านซ้ายเป็นสีขาว ส่วนด้านขวาเป็นสีเทา ตรงกลางเหมือนเป็นโบว์หรือป้ายอะไรสักอย่างซึ่งมีตัวอักษรเขียนอยู่ด้านใน แพนเองก็อ่านไม่ออกเพราะว่ามันตัวเล็กมาก และบนซองยังมีตัวอักษรสีเงินจ่าหน้าซองถึงเขา ด้วยชื่อที่อยู่ที่ชัดเจน ทั้งๆที่ตอนแรกแพนมั่นใจว่า ไม่มีอะไรอยู่บนซองจดหมายทั้งสองด้านเลย นี่ไม่ได้ทำให้แพนแปลกใจหรือตื่นเต้น มันกลับทำให้เขายิ่งรู้สึกวิตกกังวลมากขึ้นกว่าเดิม ด้านในของซองจดหมายมีกระดาษสีครีมอยู่สักสอง-สามแผ่น แพนตัดสินใจเลือกกระดาษใบแรกที่อยู่บนสุดออกมาอ่าน...เขายังคงหวาดหวั่นเกี่ยวกับข้อความในจดหมาย



            





                ถึง ...คุณแพนิค เพอร์ลาธี ธีปส์

          

        

                                        

                                         ทางและสมาพันธ์ผู้วิเศษณ์แห่งแบล็กแลนด์มีความประสงค์ขอแจ้งให้ทราบ



                                ว่า คุณแพนิค เพอร์ลาธี ธีปส์ มีสายเลือดสีดำ ซึ่งจะส่งผลให้คุณธีปส์ มีความสามารถ



                                พิเศษอื่นๆเหนือกว่าบุคคลทั่วไป  ดังนั้นจึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่คุณธีปส์ จะต้อง



                                ได้รับการศึกษาแตกต่างไปจากบุคคลอื่นๆเนื่องจากความสามารถของคุณธีปส์อาจ



                                กลายเป็นส่วนสำคัญในการพัฒนาและปกป้องดินแดนแบล็กแลนด์จากการคุกคาม



                                ภายนอก

        

                                          ดังนั้น คุณแพนิค เพอร์ลาธี ธีปส์จะได้เข้าเรียนในโรงเรียนฝึกฝนผู้มีสายเลือด



                                ผู้วิเศษณ์ “บลัดริเว็นจ์” ซึ่งที่โรงเรียนจะทำการสอนและฝึกฝนในสิ่งที่คุณธีปส์เหมาะ



                                สมจะได้เรียนรู้  โดยนักเรียนทุกคนจะอยู่ในความดูแลของพระราชามีเดียส กษัตริย์



                                ผู้โอบอ้อมอารีย์ของแบล็กแลนด์

        

                                          เนื่องจากการที่ คุณแพนิค เพอร์ลาธี ธีปส์  มีสายเลือดสีดำ ซึ่งแตกต่างจาก



                                บุคคลอื่น  ทางโรงเรียนและสมาพันธ์ผู้วิเศษณ์แห่งแบล็กแลนด์จึงขอแจ้งให้ทราบว่า



                                ให้ปกปิดเรื่องดังกล่าวไว้เป็นความลับ เฉพาะตัวคุณธีปส์ และคนในครอบครัว เพื่อความ



                                ปลอดภัยและประโยชน์สำหรับตัวคุณธีปส์เอง



                                         (ข้อความดังกล่าวไม่ได้เป็นการขอร้องหรืออ้อนวอน แต่เป็นความจำเป็นอย่างยิ่ง



                                ที่ตัวนักเรียนและครอบครัวพึงต้องรับรู้และต้องปฏิบัติตามอย่างเค่รงครัด เพราะบุคคล



                                ที่มีสายเลือดผู้วิเศษณ์มีผลอย่างมากต่อความมั่นคงของแบล็กแลนด์)  

        

                                         จึงแจ้งมาเพื่อทราบ



                                                                                                               โรงเรียนฝึกฝนผู้มีสายเลือดผู้วิเศษณ์

                                                                                                                                              

                                                                                                                                                บลัดริเว็นจ์







                                 *รายละเอียดอื่นๆอยู่ในกระดาษส่วนต่อไป









                   แพนเงยหน้าจากจดหมายมาสบตาผู้เป็นพ่อ ข้อความในจดหมายทำให้มือของเขาเย็นขึ้นเรื่อยๆขณะที่อ่าน ใจของเขาหวาดหวั่น

    มากกว่าเดิม ดูเหมือนว่าข้อความในจดหมายจะสร้างความหนักหนาสาหัสให้กับแพน มากกว่าที่เขาคาดการณณ์ไว้หลายเท่านัก ตลอดเวลาตั้งแต่แพนมีชีวิตอยูเขาไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าตัวเขาเองมีอะไรแตกต่างจากคนอื่น แปลกแยกจากพ่อ มันทำให้เขารู้สึกไม่มั่นใจอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน



                   แพนยังมองเข้าไปในสายตาที่มั่นคงของผู้เป็นพ่อ เพอร์รี่เองก็รับรู้ได้ถีงสัญญาณความหวาดหวั่นของแพน ดูเหมือนจดหมายฉบับนี้จะไม่น่าพิสมัยซะแล้ว



