คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #16 : ตอนที่ 15 ไม่ใจดี (Sieghart's POV)
ตอนที่ 15
ไม่ใจดี
ทุกครั้งที่ได้ยินชื่อของแอลตลอดการเดินทางนั้น มันทำให้ข้ารู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย คนที่มีอายุไล่เลี่ยอย่างพวกเราที่ยังเป็นเด็กที่ยังทำอะไรด้วยตัวเองได้มากนั้น
กลับเป็นทหารรับจ้างที่มีชื่อเสียงแล้วงั้นหรอ?
“ท่านซีคฮาร์ท เจ้าสิ่งที่เรียกว่าถุงทำความร้อนที่ทหารรับจ้างคนนั้นนำมาให้ยังร้อนอยู่เลยครับ”
บทสนทนาที่ข้ากับโนอาห์ได้พูดคุยกันในระหว่างเดินทางหลังจากได้รับถุงทำความร้อนมาจากแอลนั้น โนอาห์ที่เป็นเด็กขี้กลัวและระแวดระวังสิ่งต่างๆ รอบตัวของเขากลับเอ่ยปากชื่นชมอีกฝ่ายได้อย่างง่ายดาย ทั้งๆ ที่เขาไม่ใช่คนที่จะชมคนอื่นได้ง่ายแบบนี้เลย
“ก็ดีแล้วนี่...”
ไม่นานนักหลังจากที่พวกเราได้เดินทางมาถึงดินแดนทางตอนเหนือของอาณาจักรอัลซีเรีย รถม้าที่มักจะเคลื่อนตัวอยู่ตลอดเวลาในช่วงกลางวันนั้นกลับหยุดลงอย่างฉับพลัน โดยที่ไม่มีเสียงของคนนอกบอกอะไรพวกเราเลย
“ท่านซีคฮาร์ท... นี่พวกเรากำลังถูกลอบโจมตีอยู่รึเปล่าครับ?”
เสียงสั่นที่กำลังถามข้าด้วยความหวาดกลัวของโนอาห์ดังขึ้น ข้าไม่ได้ตอบกลับอะไรเขาก่อนที่จะเงี่ยหูเข้ากับประตูรถม้า เพื่อฟังเสียงรอบข้างจากภายนอกให้ชัดเจนมากขึ้น
ข้าได้ยินเพียงเสียงของเด็กคนนั้น เสียงของแอลที่กำลังพูดอะไรบางอย่าง ก่อนที่สักพักเสียงฝีเท้าของใครบางคนก็ได้มุ่งหน้ามายังรถม้าที่พวกเรากำลังอยู่
“ท่านซีคฮาร์ท!!”
โนอาห์หวาดกลัวมากขึ้นจนเสียงของเขาที่เปล่งออกมานั้นแทบจะรู้สึกหมดเรี่ยวแรง แต่ข้าที่รู้ว่าสถานการณ์ข้างนอกนั้นไม่สู้ดีนัก จึงเปิดประตูรถม้าออกไปเมื่อลางสังหรณ์ของตัวข้ากำลังเตือนบางอย่างให้ข้าได้รู้
ถ้าหากว่าพวกเราช้าแม้แต่เสี้ยววินาทีละก็...
