คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : ตอนที่ 8 ในพายุหิมะ
ตอนที่ 8
ในพายุหิมะ
“นี่ เมื่อไหร่พายุหิมะนี่จะหยุดลง?”
เสียงของซีคฮาร์ทดังขึ้นในขณะที่ผมกำลังเขี่ยกิ่งไม้ในกองไฟเพื่อให้ความร้อนแผ่กระจายมากขึ้น ผมหันไปมองพายุหิมะข้างนอกถ้ำที่เรากำลังพักอยู่ในตอนนี้อย่างครุ่นคิด
เมื่อประมาณสามถึงสี่ชั่วโมงก่อนที่พวกเราจะออกเดินทางกันต่อ ผมขอให้คนที่เหลือออกเดินทางไปก่อนที่จะกลับไปตรวจสอบบริเวณที่พลังเวทขนาดใหญ่ได้ตกลงมา บริเวณนั้นแทบไม่เหลือซากศพหรือของที่สามารถนับเป็นชิ้นเป็นอันได้เลย
ทุกอย่างถูกเปลวไฟแผดเผาหมอดไหม้จนไม่เหลือหลักฐาน
แม้ว่าผมจะรู้อยู่แก่ใจว่าการกลับไปตรวจสอบที่แห่งนั้นไม่ได้มีประโยชน์อะไรต่อผมเลย แต่ผมก็ยังรู้สึกข้องใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น ถึงจะบอกว่ามันเป็นเหตุการณ์ที่ ‘ควร’ จะเกิดขึ้นอยู่แล้วก็เถอะ
แต่ยังไงมันก็ไม่สมเหตุสมผลอยู่ดี
ผมรู้ดีว่าโลกนี้คือเกมจีบหนุ่มที่ผมเคยเล่นกับคุณหนูมาก่อน แต่ตัวผมที่ได้มีชีวิตและใช้ชีวิตอยู่บนโลกนี้มาสามเดือนนั้นก็รู้ดีว่าโลกนี้มันกลายเป็นความจริงสำหรับผมไปแล้ว และความจริงที่เกิดขึ้นในตอนนี้กับตัวผมนั้น
ก็กำลังดำเนินไปตาม ‘เนื้อเรื่อง’ ของเกมอยู่
ซึ่งแน่นอนว่าถ้าเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นกับใครแล้วนั้น พวกเขาคงจะคิดว่า
‘ยังไงซะ ชีวิตนี้ก็คงหนี้ไม่พ้นโชคชะตาที่ถูกกำหนดไว้บนโลกนี้’
แต่สำหรับผมแล้วมันไม่ใช่...
‘ลุดวิก’ ที่ไม่ควรจะมาอยู่ที่นี่ ได้มาอยู่ทางตอนเหนือของอาณาจักรแห่งนี้ในขณะนี้ แถมยังรอดมาจากเหตุการณ์ที่ควรจะมีเพียงแค่โนอาห์รอดมาได้อีก
แสดงว่าปรากฏการณ์ปีกผีเสื้อขยับยังคงสามารถเกิดขึ้นได้บนโลกใบนี้ และนั่นก็เท่ากับว่า—
“เห้! นี่ข้าถามเจ้าอยู่นะว่าเมื่อไหร่พายุหิมะจะหยุดน่ะ!?”
ในขณะที่ผมจมอยู่กับความคิดภายในหัวของตัวเองอยู่นั้น เสียงของซีคฮาร์ทที่ดูมีอารมณ์ขุ่นเคืองนั้นได้ดังขึ้น มันจึงทำให้ผมที่อยู่ในห้วงความคิดของตัวเองนั้นได้สติขึ้น และย้อนกลับไปคิดถึงคำถามที่ซีคฮาร์ทถามผมขึ้น
“อา... น่าจะตอนเช้าตรู่ของวันพรุ่งนี้น่ะ”
ผมตอบกลับเจ้าเด็กราชวงศ์อย่างไม่ได้ใส่ใจอะไร เพราะในเมื่อตอนนี้สิ่งที่สำคัญสำหรับผมมากที่สุดมันไม่ใช่เรื่องมารยาทหรือการที่ต้องมาดูแลเด็กอย่างพวกเขา
แต่มันเป็นชีวิตของผมที่ต้องดำเนินต่อไปบนโลกใบนี้ยังไงละ
ทำไมผมถึงมาคิดเรื่องนี้ในตอนนี้นะหรอ? นั่นก็เพราะว่า—
“แอล เจ้าเป็นอะไรรึเปล่า?”
