ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ไป๋หลานยอดหญิงสกุลถง(มี E BOOK แล้ว)

    ลำดับตอนที่ #4 : ขายผักรอบแรก

    • อัปเดตล่าสุด 22 ก.ค. 64


    ช่วงที่ลงเมล็ดผักและรอให้พวกมันพร้อมเก็บเกี่ยว  หลังจากจัดการตากมะม่วงและกวนเก็บไว้กินเรียบร้อยก็ไม่มีอะไรให้ทำอีก ครอบครัวของนางจึงมานั่งเล่นอยู่หน้าบ้าน มองท่านแม่ปักผ้าเพื่อให้พี่ใหญ่เข้าไปขายในตัวอำเภอ

     “เจ้าเหมือนจะสนใจการปักผ้า ลองดูหน่อยหรือไม่”นั่นไง ไม่น่ามานั่งมองเลย ความซวยร่วงใส่หัวจนได้

    “ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ ข้ามือหนาแถมยังแข็งจะให้มานั่งปักของสวยงาม อาจจะทำให้ของของท่านแม่เสียหายนะเจ้าคะ”

    ได้คำตอบจากบุตรสาวแล้วหวงหลานก็ไม่สนใจอีก คงต้องรอให้พร้อมมากกว่านี้ ปล่อยให้นางเที่ยวเล่นไปก่อน ค่อยจับมาฝึกวันหลังก็ยังไม่สาย

    ไป๋หลานโล่งใจเมื่อเห็นท่างทางของมารดา แต่นางหารู้ไม่ว่าที่มารดาไม่เซ้าซี้เพราะท่านคิดว่าควรให้เวลาให้นางเที่ยวเล่น ในอนาคตค่อยจับมาฝึกทีหลัง 

     

    ตอนนี้บ้านถงกำลังวุ่นวายกันมาก เพราะผักที่ปลูกไว้มีบางส่วนพร้อมเก็บเกี่ยวแล้ว ตอนที่ลงเมล็ดพวกเขาแค่หวังให้มันงอก แต่ตลอดเวลาที่ผ่านมาผักที่บำรุงด้วยปุ๋ยมูลสัตว์งอกงามดีมาก ฮ่องเต้ มีลำต้นอวบน้ำดูน่ากิน กวางตุ้ง ลำต้นโตใหญ่มีใบเขียวดูสวยงาม แล้วยังมีผักชนิดอื่นรวมกัน พวกนางปลูกผักมากถึงเจ็ดชนิด ครอบครัวถงมีรอยยิ้มเต็มใบหน้า ต่างช่วยกันเก็บและจัดเรียงเป็นมัดสวยงามพร้อมออกขาย

    "พี่รองผักบ้านเราสีเขียวน่ากิน ไม่เหมือนผักจากที่อื่นที่มีสีเหลืองมากกว่า" ซีห่าวน้อยเอ่ยชมผักที่ตัวเองดูแลมาตลอดอย่างภูมิใจ

    "ใช่แม่ไม่เคยเห็นผักมีใบสีเขียวขนาดนี้มาก่อน ลำต้นไม่เล็กแบนแต่อวบน้ำดูน่าอร่อย" หวงหลานยิ้มยินดี นางดีใจที่วันนั้นยอมเชื่อใจลูกสาว

    "ข้าจะเอาพวกนี้ไปขายในเมืองเองขอรับ" เฉิงกงพูดกับมารดาด้วยความยินดี แต่ใบหน้ายังติดเคร่งขรึมอยู่ หลังจากที่เขาไม่ได้เข้าไปทำงานในเมือง พี่น้องบ้านถงต่างเข้าป่าหาเสบียงมาเก็บให้ได้มากที่สุด แต่ที่ยังขาดตอนนี้คือข้าวและธัญพืช ถ้าวันนี้ขายผักได้จะมีเงินพอซื้อพวกมัน

    "ท่านแม่ลูกขอไปกับพี่ใหญ่นะเจ้าคะ"

    "แต่เจ้าร่างกายอ่อนแอ แม่ไม่อยากให้เจ้าต้องเดินนานๆ" นางหวงหลานยังคงกังวลในตัวบุตรสาว ถึงแม้ว่าตั้งแต่ที่นางฟื้นไข้คราวนั้นก็ไม่เคยป่วยหรือต้องกินยาอีก แต่คนเป็นแม่ก็ยังมีความห่วงและกังวลอยู่ดี

