ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    จนกว่าความลับนี้จะจบลง (BL)

    ลำดับตอนที่ #4 : ตอนที่ 3 อารักขา (1)

    • อัปเดตล่าสุด 10 พ.ค. 67


    ตอนที่ 3

    อารักขา (1)

     

    เหมือนว่าวันเวลาช่างผ่านไปอย่างรวดเร็ว ในที่สุดเวลาที่จะต้องไปคฤหาสน์ตระกูลรอัสก็ได้มาถึง ถึงแม้ว่าใจจริงอยากจะไปเปิดบ้านใหม่พร้อมๆ กับรีเอตต้า แต่ถ้าหากมาช้าแม้แต่นิดเดียว ท่านเคานต์อาจจะโกรธเอาได้

    “มาแล้วสินะ ท่านเคานต์ฝากสิ่งที่เจ้าขอมาให้”

    หลังจากที่มาถึงหน้าประตูรั้วคฤหาสน์ตระกูลรีอัส ผู้ส่งสารคนเดิมก็ได้นำเอกสารและหลักฐานที่ผมได้บอกเขาในตอนที่รับงานมาให้ ผมตรวจสอบรายละเอียด ตราประทับ และสิ่งอื่นๆ ที่จำเป็นต้องตรวจสอบอย่างละเอียดให้ครบถ้วน

    ดูเหมือนว่าเคานต์รีอัสจะเป็นคนที่ซื่อสัตย์และมีสัจจะอยู่พอควร หวังว่าเขาจะเป็นคนแบบที่ผมคิดไว้นะ

    “อีกนานไหมกว่าที่รถม้าจะออกมาน่ะ?”

    “อีกประมาณสิบห้านาทีรถม้าน่าจะมาถึงหน้าประตูพอดี เจ้าก็เตรียมตัวไว้ละกัน”

    “ครับ”

    การที่ต้องรอหน้าประตูรั้วคฤหาสน์นั้นเท่ากับว่าท่านเคานต์ไม่ได้อยากให้ข้าเป็นคนของเขา ซึ่งนั่นก็ถือเป็นเรื่องดี ส่วนอีกเรื่องที่ต้องระวังในการเดินทางครั้งนี้ คงจะเป็น—

    “นี่เจ้าที่อยู่หน้าประตูรั้วน่ะ ช่วยหลีกทางให้พวกข้าได้หรือไม่?!”

    รถม้ามาเร็วกว่าที่คิดแฮะ ไม่คิดว่าแค่สามนาทีหลังจากที่ผู้ส่งสารเดินกลับไป รถม้าจะมาอยู่หน้าประตูรั้วเสียแล้ว ก็นะ... ดูจากระยะทางในการเดินส่งข่าวแล้ว คงจะเป็นเวลาที่เขากะไว้หลังจากเดินออกมาจากที่รถม้าสินะ

    ผมหลีกทางให้รถม้าที่กำลังเคลื่อนตัวมาหยุดอยู่ที่หน้าประตูรั้วคฤหาสน์ ก่อนที่จะพบว่าพวกอัศวินกำลังหันซ้ายหันขวา เหมือนกับว่าพวกเขากำลังหาอะไรบางอย่าง

    อา... ท่านเคานต์คงไม่ได้บอกสินะว่าผมคือทหารรับจ้างที่จะไปกับพวกเขา

    “ต้องขออภัยที่รบกวนพวกท่าน แต่ข้าคือ ‘แอล’ ทหารรับจ้างที่ท่านเคานต์ได้จ้างวานมาในครั้งนี้ครับ”

    “อะไรนะ?!”

    นั่นไงเล่า พอผมบอกว่าผมคือคนที่ท่านเคานต์จ้างวาน เหล่าอัศวินที่มองผมเป็นเพียงแค่เด็กก็คงจะตกใจน่าดู ถ้าหากท่านเคานต์ไม่ได้บอกพวกอัศวินไว้ว่าผมจะเป็นคนมารับงานในครั้งนี้

    แสดงว่าสิ่งที่ผมต้องให้ความสำคัญมากที่สุดในการเดินทางครั้งนี้ คงจะเป็นการพา ‘แขก’ ทั้งสองกลับไปอย่างปลอดภัย และกลับมารายงานท่านเคานต์สินะ

    ส่วนอัศวินสามคนคงจะเป็นคนที่ท่านเคานต์ส่งไปตายดาบหน้าเอาสินะ ไม่รู้ว่าจะสงสารพวกเขาดีหรือไม่ แต่พวกเขาก็ทำตามหน้าที่ที่ได้รับสั่งจากผู้ที่เป็นเจ้านายของพวกเขาก็เท่านั้น

    และเรื่องที่ต้องระวังในครั้งนี้ คงจะเป็นการถูกลอบโจมตีสินะ

    ...

