ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    จนกว่าความลับนี้จะจบลง (BL)

    ลำดับตอนที่ #8 : ตอนที่ 7 เดินทางต่อไป

    • อัปเดตล่าสุด 15 พ.ค. 67


    ตอนที่ 7

    ออกเดินทางต่อ

     

    เมื่อลืมตาขึ้นมา เกราะป้องกัน... ไม่สิ บาเรียที่ถูกกางออกมาด้วยเวทมนตร์ของโนอาห์ปรากฏขึ้น พร้อมทั้งร่องรอยการถูกเผาไหม้ของพื้นที่ที่เปลวไฟลามไปถึงภายนอกนั้น...

    ถ้าโดนไฟที่มีความแรงขนาดนี้คลอกละก็—

    “สำเร็จ! เจ้าช่วยพวกเราเอาไว้ โนอาห์”

    เสียงของเจ้าเด็กราชวงศ์ดังขึ้นอย่างดีอกดีใจ แซมที่อยู่ข้างๆ เขานั้นได้แต่ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ คงจะโล่งอกสินะที่ตัวเองตัดสินใจวิ่งออกมาจากตรงนั้น

    “ไม่เลย ถ้าไม่ได้— เอ่อ... เจ้าชื่อว่าอะไรนะ?”

    โนอาห์พูดในขณะที่เขารู้สึกเขินอายเล็กน้อย ก่อนที่คำพูดของเขาจะสะดุดลง พร้อมหันมามองทางผม นี่เขาจำชื่อผมไม่ได้หรอ?

    “แอลไง หมอนี่ชื่อแอล”

    จู่ๆ ซีคฮาร์ทก็พูดขึ้น

    “แอลงั้นหรอ... ขอบคุณเจ้ามากนะ”

    “ไม่เป็นไรหรอกครับ ข้าต้องขอโทษด้วยซ้ำที่เสียมารยาทกับท่านไป”

    จะว่าไปแล้ว ตอนที่ผมสั่งให้พวกเขาวิ่ง แถมยังไปพยายามฝืนตัวของโนอาห์ที่หวาดกลัวต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แถมยังไปจับเนื้อต้องตัวเขาอีก อา... ลืมไปเลยว่าเจ้าเด็กนี่ยังจับมือผมอยู่

    ผมปล่อยมือจากโนอาห์ในทันทีที่นึกขึ้นได้ว่าเขาและผมกำลังจับมือกันอยู่ โนอาห์สะดุ้งเล็กน้อยในตอนที่ผมปล่อยมือของเขา ก่อนที่เขาจะเก็บมือของเขาไป เหมือนว่าเขาจะเป็นเด็กที่ขี้อายอยู่พอควรนะเนี่ย

    “แล้ว... เมื่อไหร่เจ้าจะปลดบาเรียออกละโนอาห์?”

    ซีคฮาร์ทพูดขึ้นเมื่อเขาเห็นว่าบาเรียที่ปกป้องพวกเราจากเปลวไฟนั้นยังคงกางอยู่ สีหน้าของโนอาห์ดูสับสนและงุนงงเล็กน้อย นี่เขาไม่รู้หรอว่าต้องปลดการใช้เวทมนตร์ในการกางบาเรียยังไงน่ะ?

    “ท่านโนอาห์ หากต้องการหยุดใช้เวทมนตร์ในการกางบาเรีย เพียงแค่จินตนาการให้มันหายไปก็พอครับ”

    “อะ... อืม”

    โนอาห์ผงกหัวให้ผมก่อนที่เขาจะหลับตาตั้งสมาธิในการจินตนาการให้บาเรียหายไป ก่อนที่สักพักบาเรียที่กำลังปกป้องเราอยู่นั้นได้ถูกปลดออกและหายไปภายในพริบตา

    “ทะ... ทำได้แล้ว”

    “เจ้าเก่งมากเลยโนอาห์! ส่วนเจ้า...”

