ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    จนกว่าความลับนี้จะจบลง (BL)

    ลำดับตอนที่ #13 : ตอนที่ 12 พักฟื้น(1)

    • อัปเดตล่าสุด 30 พ.ค. 67


    ตอนที่ 12

    พักฟื้น (1)

     

    แสงแดดในยามเช้าตรู่ของวันหนึ่งในดินแดนทางตอนเหนือนั้นได้ตกกระทบเข้ากับเปลือกตาของลุดวิกที่กำลังนอนแผ่ราบอยู่บนเตียงนอนอันกว้างใหญ่อย่างแน่นิ่ง ลุดวิกที่ไม่เคยสลบไปเกินสามวันนั้นได้สะดุ้งตัวขึ้นในเช้าตรู่ของวันที่ห้า

    หลังจากที่เขาได้กำจัดปีศาจตัวนั้นลง

    “อึก…”

    ในขณะที่ผมรู้สึกตัวขึ้นหลังจากที่แสงแดดอ่อนๆ ได้กระทบเข้ากับเปลือกตาของผม ผมได้พยายามขยับร่างกายของตัวเองที่บาดเจ็บหนักอยู่อย่างช้าๆ แต่ดูเหมือนความพยายามนั้นจะสูญเปล่าเมื่อมีสัมผัสของใครบางคนกำลังพยายามดันให้ผมกลับไปนอนราบบนเตียงนอนที่ไม่คุ้นเคยนี่เหมือนเดิม

    “อย่าพึ่งขยับร่างกายของเจ้าสิ อีกเดี๋ยวข้าจะไปเรียกหมอให้”

    น้ำเสียงอันเรียบนิ่งและดูผ่อนคลายของใครบางคนดังขึ้น แม้ว่าหลังจากที่ผมจะได้สติขึ้นมาสักพักและตระหนักได้ว่าตัวเองไม่สามารถลืมตาของตัวเองขึ้นได้ในตอนนี้ เนื่องจากบาดแผลที่ได้รับจากปีศาจตนนั้น

    ถึงแม้ดวงตาคู่นี้จะไม่สามารถมองเห็นโลกภายนอกในตอนนี้ได้ แต่ในตอนนี้ผมก็สามารถสัมผัสได้ว่าใครเป็นคนที่กำลังพูดกับผมอยู่ในตอนนี้

    “ท่าน… ซีคฮาร์ท”

    “…ว่าอย่างไร?”

    “ตอนนี้พวกเรามาถึงอาณาเขตดยุกเชสเตอร์แล้ว… ใช่ไหมครับ?”

    ดูเหมือนว่าผมจะสลบไปอยู่นานพอสมควร จึงทำให้เสียงที่เปล่งออกมาจากปากของผมนั้นมันทั้งดูแหบแห้งและไม่น่าฟังเอาเสียเลย แต่ตอนนี้สิ่งที่ผมควรจะรับรู้หลังจากตื่นขึ้นมานั้นคือพวกเราอยู่ที่ไหน สถานการณ์เป็นอย่างไรหลังจากที่ผมสลบลงไป และทุกคนปลอดภัยดีหรือไม่

    “…ใช่แล้วละ ต้องขอบคุณท่านดยุกที่ได้ช่วยเหลือพวกเรา ดังนั้นแล้วในตอนนี้มีเพียงแค่เจ้าคนเดียวเท่านั้นที่มีอาการบาดเจ็บสาหัสเช่นนี้”

    “หรอครับ… โล่งอกไปที”

    ซีคฮาร์ทที่พอจะเดาได้ว่าผมต้องการคำตอบอย่างไรตอบกลับมาอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง ก่อนที่มือของเขาจะสัมผัสเข้ากับมือข้างซ้ายของผมอย่างแผ่วเบา สัมผัสที่บางเบาและอ่อนโยนผ่านฝ่ามือของซีคฮาร์ทนั้นทำให้ผมรับรู้ความรู้สึกของเขาในตอนนี้ได้ว่าเขากำลังเป็นห่วงผม ทั้งๆ ที่มองไม่เห็นแล้วแท้ๆ แต่ผมก็ยังคงสัมผัสได้ถึงความรู้สึกของเขาได้โดยไม่ต้องเห็นสีหน้าเลยด้วยซ้ำ