จู่ๆ เสียงที่กำลังหนาวสั่นของโนอาห์ที่อยู่ใต้ผ้าห่มผืนหนาที่เขากำลังห่มอยู่กับซีคฮาร์ทนั้นได้พูดขึ้น ผมหันไปมองโนอาห์ที่ไม่มีรอยแผลจากการถูกไฟคลอกอย่างครุ่นคิด ก่อนที่จะถอนหายใจเฮือกใหญ่ออกมา
“เห้อ... คิดมากไปก็ไม่ได้อะไรอยู่ดี”
ถึงผมจะบ่นออกไปแบบนั้น แต่การที่ได้เห็นคนเหล่านี้กำลังหายใจ ไม่มีบาดแผลใดๆ รวมกระทั่งอาการหนาวสั่นเพราะความหนาวเหน็บนี่นั้น
มันทำให้ผมอดคิดไม่ได้ว่าการที่ตัวผมที่เป็นสิ่ง ‘แปลกปลอม’ ในสถานการณ์... ไม่สิ บนโลกใบนี้ การที่ผมไปเปลี่ยนโชคชะตาที่ควรจะเป็นของพวกเขาที่ถูกกำหนดไว้แล้วนั้น
มันดีแล้วจริงๆ หรอ?
ถึงแม้ว่าผมอยากจะมีชีวิตรอดสักแค่ไหน และไม่อยากให้หลายๆ เหตุการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคตเกิดขึ้นจริง แต่ผมก็ไม่ชอบ ‘ความไม่แน่นอน’ ที่อาจเกิดขึ้นกับตัวผมรวมถึงโลกใบนี้อีกด้วย
การที่ไม่รู้อนาคตที่แน่นอนบนโลกที่เคยคิดว่าไม่มีอยู่จริงนั้น มันเป็นความรู้สึกแปลกใหม่จนผมไม่อาจจะบรรยายได้ จะว่ากลัวอนาคตที่จะเกิดขึ้นก็ไม่ใช่ แต่ใช่ว่าผมจะยอมรับกับความเปลี่ยนแปลงที่อาจเกิดขึ้นนี้ได้
เฉกเช่นเดียวกับตอนนี้ที่ผมกำลังเห็นสีหน้าที่เต็มไปด้วยความเป็นห่วงของโนอาห์
อา... ผมรู้แล้วว่าทำไมตอนนี้ผมถึงได้รู้สึกแบบนี้ และทำไมถึงมาคิดเรื่องนี้ในตอนนี้
มันอาจจะเป็นเพราะผมรู้สึกได้ว่าตัวเองเป็นสิ่ง ‘แปลกปลอม’ บนโลกใบนี้ ผมเลยคิดว่าตัวเองรู้สึกเป็นสิ่งมีชีวิตเดียวที่สามารถทำตามความคิดของตัวเองได้อย่างอิสระ
โดยไม่มีโชคชะตาอย่าง ‘เนื้อเรื่อง’ กำหนดตัวเองไว้
แต่ผมยังไม่อาจเห็นได้ว่าพวกเขาตรงหน้าผมเป็นสิ่งมีชีวิต เป็นคนที่มีชีวิตจริงๆ เหมือนกับผมได้
คนที่สามารถเป็นอิสระจาก ‘เนื้อเรื่อง’ ได้
มันเลยทำให้ผมที่เคยมองพวกเขาว่าเป็นเพียงแค่ ‘ตัวละคร’ ในเกม... ไม่สิ ในโลกใบนี้ มองว่าพวกเขายังเป็นแค่หุ่นเชิดเท่านั้น
“นี่ เจ้าคิดอย่าคิดอะไรมากจนทำให้โนอาห์เป็นห่วงสิ”
ซีคฮาร์ทตอบกลับผมที่พึ่งบ่นออกไปเมื่อไม่กี่นาทีที่แล้วว่าคิดมากไปก็ไม่ได้อะไรอยู่ดี แน่นอนว่าตัวของซีคฮาร์ทที่ผมไม่ควรได้เห็นในเกม ในตอนนี้ที่ผมได้เป็นลุดวิกในโลกนี้ก็ได้เห็นกับตาของผมเองว่าเขายังคงมีชีวิตอยู่
แถมยังได้รู้จักชื่อของเขาที่ไม่เคยปรากฏอยู่ในเกมอีกด้วย
“ใช่แล้วละแอล ยิ่งคนอย่างเจ้าคิดมาในสถานการณ์แบบนี้ คนอื่นๆ จะพลอยกังวลไปด้วยนะ”
แซมที่กำลังกอดเข่าของอย่างหนาวสั่นไปทั้งตัวนั้นพูดขึ้น ผมที่เห็นว่าอีกฝ่ายมีเครื่องป้องกันความหนาวอยู่น้อยชิ้น จึงให้ถอดผ้าพันคอตัวเองและยื่นมันให้กับเขา
“นั่นสินะ ถ้าคนนำทางอย่างเจ้าหนาวตายไป พวกเราก็คงจบเห่เป็นแน่”
ผมพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เยาะเย้ยแซมที่กำลังหนาวสั่นอยู่ เพื่อให้บรรยากาศดูผ่อนคลายมากขึ้น
แต่ดูเหมือนว่าจะกลับกันเลยสินะ...