    หวังว่าการเดินทางครั้งนี้จะผ่านไปได้ด้วยดี โดยที่ผมรอดกลับมาครบสามสิบสองและได้ดื่มด่ำกับบรรยากาศบ้านใหม่ที่มีรีเอตต้ากำลังทำอาหารที่ผมชอบอยู่

    “ถะ... ถ้าเป็นเช่นนั้น พวกข้าคงต้องขอฝากตัวในการเดินทางครั้งนี้ด้วย”

    “ครับ ข้าก็เช่นกัน”

    ถึงแม้ว่าตอนนี้ผมจะเปิดเผยหน้าให้พวกอัศวินได้เห็น แต่ตอนนี้ผมควรจะใส่หน้ากากเพื่อป้องกันตัวตนของผมกับ ‘แขก’ ทั้งสองคนนี้หน่อยแล้วละ

    เพราะดูจากการที่ท่านเคานต์ไม่ได้บอกจุดมุ่งหมายอะไรในการจ้างวานครั้งนี้ แต่กลับให้หลักฐานที่พร้อมกับตราประทับของจริงนั้น แสดงว่าสองคนนี้คงจะเป็นแขกคนสำคัญของท่านเคานต์จริงๆ

    จะว่าไปแล้ว ผมควรเปลี่ยนสีผมไว้เป็นการป้องกันตัวตนของผมอีกส่วนหนึ่งด้วยสินะ เพราะในบางทีคนบนโลกใบนี้ก็ดันฉลาดขึ้นมาในตอนที่ไม่ควรฉลาดซะงั้น

    “ข้าได้ยินมาว่าแอลทำงานที่ได้รับมาเป็นอย่างดีตลอดเลยนิ แถมยังใช้เวทมนตร์ได้อีกด้วย”

    “ครับ แต่ใช้ได้แค่เล็กน้อยเองครับ”

    ในขณะที่ผมได้เดินร่วมขบวนกับเหล่าอัศวิน พร้อมกับอารักขารถม้าระหว่างทางไปด้วยนั้น หนึ่งในนั้นก็ได้พูดขึ้นอย่างเป็นมิตร

    แน่นอนว่าชื่อเสียงของ ‘แอล’ ที่เป็นนามแฝงที่ผมใช้ในการรับจ้างนั้นพึ่งมีชื่อเสียงที่ดีเมื่อประมาณหนึ่งเดือนที่แล้ว เนื่องจากการรับงานที่ไม่มีวันหยุดหย่อน แถมยังทำงานเรียบร้อยและเสร็จงานภายในเวลาที่กำหนด ทำให้มีหลายคนที่อยากจ้างวานผมให้ไปทำงานต่างๆ มากมาย

    แต่พอพวกเขาเห็นว่าผมยังเป็นแค่เด็ก พวกเขาก็เริ่มที่จะแสดงธาตุแท้ของพวกเขาและทำการโกงค่าตอบแทนผมไป แน่นอนว่าผมจัดการคนที่โกงผมทุกราย แต่พอพวกเขาเริ่มจดจำใบหน้าของผมได้นั้น ผมก็เริ่มที่จะพกหน้ากากและเรียนรู้วิธีการเปลี่ยนรูปลักษณ์ที่สามารถเปลี่ยนได้โดยง่ายผ่านเวทมนตร์

    เช่นการเปลี่ยนสีผม เปลี่ยนน้ำเสียง และอื่นๆ

    มีเพียงแค่ส่วนสูงที่มีความยากในการเปลี่ยนแปลงเท่านั้นที่ผมยังทำไม่ได้ เมื่อไหร่ผมจะทำได้สักทีนะ?

