ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    จนกว่าความลับนี้จะจบลง (BL)

    ลำดับตอนที่ #5 : ตอนที่ 4 อารักขา (2)

    • อัปเดตล่าสุด 10 พ.ค. 67


    ตอนที่ 4

    อารักขา (2)

     

    ผ่านมาหนึ่งอาทิตย์หลังจากที่ได้เดินทางร่วมกับคณะเดินทางข้ามชายแดนไปยังจักรวรรดิบาร์นาบัส ผมก็ได้รู้ว่าเหล่าอัศวินที่ร่วมการเดินทางในครั้งนี้พึ่งได้ผ่านการคัดเลือกในการเป็นอัศวินประจำตระกูลรีอัส

    ซึ่งนั่นหมายความว่าท่านเคานต์คงเลือกสามคนนี้มาโดยเฉพาะในการเดินทางครั้งนี้สินะ

    ช่างเป็นคนที่น่ากลัวเสียจริง

    ในตอนนี้ผมพอจะมองจุดประสงค์ที่แท้จริงของเคานต์รีอัสออกแล้ว การเดินทางครั้งนี้คงเป็นตัวตัดสินสินะ ว่าทางอาณาจักรอัลซีเรียกับจักรวรรดิบาร์นาบัสจะมีความสัมพันธ์กันแบบไหน

    ถ้าตามในเนื้อเรื่องหลักของเกมจะไม่มีการพูดถึงจักรวรรดิบาร์นาบัสเลย มีเพียงแค่จุดจบของตัวเอกหญิงที่ได้มีความสุขกับตัวเอกชายที่ตัวเองเลือกก็เท่านั้น

    แต่ถ้าตามเนื้อเรื่องเสริมละก็... อาณาจักรอัลซีเรียได้ล่มสลายลงหลังจากที่เหล่าตัวเอกได้พ่ายแพ้ให้กับการทำสงครามกับจักรวรรดิบาร์นาบัส เนื่องจากอาณาจักรอัลซีเรียได้กระทำผิดอันร้ายแรงที่ทางจักรวรรดิไม่สามารถมองข้ามไปได้

    ซึ่งเรื่องนั้นก็ไม่พ้นกับการรับงานจ้างวานในครั้งนี้ของผมนั่นเอง

    ทำไมผมถึงไม่คิดถึงเรื่องนี้ในตอนที่รับงานมาเลยนะ? บางทีอาจจะเป็นเพราะการตอบสนองของรีเอตต้าที่ได้ยินเกี่ยวกับเรื่องนี้นั้นดูจะไม่มีปัญหาอะไร แต่อาจเป็นเพราะเธอไม่เคยมีชีวิตอยู่จนถึงจุดจบ ‘ที่แท้จริง’ ของเกมนี้ เธอเลยไม่รู้ว่าในอนาคตอาณาจักรอัลซีเรียจะล่มสลายลง

    ส่วนเรื่องแขกทั้งสองที่กำลังนั่งอยู่บนรถม้าคันนี้ หนึ่งในนั้นคงเป็นคนของ ‘ราชวงศ์’ ในจักรวรรดิบาร์นาบัสสินะ

    ในตอนที่ได้เล่นเกมเนื้อเรื่องเสริมกับคุณหนูในชีวิตก่อนนั้น ตัวเกมได้บรรยายไว้ว่าทางอาณาจักรอัลซีเรียได้ทำให้ราชวงศ์คนหนึ่งภายในจักรวรรดิบาร์นาบัสนั้นต้องถึงแก่กรรมภายในอาณาจักรอัลซีเรีย โดยความผิดนั้นมาจากการที่อาณาจักรอัลซีเรียไม่ได้มีมาตรการความปลอดภัยที่เพียงพอสำหรับการคุ้มกันราชวงศ์คนนั้นในระหว่างที่กำลังเดินทางมายังจักรวรรดิ