“นั่นสิ ถ้าแซมหนาวมากละก็... จะมาห่มผ้าห่มแทนข้าก็ได้นะ”
โนอาห์ที่ดันคิดมากกับคำพูดของผมพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่สั่นไปตามร่างกายที่เหน็บหนาวของเขา ซีคฮาร์ทที่เห็นโนอาห์คิดมากนั้นได้แต่ส่ายหัวของเขาไปมา ส่วนแซมที่รู้ว่าผมต้องการจะพูดเพื่อผ่อนคลายบรรยากาศนั้นได้แต่หัวเราะแห้งๆ ให้กับคำพูดของโนอาห์
ผมที่เห็นการตอบสนองของสามคนตรงหน้าผมนั้นได้แต่นึกหัวเราะตัวเองอยู่ในใจ นั่นสินะ... จะไปคิดให้มากทำไม ในเมื่อผมที่อยู่ตรงนี้ยังมีชีวิตและลมหายใจอยู่ พวกเขาตรงหน้าก็เช่นกัน
ส่วนเรื่อง ‘โชคชะตา’ ของพวกเขา...
“ไม่ดีกว่าครับ แค่ผ้าพันคอที่แอลให้มาก็น่าจะเพียงพอสำหรับข้าแล้วครับ”
หวังว่ามันจะไม่เป็นไปตามที่โลกนี้ได้ ‘กำหนด’ ไว้หมดหรอกนะ
“ว่าแต่ เจ้ายังไม่ได้อธิบายเรื่องที่เกิดขึ้นให้ข้าฟังเลยนะ คุณทหารรับจ้าง”
ในขณะที่บรรยากาศกำลังเริ่มผ่อนคลายลง จู่ๆ ซีคฮาร์ทก็ได้ทำลายบรรยากาศลงฉับพลัน แต่จะให้โทษเจ้าตัวที่สงสัยเรื่องที่เกิดขึ้นตอนนั้นก็ไม่ได้ เพราะดูเหมือนว่าซีคฮาร์ทจะรู้ดีอยู่ว่าผมพอจะรู้เรื่องที่เกิดขึ้น
เจ้าเด็กนี่ยังคงเป็นเด็กที่ใช้ได้เหมือนเดิมเลยสินะ...
ผมเล่าให้ซีคฮาร์ทฟังตั้งแต่ตอนที่สัญชาตญาณของผมนั้นรับรู้ได้ถึงอันตรายที่มากกว่ากลุ่มโจรตรงหน้า จนกระทั่งสัมผัสถึงพลังเวทขนาดใหญ่ที่กำลังตกลงมา
แน่นอนผมไม่ได้บอกเขาหรอกนะว่าผมรู้มาจากเกมน่ะ
“แล้วทำไมในตอนนั้นเจ้าถึงแน่ใจได้ละว่าพลังเวทของโนอาห์จะตื่น?”
น้ำเสียงของซีคฮาร์ทนั้นเต็มไปด้วยความสงสัย แน่นอนว่าผมรู้อยู่แล้วว่าเขาต้องถามเรื่องนี้ ผมเลยชี้ไปที่สร้อยคอสีเงินของโนอาห์ที่มีล็อกเกตทำมาจากผลึกเวทมนตร์
“ในขณะที่พวกเรากำลังวิ่งหนีอย่างสุดชีวิต ข้าก็ดันเหลือบไปเห็นสร้อยคอของท่านโนอาห์น่ะสิ”
“สร้อยคอของโนอาห์?”
