คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : ไป๋หลาน8
ลมหนาวมาเยือนแล้ว อากาศเริ่มเย็นขึ้นเรื่อยๆ ก่อนหน้านั้น1วันไป๋หลานเข้าเมืองเพื่อไปซื้อเมล็ดผักและผ้าไหมเนื้อดีมาจำนวนมาก เธอต้องการให้ท่านแม่ปักลวดลายที่ได้ฝึกจากหนังสือลงไปบนผ้าไหมพวกนี้ เธอจะนำมันไปขายให้กับร้านขายผ้าของเถ้าแก่เนี้ยเจ้าประจำ และทุกคนจะยุ่งไปแบบนี้จนถึงช่วงหิมะตก เฉิงกงเข้าไปตัดต้นไผ่มาจำนวนมาก ไป๋หลานยุ่งกับการเตรียมดินเพื่อลงปลูกผัก ใช่เธอจะปลูกในฤดูหนาวที่จะถึงนี้ถึงผักจะมีโอกาสงอกน้อยแต่เธอก็อยากจะลองทำ เพราะถ้ามันสำเร็จบ้านเธอจะมีผักสดกินในหน้าหนาวในขณะที่บ้านอื่นต้องกินเนื้อแห้งและผักดองถึงทุกคนจะชอบกินเนื้อแต่ต้องกินทุกวันตลอดหลายเดือนมันคงไม่น่าอร่อยนักไป๋หลานเธอก็คิดเช่นนั้น การปลูกผักของบ้านถงจึงเริ่มขึ้น ชั้นไม้ไผ่หลายชั้นวางตั้งในห้องของไป๋หลานเต็มไปหมด ตลอดหนาวนี้เธอคงต้องไปนอนกับท่านแม่แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไรนัก แค่มีผักสดทานทุกมื้อก็พอจะทดแทนกันได้
"ทีนี้เราก็มารอดูกันว่าพวกมันจะงอกไหม"
"พี่เชื่อว่าเจ้าจะต้องทำสำเร็จ"
"น้องหวังว่าจะเป็นเช่นนั้นเจ้าค่ะ บ้านเราจะได้ไม่ต้องทนกินเนื้อตากแห้งไปตลอดหนาวนี้ข้าเอียนยิ่งนัก"
ถึงไป๋หลานจะทำหมูแดดเดียว หมูหวาน หมูสามชั้นหมักในไหกับเครื่องแกงแต่มันก็คงไม่อร่อยเท่าผักสดที่มีความต้องการสูงในหน้าหนาวแน่ เครื่องแกงที่ไป๋หลานทำนั้น ใช้ล่าเจียวผสมกับขิงและช่วนโถว (กระเทียม) ปรุงรสให้กลมกล่อมคลุกเคล้าเนื้อหมูและกระดูกติดเนื้อเข้าด้วยกันแล้วนำไปหมักในไหพอนำมาทำอาหารแล้วมันอร่อยมาก สูตรนี้เป็นของแม่เธอในชีวิตก่อน ไป๋หลานถึงมีชีวิตรอดได้อย่างสบายในเมืองใหญ่ยังไงล่ะ ปลูกผักในกระถางและวางแผนใช้เงินให้ดีแค่นี้เธอก็ไม่ต้องกลัวอดตาย
แต่ที่ตรงนี้มีหลายสิ่งที่คนในมิตินี้ไม่รู้แต่ไป๋หลานรู้มันจึงเป็นโอกาสในการสร้างตัวและหาเงินกับความรู้ที่เธอได้รับมาจากชาติก่อน มันคือความได้เปรียบซึ่งบางอย่างจะบอกให้คนภายนอกรับรู้ไม่ได้ มองว่าเธอเห็นแก่ตัวไหม อาจจะใช่แต่ทางไหนที่ครอบครัวของเธอไม่เสี่ยงและมันคือสิ่งที่ดีเธอก็พร้อมจะทำมัน แต่สิ่งที่ไป๋หลานไม่รู้ก็คือหลังหิมะผ่านพ้นไปจะมีเรื่องยุ่งยากตามมาให้เธอได้ปวดหัวอีกมากมาย
"ข้าคิดว่าพวกเราควรเอาหิมะบนหลังคาลงมาบ้าง"