    "ตอนนี้ข้าแข็งแรงดีเจ้าค่ะ ข้าไม่ได้เข้าไปในตำบลนานแล้วนะเจ้าคะ ให้ข้าไปนะท่านแม่ น้า~"

    "ก็ได้ พวกเจ้าต้องขึ้นเกวียนไปนะ แม่ไม่อยากให้น้องเจ้าเดินมากนัก" นางหวงหลานกำชับเฉิงกงให้ดูแลไป๋หลานให้ดี

    "ขอรับ/เจ้าค่ะ"

     

    วันนี้คนที่นำผักไปขายคือเฉิงกงและไป๋หลานที่ออดอ้อนท่านแม่ได้สำเร็จ นางอยากเห็นว่าผู้คนในตำบลเป็นแบบไหนจะได้มองหาลู่ทางในการค้าขาย อ่า เงินจ๋าข้ามาแล้ว

    สองพี่น้องขึ้นเกวียนของคนในหมู่บ้านไปเสียค่าโดยสารคนละหนึ่งอีแปะ เพราะถ้าเดินเท้าเข้าเมืองต้องใช้เวลาหนึ่งชั่วยาม  ถึงแม้มันจะน่าเวียนหัวที่ต้องนั่งโยนไปมา แต่ไม่เป็นไรนางทนได้

    เมื่อมาถึงประตูเมืองต้องเสียค่าเข้าของไป๋หลานสองอีแปะ แต่เป็นการเสียครั้งเดียว ในตอนที่นางจ่ายเงินพี่ใหญ่มองด้วยความฉงนแต่ไม่ได้พูดอะไร คงไม่ใช่เก็บไว้ไปถามที่บ้านหรอกนะ

    พวกนางโชคดีเข้ามาขายผักวันแรกก็เจอคนใจดี ลุงขายบะหมี่ยินดีให้เช่า คิดเงินห้าอีแปะ ไป๋หลานเลยขอจ่ายเมื่อขายของหมดแล้ว ตอนนี้ไม่มีเงินเหลือแล้ว ส่วนเงินในช่องเก็บของเก็บไว้ก่อนดีกว่า นางไม่อยากเห็นสายตาประหลาดใจของพี่ชาย

    นางกับพี่ใหญ่ช่วยกันจัดวางโดยแยกชนิด ผักที่เรียงกันเป็นมัดขนาดพอดี ดูหน้าซื้อเป็นอย่างมาก ต้องบอกก่อนว่าผักทั่วไปที่คนปลูกได้ พวกมันมีลำต้นเล็กและมีใบสีเหลืองเป็นส่วนใหญ่ แต่ผักบ้านถงมีสีเขียวสดน่ากินทำให้คนที่จับจ่ายซื้อของน้ำลายสอ ต่างเข้ามาสอบถามราคากันจนชุลมุล เฉิงกงยืนมองความวุ่ยวายหน้าร้านขายผักแล้วมึนงง เขาไม่คิดว่าผักที่พวกเขาปลูกจะมีคนสนใจมากขนาดนี้

    "เด็กน้อยผักพวกนี้เจ้าขายอย่างไรจ๊ะ"คนที่เข้ามาเป็นสตรีวัยกลางคน แต่นางดูแล้วอายุจะน้อยกว่าท่านแม่หลายปี เลยคิดว่าเรียกท่านน้าคงจะเหมาะสม

    "เรียนท่านน้า ผักบ้านข้าลำต้นเขียวอวบซื้อไปทำอาหารอร่อยนัก คิดราคาห้าอีแปะต่อหนึ่งมัดเจ้าค่ะ" ไป๋หลานตอบคำถามชัดเจนไม่มีความประหม่าในน้ำเสียง ทำให้คนที่อยู่บริเวณนั้นแอบชื่นชมนางอยู่ในใจ

    "ราคาไม่ค่อยแพง ข้าเอาอย่างละหนึ่งมัด"แน่นอนสิ ชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในกำแพงมักเป็นชนชั้นปานกลางจนถึงร่ำรวยเป็นมหาเศรษฐี ส่วนลึกเข้าไปในกำแพงเมืองเป็นที่อยู่อาศัยของพวกคนไร้บ้าน และพวกขอทาน เขตนั้นทางการยกให้เป็นพื้นที่ต้องห้ามมีแต่ผู้คนรังเกียจ ส่วนคนที่อยู่นอกกำแพงก็จะเป็นชนชั้นอย่างพวกนาง มีบ้านมีที่ดินแต่ก็ยังยากจน