“ใช่ ท่านลองสังเกตตัวล็อกเกตดีๆ สิ มันทำมาจากผลึกเวทมนตร์ชั้นดีเลยนะ”
ในขณะที่ซีคฮาร์ทกำลังสังเกตล็อกเกตของโนอาห์ให้ชัดว่ามันทำมาจากผลึกเวทมนตร์ จู่ๆ โนอาห์ที่กำลังโดนซีคฮาร์ทจ้องอยู่นั้นก็สะดุ้งตัวขึ้น
“ตะ... ตอนนั้น... แอลสอนให้ข้าปลุกพลังเวทของตัวเองขึ้นมา ถะ... แถมยังช่วย... ส่งกระแสพลังเวทมาให้ข้าอีกด้วย”
โนอาห์พูดอธิบายอย่างติดๆ ขัดๆ ก่อนที่สายตาของเขาที่กำลังมองต่ำอย่างเป็นกังวลอยู่นั้น ได้เงยขึ้นมามองผมด้วยความเคอะเขินก่อนที่จะหลุบต่ำลงมองพื้นเหมือนเดิม
ความจริงแล้วพลังของโนอาห์ในตอนนั้นเรียกได้ว่ายังตื่นไม่เต็มที่หรอกนะ แต่ในตอนที่ผมส่งกระแสพลังเวทไปให้โนอาห์ผ่านการสัมผัสนั้น มันได้ช่วยเข้าไปกระตุ้นพลังของโนอาห์ให้ตื่นเต็มที่ แถมยังมีผลึกเวทมนตร์ที่เป็นตัวช่วยในการขยายพลังเวทของเขาอีกด้วย
ต้องบอกเลยว่าในตอนนั้นโชคเข้าข้างพวกเรามาก เพราะถ้าหากในตอนนั้นเราไม่มีผลึกเวทมนตร์ของโนอาห์ละก็ บางทีบาเรียที่กลางออกมาคงจะไม่สามารถต้านทานเปลวไฟที่ลุกโชนอย่างรวดเร็วและรุนแรงแบบนั้นได้แน่
“ว่าแต่ เจ้ารู้วิธีปลุกพลังเวทกับส่งกระแสพลังเวทได้อย่างไร ในเมื่อคนที่พอจะรู้วิธีพวกนี้ก็มีแต่—”
“ผู้ใช้เวทขั้นสูง?”
“...อืม”
ผมตอบกลับซีคฮาร์ทในทันทีที่เขาถามถึงเรื่องนี้ ผู้คนบนโลกใบนี้ได้มีการจัดลำดับขั้นของศิลปะการต่อสู้และความชำนาญต่างๆ ตามฝีมือหรือเทคนิคที่ผู้ใช้มี
ซึ่งเทคนิคการปลุกพลังและการส่งกระแสพลังเวทนั้นถือเป็นเทคนิคขั้นสูงสำหรับผู้ใช้เวท เนื่องจากมีคนจำนวนน้อยที่สามารถใช้เทคนิคเหล่านี้ได้จริง จึงทำให้ผู้คนคิดว่ามันเป็นเทคนิคสำหรับผู้ชำนาญเวทขั้นสูง หรือก็คือผู้ใช้เวทขั้นสูงนั่นเอง
แต่ถ้าให้พูดตามความจริงแล้ว มันไม่ใช่เทคนิคที่ยากอะไรถึงเพียงนั้นเลย เพียงแต่มันต้องใช้การจินตนาการอย่างมากเพียงเท่านั้น
“ขอแค่ท่านจินตนาการถึงภาพที่พลังเวทในตัวท่านตื่น รวมถึงการส่งกระแสพลังเวทไปให้คนอื่น แค่นั้นท่านก็ทำได้แล้วละครับ”
ผมบอกซีคฮาร์ทไปตามตรงอย่างไม่ได้ปิดบังอะไร เนื่องจากมันไม่ใช่เทคนิคที่ควรจะเก็บไว้เพียงคนเดียว แต่มันเป็นเทคนิคที่ทุกคนควรจะรู้เอาไว้เป็นพื้นฐานเอาไว้
“งั้นหรอ... แค่จินตนาการ”
ซีคฮาร์ทพึมพำออกมาก่อนที่จะหลับตาของเขาลง เขาคงกำลังจินตนการถึง—
!!
ผมสะดุ้งตัวขึ้นในขณะที่คนอื่นกำลังมองไปที่ซีคฮาร์ทที่กำลังพยายามปลุกพลังเวทของตัวเอง สายตาที่กำลังจ้องมองมาที่พวกเราเมื่อครู่นี้ได้หายไปในฉับพลันที่ผมสัมผัสถึงมัน
นี่มันตามเรามาจนถึงที่นี่แล้วหรอ?