และแล้วลางสังหรณ์ที่ข้ารู้สึกในเวลานั้นก็ทำให้ข้ารอดตายมาได้ ไม่สิ... คงต้องบอกว่าถ้าไม่มีแอลละก็ พวกเราที่มีชีวิตอยู่ในตอนนี้คงได้มีจุดจบเหมือนพวกโจรและคนอื่นๆ ที่ไม่ได้ฟังคำพูดของแอลแน่
หลังจากที่พวกเราทั้งสี่นั้นรอดชีวิตกันมาได้ ปัญหาต่อไปที่พวกเราพบเจอก็คือการส่งตัวข้าและโนอาห์กลับไปยังจักรวรรดิบาร์นาบัสให้ได้อย่างปลอดภัย แน่นอนว่าทั้งแอลและแซมต่างให้ความสำคัญข้อนี้เป็นอันดับแรก
แต่เมื่อพอแอลเริ่มบทสนทนากับแซมเพื่อชี้ให้พวกเราเห็นถึงความเป็นจริงของสถานการณ์ตรงหน้านั้น ข้าที่ได้ฟังบทสนทนาของพวกเขาจึงเข้าใจในทันทีว่าแอลต้องการอะไรจากบทสนทนาเมื่อครู่นี้
ทั้งมอบภาพความเป็นจริงและความสิ้นหวังของสถานการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นในตอนนี้ และมอบโอกาสและความหวังที่จะรอดจากความสิ้นหวังเหล่านั้นโดยเสนอตัวเลือกที่เป็นไปได้
และสุดท้าย... เขาก็เป็นคนที่ทำให้ข้ากลับมามีสติอีกครั้งว่าตัวเองต้องทำเช่นไรในการเดินทางครั้งนี้
แน่นอนว่ามีหลายสิ่งหลายอย่างที่เด็กอย่างข้ายังคงขาดตกบกพร่อง แต่ในทุกๆ ครั้งที่ข้าทำอะไรผิดพลาดลงไปนั้น แอลจะเป็นคนกู้สถานการณ์ให้ดีขึ้นตลอด และปล่อยให้ข้าได้ดำเนินในสิ่งที่ข้าควรต้องทำต่อ
ซึ่งมันทำให้ข้ารู้สึกได้ว่าเขาเป็นคนที่มีความสามารถมากกว่าที่ข้าเคยได้ยินและคิดไว้เสียอีก แม้ว่าบางครั้งข้าจะรู้สึกว่าวิธีของเขาจะสุดโต่งไปบ้างในบางครั้ง แต่ผลลัพธ์ที่ได้กลับมาในทุกครั้งนั้นกลับเป็นที่น่าพึงพอใจอยู่สมควร
ยกเว้นในตอนที่เขาได้บอกให้ทั้งตัวข้าและโนอาห์วิ่งหนีไป
ในตอนนั้นข้ารู้สึกกระวนกระวายและหวาดกลัวอย่างยิ่ง ยิ่งกว่าเหตุการณ์ในตอนที่พลังเวทมหาศาลนั่นได้ตกลงมายังบริเวณที่พวกเราอยู่ ข้าสัมผัสได้ถึงความหนาวเย็นที่ถูกพัดพามาด้วยแรงลมของดินแดนทางเหนือ แม้ว่าความหนาวสั่นมันจะทำให้ร่างกายของมนุษย์เราสั่นเครือได้นั้น
แต่ร่างกายที่กำลังสั่นอยู่ของแอลในตอนนั้น มันไม่ใช่เพราะสิ่งเหล่านั้นเลย
ทั้งความกลัวและความกระวนกระวายที่อยากจะวิ่งหนีไปจากตรงนี้ ข้าสัมผัสมันได้ว่าแอลกำลังรู้สึกเช่นนั้น ถึงแม้จะไม่เห็นสีหน้าของเจ้าตัวที่ต้องเผชิญหน้ากับปีศาจด้วยตัวเอง แต่ร่างกายของแอลที่ข้าเห็นเพียงแค่เสี้ยววินาทีในตอนนั้น ตอนที่แซมพาทั้งตัวข้าและโนอาห์วิ่งหนีออกไปจากตรงที่แอลอยู่
ข้ารู้ได้ทันทีว่าแอลก็เป็นเพียงแค่คนธรรมดาคนหนึ่งที่ต้องการความช่วยเหลือเช่นกัน
“ปล่อยมือข้านะแซม!!”
โนอาห์ที่กำลังตวาดแซมเสียงดังด้วยความดื้อดึงของตัวเขาที่ต้องการกลับไปช่วยแอล พร้อมทั้งสีหน้าของแซมที่ดูสิ้นหวังนั่น แต่ก็ทำอะไรไม่ได้และได้แต่ลากพวกเราออกไปให้ไกลจากที่ที่แอลอยู่ให้ไกลที่สุดเท่าที่จะทำได้
ข้าที่วิ่งตามแรงดึงของแซมหลังจากที่รับรู้ถึงจุดประสงค์ของแอลและแซมแล้ว ได้แต่มองโนอาห์ที่พยายามแกะมือของแซมออก ทั้งๆ ที่โนอาห์ก็รู้ตัวดีว่ากลับไปก็เป็นภาระให้กับตัวแอลซะเปล่า
ทั้งๆ ที่ข้าบอกว่าอย่าไปยึดติดกับตัวของแอลมากแท้ๆ ...
ทำไมโนอาห์ถึงต้องทำอะไรที่ข้า...
