คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : ไป๋หลาน3
ตอนนี้บ้านถงกำลังวุ่นวายกันมาก เพราะผักที่ปลูกไว้มีบางส่วนพร้อมเก็บเกี่ยวแล้ว ตอนที่ลงเมล็ดพวกเขาแค่หวังให้มันงอกแค่บางส่วน แต่ตลอดเวลาที่ผ่านมาผักที่บำรุงด้วยปุ๋ยมูลสัตว์งอกงามดีมาก ฮ่องเต้ มีลำต้นอวบน้ำดูน่ากิน กวางตุ้ง ลำต้นโตใหญ่มีใบเขียวดูสวยงาม ครอบครัวถงมีรอยยิ้มเต็มใบหน้า ต่างช่วยกันเก็บและจัดเรียงเป็นมัดสวยงามพร้อมออกขาย
"พี่รองผักบ้านเราสีเขียวน่าทานไม่เหมือนผักจากที่อื่นที่มีสีเหลืองมากกว่า" ซีห่าวน้อยเอ่ยชมผักที่ตัวเองดูแลมาตลอดอย่างภูมิใจ
"ใช่แม่ไม่เคยเห็นผักมีใบสีเขียวขนาดนี้มาก่อน ลำต้นไม่เล็กแบนแต่อวบน้ำดูน่าอร่อย" หวงหลานยิ้มอย่างยินดีเธอดีใจที่วันนั้นยอมเชื่อใจลูกสาวคนนี้ของเธอ
"ข้าจะเอาพวกนี้ไปขายในเมืองเองขอรับ" เฉิงกงเอ่ยกับท่านแม่อย่างยินดีแต่ใบหน้ายังติดเคร่งขรึมอยู่มาก หลังจากที่เขาไม่ได้เข้าไปทำงานในเมืองพี่น้องบ้านถงต่างเข้าป่าหาเสบียงมาเก็บให้ได้มากที่สุดแต่ที่ยังขาดตอนนี้คือข้าวและธัญพืช ถ้าวันนี้ขายผักได้จะมีเงินพอซื้อพวกมัน บ้านถงก็จะได้ไม่อดอยาก
"ท่านแม่ลูกขอไปกับพี่ใหญ่นะเจ้าคะ"
"แต่เจ้าร่างกายอ่อนแอ แม่ไม่อยากให้เจ้าต้องเดินนานๆ" นางหวงหลานยังคงกังวลในตัวบุตรสาวคนนี้เกี่ยวกับสุขภาพของเธอ ถึงแม้ว่าตั้งแต่ที่บุตรสาวฟื้นไข้คราวนั้นก็ไม่เคยป่วยหรือต้องกินยาอีกแต่คนเป็นแม่ก็ยังมีความห่วงและกังลวมากอยู่ดี
"ตอนนี้ข้าแข็งแรงดีเจ้าค่ะ ข้าไม่ได้เข้าไปในตำบลนานแล้วนะเจ้าคะ ให้ข้าไปนะท่านแม่ น้า~"
"ก็ได้ พวกเจ้าต้องขึ้นเกวียนไปนะ แม่ไม่อยากให้น้องเจ้าเดินมากนัก" นางหวงหลานยังคงกังวลอยู่มาก จึงกำชับเฉิงกงให้ดูแลไป๋หลานให้ดี
"ขอรับ/เจ้าค่ะ"
วันนี้คนที่นำผักไปขายคือเฉิงกงและไป๋หลานที่ออดอ้อนท่านแม่ได้สำเร็จตามไปด้วยอย่างตื่นเต้น เธออยากเห็นว่าผู้คนในตำบลเป็นแบบไหนจะได้มองหาลู่ทางในการค้าขาย อ่า เงินจ๋าข้ามาแล้ว
สองพี่น้องขึ้นเกวียนของคนในหมู่บ้านไปเสียค่าโดยสารคนละหนึ่งอีแปะ เพราะถ้าเดินเท้าเข้าเมืองต้องใช้เวลาหนึ่งชั่วยาม ถึงแม้มันจะน่าเวียนหัวสำหรับไป๋หลานแต่ไม่เป็นไร เธอทนได้
เมื่อมาถึงประตูเมืองต้องเสียอีกคนละห้าอีแปะ ในตอนที่ไป๋หลานจ่ายเงินเฉิงกงมองอย่างฉงนแต่ไม่ได้พูดสิ่งใดออกไป คงต้องไปสืบสาวกันที่บ้าน ในตลาดมีที่สำหรับวางขายผักบ้านถงพอดี มันอยู่ข้างร้านขายบะหมี่ของลุงใจดี