"อืม พี่เห็นด้วยมันตกมาแบบนี้สามอาทิตย์แล้ว ข้ากลัวว่าหลังคาบ้านอาจพังลงมาได้ถ้าเราไม่กวาดหิมะที่กองบนหลังคาออก"
"แต่มันอันตรายนะลูก รอให้แสงแดดละลายพวกมันแบบนี้ไม่ดีกว่าหรือ"
"พี่ใหญ่พูดถูกเจ้าค่ะ น้ำหนักบนนั้นมีมากเกินไป ต่อให้ช่างทำไว้ดีแค่ไหนมันต้องพังในสักวัน อีกอย่างจะรอให้แดดออกข้าคิดว่าคงอีกหลายวันเพราะหิมะไม่มีทีท่าว่าจะหยุดตกเลย"
4คนนั่ง เอ่อ ถึงจะบอกว่า4คนแต่ที่กำลังถกเถียงกันนี้คงมีแค่3 ส่วนซีห่าวน้อยได้แต่นั่งมองท่านแม่และท่านพี่ทั้งสองปรึกษากันด้วยความเคร่งเครียดถึงเขาจะไม่พูดแต่เขากลับเห็นด้วยกับคำพูดของพี่ทั้งสอง ทั้งหมดล้อมวงพูดคุยหลังทานข้าวเสร็จได้ความกันว่าควรขึ้นไปบนหลังคากวาดหิมะลงมาบ้าง ไป๋หลานคิดว่าถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปหลังคาคงรับน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นทุกวันไม่ไหวแน่
"ข้าจะเป็นคนขึ้นไปกวาดหิมะบนหลังคาเอง"
"ระวังนะลูก แม่เป็นห่วง"
"พี่ใหญ่ต้องเดินอย่างระวังและหาที่จับยึดให้ดีนะเจ้าคะ" ถึงแม้ว่าบ้านจะไม่สูงมากนักแต่ถ้าตกลงมาจากความสูง5เมตร (ขอเปลี่ยนใช้เป็นสากลนะคะ กลัวไม่เข้าใจกัน แต่ผักยังชื่อจีนเหมือนเดิมนะ) อย่างไม่ตั้งใจอันตรายก็มาเยือนได้เหมือนกันกระดูกอาจหักได้ เพราะแบบนั้นไป๋หลานและท่านแม่ถึงค่อนข้างเป็นห่วงเฉิงกงกันมากแต่ถ้าไม่เอาออกคงได้มีเรื่องยุ่งยากตามมาถ้าหลังคาถล่มลงมา
"ท่านแม่ไปรอข้างในก่อนนะเจ้าคะตรงนี้ข้าจัดการได้เจ้าค่ะ"
"ได้อย่างไรแม่จะรออยู่ตรงนี้ด้วย"
"ท่านไปต้มน้ำชาร้อนๆ ไว้รอพี่ใหญ่กับข้าข้างในดีกว่าเจ้าค่ะ หลังเสร็จจากตรงนี้ ได้ทานอะไรอุ่นๆ คงดีไม่น้อย"
"เฮ้อ เอาเถอะแม่จะไปเตรียมน้ำชาและข้าวต้มร้อนๆ ให้พวกเจ้านี่ใกล้จะได้เวลาทานข้าวแล้ว"
"ขอผัดผักดองเผ็ดใส่หมูหมักด้วยนะเจ้าคะ"
หลังนางหวงหลานเดินเข้าบ้านไปเฉิงกงปีนบันไดขึ้นไปกวาดหิมะอย่างระวังใช้เวลานานพอสมควรไป๋หลานคอยบอกว่าต้องเดินไปทางไหนและทำมันอย่างไร คนในมิตินี้ไม่รู้ว่าจะต้องกวาดหิมะที่ทับถมบนหลังคาออก ถึงมีหิมะถล่มลงมาทับคนทุกปีอย่างไรละ ซีห่าวน้อยออกมาปั้นหิมะเล่นอยู่ข้างๆ อย่งสนุกสนาน ตั้งแต่มีเสื้ผ้าที่ให้ความอบอุ่นเขาก็รู้สึกว่าความหนาวไม่ได้หน้ากลัวอีกแล้ว ตอนกลางคืนทุกจะออกมาล้อมวงนอนหน้าเตาผิงกัน มันอบอุ่นและนอนสบายมาก ชุดหนาวมี่พี่รองออกแบบและมีท่านแม่ตัดเย็บมันดีมากจริงๆ