    "ได้เจ้าค่ะ ข้าแนะนำให้ท่านนำไปผัดกับน้ำมันหมู ทุบกระเทียมลงไปเจียวจะช่วยให้อาหารมีกลิ่นหอมมากยิ่งขึ้น หรือนำไปต้มกับกระดูกหมู เนื้อติดมันก็ดี ปรุงรสสักหน่อยก็ได้อาหารอร่อยแล้ว ผักที่ท่านสั่งราคาสามสิบห้าอีแปะเจ้าค่ะ" ไป๋หลานส่งผักให้ลูกค้าและรับเงินมาด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม

    เมื่อมีคนแรกลองซื้อ ย่อมมีคนที่สองสามซื้อตาม สองพี่น้องหยิบผักส่งให้ลูกค้ากันแทบไม่ได้หยุดพัก ไป๋หลานคิดเงินและรับเงินส่วนเฉิงกงจัดผักตามที่ลูกค้าสั่ง ไม่นานความวุ่นวายก็จบลง เมื่อผักขายหมดไป๋หลานจ่ายค่าเช่าให้ท่านลุงใจดีห้าอีแปะ ท่านรับเงินแล้วย้ำว่าวันอื่นๆพวกเขาสามารถขายตรงนี้ได้

    "ขอบคุณในน้ำใจของท่านลุงเจ้าค่ะ พรุ่งนี้ข้าจะนำผักมาขายใหม่" ไป๋หลานกล่าวขอบคุณก่อนจะลากพี่ชายที่ยืมเหม่อออกไป ยังต้องไปซื้อของอีกมาก ควรรีบซื้อจะได้รีบกลับไปนอนพัก 

    ผักรอบแรกที่เก็บมามีถึงเจ็ดสิบมัดเล็ก ขายได้เงินสามร้อยห้าสิบอีแปะ ที่ไป๋หลานมีหลังจากที่หมุนวงล้อโชคชะตาในแต่ละวัน ได้เงินบ้างได้สิ่งของบ้าง รวมเงินที่ครอบครัวถงมีคือ2ตำลึงกับอีก335อีแปะ วันนี้นางยังไม่ได้หมุนวงล้อเลยนี่นา

    'ท่านต้องการหมุนวงล้อโชคชะตาหรือไม่'

    'หมุนเลย'

    'ยินดีด้วยท่านได้รับเงิน5ตำลึงและได้รับการหมุนวงล้ออีกหนึ่งครั้ง ท่านต้องการหมุนหรือไม่'

    'หมุนเลย'

    'ท่านได้รับหนังสือการเย็บปักขั้นสูง1เล่ม'

    สิ่งที่ได้รับวันนี้เกินความคาดหมายไปมาก คิดว่าจะได้เงินอีแปะอย่างเดียว วันนี้ถึงกับหมุนได้ของขั้นสูง คงต้องมอบหนังสือนี้ให้ท่านแม่ ถ้าจะให้นางมาเย็บปัก น่ากลัวว่าจะเย็บดอกไม้เป็นต้นหญ้า

    ท่านแม่มีฝีมือในการเย็บปักเข้าขั้นดีเยี่ยม แต่สิ่งนี้ต้องใช้เวลาในขณะที่ชีวิตของลูกๆไม่คอยท่า จึงเลือกไปรับจ้างซักผ้าให้กับพวกทหารนำเงินค่าจ้างรายวันมาซื้ออาหารให้พวกนางกิน มีหญิงสาวในหมู่บ้านไปกันหลายคน จึงไม่น่าห่วงเท่าไหร่ ถึงจะได้ค่าแรงเพียงวันละ20อีแปะก็ต้องยอมทำ

    ต้องบอกว่าเมืองที่ไป๋หลานอยู่เป็นเมืองหน้าด่านของฝั่งตงเปียน จึงมีทหารมาประจำการที่นี่ หมายความว่าหมู่บ้านเจียงอยู่ห่างจากทะเลไปไม่มากนัก เพียงเดินเท้าไปสองชั่วยามก็ถึงทะเลแล้ว คงต้องชวนพี่ใหญ่และซีห่าวน้อยไปลองหาของทะเลดูสักวัน ไม่รู้คนที่นี่จะรู้จักกุ้งมังกรหรือไม่