    แปลกจริงๆ เลยนะมนุษย์เรา

    “เดี๋ยวข้าจะไปเรียกหมอมาให้ เจ้านอนพักต่ออีกหน่อยเถอะ”

    สัมผัสจากฝ่ามือของซีคฮาร์ทได้จางหายไปพร้อมกับเสียงขยับเขยื้อนร่างกายของเขา เสียงฝีเท้าที่ย่างก้าวไปยังตำแหน่งที่ห่างไกลจากเตียงนอนของผมและเสียงของระตูไม้ที่ถูกเปิดขึ้นอย่างแผ่วเบานั้นทำให้ผมรู้ว่าเขากำลังออกจากห้องแห่งนี้ที่ผมอยู่

    สุดท้ายแล้วเสียงประตูไม้ที่ถูกปิดลงก็ได้ดังขึ้นหลังจากสัมผัสของตัวซีคฮาร์ทได้หายไป ถ้าเป็นแค่อาการบาดเจ็บปกติที่ผมเคยมีประสบการณ์ได้รับความเจ็บปวดมาแล้ว ในตอนนี้ผมคงจะลุกจากเตียงนอนและพยายามสำรวจสิ่งต่างๆ ที่อยู่รอบตัวผมในตอนนี้

    แต่ว่าครั้งนี้… มันเป็นความเจ็บปวดที่เรื้อรังจนเกินกว่าที่ผมจะลุกขึ้นไหวได้

    แม้ว่าผมจะมีแรงยกส่วนบนของร่างกายตัวเองขึ้นได้ภายในตอนนี้ แต่ในขณะที่ร่างกายขยับเขยื้อนแม้แต่เพียงนิดเดียวนั้นก็แทบทำให้ความเจ็บปวดนั้นแล่นผ่านไปทั่วร่างกาย โดยเฉพาะที่ดวงตาทั้งสองข้างของผมที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด

    อา… จะว่าไปแล้ว ตอนผมสะดุ้งตื่นขึ้นั้นเป็นเพราะการตอบสนองจากแสงแดดที่กระทบเข้ากับเปลือกตาสินะ แสดงว่าตาของผมยังคงใช้การได้อยู่สินะ ถึงแม้จะไม่รู้ว่าจะต้องใช้เวลานานเท่าไหร่ในการรักษาให้หาย แต่มันคงนานอยู่พอสมควรจนอาจจะกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันของผมก็เป็นได้

    นี่คงเป็น… ความรู้สึกและสัมผัสที่คุณหนูรับรู้อยู่ตลอดเวลาที่ดวงตาของเธอไม่สามารถมองเห็นสินะ

    จะว่าไปแล้ว ซีคฮาร์ทก็ออกไปจากห้องนี้ได้สักพักแล้วนะ ทำไมผมถึงยังไม่ได้ยินเสียงฝีเท้า—

    “ใครน่ะ?!”

    จู่ๆ เสียงของฝีเท้าคู่หนึ่งที่พยายามปกปิดตัวตนของตัวเองอยู่นั้นก็ได้ดังเข้ามาในประสาทการรับฟังของผม ถึงแม้ว่าจะไม่รู้ว่าเป็นใครก็ตาม แต่การที่เขาปกปิดตัวตนได้จนมาถึงหน้าห้องที่ผมอยู่นั้น แสดงว่าเขาคงมีฝีมืออยู่พอควร

    ก๊อกๆ

    เสียงเคาะประตูดังขึ้นอยู่สองที ก่อนที่จะมีเสียงของใครบางคนที่ผมไม่เคยได้ยินสักครั้งในชีวิตนี้ดังขึ้น

    “ลุดวิก”

    นี่เขา… เรียกชื่อจริงของผมงั้นหรอ?