อยากจะปิดซ่อนมันมากที่สุดนะ
“นั่นมัน!?”
ในขณะที่ข้ากำลังวิ่งไปตามแรงดึงของแซมด้วยความรู้สึกที่ว่างเปล่าอยู่นั้น จู่ๆ แซมที่กำลังวิ่งนำหน้าพวกเราอยู่ในตอนนี้ได้พูดอะไรบางอย่างขึ้นด้วยความตกใจ ก่อนที่เขาจะพยายามดึงพวกเราให้วิ่งไปข้างหน้าด้วยความเร็วที่เพิ่มขึ้น มันจึงทำให้ข้าที่กำลังก้มหน้าก้มตาในตอนนี้เงยหน้าของตัวเองขึ้น
และพบกับสิ่งที่ข้าไม่คาดคิดว่าจะได้เจอในตอนนี้
กลุ่มคนที่กำลังมุ่งหน้ามาทางพวกเรานั้น ข้าจำลักษณะของคนที่กำลังควบม้าอยู่ข้างหน้ากลุ่มนั้นได้อย่างแม่นยำ คำบรรยายที่ข้าเคยได้ยินในตอนที่เคานต์รีอัสได้พูดคุยกับชนชั้นสูงพวกนั้น
“วิลเฟรด... เชสเตอร์...”
เมื่อข้าเห็นว่ามีคนที่จะสามารถช่วยแอลได้นั้น ข้าจึงรีบวิ่งออกไปข้างหน้าอย่างสุดกำลัง โดยที่ฝ่ามือของแซมที่ถูกแรงดึงไปยังข้างหน้าอย่างรวดเร็วด้วยตัวข้าที่พยายามกำลังวิ่งนำหน้าเขาอยู่นั้นได้ปล่อยข้าให้เป็นอิสระ
ไม่รู้ว่าทำไมในตอนนั้นข้าถึงมีความคิดสิ้นคิดทั้งหลายอยู่ภายในหัวของข้า ทั้งๆ ที่ข้าควรจะตั้งสติและคิดให้รอบคอบมากกว่านี้ แต่ถ้าหากข้าทำเช่นนั้นในตอนที่ไปหยุดอยู่ตรงหน้าของดยุกเชสเตอร์แล้ว
แอลที่คอยถ่วงเวลาไว้ให้พวกเรานั้นอาจจะ...
...
“ท่านดยุกเชสเตอร์!! ช่วยพวกเราด้วย!!”
ข้าตะโกนสุดเสียงอย่างที่ข้าไม่เคยทำมาก่อนในชีวิตนี้ ทั้งยังร้องขอให้คนแปลกหน้าที่กำลังควบม้ามายังทิศทางที่ข้ากำลังวิ่งอยู่นั้นช่วยเหลือ
จะอะไรก็ได้... ขอแค่ในตอนนี้...
ให้แอลปลอดภัย...
และในตอนสุดท้ายก่อนที่ข้าจะหมดแรงลงไป ข้าได้เห็นม้าสีดำตัวหนึ่งพร้อมกับคนที่กำลังนั่งอยู่บนหลังของมันนั้นได้มาหยุดอยู่ตรงหน้าข้า ข้าพยายามจะไม่ปล่อยให้ตัวเองล้มลงบนพื้นหิมะอีกเป็นครั้งที่สอง หลังจากที่ข้าได้ล้มลงต่อหน้าแอลไปแล้ว
เพราะถ้าหากข้าล้มลงไปในครั้งนี้...
“เจ้าทำได้ดีมากที่มาถึงตรงนี้”
เสียงของใครบางคนดังขึ้นในขณะที่สติของข้าเริ่มจะหลุดลอยหายไป สุดท้ายแล้วข้าก็ยังคงเป็นคนที่—
“แต่เจ้าคงต้องมากับข้าในตอนนี้ แม้ว่าจะไม่มีแรงเหลือแล้วก็ตามแต่”
ในขณะที่ดยุกเชสเตอร์กำลังพูดบางอย่างกับข้าอยู่นั้น ข้าก็รู้สึกได้ถึงแรงที่กำลังดึงตัวข้าขึ้นให้ลอยจากพื้นหิมะ ข้าที่ไม่ทันได้ตั้งตัวนั้นรู้สึกตกใจจนสติของข้ากลับคืนมา พร้อมกับตัวข้าในตอนนี้ที่กำลังนั่งอยู่หลังม้าสีดำ และคนที่อยู่ข้างหลังข้าในตอนนี้ก็คือคนที่จะสามารถช่วยแอลได้อย่าง—
“แล้วคนที่เจ้าอยากให้ช่วยละ? เขาคนนั้นอยู่ไหน?”
