คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : ตอนที่ 2 รางวัลและครอบครัว
ตอนที่ 2
รางวัลและครอบครัว
หากการที่มีเงินทำให้คนมีอิสระในการทำอะไรก็ได้นั้น เช่นนั้นการที่ซื้อเวลาของคนอื่นนั้นก็คงเป็นอิสระของคนที่ถือเงินเช่นกัน
“ได้ยินมาว่าเจ้ามีฝีมือดีนี่”
“...ครับ”
“เช่นนั้น มาอารักขาแขกทั้งสองให้ข้าหน่อยสิ”
ตระกูลเคานต์รีอัสผู้ดูแลอาณาเขตและเมืองรีอัสที่ผมและรีเอตต้ากำลังอาศัยอยู่นั้นได้ว่าจ้างให้ผมไปเป็นคนอารักขาแขกที่กำลังเดินทางออกจากอาณาจักรอัลซีเรียทั้งสองของเขา
ไม่รู้หรอกนะว่าแขกทั้งสองที่ว่าของท่านเคานต์จะเป็นใคร แต่การที่ท่านเคานต์ต้องมาจ้างวานทหารรับจ้างอย่างผม นั้นมีความเป็นไปได้อยู่หลายอย่าง
หนึ่งในนั้นคือแขกทั้งสองเป็นคนต่างแดน หรือก็คือเป็นคนจากอาณาจักรอื่น และการที่เคานต์รีอัสจ้างวานทหารรับจ้างอย่างผมและใช้อัศวินของตัวเองเพียงไม่กี่คนนั้น มันคงจะเป็นการเดินทางที่อันตรายน่าดู
...
“เพื่อความแน่ใจ ท่านเคานต์ต้องไม่ฆ่าหรือทำร้ายอะไรข้าหรือครอบครัวเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นข้าจะไม่รับการว่าจ้างนี้ครับ”
“ได้ ข้าจะไปบอกท่านเคานต์ให้ หากเจ้าตกลงที่จะทำ ให้ไปที่คฤหาสน์รีอัสในวันและเวลานี้ด้วย”
ผู้ส่งสารที่มาเป็นตัวแทนเคานต์รีอัสในการจ้างวานครั้งนี้นั้นรับปากที่จะนำคำพูดของผมไปบอกท่านเคานต์ แน่นอนว่าผมได้บอกเขาไปด้วยว่าให้ทำหลักฐานเป็นลายลักษณ์อักษรที่ทั้งท่านเคานต์และผมจะสามารถเก็บเอาไว้เป็นหลักฐานได้ หากใครคนหนึ่งผิดสัญญา
ผมจะได้ไหวตัวทัน
“อา... ให้ตายสิ เจ้าเด็กนี่มันรอบคอบชะมัด”
“ครับ ผมรู้ตัวดีครับ”
ก็นะ ถ้าหากไม่ทำเช่นนี้ มีหวังได้โดนท่านเคานต์ปิดปากหลังจากสำเร็จงานว่าจ้างนี้เป็นแน่
จริงๆ แล้วในตอนแรกผมก็ไม่อยากรับงานว่าจ้างที่ดูเสี่ยงอันตรายในด้านต่างๆ ที่ผมในตอนนี้ไม่อาจรับผลกระทบไหว แต่ค่าตอบแทนที่ได้มานั้นมันกลับล่อตาล่อใจผม จนในที่สุดผมก็รับมันมา
“แน่ใจแล้วหรอลุดวิก ว่าเจ้าจะรับการว่าจ้างของท่านเคานต์?”
หัวหน้าสมาคมที่ยืนอยู่ข้างผมในการพูดคุยเรื่องการว่าจ้างงานในครั้งนี้นั้นดูมีสีหน้าที่เป็นห่วงผมอยู่ไม่น้อย แน่นอนว่าผมรู้ว่าเขาเป็นห่วงผมเพราะอะไร แต่ว่าในตอนนี้ผมคงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากตอบตกลงไป
ยังไงซะ การที่ท่านเคานต์เพ่งเล็งตัวผมโดยเฉพาะนั้นก็คงเป็นส่วนหนึ่งที่ผมไม่สามารถปฏิเสธเขากลับไปได้ ถ้าหากผมอยากรู้ถึงจุดประสงค์ที่เคานต์รีอัสจ้างวานผมโดยเฉพาะนั้น
คงมีแต่ต้องเจอเจ้าตัวด้วยตัวเองสักครั้ง...
“ถ้างั้นข้าจะรีบไปส่งข่าวให้ท่านเคานต์ได้รู้ แล้วเจอกัน”
ผู้ส่งสารได้ลาผมและหัวหน้าสมาคมก่อนที่จะเดินออกไปจากสมาคมทหารรับจ้าง เสียงถอดถอนหายใจเฮือกใหญ่ของหัวหน้าสมาคมนั้นทำให้ผมรู้ว่าเขากำลังคิดอะไร ก็นะ... เขาเป็นคนที่คอยแนะนำงานให้ผมมาตลอดสามเดือนที่ผ่านมานิ
“ไม่อยากจะเชื่อเลย ว่าเจ้าจะมีอายุน้อยถึงเพียงนี้”
“ฮ่าๆ ถ้าจะแช่งให้ข้าไปตายมันยังเร็วไปครับ”
“...เจ้าแน่ใจนะว่าเจ้าจะทำมันจริงๆ น่ะ?”