    “แล้วเจ้าผ่านงานอะไรมาบ้าง?”

    “อา... ถ้าหลักๆ ก็เป็นการกำจัดมอนสเตอร์ทั่วไป หรือไม่ก็งานจ้างวานทั่วๆ ไปที่พวกท่านพอจะคิดได้น่ะ”

    “งั้นหรือ... ข้าคิดว่าแอลน่าจะรับงานที่หินกว่านี้เสียอีก”

    “ก็มีนะครับ งาน ‘หิน’ ที่ท่านว่า แต่ข้าเคยรับมาเพียงแค่สามครั้งเท่านั้นเองครับ”

    เหล่าอัศวินดูตื่นเต้นที่ได้ฟังเรื่องจากเด็กน้อยอย่างผม อย่างน้อยพวกเขาก็ดูจะให้ความเคารพในอาชีพของผมระดับหนึ่งสินะ

    “แล้วทำไมแอลถึงมารับงานสบายๆ อย่างงานนี้ละ?”

    จู่ๆ หนึ่งในอัศวินก็พูดขึ้นมาอย่างสงสัยใคร่รู้ นี่เขาคิดว่าการที่ท่านเคานต์ส่งอัศวินมาเพียงแค่สามคนกับทหารรับจ้างอีกคนหนึ่งเป็นงานอารักขาที่ง่ายงั้นหรอ?

    “ฮ่าๆ ข้าแค่อยากเปลี่ยนบรรยากาศตอนทำงานบ้างก็เท่านั้น”

    เหมือนว่าพวกเขาจะยังคงไม่รู้สินะว่างานอารักขานี่คืองานที่ผมคิดว่าอันจะหินที่สุดเท่าที่ผมเคยรับมา

    การเดินทางในครั้งนี้คือการอารักขาแขกทั้งสองไปยังชายแดนทางตอนเหนือที่ไกลจากเผ่าที่กำลังทำสงครามกับอาณาจักรอัลซีเรียในขณะนี้

    แน่นอนว่าจะมีกลุ่มอัศวินที่รับช่วงต่อระหว่างที่พวกเรากำลังข้ามชายแดน เนื่องจากอีกฟากของเขตชายแดนทางตอนเหนือตรงที่พวกเราจะไปนั้น คือจักรวรรดิบาร์นาบัส

    ซึ่งทางจักรวรรดิคงน่าจะมีกฎการข้ามเขตชายแดนที่เข้มงวดกว่าอาณาจักรของเรา ดังนั้นแล้วสิ่งที่พวกเราควรทำให้ได้ในการเดินทางครั้งนี้คือการส่ง ‘แขก’ ทั้งสองคนนี้กลับไปอย่างปลอดภัย

    ไม่แน่ว่าคนที่คอยตรวจตราการข้ามชายแดนครั้งนี้ของแขกทั้งสองนั้น อาจจะรู้ตัวตนที่แท้จริงของแขกทั้งสองคนนี้ก็เป็นได้ และหากพวกเราทำพลาดในการอารักขาแขกทั้งสองคนนี้ละก็

    ...

    บางทีท่านเคานต์อาจจะไม่ใช่คนมีสัจจะอะไรก็เป็นได้ เพราะเขาคงจะนับความเป็นไปได้ที่ว่าผมทำไม่สำเร็จไว้ด้วยสินะ

    อา... ให้ตายสิ เหมือนกับตัวเองติดกับดักของเคานต์รีอัสที่วางไว้เลย

    “แอล เจ้าเป็นอะไรไปน่ะ?”

    ในขณะที่ผมกำลังคิดมากเกี่ยวกับเรื่องการเดินทางครั้งนี้นั้น หนึ่งในอัศวินก็ถามผมขึ้นด้วยความเป็นห่วง ถ้าเป็นไปได้ก็ไม่อยากให้เกิดเรื่องระหว่างที่เดินทางขึ้นไปทางตอนเหนือ พวกเขาเหล่านี้จะได้รอดกลับไปหาครอบครัวของพวกเขา

    แต่ถ้าหากมันไม่ได้ราบรื่นอย่างที่ผมหวังไว้...

    อย่างน้อยผมก็ต้องกลับไปหารีเอตต้าให้ได้

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×