ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ไป๋หลานยอดหญิงสกุลถง(มีE-BOOKแล้ว)

    ลำดับตอนที่ #2 : ไป๋หลาน2

    • อัปเดตล่าสุด 14 มี.ค. 64


    แต่ความสุขคงจะอยู่ได้ไม่นานเมื่อมาถึงบ้านไป๋หลานและซีห่าวน้อยก็เจอกับพี่ใหญ่ที่นั่งบนแคร่หน้าเครียดรออยู่ก่อนแล้ว เมื่อเขากลับมาถึงบ้านเร็วกว่าทุกวันเพราะวันนี้และวันต่อๆไปเขาจะไม่ได้เข้าไปทำงานในเมืองอีกแล้ว

     

    "พวกเจ้าเข้าป่ากันมาหรือ มันอันตรายมากพวกเจ้ารู้หรือไม่" เฉิงกงมองเห็นน้องทั้งสองคนที่ตนเองนึกเป็นห่วงอยู่มากเดินสะพายตะกร้าและถือกระต่ายกับไก่ป่าเข้ามาจึงเข้าใจว่าเด็กทั้งสองคนหายไปที่ใดมา ใบหน้าเรียวใสซูบตอบของไป๋หลานตอนนี้แดงก่ำจากการที่ต้องเดินไปกลับ ส่วนซีห่าวน้อยเหงื่อไหลเต็มดวงหน้าเล็กๆซูบตอบอย่างคนขาดสารอาหารนั้นทำให้เฉิงกงรู้สึกผิดอยู่มากคำพูดที่เตรียมจะต่อว่าติดอยู่ในลำคอเมื่อเห็นสภาพของน้องสาวและน้องชาย

     

    เขาเป็นพี่ชายและตอนนี้ยังมีภาระคือการเป็นหัวหน้าครอบครัว หลังจากท่านพ่อจากไปในตอนที่เขาอายุ8ปี เฉิงกงก็พยายามทำทุกอย่างเพื่อให้ครอบครัวอยู่รอด ท่านแม่ที่ทุกวันเมื่อคิดว่าไม่มีใครอยู่จะนั่งเหม่อลอยและคิดถึงท่านพ่อแต่ถึงจะเป็นแบบนั้นท่านแม่ก็ยังต้องทำงานหนักเพื่อหาเลี้ยงเขาและน้องทั้งสองคน เขาทนไม่ได้ที่จะปล่อยให้ท่านแม่เหนื่อยอยู่คนเดียวจึงเข้าไปหางานทำในเมือง ทุกวันจะต้องออกไปทำงานแต่เช้า ด้วยอายุที่น้อยและร่างกายที่ขาดสารอาหารทำให้ไม่มีงานดีๆที่ไหนจ้างเขาทำ เขาจึงต้องไปทำงานเป็นคนเก็บมูลม้าค่าแรงวันละ50อีแปะ พอให้ได้ซื้อข้าวมาเลี้ยงคนในครอบครัว

     

    แต่วันนี้เมื่อเขาเดินทางไปทำงานเหมือนทุกวัน กลับเห็นว่าโรงม้าปิดกิจการ เฉิงกงตกใจมากจึงเข้าไปสอบถามคนในระแวกนั้นจึงรู้ว่าโรงม้าย้ายไปเปิดที่เมืองอื่นแล้วเพราะใน เมืองจิงเชียง แห่งนี้มีโรงม้าเปิดแข่งกันถึง3เจ้า โรงม้าที่เขาทำงานคือโรงม้าเปิดใหม่ที่มาจากต่างเมือง ทนการรังแกไม่ไหวจึงย้ายหนีไป ตอนนี้เขาคือคนที่ว่างงานนั่นหมายถึงครอบครัวกำลังขาดรายได้อีกทาง และฤดูหนาวนี้จะยาวนานเหมือนปีที่แล้วหรือไม่ นั่นคือสิ่งที่เฉิงกงกังวล