    “ข้าคือดยุกเชสเตอร์ เจ้าของอาณาเขตเชสเตอร์และปราสาทแห่งนี้”

    ดยุกเชสเตอร์? หรือว่าเขาจะ—

    “มีเรื่องบางอย่างที่ข้าต้องยืนยันกับเจ้าให้ได้ ก่อนที่คนของข้าและเจ้าจะเข้ามายังห้องแห่งนี้”

    “…”

    “ไม่ต้องเป็นกังวลว่าข้าจะเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงของเจ้าให้ใครได้ฟัง ข้าเพียงแค่มาพูดคุยกับเจ้าในเรื่องบางอย่างที่ข้าต้องตัดสินให้ได้ในตอนนี้ก็เท่านั้น”

    ดูเหมือนว่ามีเรื่องบางอย่างที่ทำให้ดยุกเชสเตอร์ต้องเข้ามาคุยกับผมในตอนนี้ให้ได้ ผมจึงอนุญาตให้เขาเข้ามาภายในห้อง โดยที่ผมก็ยังคงระวังตัวกับเขาไว้อยู่

    แรงกดดันที่สัมผัสได้ตั้งแต่ที่เขาเปิดประตูเข้ามานั้น มันไม่ใช่เล่นๆ เลยแฮะ…

    เสียงปิดประตูไม้ลงอย่างแผ่วเบานั้นดังขึ้น ก่อนที่ฝีเท้าของผู้ที่กล่าวอ้างว่าตนเป็นดยุกเชสเตอร์ได้ดังเข้ามาใกล้ตำแหน่งของผมมากขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งฝีเท้าของเขาได้หยุดลงอยู่ตำแหน่งเดียวกับที่ซีคฮาร์ทเคยอยู่

    “สวัสดี นี่คงเป็นครั้งแรกที่พวกเราได้เจอกัน”

    “…”

    “ต้องขออภัยด้วยที่ข้าเรียกชื่อจริงของเจ้าออกมาเมื่อครู่นี้ แต่ข้ามีเหตุผลที่ต้องกระทำเช่นนั้นอยู่ จึงอาจจะกระทำอะไรที่เสียมารยาทต่อเจ้าที่พยายามปกปิดตัวตนของตัวเองอยู่เป็นได้”

    น้ำเสียงอันสุขุมนุ่มลึกนั่นช่างผิดกับแรงกดดันที่ผมสัมผัสได้จากตัวของดยุกเชสเตอร์ ดูจากการที่เขาไม่พูดอะไรต่อหลังจากที่ขอโทษผมนั้น เขาคงอยากจะให้ผมตอบกลับเขาสินะ

    “ไม่เป็นไรครับ ถ้าเป็นท่านดยุกที่ได้ช่วยเหลือพวกผมให้รอดตายในครั้งนี้มาได้นั้น ผมไม่สามารถว่าอะไรท่านได้หรอกครับ หากท่านมีเหตุผลต้องทำเช่นนี้”

    “…เหมือนว่าเจ้าจะเป็นคนที่รู้จักกาลเทศะอยู่พอสมควร เจ้าคงโตพอตัวอยู่สินะ”

    รู้จักกาลเทศะ? ท่านดยุกครับ มันไม่เกี่ยวเลยว่าในตอนนี้ผมควรรู้จักกาลเทศะของตัวเองเวลาพูดกับท่านหรือไม่

    แต่เดี๋ยวนะ… โตพอตัวอยู่สินะ?

    “ท่านกำลังพูดอะไรน่ะครับท่านดยุก? โตพอ—”

    “เจ้าคือคนที่ ‘ถูกเลือก’ จากท่านผู้นั้นสินะ”

    ในขณะที่ผมกำลังสับสนกับสิ่งที่ดยุกเชสเตอร์ได้พูดขึ้นเมื่อครู่นี้ จู่ๆ เขาก็ได้ถามผมขึ้นด้วยน้ำเสียงที่แข็งกร้าวผิดจากน้ำเสียงเมื่อครู่นี้ที่เขาใช้กับผม

    คนที่ถูกเลือก? หรือว่าดยุกเชสเตอร์จะรู้จักกับเสียงที่ดังขึ้นในหัวของผมตอนที่ผมปะทะกับปีศาจตัวนั้น?

