ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ไป๋หลานยอดหญิงสกุลถง(มีE-BOOKแล้ว)

    ลำดับตอนที่ #11 : ไป๋หลาน11

    • อัปเดตล่าสุด 9 ก.พ. 64



     

     

     

    "ท่านน้า ท่านปั้นก้อนเล็กกว่านี้ได้หรือไม่ แบบนี้คนจะกินเข้าไปได้อย่างไรเจ้าคะ"

     

    "เล็กไปเจ้าค่ะ"

    "ได้แล้วเจ้าค่ะ ปั้นตามลูกนี้เลยนะเจ้าคะ"

    ตอนนี้ในครัวทุกคนกำลังวุ่นวายกับการทำบัวลอยกันมาก เสียงไป๋หลานบ่นท่านน้าหรือเหวินอู่ ชายชุดดำที่นอนบาดเจ็บและได้ไป๋หลานช่วยเหลือไว้กำลังง่วนกับการปั้นก้อนแป้งที่จะนำไปทำบัวลอยอย่างเงอะงะ การปั้นลูกบัวลอยต้องปั้นอย่างพอดีไม่ใหญ่ไม่เล็กแต่ที่ไป๋หลานบ่นนั้นก็เพราะว่ามันไม่มีลูกไหนที่ท่านน้าของเธอปั้นออกมาพอดีเลยสักลูก

    "นังหนูข้าจับดาบมาทั้งชีวิตเคยปั้นก้อนกลมๆ นี่ที่ไหนกัน" เฮ้อ ชีวิตหนอชีวิต จากองครักษ์ที่ใช้มือจับดาบฆ่าคนต้องมาเข้าครัวปั้นก้อนแป้งช่างดูน่าอนาจยิ่ง เหวินอู่คิดอย่างปลงตก แต่เพราะได้ครอบครัวนี้ช่วยชีวิตไว้จึงรู้สึกขอบคุณมากกว่ารำคาญ เอาเถิดถือว่าได้พักผ่อนจากการทำงานรอให้ท่านประมุขส่งข่าวมาว่าจะให้เขาทำอย่างไรแต่ตอนนี้ค่อยคิดก็แล้วกัน

    "ชิชะ ท่านขู่ข้าหรือเจ้าคะ"

     

    "มีตรงไหนที่ข้าขู่เจ้ากัน"

     

    "ก็ท่านบอกว่าฆ่าคนมาทั้งชีวิตแบบนี้ไม่เรียกว่าขู่จะเรียกว่าอะไร"

     

    "เจ้าตัวโง่งม ข้าไม่คุยกับเจ้าแล้ว เฮ้อ"

    ทุกคนต่างมองเหตุการณ์นี้อย่างเคยชิน ไป๋หลานมักจะแกล้งท่านเหวินอู่เสมอ จะไม่ให้แกล้งยังไงล่ะ คนอะไรชอบทำหน้าตายตลอดเวลาจนเธอหมั่นไส้ คนช่วยแท้ๆ ยังไม่รู้จักขอบคุณ แล้วยังมาพูดข่มขู่กันตอนที่ฟื้นขึ้นมา พออาการดีขึ้นมาหน่อยแล้วทำเก่ง ตอนที่นอนเหมือนผักได้ใครดูแลกัน เหอะ

    เหวินอู่เดินออกมาจากในครัวเพราะกลัวจะอดยกมือบีบคอเด็กตัวเล็กที่ชอบยียวนกวนโมโหเขาทุกทีที่อยู่ด้วยกันไม่ได้ เขารู้ว่านางทำแบบนั้นทำไมจึงไม่เคยโกรธได้จริงจังเลยสักครั้ง แต่ใครจะรู้กันหลังจากที่ฟื้นก็เห็นเด็กนั่นเดินถือมีดเข้ามาใกล้ด้วยสัญชาตญาณที่ติดตัวมาเพราะการฝึกมันก็ทำให้เขาจู่โจมนางโดยลืมคิดไปว่านางเป็นแค่เด็ก เมื่อตั้งสติได้จึงรู้สึกผิด แต่เด็กนี่เจ้าคิดเจ้าแค้นเสียจริง เขาก็แค่บิดแขนนางนิดเดียวเท่านั้น เอ่อ ก็ลงแรงไปมากอยู่ถึงแขนเล็กๆ นั่นจะไม่หักแต่รอยช้ำบนผิวคงจะมีมากทีเดียว

     

    ตั้งแต่ที่ไป๋หลานทำขนมบัวลอยน้ำขิงไปขายที่ตลาดก็ขายดีเป็นอย่างมาก จนมีหลายบ้านที่สั่งบัวลอยจากเธอ ทั้งที่ตอนแรกเธอไม่คิดจะรับทำเพียงลองนำมาขายดูเท่านั้น ตอนนี้ทุกคนในบ้านจึงยุ่งกันมากเพราะตามจำนวนที่ลูกค้าสั่งเข้ามามีถึง20บ้าน ถึงจะดูเหนื่อยแต่เมื่อคิดว่าครอบครัวจะมีรายได้เพิ่มเข้ามาก็พร้อมใจช่วยกันทำงานอย่างแข็งขัน ซึ่งเหวินอู่ก็ไม่ใช่ข้อยกเว้นถูกไป๋หลานใช้งานให้สมกับที่ทำเธอเจ็บแขนไปหลายวัน

