ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ไป๋หลานยอดหญิงสกุลถง(มีE-BOOKแล้ว)

    ลำดับตอนที่ #12 : ไป๋หลาน12

    • อัปเดตล่าสุด 10 ก.พ. 64



     

     

    อีกแค่ไม่ถึงเดือนก็จะถึงวันสิ้นปีแล้ว บ้านถงไม่มีบรรพบุรุษให้ไหว้จึงคิดกันว่าจะเดินแจกอังเปาให้เด็กในหมู่บ้านและกินเกี๊ยวกันในครอบครัวก็พอ ดังนั้นจึงไม่ได้เตรียมอะไรมากนัก นอกจากเตรียมของเซ่นไหว้ให้ท่านพ่อก็ไม่มีสิ่งใดให้จัดการ จึงว่างงานกันอย่างมาก ชุดของฮูหยินและท่านเจ้าเมืองปักเสร็จไปเมื่อวานแค่ให้ถึงวันนัดก็จะนำไปส่ง ไป๋หลานจึงได้มีโอกาสสำรวจดูช่องเก็บของว่ามีสิ่งใดอยู่บ้าง

     

    "สมุนไพรระดับต่างๆ มียาเม็ดลูกกลอนต้านพิษด้วยตั้ง10เม็ดแหนะ ปิ่นปักผมทองรูปดอกเหมยนี่ได้มาตอนไหนเนี่ยเอาไปให้ท่านแม่ดีกว่า มีหยกมันแพะไว้ทำเป็นตราประจำตระกูลดีไหมนะ" แต่สิ่งที่สะดุดตามากที่สุดคือแหวนมิติที่เธอใช้เก็บหลินจือแดงและตั๋วเงินตำลึงทองเอาไว้และไม่เคยนำมันออกมาจากช่องเก็บของเลยหากไม่จำเป็นต้องใช้เงินจริงๆ มันปลอดภัยที่สุดแล้ว ไหนจะโสมคนนี่อีก สิ่งนี้ไป๋หลานรู้ว่ามันมีค่าพอๆ กับอันตรายที่จะถาโถมเข้ามาหากเธอนำมันออกไปใช้หรือออกไปขาย แค่เห็ดหลินจือแดงที่ขายไปหลังจากที่เธอมารู้ทีหลังก็ระแวงไปหลายวัน

     

    ตอนท่านปู่เจียงบอกเล่าเรื่องราวว่าเห็ดที่เธอนำมันออกมาขายคนที่มีอำนาจต่างแย่งชิงกันมากแค่ไหน ก็ทำให้เกิดความกลัวขึ้นในจิตใจ เธอจึงไม่นำส่วนที่เหลือออกมาขายอีก ไหนจะผ้าไหมเมฆาที่ได้มา เธอไม่อยากเอาคนในครอบครัวมาเสี่ยง แต่ถ้ามันหมดหนทางจริงๆ คงต้องนำมันออกมาขายหรือจะนำมันเข้าประมูลดีนะ ของพวกนี้ใช่ว่าใครก็จะมีได้แต่ชาวบ้านในชนบมอย่างเธอกลับมีมัน หากใครรู้เรื่องร้ายแรงต่างๆ จะตามมาแน่นอนแต่จะทำยังไงได้ล่ะ การสร้างอาณาจักรของตัวเองก็ต้องใช้เงิน

    เมื่อออกมานอกบ้านจึงเห็นน้องชายฝึกเขียนอักษรอย่างตั้งใจ ซีห่าวน้อยเขียนคำได้มากขึ้น เดิมมีท่านพ่อสอนหนังสือให้กับเฉิงกงและไป๋หลานพอท่านพ่อจากไปเฉิงก็ไม่ได้ฝึกเขียนอีกเนื่องจากต้องออกไปทำงานหาเงิน ส่วนไป๋หลานก็ร่างกายไม่แข็งแรงจึงหยุดเขียนไป แต่ที่สองคนทำอยู่ไม่ได้ขาดคือสอนน้องชายให้อ่านออกเขียนได้