    ซีคฮาร์ทพูดขึ้นเมื่อเห็นโนอาห์ปลดบาเรียลงได้ ส่วนประโยคที่เขากำลังจะพูต่อจากนี้ คงจะเกี่ยวกับตัวผมสินะ เล่นหันมาจ้องผมจนตาจะแห้งหมดแล้วมั้งเนี่ย

    “ไว้ข้าอธิบายให้พวกท่านฟังนะครับ แต่ก่อนอื่นข้าต้องขอโทษที่เสียมารยาทกับพวกท่านเมื่อครู่นี้จริงๆ”

    “ไม่เป็นไร พวกเราต่างหากที่ต้องขอบใจเจ้าที่ช่วยชีวิตพวกเราเอาไว้”

    “ใช่แล้วครับ ถ้าไม่มีแอล... ข้าคงจะกางบาเรียมาปกป้องพวกเราไม่ได้แน่”

    ซีคฮาร์ทและโนอาห์ต่างไม่ได้ใส่ใจกับพฤติกรรมที่ผมทำเสียมารยาทกับพวกเขา ก็นะ... ถ้าเป็นผมก็คงโกรธคนที่ช่วยชีวิตเอาไว้ไม่ลงหรอก

    “แอล ต้องขอบคุณเจ้าจริงๆ ที่ตะโกนให้วิ่งหนีออกมาจากตรงนั้นน่ะ”

    แซมที่ทำหน้าเหมือนติดหนี้ชีวิตผมนั้นพูดขึ้น น้ำเสียงของเขานั้นมีทั้งความรู้สึกที่โล่งอกและเสียใจ ผมมองตามสายตาของเขาที่กำลังมองไปยังพื้นที่ที่เพื่อนอัศวินและรถม้าอยู่เมื่อครู่นี้ ดูเหมือนว่าเหตุการณ์ครั้งนี้คงจะสะเทือนใจของเขาน่าดู

    ผมเดินเข้าไปตบไหล่เขาเบาๆ เป็นการปลอบโยน แซมเพียงหัวเราะแห้งออกมา ก่อนที่จะพูดขึ้นอีกครั้ง

    “ข้าว่าตอนนี้พวกเราควรเดินทางกันต่อ เพราะอีกไม่นานท้องฟ้าของที่นี่คงจะมืดลงจนมองไม่เห็นถนนหนทางเป็นแน่”

    ผมพยักหน้าเห็นด้วยกับสิ่งที่แซมพูด ก่อนจะหันไปถามกับทั้งสองที่กำลังฟังบทสนทนาของเราอยู่

    “พวกท่านมีความเห็นว่าอย่างไรกันครับ? ข้าว่าวันนี้พวกเราควรจะหาที่ปลอดภัยค้างแรมให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ อีกอย่างถ้าอยู่บริเวณนี้นานกว่านี้—”

    “เอาตามที่พวกเจ้าทั้งสองเห็นสมควรเถอะ แต่ว่านะ...”

    “?”

    ซีคฮาร์ทพูดขึ้นในพร้อมกับสำรวจสัมภาระจำเป็นที่เขาและโนอาห์ได้หยิบมาตามที่ผมบอก

    “ในตอนนี้มีสัมภาระที่จำเป็นต่อการค้างแรมและเดินทางต่ออยู่ไม่มาก เจ้าคิดว่าพวกเราจะอยู่รอดไปจนถึงชายแดนได้เลยหรือไม่?”

    โอ้... เจ้าเด็กนี่มองสถานการณ์ตามความเป็นจริงออกด้วยแฮะ ในตอนแรกผมกะจะพูดให้ความหวังพวกเขาทั้งสองเล็กน้อยว่าพวกเราอาจยังมีหวังในการเดินทางต่อ

    แต่เหมือนว่าซีคฮาร์ทคงจะรู้อยู่แก่ใจแล้วสินะว่ามันไม่มีทางที่เราจะเดินทางต่อได้ในสภาพที่เหลือเสบียงและอุปกรณ์ที่จำเป็นน้อยขนาดนี้ แน่นอนว่าวันนี้เราควรออกเดินทางกันต่อและหาที่ปลอดภัยสำหรับการพักผ่อนในคืนนี้ แต่คงอีกไม่นานหรอกที่การเดินทางครั้งนี้จะต้องจบลงอย่างน่าเวทนา

    “ว่าอย่างไร? เจ้ากล้าตอบข้าตามความจริงที่เจ้าเห็นหรือไม่?”