ไป๋หลานกันเฉิงกงช่วยกันจัดวางโดยแยกชนิด ผักที่เรียงกันเป็นมัดๆดูหน้าซื้อเป็นอย่างมาก เพราะผักทั่วไปต้นเล็กและมีสีเหลืองเป็นส่วนใหญ่แต่ผักบ้านถงมีสีเขียวสดน่ากินทำให้คนที่จับจ่ายซื้อของน้ำลายสอต่างเข้ามาสอบถามราคากันจนชุลมุล เฉิงกงที่มองความวุ่ยวายหน้าร้านขายผักอย่างนิ่งอึ้งเขาไม่คิดว่าผักที่พวกเขาปลูกจะมีคนสนใจมากขนาดนี้
"เด็กน้อยผักพวกนี้เจ้าขายอย่างไรจ้ะ"
"เรียนท่านน้า ผักบ้านข้าลำต้นเขียวอวบซื้อไปทำอาหารอร่อยนัก คิดราคาห้าอีแปะต่อหนึ่งมัดเจ้าค่ะ" ไป๋หลานตอบคำถามชัดเจนไม่มีความประหม่าในน้ำเสียง ทำให้คนที่ยืนฟังราคาถึงกับตกใจ
"ราคาแพงนะ แต่ข้าขอลองอย่างละหนึ่งมัด"
"ได้เจ้าค่ะ นี่สินค้าทั้งหมดของท่าน ราคาสิบอีแปะเจ้าค่ะ" ไป๋หลานส่งผักให้ลูกค้าและรับเงินมาด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
เมื่อมีคนซื้อย่อมมีคนตามไป๋หลานคิดเงินและรับเงินส่วนเฉิงกงจัดผักตามที่ลูกค้าสั่งด้วยความตื่นเต้นดีใจ ไม่นานความวุ่นวายก็จบลงเมื่อผักขายหมดไป๋หลานจ่ายค่าเช่าให้ท่านลุงใจดีสิบห้าอีแปะที่ยิ้มแย้มแล้วบอกว่าพวกเขาสามารถขายตรงนี้ได้
"ขอบคุณในน้ำใจของท่านเจ้าค่ะท่านลุง พรุ่งนี้ข้าจะนำผักมาขายใหม่" ไป๋หลานกล่าวขอบคุณก่อนจะลากพี่ชายที่ยืมเหม่อคิดคำนวนเงินที่ได้รับวันนี้อย่างตกใจ
ผักรอบแรกที่เก็บมามีถึงเจ็ดสิบมัด ขายได้เงินสามร้อยห้าสิบอีแปะ ที่ไป๋หลานมีหลังจากที่หมุนวงล้อโชคชะตาในแต่ละวัน ได้เงินบ้างได้สิ่งของบ้าง รวมเงินที่ครอบครัวถงมีคือ2ตำลึงกับอีก335อีแปะ วันนี้เธอยังไม่ได้หมุนวงล้อเลยนี่นา
'ท่านต้องการหมุนวงล้อโชคชะตาหรือไม่'
'หมุนเลย'
'ยินดีด้วยท่านได้รับเงิน5ตำลึงและได้รับการหมุนวงล้ออีกหนึ่งครั้ง ท่านต้องการหมุนหรือไม่'
'หมุนเลย'
'ท่านได้รับหนังสือการเย็บปักขั้นสูง1เล่ม'
สิ่งที่ได้รับวันนี้เกินความคาดหมายของไป๋หลานไปมาก คิดว่าจะได้เงินอีแปะอย่างเดียวถึงกับหมุนได้ของขั้นสูง คงต้องมอบหนังสือนี้ให้ท่านแม่ ถ้าจะให้ไป๋หลานมาเย็บปัก น่ากลัวว่าจะเย็บดอกไม้เป็นต้นหญ้า
ท่านแม่ของไป๋หลานมีฝีมือในการเย็บปักมากแต่เพราะสิ่งนี้ต้องใช้เวลาในขณะที่ชีวิตของลูกๆไม่คอยท่าจึงเลือกไปรับจ้างซักผ้าให้กับพวกทหารมีหญิงสาวในหมู่บ้านไปกันมากจึงไม่น่าห่วงมากนักถึงจะได้ค่าแรงเพียงวันละ15อีแปะก็ต้องยอมทำ