ไม่รู้ว่าทำไมในตอนนั้นข้าถึงรู้สึกถึงความตื่นเต้นในน้ำเสียงของดยุกเชสเตอร์ แต่ในท้ายที่สุดที่ข้ายังคงมีสติพอที่จะสามารถช่วยเหลือแอลได้ ดังนั้นแล้วข้าก็จะทำมันให้ถึงที่สุด
เหมือนที่แอลคอยช่วยเหลือพวกเรามาตลอด
“ทางนั้น...”
ข้าชี้ไปยังทิศทางที่ข้าได้วิ่งออกมาจากแอลที่กำลังเผชิญหน้ากับปีศาจ ดยุกเชสเตอร์ไม่ได้พูดอะไรกับข้าก่อนที่เขาจะควบมาออกไปยังทิศทางที่ข้าชี้ไปเมื่อครู่นี้
ในที่สุด... ข้าก็เป็นประโยชน์ให้กับแอลได้บ้างแล้ว
...
“ท่านซีคฮาร์ท! ท่านซีคฮาร์ท!!”
ไม่รู้ว่าทำไมเสียงของโนอาห์ที่กำลังเรียกข้าอยู่นั้นดูกระวนกระวายจนเหมือนว่าข้ากำลังตายจากเขาไป ไม่ทันที่ข้ากำลังจะบอกให้เขาเงียบลงนั้น ข้าก็รู้สึกตัวขึ้นว่าตัวเองกำลังนอนสลบอยู่และสะดุ้งตื่นขึ้น เพราะภาพล่าสุดที่ข้าเห็นในตอนที่กำลังไปช่วยแอลนั้น
แอลกำลังนอนจมกองเลือดอยู่บนพื้นหิมะสีแดงฉานที่ถูกอาบไปด้วยเลือดของเขา...
“แอล!”
ข้าตะโกนออกมาเสียงดังเมื่อนึกถึงภาพของแอลในตอนนั้น เสียงหายใจของข้านั้นดูหอบอย่างรุนแรงและไม่เป็นจังหวะอย่างยิ่ง โนอาห์ที่มีสีหน้าตกใจกับการที่ข้าตะโกนออกไปเมื่อครู่นี้ถอนหายใจออกมาเล็กน้อย ก่อนที่เขาจะพูดขึ้น
“ข้าแค่มาตามท่านไปทานมื้อเช้าน่ะครับ ได้ยินว่าแอลมาทานกับพวกเราได้แล้วนะครับ!”
น้ำเสียงของโนอาห์นั้นมีความเป็นห่วงในช่วงแรกของประโยค ก่อนที่น้ำเสียงจะแปรเปลี่ยนเป็นความดีใจจนแทบจะเอ่อหล้นออกมาในช่วงหลัง ข้ามองสภาพของโนอาห์ที่ดูดีแตกต่างจากตอนที่พวกเรากำลังเดินทางมายังอาณาเขตเชสเตอร์
ก่อนที่ข้าจะได้สติขึ้นมาว่าพวกเราทุกคนปลอดภัยแล้ว รวมถึงแอลที่พยายามจะปกป้องพวกเราจากปีศาจก็พ้นขีดอันตรายแล้วด้วย
...
“...ขอบคุณที่มาตามข้านะโนอาห์ เดี๋ยวข้าจะตามลงไป”
“ครับ! ถ้าท่านซีคฮาร์ทไม่รีบลงมาทานมื้อเช้าละก็ มีหวังแอลคงจะกลับขึ้นห้องก่อนเป็นแน่เลยครับ!”
“อืม...”
หลังจากข้าตอบกลับโนอาห์ไปได้สักพัก เขาก็เดินออกไปจากห้องที่ข้าอยู่อย่างรวดเร็วโดยที่ไม่ได้สนใจอะไรข้าอีก
ไม่รู้ว่าทำไมโนอาห์ถึงดีใจที่จะได้ทานมื้อเช้าพร้อมกับแอลขนาดนั้น แต่ข้าที่รู้ว่าในตอนนี้ดวงตาของเขาไม่สามารถใช้การได้นั้น มันยังทำให้ข้ารู้สึกผิดที่ไม่สามารถไปช่วยเขาได้เร็วมากกว่านี้
เป็นเพราะข้าไปช้า... ดวงตาของแอลเลย...