    “อา… เจ้ายังคงสับสนอยู่สินะ แต่เรื่องที่เจ้าเป็นผู้ถูกเลือกจากท่านผู้นั้นคงจะจริง เพราะข้ายังสัมผัสพลังเวทของเจ้าจากการ ‘ใช้อักขระ’ ได้ในตอนที่ข้าเจอกับเจ้า”

    “…”

    “ไม่ต้องกังวลไปหรอก อีกไม่นานข้าจะเล่าทุกอย่างที่เจ้าควรต้องรู้ให้ฟังเกี่ยวกับเรื่องนี้ ส่วนที่เมื่อครู่นี้ที่ข้าเรียกชื่อจริงของเจ้าออกไป นั่นเป็นเพราะข้าอยากยืนยันว่าลุดวิกที่ข้าได้รู้จักนั้นไม่อยู่บนโลกนี้แล้วจริง”

    อะไรกัน? จู่ๆ ดยุกเชสเตอร์ที่ดูไม่ควรจะรู้เรื่องเหล่านี้ก็ได้พูดขึ้น เหมือนกับว่าเขารู้อยู่แล้วว่าต้องเกิดเหตุการณ์แบบนี้ ทำไมเขาดูไม่เหมือนดยุกเชสเตอร์ที่ผมรู้จักในเนื้อเรื่องของเกมเลยนะ?

    “อา… อาจเป็นเพราะข้าตื่นเต้นเกินไปหน่อย ข้าเลยทำให้เจ้าที่ยังพักฟื้นได้ไม่เต็มที่กำลังสับสนสินะ? ขออภัยด้วย”

    มีบางอย่างในตัวดยุกเชสเตอร์คนนี้ที่ผมรู้สึกว่ามันผิดปกติเกินไป ภายในเกมนั้นได้มีการกล่าวถึงดยุกเชสเตอร์ว่าเป็นคนที่เย็นชาและไม่ชอบพูดคุยกับใครเกินกว่าที่จำเป็น แม้แต่คนในครอบครัวเพียงหนึ่งเดียวอย่างลูกชายของเขา

    “ไม่เป็นไรหรอกครับ อีกอย่างท่านได้บอกข้าไว้แล้วว่าท่านจะอธิบายเรื่องที่เกิดขึ้นเหล่านี้ทีหลัง แต่สิ่งที่ข้าควรจะได้รู้ในตอนนี้คือ…”

    ใช่แล้ว… ถ้าเป็นปัจจัยที่เกิดขึ้นเพราะตัวผมในตอนนี้นั้น ผมสามารถให้เขาอธิบายให้ผมฟังได้ในภายหลัง แต่ถ้าเป็นปัจจัยที่เกิดขึ้นเพราะลุดวิกบนโลกนี้ละก็…

    “ท่านดยุก ท่านรู้จักกับลุดวิกได้อย่างไร?”

    “…”

    เหมือนว่าดยุกเชสเตอร์จะต้องการใช้เวลาในการตอบคำถามของผมที่ผมได้เอ่ยถามเขาขึ้น หลังจากที่ผมได้ถามเขาออกไปสักพักหนึ่งแล้ว และสิ่งที่ผมได้ยินกลับมาจากปากของดยุกเชสเตอร์นั้นทำให้ผมยิ่งสับสนและงุนงงเข้าไปใหญ่

    “ข้าเป็นเพื่อนสนิทกับผู้เป็นพ่อของรีเอตต้า น้องสาวของลุดวิกน่ะ ข้ารู้จักลุดวิกได้เพราะข้าเคยไปเยี่ยมรีเอตต้าและแม่ของนาง หรือแม่ของลุดวิกพร้อมกับเพื่อนของข้าอยู่ครั้งหนึ่ง ในตอนนั้นเองที่ข้าได้รู้จักกับลุดวิก”

    น้ำเสียงของดยุกเชสเตอร์ดูมีความจริงจังและน่าเชื่อถือได้อยู่ในขณะที่เขากำลังอธิบายให้ผมฟัง แม้ว่าในตอนนี้ผมจะยังคงสับสนเรื่องนี้อยู่เล็กน้อย แต่ผมก็พอจะเข้าใจในบางสิ่งที่ดยุกเชสเตอร์ไม่ได้บอกกับผมตรงๆ

    “งั้นตอนนี้… ท่านดยุกคงจะรู้ใช่ไหมว่าข้าที่อยู่ในร่างของลุดวิกในตอนนี้ก็ไม่ใช่เด็กๆ แล้วด้วยน่ะ?”