    “...แอล?”

    อืม... ซีคฮาร์ทกำลังกดดันให้ผมพูดความจริงให้โนอาห์ได้รับรู้ถึงสถานการณ์ที่เรากำลังเจอ แซมก็คงรู้อยู่แก่ใจว่าการเดินนี้คงไปต่อได้อีกไม่กี่วัน เนื่องจากเขาที่เคยเดินทางมาตอนเหนือคงรู้ดีกว่าใครในที่แห่งนี้ว่ามันแทบไม่เหลือความหวังที่จะไปให้ถึงชายแดนอีกแล้ว

    ทั้งหมู่บ้านที่ควรจะมีอยู่ก่อนเดินทางมาถึงตรงนี้ แถมยังสภาพแวดล้อมและภูมิศาสตร์อันโหดร้ายต่อการเดินทางด้วยเท้าของทางตอนเหนือนั้น

    คงยากที่จะมีชีวิตรอดจนถึงชายแดนจริงๆ

    “แซม ข้างหน้าเส้นทางที่เราจะต้องเดินทางต่อไปนั้น ยังพอมีหมู่บ้านให้เราพอเติมเสบียงและค้างแรมอยู่ไหม?”

    “เอ่อ... คือ...”

    เหมือนว่าจะไม่มีสินะ เพราะดูจากสีหน้าท่าทางของแซมที่ดูวิตกกังวลและสิ้นหวังอยู่พอสมควรนั้น มันทำให้ผมรู้สึกต้องถอนหายใจเฮือกใหญ่ออกมาให้ได้

    “เห้อออ... ถ้าหากไม่มีหมู่บ้านข้างหน้าตามเส้นทางที่เราจะต้องเดินทางต่อไป ข้าบอกได้เลยว่าพวกเราแทบไม่มีโอกาสรอดไปจนถึงชายแดนได้เลย”

    “แทบ?”

    ซีคฮาร์ทย้ำคำพูดที่ดูเหมือนให้ความหวังของผมอีกครั้ง ผมรู้สึกอยากจะหัวเราะออกมาดังๆ ที่ได้เห็นเจ้าเด็กราชวงศ์นี่ยังคงมีหน้ามากดดันให้ผมพูดความจริง แต่ก็ว่าเขาไม่ได้หรอกนะที่เขาอยากจะให้ผมทำหน้าที่นี้

    โนอาห์ที่เริ่มจะเห็นความเป็นจริงของสถานการณ์ในตอนนี้ได้สั่นกลัวขึ้นมาอีกครั้ง ดวงตาสีแดงฉานเริ่มสั่นคลอนไปด้วยความสิ้นหวัง น้ำตาที่เริ่มคลออยู่ภายในดวงตาทั้งสองนั้นกำลังเอ่อล้นออกมา

    ผมมองโนอาห์และแซมที่มีสภาพสิ้นหวัง ก่อนจะมองไปที่ซีคฮาร์ทที่ยืนอยู่ตรงกลางระหว่างทั้งสองอย่างสุขุมเยือกเย็น จะว่าไปแล้วเมื่อตอนที่เปลวไฟกำลังลามมายังทิศทางที่เราอยู่ เจ้าเด็กนี่มีปฏิกิริยายังไงนะ?

    แต่เอาเถอะ ในตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดไม่ใช่ปฏิกิริยาของเขา แต่เป็นการเอาตัวรอดจากสถานการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นในตอนนี้ให้ได้และไปถึงชายแดนอย่างปลอดภัย ในการจ้างวานของเคานต์รีอัสนั้นได้กำหนดระยะเวลาเดินทางไปและกลับเป็นเวลาสามเดือน นั่นเท่ากับว่าในตอนนี้เราควรที่จะใกล้ถึงชายแดนได้แล้ว

    “แซม ข้าขอถามอะไรเจ้าอีกสักอย่างได้ไหม?”

    “เจ้าอยากรู้อะไรล่ะแอล?”