    เฉิงกงพาไป๋หลานมายืนอยู่หน้าร้านขายเครื่องเทศ ไม่รอช้าเด็กหญิงจัดการซื้อ เกลือ น้ำตาล เต้าเจี้ยว และเครื่องเทศต่างๆ รวมถึงซื้อข้าวชั้นกลางและธัญพืชหยาบเข้าไปเก็บเป็นเสบียงของบ้าน เงินที่ไป๋หลานจ่ายออกไปคือ250อีแปะ ราคาจะแพงหน่อยแต่จำนวนนี้นางคำนวนไว้หนึ่งเดือน เฉิงกงได้แต่โอดครวญอยู่ในใจอย่างแสนเสียดาย แต่มันเกี่ยวกับเรื่องปากท้องเลยทำใจได้ในที่สุด 

    จากนั้นจึงไปซื้อเมล็ดผัก ท่านลุงคนขายต้อนรับพี่น้องถงอย่างดี ถึงแม้ทั้งสองจะอยู่ในเสื้อผ้าที่มีแต่รอยปะชุนเหมือนขอทานก็ตาม แต่ถึงแบบนั้นไป๋หลานก็ไม่สนใจถ้าใครจะมาดูถูกกัน ก็แค่เดินออกไปซื้อร้านอื่นนั่นคือสิ่งที่พวกนางต้องทำถ้าเจอเหตุการณ์แบบนั้น มันคือสัจจะธรรมของโลก

    ในร้านมีเมล็ดของผักทั่วไปที่เห็นกันอยู่บ่อยๆ ไป๋หลานเดินดูอย่างละเอียดก่อนจะไปสะดุดที่ถุงป่านขนาดเล็ก มันถูกวางทิ้งไว้ไม่ค่อยมีใครใส่ใจนัก

    "ท่านลุงสิ่งนี้ท่านขายอย่างไรเจ้าคะ" ไป๋หลานกดความตื่นเต้นในใจแล้วถามเจ้าของร้านอย่างมีความหวัง

    "ข้าไม่รู้ว่ามันคือเมล็ดใด มันติดมากับเรือเดินสมุทร ตอนที่ข้าได้มาคิดว่ามันจะขายได้ แต่ตอนนี้มันเป็นเมล็ดค้างปีไปซะแล้ว เจ้าสนใจมันรึ" ลุงเจ้าของร้านพูดกับไป๋หลานตามจริง นั่นทำให้เฉิงกงที่เดินตามอยู่ข้างหลังพอใจ

    "เจ้าค่ะ ข้าสนใจทั้งสองชนิดเลย รบกวนท่านคิดราคารวมกับทั้งหมดให้ข้าด้วยเจ้าค่ะ" ตอนนี้ไป๋หลานอารมณ์ดีมาก คิดถึงรสชาติของผักดองเปรี้ยวเผ็ดที่มี แตงกวาและแครอท แล้วใจมันกระชุ่มกระชวย

    "เมล็ดผัก5ชนิดราคาอย่างละ3อีแปะ ส่วนสองอย่างที่ข้าไม่รู้จักข้าคิดราคาแค่5อีแปะเจ้าเอาไปทั้งกระสอบเลยรวม25อีแปะ"

    "ขอบคุณเจ้าค่ะ"

    เป็นอันว่าวันนี้นางได้เมล็ดของแครอทและแตงกวามาในราคาถูก เพราะคนขายไม่รู้ว่ามันปลูกยังไงและมันขายไม่ออก ส่วนเมล็ดอื่นๆได้มาในราคาปกติ

    ตอนนี้ไป๋หลานเหลือเงิน5ตำลึง60อีแปะ อ่า ช่างห่างไกลจากความร่ำรวยยิ่งนัก คงต้องให้ท่านแม่เย็บผ้าจากลวดลายในหนังสือออกขายบ้างแล้ว ระหว่างนี้คงต้องเก็บผักที่เหลือขายไปก่อน ต้องหาเงินให้เยอะๆ เครื่องปรุงเป็นสิ่งสำคัญในการทำผักดอง ส่วนเงินก้อนโตนางวางแผนไปเก็บมันในหน้าหนาวที่จะถึงนี้

    เดินผ่านร้านขายซาลาเปาก็อดคิดถึงซีห่าวไม่ได้ ไป๋หลานเลยจัดการซื้อซาลาเปาไปสี่ก้อน ให้ทุกคนในครอบครัวรวมถึงตัวนางเองด้วย

     

    ***************

    พอมารีไรท์แล้วคิดว่ามันไหลลื่นขึ้นเยอะเลยค่ะ5555

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×