ผมลุกขึ้นอย่างรวดเร็วก่อนที่จะโดนแซมพูดรั้งเอาไว้
“แอล เจ้าจะไปไหนน่ะ?”
แซมถามผมที่ลุกขึ้นยืนและกำลังจะเดินไปสำรวจหน้าถ้ำอย่างรวดเร็ว ผมหันมองหน้าของแซมที่กำลังสงสัยในการกระทำของผม ก่อนที่จะหันไปมองหน้าถ้ำอีกรอบ ผมพยายามมองเข้าไปในพายุหิมะข้างนอกว่ามีใครกำลังตามพวกเรามาหรือไม่ แต่เป็นเพราะลมที่กำลังโหมกระหน่ำเป็นพายุอย่างรุนแรงนั้น จึงทำให้ผมมองเห็นข้างในพายุหิมะได้แค่รางๆ เท่านั้น
ไม่มีใครเลย... หรือว่าเราจะคิดไปเองนะ?
ไม่รู้ว่าทำไมผมถึงสัมผัสได้ถึงสายตาคู่นั้นเมื่อครู่นี้ แต่ถ้ามันอยู่ข้างในพายุหิมะในตอนนี้ ผมก็น่าจะเห็นเงารางๆ ของมันอยู่ในพายุหิมะแล้วนะ อีกทั้งสัญชาตญาณของผมมันกำลังบอกผมว่ามีอันตรายอยู่ข้างนอกนั่น
“อีกนิดเดียวเท่านั้นครับ! ท่านซีคฮาร์ท!”
เสียงให้กำลังใจของโนอาห์ดังขึ้น ในขณะที่ผมกำลังเฝ้าระวังภัยอันตรายที่อยู่ข้างนอกนั่น
“ถ้ามันยากเกินไป ท่านลองให้—”
“ไม่ต้อง... ข้า... ทำได้”
ดูเหมือนเจ้าเด็กสองคนนี่จะหาปัญหามาให้ผมในตอนนี้ได้อีกแล้ว สายตาของผมยังคงจับจ้องไปออกไปข้างนอกถ้ำ ก่อนที่จะนั่งลงที่เดิมอีกครั้งพร้อมกับแนะนำให้ซีคฮาร์ทเลิกฝืนปลุกพลังเวทของเขา
“การฝืนปลุกพลังเวทในตอนที่ร่างกายของท่านยังไม่พร้อมนั้น แถมยังไม่มีตัวช่วยอย่างผลึกเวทมนตร์นั้นเป็นเรื่องยากนักที่จะทำได้”
ผมพูดในขณะที่กำลังมองซีคฮาร์ทพยายามฝืนตัวเองต่อไป ถ้าเขายังฝืนต่อไปมากกว่านี้ละก็ มันจะไม่ดีต่อตัวเขาในอนาคตข้างหน้านี้แน่
“แต่โนอาห์—”
“ไม่สำคัญว่าพลังเวทนั้นถูกปลุกขึ้นมาเร็วหรือช้า สิ่งที่สำคัญที่สุดคือความพร้อมของตัวท่าน”
ผมพูดเสียงแข็งขึ้นให้อีกฝ่ายเชื่อฟังในสิ่งที่ผมพูด และในที่สุดซีคฮาร์ทก็ยอมฟังผมและไม่พยายามฝืนปลุกพลังเวทของตัวเองต่อ เพราะถ้าหากเขายังฝืนต่อไปเรื่อยๆ ละก็ พลังเวทที่ควรจะถูกปลุกขึ้นมาอย่างค่อยเป็นค่อยไปนั้น
มันจะระเบิดออกมา
“แล้วเมื่อไหร่ข้าจะพร้อมละ?”