    ซึ่งคนที่เปิดเผยความผิดที่ถูกปิดเป็นความลับมาเนิ่นนาน คือหนึ่งในผู้รอดชีวิตจากความหละหลวมในด้านความปลอดภัยในการเดินทางครั้งนั้น ซึ่งเขาคือตัวละครลับที่ตัวเกมได้ใส่ไว้ตั้งแต่เนื้อเรื่องหลัก และยังเป็นตัวละครที่สามารถจีบได้อีกด้วย หากเราได้ทำตามเงื่อนไขต่างๆ ที่จะพาไปสู่รูทลับ

    ซึ่งถ้าหากเล่นรูทลับจบแล้วนั้น จะมีฉากจบลับที่ทำให้ผู้เล่นอ้าปากค้างกันเป็นแถบๆ ไม่ว่าคุณจะเล่นมันจบในเนื้อเรื่องเกมหลักหรือในเนื้อเรื่องเกมเสริมนั้น ตัวละครลับที่เราพยายามจีบมาอย่างยากเย็นแสนเข็ญนั้น

    จะฆ่าตัวเอกหญิงและก่อสงครามระหว่างอาณาจักรอัลซีเรียและจักรวรรดิบาร์นาบัสขึ้น

    แน่นอนว่าถึงแม้คุณไม่ได้เล่นรูทลับภายในเกม สงครามก็จะเกิดขึ้นอยู่ดี และตัวละครลับที่ว่านั่นก็ยังเป็นคนในตระกูลดยุกในจักรวรรดิบาร์นาบัสอีกด้วย

    “แอล เจ้าดูจะคิดเรื่องปวดหัวบางอย่างอยู่นะ”

    จู่ๆ ‘แซม’ หนึ่งในอัศวินที่ผมพอจะสนิทด้วยที่สุดในสามคนนี้ก็ถามผมขึ้นด้วยความเป็นห่วง แน่นอนว่าตอนนี้ผมเริ่มคิดหนักแล้วละว่าตัวเองจะรอดกลับไปไหม

    เพราะว่าเหตุที่ทำให้ราชวงศ์คนนั้นต้องตายไม่ใช่เพราะเหล่าอัศวินดูแลไม่ดีหรอก แต่มันเป็นเพราะ ‘เหตุการณ์’ ครั้งนั้นที่เกิดขึ้นในระหว่างการเดินทาง ที่ทำให้มีเพียงแค่ตัวละครลับนั้นรอด

    แน่นอนว่าหลังจากที่ความผิดนี้ได้ถูกเปิดเผยต่อสาธารณะ เคานต์รีอัสก็ถูกประหารโดยทันทีเพื่อบรรเทาความโกรธของราชวงศ์ในจักรวรรดิ แต่สุดท้ายแล้วจักรวรรดิก็ยังคงประกาศสงครามกับอาณาจักรอัลซีเรียอยู่ดี

    ดูจากเวลาที่ประกาศทำสงครามตามในเนื้อเรื่อง ถือว่าเป็นเวลาที่ดีที่สุดที่จะหุบอาณาจักรอัลซีเรียเข้าไปเพื่อเป็นดินแดนส่วนหนึ่งภายในจักรวรรดิบาร์นาบัส

    เนื่องจากสภาพทางการเมืองที่ขัดแย้งภายในอาณาจักรอัลซีเรียในช่วงนั้น ทำให้มีช่องโหว่ในการโจมตี โดยที่ทางอาณาจักรก็ไม่ทันได้ตั้งตัว

    สุดท้ายแล้วเรื่องมันก็เป็นเพราะพวกตัวเอกโลกสวยทั้งนั้น

    “ก็ไม่มีอะไรมากหรอก ข้าแค่คิดว่าหลังจากที่เราออกมาจากอาณาเขตของท่านเคานต์รีอัสแล้ว พวกเราคงต้องระวังตัวให้ดี”