...
เอาเถอะ... ยังไงซะข้าก็ต้องลองไปดูอาการของเขาด้วยตาของข้าเองบ้าง เพราะหากไม่ทำอย่างนั้นละก็ ข้าอาจจะยังเป็นตัวข้าที่กำลังขี้ขลาดอยู่ในตอนนี้ก็เป็นได้
ข้าลุกออกจากเตียงนอนที่ข้าไม่ได้สัมผัสความนุ่มสบายของมันมาเนิ่นนาน ก่อนที่จะแต่งตัวให้เรียบร้อยและเดินออกไปจากห้องที่ข้ากำลังพักอยู่ เพื่อเดินไปยังห้องอาหารของปราสาทเชสเตอร์
ในขณะที่ข้ากำลังเดินไปยังห้องอาหารนั้น ข้ามัวแต่คิดเกี่ยวกับเรื่องของแอลว่าเขาจะเป็นอย่างไรบ้าง เรื่องที่ข้าซื้อได้แค่เพียงถุงเท้าคู่หนึ่งให้เขานั้น เขาจะโกรธหรือรู้สึกว่าข้ายุ่งไม่เข้าเรื่องหรือไม่?
เรื่องที่ข้าช่วยเรื่องการทำไม้เท้าสำหรับแอลโดยเฉพาะนั้น เขาจะหาว่าข้ามองว่าเขาดูอ่อนแอขึ้นหลังจากที่สูญเสียการมองเห็นไปหรือไม่? หรือแม้กระทั่งเรื่องที่ข้าไม่ได้ไปเยี่ยมเขาเลยหลังจากวันที่เขาตื่นขึ้นมานั้น
เขาจะโกรธข้าหรือไม่?
ไม่ทันที่ข้าจะคิดเรื่องของแอลไปได้มากกว่านี้นั้น ข้าก็ได้เดินมาถึงหน้าห้องอาหารของปราสาทเชสเตอร์เสียแล้ว แม้ว่าภายในห้องอาหารจะมีเสียงพูดคุยที่ดูกำลังสนุกสนานอยู่นั้น แต่ข้าในตอนนี้กลับยังไม่พร้อมที่จะเข้าไปในห้องอาหารตรงหน้าข้านี้เลย
“เอาละซีคฮาร์ท... เข้าไปแล้วก็ทำตัว—”
“ทำไมท่านซีคฮาร์ทยังไม่เข้าไปละ?”
ข้าสะดุ้งตัวขึ้นเมื่อน้ำเสียงของคนที่กำลังทักข้าอยู่ข้างหลังข้าเมื่อครู่นี้นั้น มันคล้ายกับเสียงของแอลเหลือเกิน
“หรือว่าท่านอยากจะเข้าไปพร้อมกับข้า?”
น้ำเสียงของเขาคนนั้นที่กำลังยืนอยู่ข้างหลังข้าดังขึ้นอีกครั้ง แต่ในครั้งนี้กลับมีของแข็งๆ กำลังปัดไปปัดมาอยู่ที่ฝ่าเท้าข้างหลังของข้า มีเพียงคนเดียวในที่แห่งนี้ที่กำลังใช้ไม้เท้าอยู่
งั้นคนที่อยู่ข้างหลังข้าก็คือ—!!
“ถ้าไม่ว่าอะไร เราเข้าไปพร้อมกันเถอะครับ ข้ากำลังหิวอยู่พอดีเลย”
หน้ากากสีขาวล้วนที่เหมือนกับหน้ากากอันเก่าที่แอลมักจะสวมใส่ตลอดเวลาเดินทาง เส้นผมสีขาวเงินที่กำลังสะท้อนเข้ากับแสงแดดในยามช่วงเช้าของแอลนั้น ถึงแม้ว่าข้าจะรู้ว่ามันเป็นสีผมปลอมก็ตามแต่ แต่ตามที่ดยุกเชสเตอร์ได้พูดออกมาเมื่อครั้งนั้น เขาบอกว่าสีผมจริงของแอลนั้นใกล้เคียงกับสีขาวเงินเป็นอย่างมาก
“จะว่าไปแล้ว... สีผมจริงของเจ้าคือสีอะไรกันแน่...”