     

    "เจ้าคัดอักษรได้สวยกว่าพี่คัดอีกน้องเล็ก สงสัยวันนี้คงต้องมีรางวัลให้กับคนเก่ง" น้องชายเธอคัดอักษรสวยจริงๆ นะ มันทั้งมั่นคง แต่บางครั้งกลับดูอ่อนช้อย นั่นแสดงให้เห็นถึงนิสัยของซีห่าวน้อยว่ามีความหนักแน่นมั่นคงแต่บางสถานการณ์ก็จะถอยและโอนอ่อนผ่อนตามซึ่งนั่นเป็นเรื่องดี

     

    "ข้าขอซาลาเปาแป้งหยู่หมี่ไส้เนื้อเยอะๆ ได้ไหมขอรับ"

    "ได้แน่นอน พี่จะทำเผื่อทุกคนเลย"

     

    เมื่อรับปากน้องชายแล้วไป๋หลานจึงเดินมาที่ห้องครัวเพื่อเตรียมสับและหมักหมู เมื่อเตรียมไส้เรียบร้อยแล้วจึงนำแป้งยู่หมี่ที่ซื้อมาจากตลาดออกมานวด ไป๋หลานหยิบจับสิ่งต่างๆ อย่างคล่องแคล่ว ห้องครัวในวันนี้แตกต่างจากช่วงแรกที่เธอมาถึงมาก มันไม่มีสิ่งใดเลยนอกจากเกลือก้นกระปุกและข้าวก้นถัง แต่วันนี้มันต่างออกไป เมื่อมีเครื่องปรุงเยอะขึ้นเมนูอาหารต่างๆ ก็สามารถรังสรรค์ออกมาได้มากตาม ไป๋หลานง่วนกับการทำซาลาเปาไส้เนื้อ และต้มซุปกระดูกหมูใส่โม้กู (เห็ด) ตากแห้ง ไข่ตุ๋นทรงเครื่องชามใหญ่ จวบจนใกล้ถึงเวลาอาหารเย็นก็เป็นอันเสร็จ

    ตอนนี้บ้านถงมีตัวตะกละเพิ่มขึ้นมาหนึ่งคนคือเหวินอู่ที่ทั้งหน้ามึน หน้าด้าน หน้าตาย ไป๋หลานไล่ยังไงก็ไม่ไป แต่เมื่อเห็นว่าคนๆ นี้ช่วยงานที่บ้านเธอได้มาก จึงปลงตกยอมให้อยู่ที่บ้านเธอต่อไป ถึงอย่างไรเธอก็ต้องการแรงงานในการจัดการที่ดินที่เธอได้มาจะได้เบาแรงไปได้อีกเยอะ เหวินอู่ทำงานยกของหนักได้เยอะมาก แต่ก็กินข้าวเยอะไม่ต่างกัน ไป๋หลานจึงคิดว่าเหวินอู่คือตัวตะกละอีกคนของบ้าน แล้วแบบนี้จะไม่ให้เธอหาเงินเยอะๆ ได้อย่างไรกัน ไป๋หลานมองซาลาเปาที่เธอทำไว้ถึง50ลูก ไข่ตุ๋ม ซุปอีกหม้อใหญ่ถูกผู้ชายทั้ง3คนจัดการจนหมดเกลี้ยง อ่า พวกท่านกินเยอะจนข้าปวดใจยิ่งนัก

     

    "ท่านแม่เร็วขอรับ ข้า พี่ใหญ่ พี่รองและท่านน้าพร้อมแล้ว"