    ผมถามดยุกเชสเตอร์ต่อเพื่อให้ความสงสัยในส่วนนี้ของผมกระจ่างขึ้น และคำตอบที่ผมได้กลับมาจากปากของเขาเองนั้น ก็ไม่ได้ทำให้ผมสับสนในเรื่องนี้แล้ว

    “ใช่แล้วละ ตั้งแต่ที่ข้าเจอเจ้าจนกระทั่งเจ้าตื่นขึ้นมานั้น บรรยากาศรอบตัวของลุดวิกที่ข้ารู้จักนั้นได้เปลี่ยนไป เหมือนกับว่าเจ้ากับลุดวิกเป็นคนละคน อีกอย่าง… ไม่มีเด็กคนไหนที่พูดจาได้อย่างไม่มีติดขัดหรอกนะถ้าหากพวกเขาได้สัมผัสถึงแรงกดดันที่ข้าแผ่ออกมาในขณะที่กำลังพูดคุยด้วยน่ะ”

    “อา…นั่นสินะ”

    “อีกอย่าง ฟังจากสามคนที่เจ้าพามาด้วยแล้วนั้น มันยิ่งทำให้ข้ามั่นใจว่าเจ้าคงจะเป็นประเภทเดียวกันกับท่านผู้นั้น เพียงแต่เจ้าแค่เข้ามาอยู่ในร่างของลุดวิกเองก็เท่านั้น”

    ความสงสัยในเรื่องที่ดยุกเชสเตอร์รู้จักกับลุดวิก และรู้ได้อย่างไรว่าผมไม่ใช่ลุดวิกที่เขารู้จักนั้น ผมพอจะปะติดปะต่อเรื่องราวในแบบที่ผมเข้าใจได้แล้วในตอนนี้ นี่คงจะเป็นเรื่องราวและประวัติที่ไม่ได้ถูกกล่าวถึงภายในเกมถึงความสัมพันธ์ของตัวละครสินะ

    อีกอย่างดยุกเชสเตอร์ดูจะเป็นคนที่ใช้สัญชาตญาณในการแยกแยะสิ่งต่างๆ ที่อยู่รอบตัวของเขาอยู่พอสมควร ดูจากที่เขาบอกว่าบรรยากาศรอบตัวผมที่อยู่ในร่างลุดวิกเปลี่ยนไป

    แต่ว่ายังคงมีอีกเรื่องหนึ่งที่ผมต้องให้เขาอธิบาย แม้ว่าในตอนนี้ผมอยากจะให้เขาอธิบายให้ผมฟังเลยก็ตามแต่ แต่มันคงไม่ใช่ในเวลานี้

    “ดูเหมือนว่าเวลาในตอนนี้ของพวกเราใกล้จะหมดลงแล้วสินะ”

    ดยุกเชสเตอร์พูดขึ้น ผมเพียงพยักหน้าของตัวเองลงเล็กน้อย ก่อนที่จะพูดขึ้น

    “เรื่องที่ท่านต้องการยืนยันคงจะมีเพียงแต่เท่านี้สินะครับ”

    “ใช่ ส่วนเรื่องที่เราจะพูดคุยกันหลังจากนี้ คงต้องรอให้ร่างกายของเจ้าดีขึ้นก่อนที่พวกเราจะพูดคุยกันอีกครั้ง”

    เขาคงจะหมายถึงเรื่องที่เสียงในหัวของผมพูดสินะ ในตอนนี้ยังมีอยู่สองเรื่องที่เขายังไม่ได้อธิบายให้ผมฟัง หนึ่งคือเรื่องของผู้ถูกเลือกที่ทั้งเสียงในหัวของผมและดยุกเชสเตอร์ได้พูดถึง และสองคงจะเป็นเรื่องผู้ใช้อักขระสินะ

    จะว่าไปแล้ว… ทำไมดยุกเชสเตอร์ถึงรู้ละว่าผมสามารถใช้อักขระได้ ทั้งๆ ที่ผู้ใช้อักขระได้หายสาบสูญไปตั้งห้าร้อยปีแล้ว การจะสัมผัสพลังเวทในการใช้อักขระนั้นคงจะไม่ได้เป็นที่คุ้นชินกับเวลาในปัจจุบันนี้เลย

    ให้ตายสิ… ผมคงต้องรอให้ตัวเองดีขึ้น ถึงจะได้ฟังคำอธิบายจากดยุกเชสเตอร์ต่อสินะ

    “แอล ข้าได้พาหมอมา—”