     

    "ทานข้าวกันก่อนก็ได้แล้วเจ้าค่ะ"

     

    "มีบัวลอยเป็นของหวานรึเปล่าขอรับพี่รอง"

     

    "มีแน่นอนอยู่แล้ว แต่เจ้าต้องทานข้าวให้มากกว่ากินขนมรู้หรือไม่"

     

    "ข้าจะทำตามที่พี่รองบอกอย่างเคร่งครัด" ซีห่าวน้อยรับปากหน้าตาขึงขัง จึงโดนไป๋หลานบีบแก้มยุ้ยนั่นไปหนึ่งทีอย่างหมั่นเขี้ยว

    ทุกคนทานข้าวและพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน เหวินอู่จากที่ตอนแรกยังไม่ชินกับครอบครัวนี้ก็เริ่มปรับตัวและสนิทกับทุกคนมากขึ้น วันแรกที่ฟื้นขึ้นมาเขากังวลว่าจะทำให้ครอบครัวนี้เดือดร้อน เพราะโจ๊กที่นำมาให้เขาทั้งข้นและอร่อยกว่าที่เขาเคยทานมากนัก ชาวบ้านในชนบทจะมีเสบียงมากมายถึงขนาดเลี้ยงคนตัวโตเพิ่มขึ้นอีกคนจะไม่เดือดร้อนเกินไปหรือ จึงคิดไปว่าโจ๊กที่ทานไปคือข้าวที่พวกเขาเหลือทั้งหมด แต่หลังจากที่สังเกตุดูก็เห็นแต่ละคนเหมือนไม่ใช่คนที่ต้องอดอยากจึงเกิดความสงสัย เมื่อถูกใช้ให้ไปนำธัญญาพืชจสกในห้องเก็บของก็ต้องตกใจขึ้นไปอีก เพรสะเสบียงที่เขาเห็นมันเยอะจนสามารถเลี้ยงคนได้หลายคนให้อยู่รอดไปตลอดฤดูหนาว

     

    ไหนจะบ้านของครอบครัวถงอีกเล่า มันช่างน่าฉงนนัก ห้องทานข้าวมีเตาไฟช่วยเพิ่มความอบอุ่น ไม่มีควันไปในห้องเลยสักนิด ในห้องนอนก็เช่นกัน ห้องที่เขานอนมาตลอดมีชั้นแปลงผักใบเขียวเต็มไปหมด ในขณะที่บ้านอื่นต้องทานแต่เนื้อแต่บ้านถงกลับได้ทานผัก และที่น่าตกใจยิ่งกว่าคือทุกอย่างที่เขาเห็นมันเกิดมาจากความคิดของเด็กหญิงอายุแค่10ขวบปี อีกทั้งยังมีที่นอน หมอนและผ้าห่มที่หนาและอบอุ่น ทุกมื้อจะมีอาหารแปลกใหม่รสอร่อยที่เขาไม่เคยทานจากที่ไหนให้ทานจนอิ่มทุกมื้อ ทุกอย่างที่เขาเห็นและรับรู้มันช่างเป็นวิถีชีวิตที่เรียบง่าย

     

    "ท่านแม่อยู่บ้านปักผ้าไปเถิดเจ้าค่ะ พวกข้าไปส่งกันเองได้ มีท่านน้าเหวินอู่ไปด้วยท่านอย่ากังวลเลย"

     

    "ใช่ขอรับท่านแม่อยู่บ้านคอยทำอาหารอร่อยไว้รอพวกข้าจะดีกว่าขอรับ"

    "เอาเถิด ระวังกันด้วยแม่เป็นห่วง รีบไปเริ่มเย็นมากแล้วเดี๋ยวจะมองไม่เห็นทางกัน ข้าฝากเด็กๆ ด้วยนะเจ้าคะท่านเหวินอู่" นางหวงหลานตัดใจไม่ไปส่งขนมบัวลอยด้วยและฝากฝังเด็กทั้งสองกับเหวินอู่ให้ดูแล

     

    "ฮูหยินวางใจ ข้าจะดูแลให้เอง"

    "ขอบคุณมากเจ้าค่ะ"

    "ไม่เป็นไร ข้าควรจะเป็นคนที่ขอบคุณพวกท่าน"

     

    เหวินอู่คิดตามที่พูดจริงๆ เพราะมีครอบครัวนี้เขาจึงรอดตายมาได้ บาดแผลที่เขาได้รับยากที่จะรักษาแต่ครอบครัวนี้กลับรักษาให้เขาจนหายดีได้ ถึงจะสงสัยในข้อนี้แต่ก็ไม่คิดเก็บมาใส่ใจอีกหลังจากที่เขาได้ใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ จึงคิดว่าสิ่งไหนที่ช่วยได้ก็จะลงมือช่วยอย่างไม่เกี่ยงงอน นั่นช่วยให้ความโกรธเคืองที่ไป๋หลานมีต่อเขาลดลงไปมากแต่ก็ยังไม่เลิกกวนอารมณ์เขาอยู่ดี