     

    "พี่ใหญ่ท่านไม่ได้ไปทำงานหรือเจ้าคะ" ไป๋หลานมองสีหน้าเคร่งเครียดของพี่ใหญ่ที่กำลังครุ่นคิดอย่างห่วงใย 'อย่าทำหน้าดุนักเลย ฉันอายุเยอะกว่านายนะ อิอิ'

    "โรงม้าที่พี่ทำอยู่ปิดกิจการย้ายไปเปิดที่ต่างเมืองแล้ว" เฉิงกงตอบกลับน้องสาวเสียงแผ่ว เขารู้สึกผิดที่ต้องทำให้ท่านแม่และน้องสาวน้องชายต้องลำบาก 'ท่านพ่อข้าขอโทษนะขอรับ'

    "พี่ใหญ่ไม่เป็นไรนะขอรับ วันนี้ข้ากับพี่รองได้อาหารมาเยอะแยะเลย และที่สำคัญวันนี้เราจะได้ทานเนื้อ" ซีห่าวน้อยเอ่ยปลอบใจพี่ใหญ่อย่างอ่อนโยนก่อนจะพูดด้วยเสียงอันภูมิใจที่ตัวเองดักสัตว์ได้

    "โอ้ เยี่ยมเลยวันนี้พี่ใหญ่จะทำซุปเนื้อให้เจ้ากินดีหรือไม่" เฉิงกงปล่อยวางเรื่องที่กังวลและคุยกับซีห่าวอย่างใจดี

    "ดีขอรับ ดีขอรับ พี่ใหญ่ทำซุปอร่อยที่สุด พี่รองท่านต้องได้ทานซุปที่พี่ใหญ่ทำนะขอรับมันเยี่ยมมาก" ยังคงเป็นซีห่าวที่ทำให้ความตึงเครียดของพี่ใหญ่หายไป

     

    ไป๋หลานมองภาพที่พี่ชายและน้องชายพูดคุยกัน มองซีห่าวน้อยที่ร่าเริง มองเฉิงกงพี่ใหญ่ของร่างนี้อย่างนับถือ ทั้งๆที่อายุยังน้อยแต่กลับมีความเป็นผู้ใหญ่เกินตัว ในความทรงจำพี่ใหญ่ใจดีและคอยเป็นที่พึ่งของน้องๆเสมอ แต่ตั้งแต่ท่านพ่อจากไป จากเด็กชายผู้ใจดีกลับเคร่งขรึมและเงียบมากขึ้น แต่นิสัยรักครอบครัวกลับเพิ่มขึ้นจากเดิมมากนักทุกวันต้องออกไปทำงานหนัก ท่านแม่ของร่างนี้หรือ ถงหวงหลาน ต้องทำงานหนักเพิ่มขึ้นหลังจากท่านพ่อจากไป หน้าหนาวปีก่อนบ้านถงต้องอยู่อย่างอัตคัตอดมื้อกินมื้อ เสื้อที่ใส่แทบจะกันลมหนาวไม่ได้ บ้านที่ดูทรุดโทรมจนไป๋หลานกลัวว่ามันจะรับน้ำหนักของหิมะไม่ได้

     

    เธออยากได้เมล็ดผักเหลือเกิน ถึงจะมีเงินอยู่แต่จะบอกครอบครัวว่ายังไงดี เพราะสิ่งที่เธอมีมันไม่สมควรที่จะบอกกล่าวกับใครทั้งนั้น มันอันตรายเกินไป

     

    "พี่ใหญ่เจ้าคะ ข้าอยากปลูกผัก ปีนี้บ้านเรายังไม่ได้ปลูกมันเลยนะเจ้าคะ" ไป๋หลานตัดสินใจเอ่ยถาม มันจำเป็นที่จะต้องกักตุนเสบียงเพราะในความทรงจำของร่างนี้หน้าหนาวปีที่ผ่านมายาวนานมากจนเกินไป เธอไม่ยอมทนหิวในขณะที่ร่างกายหนาวเย็นหรอกนะ อย่างน้อยท้องจะต้องอิ่มร่างกายถึงอบอุ่นขึ้น