    “ข้าคงจะอยู่ที่นี่นานไปหน่อยสินะ ยินดีที่ได้รู้จักนะ ‘แอล’ ”

    ดยุกเชสเตอร์พูดขึ้นในทันทีที่เขาสัมผัสได้ว่าซีคฮาร์ทได้เปิดประตูเข้ามาภายในห้องแห่งนี้ เหมือนว่าเขาคงจะสัมผัสได้ว่าถ้าเขาไม่พูดอะไรออกมาก่อนละก็ ซีคฮาร์ทคงจะถามว่าเขามาทำอะไรในที่แห่งนี้สินะ

    อา… เด็กเซนส์ดีอย่างซีคฮาร์ทก็ยังคงทำให้ดยุกเชสเตอร์ระวังตัวไว้ก่อนได้สินะ

    “ครับ ต้องขอบคุณท่านจริงๆ ที่ช่วยพวกเราไว้”

    ถ้าหากว่าผมไม่ตอบกลับในตอนนี้ ซีคฮาร์ทคงคิดว่าเป็นการพูดคุยอยู่ฝ่ายเดียวของดยุกเชสเตอร์ก็เป็นได้ และบางทีมันอาจจะทำให้ซีคฮาร์ทรู้สึกสงสัยในตัวดยุกเชสเตอร์มากขึ้น เพราะยังไงซะ… ในตอนนี้ผมยังคงสัมผัสได้ว่าซีคฮาร์ทน่าจะกำลังจ้องมองไปที่ดยุกเชสเตอร์ที่อยู่ยืนอยู่ข้างผมอยู่ในตอนนี้เป็นแน่

    แต่จะว่าไป ผมก็สงสัยเหมือนกันนะว่าทำไมดยุกเชสเตอร์ถึงไปเจอตัวพวกเราและช่วยเหลือพวกเราได้ทันเวลา ทั้งๆ ที่ในตอนนี้เขาควรจะสู้รบกับพวกเผ่าทางตอนเหนือในอีกฟากของอาณาเขตเขากันนะ?

    “ถ้าเช่นนั้น ข้าขอตัวก่อนละกัน”

    หลังจากที่ดยุกเชสเตอร์ได้ขอตัวออกจากห้องนี้ไปนั้น เสียงฝีเท้าของเขาที่เคยพยายามปิดบังตัวตนของเขากับผมนั้นก็ได้ดังขึ้นอีกครั้ง แต่ครั้งนี้มันกลับเป็นเสียงที่หนักแน่นและแตกต่างจากครั้งแรกที่ผมได้ยิน

    สุดท้ายแล้ว… เขาก็ยังคงเป็นสัตว์ประหลาดเหมือนที่ในเกมได้กล่าวไว้เลยสินะ

    “อา… จะว่าไปแล้วนะแอล”

    ในขณะที่ผมคิดว่าดยุกเชสเตอร์จะเดินออกไปจากห้องนี้อย่างเงียบๆ นั้น จู่ๆ เขาก็ได้เอ่ยปากของขึ้นอีกครั้ง และครั้งนี้มันเหมือนกับว่ากำลังสั่งสอนผมที่มีประสบการณ์โชกโชนในด้านนี้ ว่าผมคนนี้กำลังทำตัวเหมือนเด็กน้อยที่พึ่งเคยทำอะไรพวกนี้

    “ครั้งต่อไปเจ้าควรปิดบังสีผมของเจ้าไม่ให้ใกล้เคียงกับสีผมจริงของเจ้าด้วยนะ”

    “…ครับ”

    น้ำเสียงของเขาดูจริงจังยิ่งกว่าตอนที่เขาพูดคุยกับผมเมื่อครู่นี้อีก แล้วทำไมเขาที่ควรจะรู้จักกาลเทศะมากกว่าผมในตอนนี้…

    “แอล สีผมของเจ้าใกล้เคียงกับสีขาวเงินงั้นหรอ?”

    ทำไมถึงได้พูดอะไรที่ไม่ควรในเวลาแบบนี้ให้เด็กเซนส์ดีอย่างซีคฮาร์ทได้ฟังเล่า!?

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×