    “นั่นสินะ เพราะหลังจากนี้พวกเราต้องเดินทางขึ้นไปทางตอนเหนือที่แทบจะไม่มีหมู่บ้านให้ค้างแรม”

    “อีกอย่าง พวกเราก็ไม่รู้เหมือนกันว่าแขกทั้งสองคนนั้นจะเต็มใจที่จะค้างแรมภายในป่าไหม”

    ผมเตือนให้เหล่าอัศวินคอยระมัดระวังภัยอันตรายที่อาจจะมาเยือนพวกเราได้ทุกเมื่อหลังจากออกมาจากอาณาเขตรีอัส แน่นอนว่าพวกเขารับฟังผมเป็นอย่างดี แต่ดูเหมือนว่าพวกอัศวินจะเป็นกังวลว่าแขกของเราจะสามารถค้างแรมภายในป่าตามทางได้หรือไม่

    “ให้ข้าถามพวกเขาเลยหรือไม่? พวกเราจะได้ไม่เป็นกังวลในแต่ละวันว่าจะหาที่ค้างแรมให้พวกเขาได้หรือไม่”

    แซมที่ดูเป็นมิตรที่สุดพูดขึ้น ผมพยักหน้าให้เขาพร้อมกับอัศวินอีกสองคนที่เหลือ แซมยิ้มร่าขึ้นก่อนที่จะหยุดรถม้าลง ดูเหมือนว่าเขาจะดีใจสินะที่พวกเราให้เขาเป็นคนจัดการ

    จะว่าไปแล้ว นี่คงเป็นครั้งแรกที่ผมจะได้ยินเสียงพูดคุยของแขกที่อยู่ในรถม้าคันนี้ เพราะที่ผ่านมาผมได้รับหน้าที่ให้คอยดูแลความปลอดภัยจากระยะไกลมาตลอดในระหว่างการเดินทาง จึงทำให้ผมแทบจะไม่ได้เห็นหรือพูดคุยกับทั้งสองเลย

    ก็นะ... มันเป็นหน้าที่ที่เหล่าอัศวินจัดให้ผม การที่พวกเขาให้หน้าที่แบบนี้กับผม มันแสดงให้เห็นว่าพวกเขายังคงเห็นผมเป็นเด็กอยู่ส่วนหนึ่ง และอีกส่วนหนึ่งพวกเขาก็คงอยากสร้างผลงานในครั้งนี้ให้กับตัวเองอีกด้วย

    ทั้งๆ ที่ในอนาคตอันไม่ใกล้ไม่ไกลนี้พวกเขาอาจจะต้องตายในการเดินทางครั้งนี้ก็เป็นได้

    ...

    เอาเถอะ ผมก็พอเข้าใจละว่ามันเป็นงานอารักขาครั้งแรกสำหรับพวกเขา พวกเขาคงรู้สึกตื่นเต้นกับการเดินทางครั้งนี้อยู่พอสมควร แต่การที่พวกเขาทำเหมือนการเดินทางครั้งนี้จะราบรื่นอย่างที่พวกเขาคิดนั้น มันไม่ดีต่อพวกเขาเลย

    “ขออภัยที่ข้าหยุดรถม้ากะทันหันนะครับ แต่ข้าอยากถามพวกท่านทั้งสองว่าท่านพอจะรับได้ไหมถ้าหลังจากนี้เป็นต้นไป พวกท่านอาจจะต้องค้างแรมภายในป่าตามข้างทางนี่?”