     

    "ท่านแม่มีเมล็ดผักของปีที่แล้วเก็บไว้อยู่บ้าง เจ้าแน่ใจนะน้องรองว่าจะปลูกมัน" มันเป็นเมล็ดผักที่ท่านแม่ซื้อมาปลูกแต่ผลที่ได้ผักกลับเล็กแกรนจนสุดท้ายมันก็ตายไป

     

    "เมื่อปีที่แล้วพวกเราก็ปลูกแต่ผักต้นเล็กมากและมันก็ค่อยๆเหลืองตาย" ซีห่าวน้อยพูดเสียงเศร้าเพราะเขาเป็นคนรดน้ำให้พวกมันแต่พอมันตายจึงเสียใจอยู่บ้าง

     

    "ที่ต้นผักไม่โตเพราะมันไม่ได้รับสารอาหารที่เพียงพอเจ้าค่ะ" ไป๋หลานเริ่มเข้าใจในปัญหาหลังจากเดินไปสำรวจดินของบ้านถง มันทั้งแข็งและไม่มีแร่ธาตุอะไรเลย

     

    "มันสำคัญด้วยหรือขอรับพี่รอง" ซีห่าวน้อยทำหน้าไม่เข้าใจ

     

    "สำคัญมาก ถ้าเรามีมูลของสัตว์เอามาผสมกับหน้าดินที่เราพลิกแล้วพักไว้2-3วัน เมื่อเราปลูกผักมันต้องโตแน่ๆ" ไป๋หลานอธิบายให้กับซีห่าวน้อยที่ตอนนี้สายตาเป็นประกายเมื่อรู้ว่าพี่รองมีวิธีปลูกผัก

     

    "เจ้ารู้ได้เช่นไรน้องรองว่าถ้าใช้มูลสัตว์แล้วผักจะโต" เฉิงกงมองหน้าน้องสาวที่อ่อนแอของตนเองอย่างสงสัย ดวงหน้าที่ถึงแม้จะซูบตอบไปบ้างแต่แววตาในตอนนี้กลับมีชีวิตชีวาต่างจากก่อนหน้าไปมาก อีกทั้งร่างกายที่ดูแข็งแรงมากขึ้นหลังจากฟื้นจากการป่วยครั้งนั้น

     

    "ท่านพ่อมาเข้าฝันแล้วบอกข้าเจ้าค่ะ" ไป๋หลานตัดสินใจอ้างท่านพ่อที่ล่วงลับไปแล้วอย่างรู้สึกผิด 'ข้าขอโทษนะเจ้าคะ'

     

    "....." เฉิงกง

    "....." ซีห่าว

     

     

     

     

    มื้อเย็นของครอบครัวถงวันนี้ทุกคนอิ่มกันถ้วนหน้าจนท้องป่องเนื่องจากไม่ได้กินเนื้อและกินอิ่มมานานมากจึงทำให้อึดอัดอยู่บ้างแต่ก็ทำให้ทุกคนยิ้มได้ ซีห่าวน้อยคือคนที่มีความสุขที่สุดจึงพูดและหัวเราะเสียงดังสร้างความครื้นเครงในบ้านและดึงเอาความเครียดของพี่ใหญ่ทิ้งไปได้ ไป๋หลานมองทุกคนมีรอยยิ้มก็ยิ้มตาม ครอบครัวมันเป็นแบบนี้สินะ เธอไม่ได้สัมผัสมันมาหลายปีแล้วนับตั้งแต่พ่อกับแม่จากไป จึงอยากจะรักษาสิ่งที่เธอยอมรับในที่สุดว่าครอบครัวและจะทำให้ทุกคนมีความสุข

     

     

     

     

     