     

    "ข้ามาส่งขนมที่สั่งเจ้าค่ะ"

     

    "โอ้มาแล้วหรือ นี่เงินส่วนที่เหลือ1ตำลึง ขอบใจเจ้ามาก แล้วผักดองบ้านเจ้ามีบ้างหรือไม่ภรรยาข้าแพ้ท้องอยากทานผักดองบ้านเจ้ามาก"

     

    "ข้านำมันมาขายด้วยเจ้าค่ะ ท่านจะรับขนาดไหนเจ้าคะ มีหน่อไม้ดองด้วยนะเจ้าคะนำไปทำอาหารอร่อยยิ่ง"

     

    "ได้ๆ ข้าเอาหน่อไม้ดองด้วยนำมาลองดู ผักดแงขอไหใหญ่1ไหด้วย"

    "หน่อไม้ดองไหเล็ก1ตำลึง ผักดองไหใหญ่5ตำลึงขอบคุณมากเจ้าค่ะ"

     

    "เดินทางกลับดีๆ เล่า"

     

    "เจ้าค่า"

    เมื่อเสร็จจากบ้านหลังแรกก็ไปต่อที่บ้านหลังต่อไปทันทีนอกจากบัวลอยที่สั่งไปแล้วทุกหลังจะซื้อหม่อไม้ดองหรือผัดองที่ไป๋หลานนำมาขายด้วย เหวินอู่มองไป๋หลานอย่างนึกทึ่ง เพราะของต่างๆ นี้ขายดีมาก ต้องบอกก่อนว่าเขาเคยทานผักดองนี้และคิดว่ามันอร่อยมากแต่ไม่คิดว่ามันจะขายดีอีกด้วย จึงต้องมองเด็กหญิงและครอบครัวนี้ให้ละเอียดเพิ่มมากขึ้น วันนี้เขาอาสาขับรถม้ามาให้เด็กทั้งสอง เด็กเฉิงกงมีหน้าที่ยกขนมและไหผักดองและหน่อไม้ดองออกมาตามที่มีคนสั่ง ส่วนเขาก็ช่วยบ้างถ้ามีคนสั่งไหใหญ่และเด็กเฉิงกงยกไม่ไหว

     

    "ข้านำขนมมาส่งเจ้าค่ะ"

     

    "ท่านแม่ขนมมาแล้วเจ้าค่ะ"

     

    "ช่างมาได้พอดียิ่งนัก วันนี้เป็นวันไหว้ทังหยวนพวกเจ้าก็ยังไม่หยุดทำงาน ช่างเป็นเด็กที่น่ารักยิ่งนัก จี้เอ๋อร์ไปนำขนมถั่วตัดมาให้พี่เขาเร็วเข้า

     

    "มาแล้วเจ้าค่ะท่านแม่"

     

    "ขนมพวกนี้เจ้ารับไว้เถิด ไว้ทานระหว่างทาง เอ้อพวกเจ้ามีผักดองมาด้วยหรือไม่"

    "มีเจ้าค่ะ รับที่ขนาดไหนเจ้าคะ"

     

    "ไหกลาง1ไหจ้ะ นี่เงิน"

     

    "ขอบคุณเจ้าค่ะ"

     

    เมื่อส่งขนมครบเรียบร้อยรถม้าจึงตรงกลับหมู่บ้านเจียงท่ามกลางความมืด ใจของเหวินอู่ตอนนี้ไม่มีความอึดอัดต่อครอบครัวนี้อีกแล้ว เขาอยากใช้ชีวิตแบบนี้ ไม่อยากกลับเข้าไปสู่วังวนที่ต้องเข่นฆ่ากันอีกแล้ว จึงคิดอยากที่จะวางมือและทำหน้ามึนเป็นคนงานธรรมดาใช้ชีวิตอยู่กับครอบครัวนี้ต่อไป แต่เขาต้องทำภาระกิจสุดท้ายที่ท่านประมุขมอบหมายให้สำเร็จ และรางวัลที่เขาจะขอก็คือการลาออกจากการเป็นองครักษ์และใช้ชีวิตเรียบง่ายกับครอบครัวถงในบั้นปลายของชีวิต

    มีตัวละครเพิ่มเข้ามา จะใช่คนที่ทุกคนคิดไหมต้องรอชมกันนะคะ ส่วนท่านน้าก็จะยังเป็นท่านน้าต่อไปแน่นอนค่ะ วันนี้มาสองตอนเพราะพรุ่งนี้งานเข้าและจะยุ่งทั้งวัน อาจจะไม่ได้มาเลยมาตั้งแต่วันนี้ ขอบคุณทุกคนที่สนับสนุกกันตลอดนะคะ 

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×