“...ครับ ข้าแน่ใจ”
“ถ้าเช่นนั้น ข้าจะเป็นคนดูแลรีเอตต้าให้”
“ขอบคุณมากครับ หัวหน้า”
“อืม”
ผมพอดูออกอยู่ว่าหัวหน้าสมาคมเป็นห่วงเรื่องอะไร แน่นอนว่าผมก็รู้อยู่แก่ใจว่าถ้ารับงานนี้ไปอาจจะไม่ได้กลับมาที่นี่ครบสามสิบสองเป็นแน่ แต่ถ้าหากปฏิเสธไปแล้วละก็ บางทีทั้งผมและรีเอตต้าอาจจะเจอกับจุดจบเร็วกว่าที่มันควรจะเป็นก็เป็นได้
...
เอาเถอะ กลับไปที่สลัมแล้วคงต้องคุยกับรีเอตต้าเรื่องนี้แล้วละ
ผมรีบเดินออกจากสมาคมทหารรับจ้างหลังจากที่รับงานว่าจ้างมาจากเคานต์รีอัส แน่นอนว่ามีทหารหลายคนที่ทั้งชอบและไม่ชอบกับการที่เคานต์รีอัสมาว่าจ้างเด็กอย่างผมให้ไปทำงานเป็นผู้อารักขาแขก ‘คนสำคัญ’ ของเขา
แม้ว่าคนส่วนใหญ่จะมองถึงเรื่องค่าตอบแทน แต่คงมีบางคนที่พอจะรู้ว่าถ้าหากรับงานนี้ไป งานนี้อาจจะเป็นงานสุดท้ายในชีวิตของพวกเขาก็เป็นได้
เห้อ... ความรู้สึกแบบนี้... สงสัยจังเลยนะว่าวันนี้รีเอตต้าจะทำของที่ผมชอบให้อีกรึเปล่านะ?
เมื่อคิดได้ว่ารีเอตต้ากำลังรออยู่ที่บ้าน ผมก็รีบควักถุงเงินออกมาและจับจ่ายใช้สอยซื้อวัตถุดิบไปทำอาหารระหว่างทางกลับสลัม แน่นอนว่าต้องซื้อของใช้ที่จำเป็นกลับไปอีกด้วย
...
“รีเอตต้า! เจ้าอยู่บ้านไหม?”
“อยู่สิ ข้าจะออกไปไหนได้นอกจากบ้านละ?”
“ก็ออกไปเล่นกับคนอื่นๆ ไงเล่า”
“อา... นั่นสินะ ข้าต้องเล่นกับเจ้าพวกนั้นให้เหมือนเด็กคนอื่นๆ ด้วยสินะ”
กลับมาถึงบ้านที่สลัมของผมและรีเอตต้านั้น รีเอตต้าก็ยังคงชอบพูดจาย้ำเตือนตัวเองอยู่เป็นครั้งเป็นคราวว่าเธอควรประพฤติให้เหมือนเด็กคนหนึ่ง แน่นอนว่าหลังจากวันนั้นที่พวกเราสัญญาว่าจะทำความรู้จักกันใหม่นั้น รีเอตต้าก็ได้เปิดใจกับผมมากขึ้น
แน่นอนว่าเธอยังคงไม่เล่าเรื่องที่เธอเคยประสบพบมาในอดีตที่ผ่านๆ มา แต่เธอก็เริ่มที่จะต่อบทสนทนากับผมได้อย่างราบรื่นมากขึ้น รวมถึงเธอยังไม่มีท่าทีที่จะหวาดกลัวผมอีกแล้วด้วย
เป็นสองเดือนที่รวดเร็วเหมือนกันนะเนี่ย...
“รีเอตต้า ในเร็วๆ นี้ข้าอาจจะต้องไปอารักขาแขกของท่านเคานต์รีอัส เจ้าคงรู้ใช่ไหมว่าเจ้าต้องทำยังไงในตอนที่ข้าไม่อยู่บ้าน”
“รู้สิ ไปหาคุณลุงกิลและเอาเงินฉุกเฉินที่เจ้าแบ่งไว้ไปด้วยสินะ?”