นุ่นที่ครอบครัวถงช่วยกันเก็บมาเมื่อคราวก่อนถูกนำมาทำชุดกันหนาว หมอน ฟูกนอนและผ้าห่มอย่างดี ออกแบบโดยไป๋หลาน เธอคิดถึงพวกมากจึงให้ท่านแม่ตัดเย็บมีซีห่าวน้อยคอยช่วยยัดนุ่นจนมันติดเสื้อผ้าวุ่นวายช่วยกันเอาออกยกใหญ่
ตอนนี้ทั้งสามขว้างหิมะและปั้นเป็นรูปตุ๊กตาหิมะเล่นกันอย่างสนุกสนาน นางหวงหลานเห็นภาพนี้แล้วมีความสุข ถึงอย่างไรพวกเขาก็ยังเป็นแค่เด็ก จึงปล่อยให้ลูกๆ เล่นกันอย่างสนุกสนาน ตอนนี้ครอบครัวของเธอไม่ต้องเดือดร้อนเรื่องอาหาร ได้กินอิ่มทุกมื้อ ไม่ต้องหวาดกลัวในวันที่หิมะตกหนัก ไม่ต้องนอนหนาวและเบียดตัวกันอยู่บนคั่งเดียวกันเพราะกลัวถ่านจะไม่พอใช้ แค่นี้เธอก็มีความสุขแล้ว
วันนี้จึงเป็นอีกวันที่ครอบครัวถงทานข้าวกันอย่างมีความสุข พอเครื่องปรุงครบท่านแม่ก็ทำอาหารอร่อยยิ่ง ผักสดที่ปลูกเป็นอะไรที่อร่อยจริง เฮ้อ นี่แหละคือความสุขที่แท้จริง หิมะละลายเมื่อไหร่เธอจะปลูกข้าวและหยู่หมี่ คิดถึงซาลาเปาแป้งหยู่หมี่จัง เมื่อถึงฤดูเพาะปลูกคงจะมีเรื่องยุ่งยากให้ทำกันจนหัวหมุนแน่ๆ แต่ทุกคนกลับไม่กลัวเหนื่อยแต่ตอนนี้กลัวไม่มีอาหารอร่อยทานกันมากกว่า
"ผักพวกนี้จะทำอย่างไรกันดีน้องรอง พวกเราคงทานกันไมาทันแน่" เฉิงกงดูเคร่งเครียดเพราะพวกเขากลัวว่าผักจะงอกจึงช่วยกันปลูกไว้เยอะมาก แต่ตอนนี้กลับมีปัญหาเข้าแล้ว ครอบครัวของเขาทานผักไม่ทัน จะปล่อยไว้แบบนี้ก็น่าเสียดายยิ่ง
"งั้นเราก็เก็บขาย ข้าคิดว่าเราลองเข้าเมืองไปขาดดู พวกนี้ต้องขายดีแน่นอนเจ้าค่ะ"
ตอนนี้ตาของไป๋หลานมีแต่เงินตำลึงลอยขึ้นมาเต็มไปหมด ต้องมีเงินเยอะๆ ถึงจะทำอะไรสะดวก ดังนั้นตอนนี้กอบโกยได้ก็ต้องกอบโกย อ่า กลิ่นเงินนี้มันดีจริงๆ
"พี่ใหญ่ข้ากำลังเก็บเงินแต่งภรรยาให้ท่าน"
"....." "....."
วันรุ่งขึ้นเฉิงกงและไป๋หลานนั่งเกวียนม้าออกจากบ้านตั้งแต่ยามเหม่า (5.00น.-7.00น.) เกวียนม้านี้ไป๋หลานจัดการซื้อมาตั้งแต่วันที่ขายเห็ดหลินจือ เฉิงกงตัดใจจ่ายเงินถึง10ตำลึงทองถึงจะได้มันมา แต่มันก็สะดวกยิ่ง พวกเขาไม่ต้องนั่งรอเกวียนของผู้อื่นหรือไปนั่งเบียดกับใคร ไป๋หลานนั่งข้างในคอยจับตะกร้าผักไม่ให้ล้ม เฉิงกงบังคับม้าให้เดินไปตามทางที่คุ้นชินอย่งชำนาญ ใช้เวลาเพียง1ชั่วยามก็ถึงหน้าประตูเมือง คนเฝ้าประตูจำเฉิงกงได้จึงปล่อยเข้าไปอย่างง่ายดาย
ความคิดเห็น