    แซมที่ลงจากที่นั่งคนขับรถม้าได้เดินไปยังประตูรถม้าและหยุดถามคำถามกับแขกทั้งสองคนภายในรถม้าอย่างมีมารยาท

    ผ่านไปสักพักยังคงไม่มีเสียงตอบกลับจากภายในรถม้า แต่ผมพอจะได้ยินคนสองคนกำลังปรึกษากันว่าพวกเขาควรจะค้างแรมข้างนอกนี่ไหม

    “ท่านครับ ข้าคิดว่าเราไม่ควรค้างแรมข้างนอกนี่หรอกนะครับ ข้าว่าเราควรแนะนำให้อัศวินเดินทางไปเรื่อยๆ จนกว่าจะเจอที่ค้างแรมที่ปลอดภัยนะครับ”

    เสียงหนึ่งพูดขึ้นด้วยความเป็นกังวลและแนะนำให้พวกเราที่อยู่ข้างนอกนั้นทำงานล่วงเวลา

    “มันเป็นไปไม่ได้หรอก เจ้าก็รู้ว่าระหว่างทางขึ้นไปยังทางตอนเหนือของอาณาจักรอัลซีเรียนั้นมันแทบจะไม่มีหมู่บ้านให้พักแรมเลย เช่นนั้นเจ้ายังจะให้เราใช้งานพวกอัศวินไม่ได้เรื่องพวกนี้อย่างหนักอีกหรือ?”

    พวกอัศวินไม่ได้เรื่อง?

    “อย่างน้อยก็เพื่อความปลอดภัยของท่านนะครับ อีกอย่างที่พวกเราต้องกลับเส้นทางนี้ก็เป็นเพราะท่านเคานต์รีอัสไม่ใช่หรือครับ? เขาอาจจะอยู่ฝั่งของเหล่าท่านพี่ของท่านตั้งแต่แรกแล้วก็เป็นได้”

    “นั่นสินะ... พวกท่านพี่ไม่มีทางพลาดโอกาสที่จะสังหารข้าโดยไม่ให้มือของพวกต้องเปื้อนเลือดแบบนี้ไปแน่ บางทีท่านแม่ของข้าอาจจะคิดผิดที่พาข้ามาฝากกับเคานต์รีอัสก็เป็นได้”

    เหมือนว่าทั้งสองคงจะคุยเรื่องที่พวกเขาอาจจะต้องตายในการเดินทางครั้งนี้ ซึ่งมันไม่ได้ทำให้ผมตกใจอะไรในตอนที่ได้ยินคำพูดเหล่านั้น เพราะยังไงซะ การเดินทางไปทางตอนเหนือในช่วงเวลานี้เป็นสิ่งที่ไม่สมควรอย่างยิ่ง

    ถึงแม้ว่าจะไกลจากสถานที่ที่เผ่าทางตอนเหนือกำลังทำสงครามกับอาณาจักรอัลซีเรีย แต่ก็เป็นความคิดที่แย่เอามากๆ ที่จะเดินทางไปยังทางตอนเหนือในช่วงนี้

    “เอ่อ... ขอโทษนะครับ พวกท่านพอจะให้คำตอบกับพวกเราได้ไหมครับ?”

    ดูเหมือนว่าแซมจะไม่ได้ยินบทสนทนาที่ทั้งสองคนกำลังพูดคุยกันภายในรถม้าคันนี้ บางทีการที่มีประสาทการได้ยินที่ดีก็ไม่ใช่เรื่องที่ดีมากนัก เพราะมันทำให้เรารู้ในสิ่งที่เราไม่สมควรจะได้รู้ในบางครั้ง และอาจทำให้เราไปเกี่ยวข้องกับปัญหาที่ใหญ่เกินตัวก็เป็นได้

    “...ได้สิ ยังไงซะเรื่องแบบนี้ก็ต้องเกิดขึ้นในระหว่างการเดินทางอยู่แล้ว”

    เสียงที่ตอบกลับมาจากภายในรถม้าดูเหมือนจะเป็นนายน้อยจากตระกูลดยุก เนื่องจากผมฟังจากน้ำเสียงและบทสนทนาที่พึ่งได้ยินเมื่อครู่นี้ เขาคือคนที่แนะนำว่าไม่ควรค้างแรมข้างนอก