ซีคฮาร์ทถามผมในทันทีที่เข้าลืมตาขึ้น จะว่าไปแล้วเจ้าเด็กพวกนี้คงจะมีอายุแค่เจ็ดปีเองสินะ เพราะโนอาห์เป็นรุ่นพี่ของรีเอตต้าในอะคาเดมีปีหนึ่ง และการที่โนอาห์ปลุกพลังเวทได้ในตอนที่เขามีอายุเพียงแค่เจ็ดปีนั้นมันเป็นเพราะจิตใจของเขาที่ต้องการจะมีชีวิตรอดอยู่ต่อ พร้อมทั้งเขายังมีผลึกเวทมนตร์ที่คอยช่วยขยายพลังเวทของเขาอีกด้วย
แต่ว่าโนอาห์ในเกมนั้น พลังเวทของเขาทั้งไม่เสถียร แถมยังคลุ้มคลั่งได้คลอดเวลา นั่นเป็นเพราะเขาปลุกพลังเวทของตัวเองผิดวิธี แถมที่พลังเวทของเขาไม่ระเบิดในตอนนั้นคงเป็นเพราะโชคดีด้วย แต่โนอาห์ในครั้งนี้มีผมที่คอยช่วยเขาให้ปลุกพลังเวทของเขาอย่างค่อยเป็นค่อยไปจนทำให้มันเสถียรพอที่จะใช้กางบาเรีย
ดังนั้นแล้ว การที่มีคนช่วยปลุกพลังเวทและทำให้มันเสถียรนั้นคงจะเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการปลุกพลังเวท แต่ดูเหมือนว่าซีคฮาร์ทไม่ได้อยากให้ผมช่วยเขาในการปลุกพลังเวทสินะ
ถ้างั้น...
“จนกว่าท่านจะกลับไปที่จักรวรรดิอย่างปลอดภัย ถึงเวลานั้นท่านจะพร้อมเอง”
“...”
ไม่รู้ว่าทำไมซีคฮาร์ทถึงไม่พูดหรือถามอะไรผมต่อ เขาเพียงแค่ขยับตัวของเขาเข้าไปใกล้โนอาห์ ก่อนที่จะหลับตาลงอย่างผ่อนคลาย
“ท่านซีคฮาร์ท?”
โนอาห์ที่สงสัยว่าทำไมซีคฮาร์ทถึงมีท่าทีแบบนี้เรียกชื่อของซีคฮาร์ทด้วยความสงสัย ก่อนที่ซีคฮาร์ทจะเพียงแค่ขยับร่างกายของเขาเข้าไปใกล้โนอาห์อีกรอบ พร้อมกับพูดออกมาเพียงแค่ว่า
“ข้าหนาว... ข้าจะนอนแล้ว”
แม้ว่าเมื่อครู่นี้ซีคฮาร์ทดูไม่เหมือนจะหนาวหรือง่วงนอนแม้แต่น้อย แต่ถ้าหากเขาพูดออกมาแบบนี้ เขาคงจะรู้สึกแบบนี้จริงๆ
อา... ตอนนี้พวกเราสมควรจะนอนเอาแรงจริงๆ นั่นละ
“แซม”
ผมเรียกแซมเพื่อให้เขารู้ว่าผมขอพักผ่อนก่อนที่จะมาเปลี่ยนกะกับเขา แซมเพียงพยักหน้าของเขาก่อนจะทำมือให้ผมหลับก่อนเลย ผมผงกหัวให้แซมเป็นการขอบคุณ ก่อนจะเห็นเด็กสองคนตรงหน้านอนหลับเป็นตาย ทั้งๆ ที่เมื่อครู่นี้ยังตื่นอยู่ทั้งคู่เลย
เอาเถอะ ยังไงเด็กอย่างพวกเขาก็ควรจะต้องเข้านอนแล้ว รวมถึงตัวผมก็เช่นกัน
ผมเปิดหน้ากากของตัวเองออกมาเล็กน้อยเพื่อให้ตัวเองหายใจเข้าออกได้สะดวกขึ้นในเวลานอน ผมพยายามข่มตาของตัวเองให้หลับลงทั้งๆ ที่ยังรู้สึกตื่นตัวกับสายตาที่จับจ้องมาที่พวกเราในตอนที่ซีคฮาร์ทพยายามปลุกพลังของเขา
จะว่าไปแล้ว... ทำไมเจ้าเด็กนี่ถึงได้อยากปลุกพลังเวทของขึ้นมานะ?
ไม่ทันที่ผมจะได้คิดมากถึงเรื่องซีคฮาร์ทไปได้มากกว่านี้ ในที่สุดร่างกายที่ยังคงเป็นเด็กชายในวัยสิบปีก็ได้ผล็อยหลับลง
โดยที่ผมไม่รู้เลยว่าในตอนที่ผมผล็อยหลับลงไปนั้น จะมีสายตาอีกคู่หนึ่งที่กำลังแอบจ้องมองผมอยู่ระยะหนึ่ง ก่อนที่เขาจะหลับตาลงอย่างผ่อนคลาย
ความคิดเห็น