“ถูกต้อง ครั้งนี้ข้าอาจใช้เวลาเดินทางถึงสามเดือน แต่ข้าจะรีบกลับมาหาเจ้าแน่นอน”
“...อืม เจ้าระวังตัวด้วยละ”
“แน่นอน”
ถึงแม้ว่ารีเอตต้าดูจะไม่เป็นห่วงเป็นใยผม แต่ผมก็รู้ว่าภายในใจของเธอคงจะเป็นกังวลอยู่ไม่น้อย นั่นสินะ เธอยังไม่ได้เปิดใจให้ผมจนหมดเปลือกเลยนี่นะ แน่นอนว่าตัวผมก็เช่นกันที่ยังไม่ได้เปิดใจรับเธอเข้ามาทั้งหมด ยังมีบางครั้งที่ผมยังรู้สึกว่าเธอทำตัวน่ารำคาญ แต่ก็ยังพอทนได้ ไม่เหมือนกับช่วงแรกที่ผมลืมตาตื่นขึ้นมายังโลกใบนี้
จะว่าไปแล้ว ครั้งนี้รีเอตต้าไม่ได้มีปฏิกิริยากับการที่ผมได้รับงานว่าจ้างจากเคานต์รีอัสเลย แสดงว่าในอดีตคงมีเหตุการณ์ที่คล้ายคลึงกันแบบนี้เกิดขึ้นสินะ แต่มันคงไม่ได้เกิดขึ้นกับลุดวิกแน่นอน
“อา... ดูเหมือนว่าวันนี้เจ้าจะอารมณ์เสียอยู่พอควรนะ งั้นข้าจะทำ ‘สิ่งนั้น’ ให้เจ้าอีกก็ได้”
“งั้นหรอ! ขอบคุณนะรีเอตต้า”
“อืม ตอนนี้ข้าคงทำให้เจ้าได้แค่นี้ละ”
ดูเหมือนว่ารีเอตต้าจะจับความรู้สึกของผมได้ดีขึ้นสินะ เธอคงจะคอยสังเกตตัวผมอยู่พอควรเลยสินะ ดีแล้วละ
“จะว่าไปนะรีเอตต้า”
“?”
“เจ้าน่าจะดูของในซองสีน้ำตาลที่ข้าซื้อมาให้เจ้านะ”
แน่นอนว่าผมก็สังเกตรีเอตต้าอยู่เช่นกัน ถึงแม้เธอจะไม่ได้มีปฏิสัมพันธ์หรือออกไปไหนไกลมากนัก แต่ผมก็พอรู้อยู่ว่าเธอต้องการอะไร
รีเอตต้าที่เห็นว่าผมแนะนำให้เธอดูของในซองสีน้ำตาลจึงรีบฉีกซองสีน้ำเงินออกอย่างเร่งรีบ ดูจากท่าทางแบบนี้เธอคงนึกว่าผมขายเธอให้กับดยุกสวอนเลสแล้วสินะ
แต่ว่า...
“นี่... ของจริงหรอ?”
“จริงสิ เจ้าคิดว่าที่ข้าไปทำงานทุกวันโดยไม่ได้หยุดพักนั้น มันเพราะอะไรอีกละ?”
“...จริงหรอเนี่ย”
รีเอตต้าดูจะตะลึงกับเอกสารที่เธอเห็นในซองสีน้ำตาลอยู่พอควร เธอกลืนน้ำลายหลายอึกอยู่หลายรอบ ก่อนที่จะมองมาที่ผม สีหน้าที่ดูตื่นเต้นและดีใจไม่น้อยเป็นที่น่าพอใจสำหรับผมอยู่พอควร
ถึงแม้ว่าในตอนนี้มันจะเล็กไปหน่อย แต่ครั้งหน้าที่ผมเก็บเงินได้มากกว่านี้ ผมจะพาเธอไปดูก่อนซื้อแน่นอน เพราะว่าสถานที่แห่งนั้นมันคือบ้านที่ผมและรีเอตต้าจะต้องอยู่ด้วยกันยังไงละ
“พอดีกับวันที่ข้าจะต้องออกเดินทาง เจ้าสามารถย้ายไปอยู่ที่นั่นได้เลยนะ ส่วนกุญแจก็อยู่ในซองสีน้ำตาลนั่นละ เก็บไว้ให้ดีๆ ละ ถ้าหากเจ้าไม่แน่ใจว่าจะไว้กับตัวดีหรือไม่ เจ้าก็ฝากกับหัวหน้า—”
ในขณะที่ผมกำลังบอกให้รีเอตต้าต้องทำอะไรบ้างหลังจากที่ผมไปทำงานของเคานต์รีอัส จู่ๆ เธอก็เข้ามาสวมกอดผมโดยที่ผมไม่ทันได้ตั้งตัว
“ขอบคุณนะ พี่ชาย”
แหม่ พอเป็นอะไรที่ถูกใจเธอเข้าหน่อย เธอก็มักจะเรียกผมว่าพี่ชาย ก็นะ... ครั้งนี้ผมก็สมควรได้รางวัลจากเธออย่างเช่นการกอดแบบที่ครอบครัวควรจะทำสินะ
ยังไงซะ บนโลกใบนี้ก็มีเพียงเราสองคนที่เรียกได้ว่าเป็น ‘ครอบครัว’ ได้อย่างเต็มปากละนะ
ความคิดเห็น