    “เจ้าคิดว่าถ้าเดินทางด้วยเท้าไปยังชายแดน จะใช้ระยะเวลาเท่าไหร่จากตรงที่เราอยู่ในตอนนี้?”

    แซมครุ่นคิดเล็กน้อยก่อนจะตอบกลับผม

    “ถ้ารถม้าก็ประมาณหนึ่งอาทิตย์ แต่ถ้าทางเท้าละก็—”

    “หนึ่งเดือนใช่ไหม?”

    “…ครับ ท่านซีคฮาร์ท”

    ซีคฮาร์ทพูดขัดจังหวะแซมขึ้นเมื่อเขาเห็นแซมมีท่าทีลังเลที่ะบอกความจริงแก่เขา ดูเหมือนว่าเจ้าตัวจะรู้สึกหมดหวังกับการเดินทางไปยังชายแดนจักรวรรดิแล้วเช่นกัน แต่ทุกๆ คนในที่แห่งนี้ดันจมอยู่กับความคิดที่ว่าไม่รอดแล้วเป็นแน่ จนทำให้พวกเขาลืมมองเห็นความจริงบางอย่างที่อาจทำให้เรารอดก็เป็นได้

    “นี่… ทุกคนในที่นี้ลืมไปแล้วรึเปล่าว่าเรากำลังอยู่ที่ไหนกันน่ะ?”

    ผมพูดขึ้นเพื่อเตือนสติพวกเขา ก่อนที่แซมจะเริ่มรู้สึกโมโหขึ้นมา

    “ทำไมจะไม่รู้ล่ะแอล!? พวกเราก็กำลังจะตายท่ามกลางหิมะในดินแดนทางตอนเหนือนี่ไง!!”

    “ใช่ พวกเราอยู่ในดินแดนทางตอนเหนือ”

    “แล้วทำไม!? เจ้าถึงได้—”

    จู่ๆ แซมที่พึ่งเริ่มได้สติขึ้นมานั้นได้หยุดการกระทำอันโง่เขลาของเขาลง ผมเดินไปอยู่ข้างหน้ากลุ่มของพวกเราก่อนที่จะอ่านทิศทางลมและความแรงของลม ถ้าหากต้องใช้เวลาเดินทางไปยังชายแดนหนึ่งเดือน…

    สู้พวกเราเดินทางไปยังอาณาเขตของตระกูลเชสเตอร์ไม่ดีกว่าหรอ?

    “นั่นสิ! ใช่แล้ว!! อาณาเขตของท่านดยุกเชสเตอร์อยู่ไม่ไกลจากที่นี่มากนัก!”

    แซมตะโกนขึ้นพร้อมกับสีหน้าที่ดูมีความหวังมากขึ้น เขาหยิบแผนที่ที่เขาพกติดตัวไว้ตลอดขึ้นมาก่อนที่จะวางมันลงบนพื้นที่ถูกปกคลุมไปด้วยหิมะ

    “ดยุกเชสเตอร์?”

    ซีคฮาร์ทพูดขึ้นด้วยความสงสัย ส่วนผมมองแซมที่กำลังคำนวณระยะเวลาการเดินทางและเส้นทางที่เราควรจะใช้ในการเดินทางไปยังอาณาเขตเชสเตอร์ มันคงเป็นโชคของผมที่ได้ฟังพวกทหารรับจ้างพุดคุยกันถึงเรื่องสงครามที่กำลังเกิดขึ้นในทางตอนเหนือ

    แน่นอนว่าชื่อของดยุกเชสเตอร์ที่เป็นผู้นำในสงครามครั้งนี้ของอาณาจักอัลซีเรียก็โผล่ขึ้นมาเช่นกัน ถึงแม้ว่าในตอนนี้พวกเราจะอยู่ห่างจากเส้นทางหลักที่ควรจะใช้ข้ามเขตชายแดนที่อยู่ใกล้กับอาณาเขตเชสเตอร์อยู่พอสมควร แต่ถ้าดูจากระยะเวลาเดินทางไปยังอาณาเขตเชสเตอร์ในตอนนี้นั้น มันคงจะสั้นกว่าไปชายแดนอยู่พอสมควร

    “หนึ่งอาทิตย์! ถ้าเร็วกว่านี้ละก็น่าจะประมาณห้าวัน ข้าว่าพวกเราควรเดินทางไปยังอาณาเขตของท่านดยุกเชสเตอร์จะดีกว่า!!”