                   เพอร์รี่รับรู้เรื่องราวต่างๆในจดหมายด้วยตัวของเขาเอง แพนยังคงมองพ่อของเขาอยู่เป็นระยะๆขณะที่เพอร์รี่อ่านจดหมายอย่างใจจดใจจ่อ เพอร์รี่สบตาลูกชายของตนอีกครั้งหลังจากเรื่องราวต่างๆในจดหมายถูกบันทึกไว้ในสมองเรียบร้อยแล้ว



                   “กังวลเหรอ...แพน” เพอร์รี่ตัดสินใจเอ่ยถามลูกชาย



                   “ฉันว่ามันตลกน่ะ...นี่มันคงเป็นการเล่นตลกร้ายๆของใครสักคนแน่” แพนตอบพลางฝืนยิ้ม



                   “ถ้าฉันเป็นพวกเลือดสีดำ...แบล็กแลนด์คงไม่เป็นสุขแน่” แพนยังคงฝืนหัวเราะ ภายในใจของแพนเองก็ปรารถนาให้เรื่องที่เขาได้รับรู้เป็นแค่เรื่องโกหกเท่านั้น คงมีใครสักคนไม่ชอบหน้าหรืออยากหาเรื่องเขา แล้วกุมุขตลกร้ายๆมาทำให้เขาตกใจเล่น เขาหวังอย่างรุนแรงให้มันเป็นอย่างนั้น...



                   “พ่อรู้แพน--รู้เหมือนที่ลูกรู้ว่าเรื่องทั้งหมดนี่มันเป็นความจริง อาจดูเหมือนมันตลกที่มีคนเอาจดหมายมาให้เรา และในจดหมายก็บอกว่าเรามีเลือดสีดำ แล้วเราก็เชื่อมันอย่างไร้ข้อสงสัย แต่มันเหมือนมีอะไรบางอย่างร้องบอกเราว่านี่มันไม่ใช่เรื่องโกหก” เพอร์รี่พูดเหมือนจะบอกให้แพนยอมรับมัน แต่ดูจะเป็นเรื่องที่ยากสำหรับแพน



                   “ยอมรับมันลูก...ยอมรับในสิ่งที่ตัวเองเป็น--ไม่มีอะไรน่ากลัวหรอก หากเรายังไม่ยอมรับในตัวตนของเรา แล้วใครจะมายอมรับเราหล่ะจริงไหม...เลือดสีดำไม่ใช่คำสาป ไม่ใช่ความอัปยศอดสู แต่เป็นพรสวรรค์ เป็นความสามารถที่จะช่วยปกป้องคน อื่น”



                   แพนยิ้มน้อยๆกับคำพูดของพ่อ  คนที่อยู่คียงข้างเขามาตลอด คำพูดของเพอร์รี่เรียกความกล้าหายที่อยู่ภายในใจชองแพนขึ้นมาเล็กๆ ดูเหมือนว่าเขาต้องพยายามทำใจยอมรับกับตัวตนที่แท้จริงของเขาซะแล้ว...



                   “ออโรร่าจะต้องปละหลาดใจมากแน่ๆ...ถ้ารู้ว่าลูกมีเลือดสีดำ” เพอร์รี่พูดถีงแม่ของแพนพลางยิ้มอย่างอบอุ่น  เขายังคงพูดถึงออโรร่าเสมือนกับว่าแม่ของแพนยังคงอยู่เคียงข้างพวกเขาเสมอ นั่นทำให้แพนคิดว่าพ่อของเขาเป็นคนที่ยอดเยี่ยมที่สุด



                   แพนกวาดตามองคร่าวๆไปยังกระดาษแผ่นอื่นๆ นั่นทำให้เขารับรู้ถึงปัญหาอีกที่ตามมาอีกข้อ



                   “พ่อ...ฉันว่าเรามีปัญหาอีกข้อนึงแล้วหล่ะ” เสียงของแพนทำให้เพอร์รี่หันมาด้วยสีหน้าสงสัยระคนสนใจนิดๆ



                   “ก็ไอโรงเรียนบลัดริเว็นจ์อะไรนี่ มันอยู่ที่ซานริโอนะสิ--แล้วเราก้ต้องซื้อแทบทุกอย่างที่นั่นด้วย” แพนพูดพลางมองพ่อของเขาด้วยสายตาที่บ่งบอกถึงควายากลำบากอยู่นิดๆ แล้วคำพูดของแพนก็ทำให้สีหน้าของเพอร์รี่แปรเปลี่ยนเป็นตื่นเต้นขึ้นมา



                   “เรื่องนั้นมันไม่ใช่ปัญหาหรอกไอลุกชายเอ๋ย จะได้ไปจริงๆแล้วสินะ...ซานริโอน่ะ” เพอร์รี่พูดพลางยิ้มอย่างมีเลศน์นัย นั่นทำให้แพนสงสัยในตัวของพ่อเขาเป็นที่สุด





                   ***ดูเหมือนว่าจากการที่ดินแดนแบล็กแลนด์อยู่อย่างสงบ...ปราศจากสงครามมาหลายปี จนหลายๆคนดูจะวางเฉยกับการดำเนินชิวิต แทบไม่มีใครสักคนเลยที่เอะใจว่าตอนนี้เริ่มมีเมฆฝนตั้งเค้ามาแต่ไกลแล้ว

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×