    รุ่งเช้าครอบครัวถงยุ่งกันมากหลังจากที่ทานข้าวเช้ากันไปแล้วจึงมาช่วยกันพลิกหน้าดินตรงหน้าบ้านและหลังบ้าน วันนี้ท่านแม่ไม่ได้ออกไปรับจ้างซักผ้าจึงออกมาช่วยทำงาน เฉิงกงไปขอมูลสัตว์กับคนในหมู่บ้าน ซึ่งมันไม่เสียเงินเลยสักนิดเพราะคนที่นี่ไม่ได้ใช้ประโยชน์จากมัน ไป๋หลานคาดว่าเพราะไม่มีใครรู้ จึงฉวยเอาโอกาสนี้ก่อนที่มันจะแพร่หลายหลังจากที่ผักของเธอโตเพราะถึงยังไงเมื่อมีคนถามเธอก็จะตอบไปตามตรงอยู่ดี

     

    หลังจากที่ช่วยกันพลิกหน้าดินและโรยปุ๋ยเรียบร้อยแล้ว จึงเป็นเวลาของอาหารเที่ยง ยังดีที่นี่ทานข้าวสามมื้อต่อวันไม่อย่างนั้นไป๋หลานคงหิวจนตาลายแน่

     

    "พี่รองพวกเราต้องรออีกกี่วันขอรับ ถึงจะปลูกได้" ซีห่านยังคงสดใสเหมือนเดิมและดูจะมีความสุขมากที่ได้ช่วยทำงาน ท่านแม่และพี่ใหญ่ต่างยิ้มด้วยความเอ็นดู แต่ไป๋หลานกลับสะท้อนใจ ที่น้องไม่ได้เรียนหนังสือในขณะที่เด็กรุ่นนี้ของบ้านอื่นเข้าสำนักศึกษากันไปหมดแล้ว จึงตั้งใจที่จะสร้างฐานะของบ้านให้ดีขึ้นและส่งเด็กน้อยเข้าสำนักศึกษาให้ได้

     

    "ต้องพักดินสัก2-3วัน หลังจากนั้นเราจะโรยเมล็ดกัน" ไป๋หลานตอบกลับอย่างสดใส ตั้งแต่ฟื้นจากการป่วยพลังชีวิตของเธอมีอยู่เต็มเปี่ยม พลอยทำให้คนในบ้านโล่งใจและดีใจที่ไป๋หลานหายป่วย

     

    "แล้วระหว่างที่เรารอเราเข้าป่าดีหรือไม่ขอรับ" ซีห่าวน้อยที่รู้ว่าไปกับพี่รองแล้วจะมีโชคถามอย่างมีความหวัง วันนี้เขาต้องได้กินเนื้อ

     

    หลังจากตกลงกันแล้วพี่น้องบ้านถงก็แบกตะกร้าเดินเข้าป่าในเวลาบ่ายคล้อยโดยปล่อยให้ท่านแม่รออยู่ที่บ้าน เมื่อเข้ามาในป่า ซีห่าววางกับดักไว้4อัน พี่ใหญ่มีธนูของท่านพอติดมือมาด้วยเผื่อเจอสัตว์ใหญ่ซึ่งมันยากมากที่จะมีพวกมันออกมาเดินอยู่ป่ารอบนอก

     

    ไป๋หลานเดินสำรวจป่าอย่างละเอียดเพราะเมื่อวานเธอกับซีห่าวอยู่เพียงรอบนอก แต่วันนี้พี่ใหญ่มาด้วยจึงเดินเข้าไปลึกขึ้น ก่อนจะตาโตเมื่อเห็นลูกสีเหลืองทองบนต้นไม้มันคือ หมางกั่ว(มะม่วง) ที่กำลังสุกเหลืองหน้ากิน จึงเดินเข้าไปมองหาลูกที่พอจะใช้ได้มันหล่นอยู่ใต้ต้น เมื่อเจอจึงหยิบขึ้นมาเช็ดกับเสื้อเล็กน้อยก่อนจะใช้ฟันกัดเข้าไปเต็มคำ กลิ่นหอมที่เป็นเอกลักษณ์ของหมางกั่วฟุ้งอยู่ในปาก รสหวานอมเปรี้ยวนิดๆช่วยให้ร่างกายกระชุ่มกระชวย