    แซมชูแผนที่ขึ้นพร้อมทั้งชี้ไปยังจุดแลนด์มาร์กที่เผยให้เห็นที่ตั้งของอาณาเขตเชสเตอร์ ซีคฮาร์ทและโนอาห์ได้เดินเข้าไปใกล้แซมมากขึ้นและสำรวจแผนที่ที่แซมชูขึ้นมาอย่างละเอียด ส่วนผมที่กำลังประเมินสภาพอากาศในการเดินทางต่อครั้งนี้นั้นได้แต่รอให้โนอาห์และซีคฮาร์ทตกลงที่จะเดินทางไปยังอาณาเขตเชสเตอร์

    ก็นะ… ผมรู้ดีว่าเราควรที่จะเลือกเส้นทางไหน แต่คนที่ควรตัดสินในการเลือกเส้นทางการเดินทางครั้งนี้ มันควรเป็นโนอาห์และซีคฮาร์ท เพราะพวกเขาคือคนที่ผมและแซมจะต้องคอยอารักขาและส่งพวกเขาไปยังจักรวรรดิอย่างปลอดภัย

    แน่นอนว่าผมและแซมสามารถตัดสินใจแทนพวกเขาได้ แต่หากว่าแขกของของเราไม่เห็นด้วยในการเดินทางนั้น พวกเราก็ทำอะไรไม่ได้เช่นกัน

    “แอล เจ้าคิดว่าพวกเราควรจะเดินทางไปที่แห่งนี้ใช่หรือไม่?”

    ซีคฮาร์ทหันมาพูดกับผมในขณะที่สีหน้าของเขาดูมีความหวังขึ้นมาอย่างเต็มเปี่ยม ผมเพียงพยักหน้าให้เขาเล็กน้อย ก่อนที่จะให้เขาได้พูดการตัดสินใจของเขาออกมา

    “งั้นเราจะเปลี่ยนเส้นทางกัน ถ้าใครไม่เห็นด้วยให้คัดค้านออกมาเลย”

    “…”

    ไม่มีใครคัดค้านการตัดสินใจของซีคฮาร์ทแต่อย่างใด นั่นเท่ากับว่าเราได้เลือกเส้นทางที่จะเดินทางต่อไปในครั้งนี้แล้วสินะ

    “ในหัวของเจ้าคิดถึงเรื่องนี้ไว้แล้วสินะ แอล”

    ซีคฮาร์ทที่เดินขึ้นมายืนอยู่ข้างผมได้พูดขึ้นโดยให้เพียงพวกเราสองคนเท่านั้นที่จะได้ยิน ก็นะ… ถือว่าผมเอาคืนซีคฮาร์ทและช่วยให้เขารู้สถานการณ์อีกอย่างหนึ่งที่เขาจะต้องเจออีกด้วย

    ในการเดินทางที่ต้องเกิดเหตุให้ต้องเปลี่ยนเส้นทางขึ้นอย่างกะทันหันในครั้งนี้ มันไม่ควรเป็นผมที่เป็นเพียงทหารรับจ้างคนหนึ่งที่ได้รับการจ้างวานมา หรือแซมที่เป็นเพียงแค่อัศวินที่ทำตามเพียงคำสั่งของเคานต์รีอัสเท่านั้น

    ขึ้นมาเป็นผู้นำ

    พวกเราเป็นเพียงแค่คนที่ทำตาม ‘คำสั่ง’ ของใครบางคนเท่านั้น และคนที่ควรจะออกคำสั่งและเป็นผู้นำในการเดินทางครั้งนี้ มันควรจะเป็นคนอย่างซีคฮาร์ท