“ท่านว่าอย่างไรนะ?”
ในขณะที่ข้าเผลอพูดความคิดของตัวเองออกมานั้น แอลที่เป็นคนหูดีอยู่แล้วนั้นย้ำถามข้าขึ้นอีกรอบ ข้าคิดว่าเขาคงจะรู้ว่าเมื่อครู่นี้ข้าได้พูดอะไรออกไป เพราะฟังจากน้ำเสียงของเขาในตอนนี้พร้อมทั้งท่าทางที่ดูไม่สะทกสะท้านนั้น
เขากำลังอารมณ์เสียเพราะคำพูดที่หลุดออกจากปากของข้าที่เผลอนึกถึงคำพูดของดยุกเชสเตอร์ในครั้งนั้นเป็นแน่
“ข้าหิวแล้ว พวกเราเข้าไปในห้องอาหารกันเถอะ”
ข้าพยายามบ่ายเบี่ยงเรื่องที่ข้าเผลอพูดความคิดของตัวเองออกไปเมื่อครู่นี้ด้วยการเปิดประตูเข้าไปในห้องอาหารอย่างรวดเร็ว ข้ารู้ว่าแอลไม่อยากให้ใครรู้ถึงตัวตนของเขา แต่บางทีข้าก็เกิดความคิดเหมือนกับโนอาห์ในบางครั้งเช่นกัน
จะว่าไปแล้วในตอนที่แอลพักฟื้นอยู่นั้น ข้าก็ได้เห็นใบหน้าของเขาไปหลายส่วนแล้ว ยกเว้นบริเวณดวงตาของเขา ข้าคงจะไม่มีโอกาสได้เห็นว่าบริเวณดวงตาและสีของดวงตาที่แท้จริงของเขานั้นเป็นเช่นไรอีกแล้ว
แต่ว่านะ...
“แอล หลังจากวันนี้เป็นต้นไป จะมาทานมื้ออาหารกับพวกเราตลอดใช่หรือไม่?”
ข้าที่ไม่คิดว่าตัวเองจะเอ่ยถามคำถามสิ้นคิดเช่นนี้ให้แอลได้ยินนั้นรู้สึกอับอายในตัวเองอย่างบอกไม่ถูก ปกติแล้วแอลมักจะแอบไปหลบกินอาหารอยู่ตามมุมต่างๆ อยู่คนเดียว
มันก็แน่อยู่แล้วที่ว่าคนอย่างแอลจะไม่—
“...แน่นอน จนกว่าข้าจะอาการดีขึ้นละนะ”
แม้ว่าแอลจะเว้นช่วงไปสักพักก่อนที่จะตอบกลับข้าว่าเขาจะมาทานมื้ออาหารอื่นร่วมกับพวกเราอย่างแน่นอน แต่ข้ารู้ว่าเขากำลังมอบความใจดีของเขาให้กับข้าอยู่ในตอนนี้ ทั้งๆ ที่ปกติเขามักจะตอบปฏิเสธคำถามเช่นนี้กับข้าอยู่ตลอดเวลาแท้ๆ
อา... ยังไงซะ ข้าก็คิดว่าการที่แอลเป็นตัวของแอลนั้นมันคงจะดีกับข้ามากกว่าที่แอลจะคอยมาใส่ใจหรือเป็นห่วงข้า เหมือนที่แอลชอบทำกับโนอาห์ที่ชอบฝืนตัวและทำตัวดื้อรั้นอยู่ตลอดเวลาที่เขาอยู่กับแอล
แต่พอข้าได้ลองลิ้มลองความใจดีของแอลเข้าเพียงแค่เสี้ยวเดียว ข้ากลับรู้สึกอิจฉาโนอาห์ขึ้นมาเล็กน้อยทันทีที่ข้าคิดได้ว่าเขาได้รับความใจดีแบบนี้จากแอลอยู่ตลอด
...หวังว่าเจ้าจะไม่ใจดีแบบนี้กับข้าไปตลอดนะแอล
เพราะข้าไม่เหมือนกับโนอาห์ที่ใจดียอมแบ่งปันความใจดีของเจ้าให้กับคนอื่นหรอกนะ...
ความคิดเห็น