    "มาแล้วแม่มาแล้ว ใจเย็นเถิดจะรีบเร่งแม่เพื่อสิ่งใดกัน" เสียงอ่อนหวานของนางหวงหลานพูดกับลูกชายคนเล็กอย่างเอ็นดูปนหมั่นไส้ วันนี้เป็นวันก่อนสิ้นปี ทุกคนในบ้านรวมถึงเหวินอู่จึงมารวมตัวเพื่อไปยังหลุมฝังศพของถงเฉินฟู่หรือท่านพ่อนั่นเอง

    นางหวงหลานมีความสุขกว่าทุกวันที่อย่างน้อยๆ ปีนี้เธอก็มีเครื่องเซ่นที่ดีมาไหว้หลุมศพสามีของตัวเอง ตลอดเวลาที่ผ่านมาเมื่อถึงวันเคารพบรรพบุรุษครอบครัวของเธอไม่เคยได้นำสิ่งใดมากราบไหว้ ทุกวันแค่ไม่อดก็ถือว่าดีมากแล้วจะนำสิ่งใดมาเซ่นไหว้คนตาย มันจึงเป็นสิ่งที่ติดค้างอยู่ในใจของเธอเสมอมา เพราะมันย้ำเตือนว่าเธอไม่มีความสามารถมากพอที่จะดูแลลูกๆ ให้ใช้ชีวิตที่ดีอย่างที่เคยรับปากจากสามีได้

    เมื่อมาถึงหลุมศพของเฉินฟู่และทุกคนช่วยกันนำเครื่องเซ่นไหว้ออกมาจัดวาง ไป๋หลานมองป้ายชื่อบนหลุมศพอย่างเหมอลอย อาการนี้ทุกคนคิดว่าเธอกำลังเสียใจ แต่ในใจของไป๋หลานนั้นกลับนึกถึงคนที่ตายไปแล้วทั้งสองคนว่าจะดูแลครอบครัวนี้ให้ดีที่สุด ทั้งสองอย่าได้ห่วงเมื่อเธอคิดจบก็เกิดเป็นกระแสลมเย็นๆ พัดมาวูบหนึ่งเหมือนรับรู้ถึงความตั้งใจของเธอและเธอรู้สึกถึงมันแค่คนเดียว

    เฉิงกงนำกระดาษเงินกระดาษทองออกมาเผา นำชุดที่นางหวงหลานตัดเย็บอย่างปราณีตเผาส่งไปให้ท่านพ่อ เขาเพียงบอกกล่าวในใจว่าขอท่านพ่ออย่าได้เป็นหวงทุกคนอีกเลยตอนนี้ทุกคนมีความสุขกันมาก เมื่อถึงฤดูเพาะปลูกน้องเล็กจะได้เข้าเรียนมันคือความตั้งใจของท่านพ่อเมื่อรู้ว่าลูกคนเล็กเป็นชาย แต่ท่านก็ไม่ได้อยู่เพื่อเห็นมัน

     

    ซีห่าวน้อยเพียงนึกคิดถึงหน้าตาของท่านพ่อว่าจะเป็นยังไง เขาไม่มีความผูกพันธ์กับท่านพ่อเลยสักนิด เขาโหยหาอ้อมกอดของผู้เป็นพ่ออยู่ตลอดเวลา เพื่อนที่เล่นด้วยกันมักจะมีท่านพ่อคอยปกป้องแต่ทั้งชีวิตของเขาตั้งแต่โตมามีเพียงท่านแม่ พี่ใหญ่ พี่รองและตอนนี้ก็มีท่านน้าเหวินอู่อยู่เคียงข้าง เขาจะตั้งใจเรียนและเขาก็ประสบความสำเร็จได้เป็นขุนนางที่มีอำนวจเขาจึงกลับมาที่นี่อีกครั้ง นั่นจะเป็นเรื่องในอนาคต

    เหวินอู่เพียงยืนนิ่งๆ ไม่พูดสิ่งใด เขาไม่เคยรู้จักคนตายแต่เมื่อตั้งใจจะใช้ชีวิตอยู่กับตระกูลถงจึงรับปากว่าจะดูแลครอบครัวนี้อย่างดี

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×