ต้องบอกว่าเมืองที่ไป๋หลานอยู่เป็นเมืองหน้าด่านของฝั่งตงเปียน จึงมีทหารอยู่มาก นั่นหมายความว่าหมู่บ้านเจียงอยู่ห่างจากทะเลไปไม่มากนัก เพียงเดินเท้าไปสองชั่วยามก็ถึงทะเลแล้ว คงต้องชวนพี่ใหญ่และซีห่าวน้อยไปลองหาของทะเลดูสักวัน ไม่รู้คนที่นี่จะรู้จักกุ้งมังกรหรือไม่
เฉิงกงพาไป๋หลานมายืนอยู่หน้าร้านขายเครื่องเทศ เธอจึงจัดการซื้อ เกลือ น้ำตาล เต้าเจี้ยว และเครื่องเทศต่างๆรวมถึงซื้อข้าวชั้นเลวและธัญพืชหยาบเข้าไปเก็บเป็นเสบียงของบ้าน เงินที่ไป๋หลานจ่ายออกไปคือ1ตำลึง250อีแปะ เฉิงกงได้แต่โอดครวญอยู่ในใจอย่างแสนเสียดาย แต่มันคือสิ่งจำเป็นจึงทำใจได้ในที่สุด
จากนั้นจึงไปซื้อเมล็ดผัก ท่านลุงคนขายต้อนรับพี่น้องถงอย่างยินดีถึงแม้ทั้งสองจะอยู่ในเสื้อผ้าที่มีแต่รอยปะชุนเหมือนขอทานก็ตาม แต่ถึงแบบนั้นไป๋หลานก็ไม่สนใจถ้าใครจะมาดูถูกกัน ก็แค่เดินออกไปซื้อร้านอื่นนั่นคือสิ่งที่พวกเธอต้องทำถ้าเจอเหตุการณ์แบบนั้น มันคือสัจจะธรรมของโลก
ในร้านมีเมล็ดของผักทั่วไปที่เห็นกันอยู่บ่อยๆ ไป๋หลานเดินดูอย่างละเอียดก่อนจะไปสดุดที่ถุงป่านในร้านที่ถูกวางอย่างไม่ค่อยใส่ใจนัก
"ท่านลุงสิ่งนี้ท่านขายอย่างไรเจ้าคะ" ไป๋หลานกดความตื่นเต้นในใจแล้วถามเจ้าของร้านอย่างมีความหวัง
"ข้าไม่รู้ว่ามันคือเมล็ดใด มันติดมากับเรือที่เดินสมุทรตอนที่ข้าได้มาคิดว่ามันจะขายได้แต่ตอนนี้มันเป็นเมล็ดค้างปีไปซะแล้ว เจ้าสนใจมันรึ" ลุงเจ้าของร้านพูดกับไป๋หลานตามจริงนั่นทำให้เฉิงกงที่เดินตามอยู่ข้างหลังพอใจ
"เจ้าค่ะ ข้าสนใจทั้งสองชนิดเลย รบกวนท่านคิดราคารวมกับทั้งหมดให้ข้าด้วยเจ้าค่ะ" ตอนนี้ไป๋หลานอารมณ์ดีมาก คิดถึงรสชาติของผักดองเปรี้ยวเผ็ดที่มี แตงกวาและแครอท แล้วใจมันกระชุ่มกระชวย
"เมล็ดผัก5ชนิดราคาอย่างละ7อีแปะ ส่วนสองอย่างที่ข้าไม่รู้จักข้าคิดราคาแค่8อีแปะเจ้าเอาไปทั้งกระสอบเลยรวม46อีแปะ"
"ขอบคุณเจ้าค่ะ"
เป็นอันว่าวันนี้ไป๋หลานได้เมล็ดของแครอทและแตงกวามาในราคาถูกเพราะคนขายไม่รู้ว่ามันปลูกยังไงและมันขายไม่ออกจึงขายให้ไป๋หลาน ส่วนเมล็ดอื่นๆได้มาในราคาปกติ
ตอนนี้ไป๋หลานเหลือเงิน6ตำลึง70อีแปะ อ่า ช่างห่างไกลจากความร่ำรวยยิ่งนัก คงต้องให้ท่านแม่เย็บผ้าจากลวดลายในหนังสือออกขายบ้างแล้ว ระหว่างนี้คงต้องเก็บผักที่เหลือขายไปก่อน ต้องหาเงินให้เยอะๆ เครื่องปรุงเป็นสิ่งสำคัญในการทำผักดอง ส่วนเงินก้อนโตไป๋หลานวางแผนไปเก็บมันในหน้าหนาวที่จะถึงนี้
ความคิดเห็น