    แต่สุดท้ายคนที่ตัดสินก็คงเป็นอีกคนที่เป็นคนในราชวงศ์สินะ

    “ครับ เช่นนั้นพวกเราจะเริ่มเดินทางต่อในอีกไม่กี่นาทีนี้นะครับ”

    หลังจากที่แซมได้คำตอบจากแขกภายในรถม้าแล้ว เขาก็รีบวิ่งกลับมานั่งบนที่นั่งคนขับรถม้า ก่อนที่รถม้าจะเริ่มเคลื่อนตัวอีกครั้ง

    ความจริงแล้วการเดินทางครั้งนี้จะเร็วขึ้นหากท่านเคานต์ให้อัศวินอีกสองคนขี่ม้าในการเดินทาง แต่เป็นเพราะเคานต์รีอัสไม่ต้องการให้สองคนนี้มีทางหนีที่รอดไปได้มากกว่านี้ เขาเลยจำกัดให้มีแค่ม้าสำหรับการขับเคลื่อนรถม้าสินะ

    ดูเหมือนว่าทั้งสองคนก็คงจะรู้ดีสินะว่าเคานต์รีอัสไม่ได้อยากให้พวกเขารอดกลับไป

    เห้อ... เหมือนว่าการเดินทางครั้งนี้ผมคงต้องห้ามไม่ให้สิ่งที่จะเกิดขึ้นในเกมเกิดขึ้นกับผมในตอนนี้สินะ

    ผมไม่รู้หรอกนะว่าทำไมเคานต์รีอัสถึงไม่อยากให้สองคนนี้รอดกลับไป ถึงแม้ว่าในตอนแรกผมจะคิดตรงข้ามกับตอนนี้เลยก็ตาม บางทีมันอาจจะเหมือนที่แขกในรถม้าพูดก็ได้

    อยู่ฝั่งพี่ชายของเขา...

    แสดงว่าภายในจักรวรรดิบาร์นาบัสคงกำลังมีศึกแย่งชิงบัลลังก์เกิดขึ้นสินะ และอีกอย่างที่ผมควรจะระวังนอกจากไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบในเกมเกิดขึ้นกับผม คือการที่ผมรอดกลับไปสินะ

    ถึงแม้จะได้หลักฐานแบบลงลายลักษณ์อักษรมาแล้ว แต่ก็ใช่ว่าเคานต์รีอัสจะทำตามสัญญา เพราะยังไงซะผมก็เป็นแค่ทหารรับจ้างคนหนึ่งเท่านั้น

    ในตอนนี้สิ่งที่ผมควรให้ความสำคัญมากที่สุดไม่ใช่ทั้งสองคนในรถม้าหรอก แต่คือรีเอตต้าที่อยู่คนเดียวในตอนนี้ต่างหากละ บางทีถ้าผมทิ้งงานนี้มันอาจจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด หลังจากนั้นก็หนีไปกับรีเอตต้าเพียงสองคนและไปอยู่ในที่ที่ไม่มีใครรู้จักทั้งผมและรีเอตต้า

    แต่ผมก็ไม่คิดว่าเรื่องมันจะง่ายขนาดนั้นหรอกนะ ยังไงซะก็เป็นเพราะความสะเพร่าของผมที่รับงานนี้มาโดยไม่ได้ไตร่ตรองให้ดีก่อน และอีกอย่างที่ผมไม่อยากให้เกิดมากที่สุดคงเป็นสงครามระหว่างสองดินแดนนี้

    เพราะขนาดในเกมยังบรรยายไว้ว่าเป็นสงครามที่สั่นสะเทือนไปทั่วทั้งทวีปตะวันตก ดังนั้นแล้วมันคงจะไม่ดีถ้าผมกับรีเอตต้าที่หนีไปอยู่ที่อื่นจะได้รับผลกระทบจากสงครามนี้ไปด้วย

    ...

    หรือความจริงแล้ว พวกเราควรจะหนีไปที่ทวีปตะวันออกดีนะ?

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×