    แน่นอนว่าจะเป็นโนอาห์ก็ได้ แต่เขามีความหวาดระแวงต่อสิ่งรอบตัวจนอาจทำให้ไม่เห็นความจริงมากเกินไป ดังนั้นซีคฮาร์ทที่มีทั้งสถานะที่สูงกว่าผมและแซม แถมยังเป็นคนที่มองความเป็นจริงออกได้ไม่ว่าจะอยู่ในสถาการณ์ที่น่าสิ้นหวังขนาดไหน สมควรแล้วที่เขาควรจะได้เป็นผู้นำในสถานการณ์แบบนี้

    “ไม่หรอกครับ มันแค่เป็นความบังเอิญเฉยๆ เท่านั้นละครับ”

    สิ่งที่ซีคฮาร์ทที่เป็นถึงราชวงศ์แห่งจักรวรรดิบาร์นาบัสควรได้รู้อีกอย่างหนึ่งจากสถานการณ์นี้คือ เขาไม่ควรจะพึ่งแต่ความเห็นของใครคนหนึ่งที่เขาคิดว่าพึ่งพาได้มากที่สุด เขาควรจะมองภาพรวมจากคนที่อยู่ภายใต้เขาและนำมาไตร่ตรองด้วยการตัดสินใจของตนเอง แน่นอนว่าการที่เขาถามว่ามีใครคัดค้านนั้นถือเป็นการแสดงให้เห็นถึงการตัดสินใจของเขาที่จะเป็นผู้นำในการเดินทางครั้งนี้และถือว่าเขายังเป็นคนที่ฟังความเห็นจากผู้อื่นเสมอ

    บางทีที่ผมทำแบบนี้อาจจะไม่ได้อยากเอาคืนเขาอย่างเดียว แต่อาจอยากได้ ‘ค่าตอบแทน’ จากการช่วยให้เขาได้เติบโตขึ้นในอนาคตก็เป็นได้

    “ถ้างั้น พวกเราออกเดินทางกันต่อเถอะ”

    “ครับ!!”

    “แซมใช่ไหม? เจ้าช่วยนำทางพวกเราในการเดินทางครั้งนี้หน่อยจะได้ไหม?”

    “ได้ครับ!”

    ทั้งโนอาห์และแซมมีแรงฮึดมากขึ้นเมื่อได้เห็นซีคฮาร์ททำท่าทางเป็นผู้นำขึ้นมา ผมมองเจ้าเด็กราชวงศ์ที่ได้ขึ้นเป็นผู้นำในกลุ่มการเดินทางครั้งนี้อยู่เงียบๆ จนกระทั่งซีคฮาร์ทที่กำลังเดินนำหน้าคนในกลุ่มไปนั้นได้หันกลับมายังตรงที่ผมยืนอยู่

    “แล้วเจ้าละแอล? คิดว่าวันนี้สภาพอากาศแบบนี้จะทำให้พวกเราไปได้ไกลแค่ไหนกัน?”

    ดูเหมือนว่าเขาคงจะรู้ว่าผมตรวจสอบสภาพอาการในการเดินทางครั้งนี้เมื่อไม่กี่นาทีที่แล้วสินะ ใช้ได้เลยแฮะเจ้าเด็กนี่…

    “อีกประมาณสามชั่วโมงพระอาทิตย์คงจะลับฟ้าไป แถมพายุหิมะน่าจะเข้าในช่วงกลางคืนเป็นแน่ ข้าแนะนำว่าให้พวกเราหาถ้ำที่ปลอดภัยพักผ่อนในวันนี้ก่อนเถอะครับ”

    “ดีเลย ถ้างั้นวันนี้แผนการเดินทางของเราคงจะมีเพียงเท่านี้สินะ”

    ซีคฮาร์ทพูดอย่างมั่นอกมั่นใจ ก่อนที่จะให้แซมเดินนำหน้าพวกเราเพื่อให้เขานำในการเดินทางครั้งนี้ ส่วนผมที่เดินรั้งท้ายกลุ่มการเดินทางนี้ได้แต่คอยเฝ้าระวังให้กลุ่มเดินทางนี้

    และเฝ้ามองเจ้าของสายตาที่จับจ้องพวกเรามาตลอดการเดินทางนี้ตั้งแต่คืนนั้นด้วยสินะ

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×