     

    "น้องรองเจ้าทำอะไร มันทานได้หรือ" เฉิงกงทำหน้าตกใจรีบเข้าไปสำรวจจับเนื้อตัวน้องสาวอย่างเป็นห่วง ผลนี้เขาเห็นมันมานานแล้วแต่ไม่กล้ากินมัน ถึงแม้ว่าตอนที่มันเป็นสีเหลืองจะมีกลิ่นหอมแต่ชาวบ้านที่นี่ต่างคิดว่ามันมีพิษจึงปล่อยให้มันร่วงหล่นเน่าเสียอยู่ใต้ต้น แต่มาวันนี้น้องสาวของเขากลับกัดมันเข้าไปอย่างไม่กลัวตาย

     

    "พี่รอง พี่อย่าเป็นอะไรนะขอรับ ท่านลืมตาสิขอรับ ฮึก~" ซีห่าวน้อยตกใจร้องไห้เมื่อเห็นพี่สาวหลับตาหลังจากที่กัดผลพิษเข้าไปแล้ว เสียงสั่นเครือของพี่ชายและน้องชายปลุกให้ไป๋หลานตื่นจากภวังค์

     

    "ข้าไม่เป็นอะไร ผลนี้มันทานได้พี่ใหญ่เราเก็บมันกันเถอะเจ้าค่ะ นอกจากจะทานผลสุกได้แล้ว เรายังนำมันไปตากแห้งทานในหน้าหนาวได้" ไป๋หลานเอ่ยปลอบคนขี้กังวลทั้งสองก่อนเอ่ยรบเร้าเฉิงกง ถึงแม้เฉงกงจะไม่ไว้ใจแต่หลังจากที่ทานมันเข้าไปแล้ว ก็เบิกตากว้าง

     

    "นี่มัน....อร่อย หวานทีเดียวน้องรองเจ้าโชคดีมาก" เฉิงกงเอ่ยอย่างตื่นเต้น บ้างถงจะมีเสบียงเพิ่มขึ้นในหน้าหนาว ซีห่าวน้อยหลังจากเห็นพี่ใหญ่กับพี่รองทานจึงหยิบผลที่ยังดูดีขึ้นมาทานบ้างหลังจากนั้นตัวเขาก็หยุดไม่ได้อีกเลย

     

    "อร่อยมากขอรับ. พี่รองดีที่สุด" เสียงเล็กเอ่ยสร้างความสดใสอีกครั้ง ปากเล็กเปื้อนเป็นสีเหลืองทำให้เฉิงกงและไป๋หลานหัวเราะอย่างมีความสุข

     

    "แล้วพี่ใหญ่เล่า" เฉิงกงเอ่ยเย้าน้องชายตัวน้อยอย่างนึกสนุก

     

    "พี่ใหญ่ก็ดีที่สุดขอรับ" ซีห่าวออดอ้อนพี่ใหญ่ในขณะที่ยังกินผล หมางกั่วอยู่เต็มปาก

     

    หลังจากเก็บหมางกั่วจนเต็มตะกร้าที่นำมา พี่น้องบ้างถงเดินออกมาจากป่าอย่างมีความสุข และความสุขก็เข้ามาเยือนสามพี่น้องอีกครั้งเมื่อกับดักที่ซีห่าววางไว้ มีหมูป่าตัวใหญ่อยู่ นั่นหมายถึงว่าพวกเขาจะมีเสบียงเพิ่มขึ้นในหน้านาวที่จะถึงในอีกไม่กี่เดือนนี้

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×