คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #11 : ตอนที่ 10 ความหิวโหยอันโหดร้าย
ตอนที่ 10
ความหิวโหยอันโหดร้าย
ผ่านมาสี่วันแล้วที่พวกเราได้เปลี่ยนจุดหมายการเดินทางไปยังอาณาเขตของดยุกเชสเตอร์ ทั้งอุปกรณ์และเสบียงอาหารที่มีพร้อมในวันแรกนั้นก็เริ่มที่จะหดหายไปตามระยะเวลาการเดินทางที่ผ่านมา
“แฮก... แอล... ข้าขอหยุดพักก่อนได้ไหม?”
เสียงหอบหายใจของแซมที่กำลังเดินนำหน้าพวกเราเพื่อนำทางในการเดินทางครั้งนี้ดังขึ้น เขาหันมาถามผมที่อยู่รั้งท้ายสุดของกลุ่มในการเดินทางครั้งนี้อย่างเหน็ดเหนื่อย ผมที่เห็นสภาพร่างกายที่ไม่สู้ดีนักของแซม พร้อมกับเจ้าเด็กสองคนที่อยู่ตรงกลางของกลุ่มนั้นดูจะเหนื่อยไม่แพ้กัน
อา... เกือบลืมไปเลยแฮะ ว่าตอนนี้เรากำลังเดินทางด้วยเท้ากับกลุ่มคนที่ไม่มีประสบการณ์มาก่อน
“...งั้นพักสักสิบห้านาที แล้วค่อยเดินทางต่อ”
ถึงแม้ว่าจะรู้สึกหัวเสียเล็กน้อยที่การเดินทางแค่นี้ก็ทำให้พวกเขาเหนื่อยแล้ว แต่ผมที่เคยมีประสบการณ์ในโลกก่อนนั้นก็ว่าอะไรพวกเขาไม่ได้ และได้แต่อดทนกับความคืบหน้าในการเดินทางอันน้อยนิดที่ไม่เป็นไปตามแผนที่ผมวางไว้เลยสักนิดนี่
“ขอโทษนะแอล... ที่ข้านำทางให้ได้ไม่ดีตามที่เจ้าวางแผนไว้”
แซมที่พึ่งนั่งลงกับพื้นหิมะพูดขึ้นเหมือนกับว่าเขากำลังรู้สึกผิดที่ทำไม่ได้ตามที่ผมวางแผนไว้ ผมที่พึ่งมาสังเกตเห็นสภาพร่างกายและจิตใจของแซมที่พึ่งนั่งพักในตอนนี้ได้แต่นิ่งเงียบ และรู้สึก...
อย่างด่าตัวเองที่ไม่สังเกตและดูแลคนที่ร่วมเดินทางมากับตัวเองเลย
ถึงแม้ว่าผมอยากจะให้พวกเขาไปถึงยังอาณาเขตเชสเตอร์อย่างรวดเร็วและปลอดภัยมากที่สุดเท่าที่ตัวเองสามารถทำได้นั้น แต่ขีดจำกัดและประสบการณ์ของแต่ละคนที่อยู่ในกลุ่มเดินทางนี้มันมีไม่เท่ากัน
ผมที่มีประสบการณ์อยู่แล้วนั้นควรจะเล็งเห็นถึงจุดจุดนี้และให้ความสำคัญกับมันให้มากกว่านี้
อา... อยากจะกลับไปลงโทษตัวเองและฝึกซ้อมใหม่เลยแฮะ
“แต่... เราก็เดินทางออกมาได้ไกลกว่าที่คิดในตอนแรกมากพอสมควรแล้วนะ”
ซีคฮาร์ทที่นั่งลงข้างแซมพูดขึ้น ผมมองไปที่ร่างกายของเขาที่กำลังหนาวสั่นสู้กับความหนาว รวมถึงความเหนื่อยที่สะสมจากการเดินทางเท้าในตลอดเวลาที่ผ่านมาของเขา
“แอล...”
เสียงของโนอาห์ที่ดูแทบจะไม่มีแรงเหลือเรียกชื่อของผมขึ้น ผมหันไปมองโนอาห์ที่กำลังยืนขาสั่นอยู่ทั้งๆ ที่เขาควรจะนั่งพักเหมือนกับคนอื่นๆ ได้แล้ว สีหน้าที่ดูพะอืดพะอมเหมือนอยากจะอ้วกออกมาตลอดทางได้นั้น—
ให้ตายสิ... เกือบลืมไปเลยว่าโนอาห์ไม่ได้เป็นเด็กที่แข็งแรงและอดทนได้เก่งเหมือนซีคฮาร์ท
ตั้งแต่วันนั้นที่ผมปลอบโยนเขาด้วยการลูบหัวให้เขาผ่อนคลายลง ดูเหมือนว่าเจ้าตัวจะพยายามฝืนตัวเองมาตลอดการเดินทางและพยายามทำตามที่ผมบอกให้ได้ ถึงแม้ว่าผมจะบอกเขาว่าไม่ต้องฝืนและให้บอกผมได้ทุกเมื่อ แต่ดูเหมือนว่าเขาจะไม่อยากทำแบบนั้นสินะ
ทั้งดื้อและน่าเป็นห่วงพอๆ กับเจ้าซีคฮาร์ทเลย
“ท่านโนอาห์ ข้าขอโทษที่ทำให้ท่านต้องฝืนตัวเอง เพราะฉะนั้นตอนนี้ท่านค่อยๆ นั่งลงบนพื้นหิมะ แล้วเดี๋ยวข้าจะหาอะไรให้กิน”
ผมมองริมฝีปากที่ซีดเผือดของโนอาห์อย่างหนักใจเล็กน้อย การที่ให้เด็กอย่างเขาฝืนตัวเองแบบนี้ มันทำให้ผมนึกถึงคุณหนูของผม และรีเอตต้าที่อาจจะกำลังรอผมอยู่ที่บ้านในตอนนี้
“ข้า... ขอโทษนะ... แอล... ข้า...”
โนอาห์ที่พยายามค่อยๆ นั่งลงบนพื้นหิมะตามที่ผมบอกนั้นได้พยายามพูดบางอย่างกับผม แต่การที่เขาแทบจะไม่มีแรงเหลือให้พูดยังคงจะดื้อรั้นพูดออกมานั้น มันคงจะเป็นเรื่องที่—
“ข้ามัน... เป็นตัวถ่วง...”
มันเป็นเรื่องที่... ไม่น่าฟังและไม่น่าพูดออกมาในตอนนี้เลย
“...ไม่หรอกท่านโนอาห์ มันเป็นเพราะข้าที่วางแผนการเดินทางไม่ดีเอง”
ผมพูดขึ้นมาอย่างรู้สึกผิดจากใจจริง ก่อนที่แซมจะพูดเสริมอีกคน
“ข้าก็ด้วย ถ้าข้านำทางได้ดีกว่านี้ละก็—”
“เจ้าทั้งสองคนน่ะไม่ต้องทาตัวเองเลย”
ในขณะที่แซมกำลังพูดออกมาด้วยความรู้สึกผิดของเขา ซีคฮารืทก็ได้ตัดบทของแซมและพยายามลุกขึ้นยืน
“ถ้าหากไม่มีพวกเจ้า... ไม่สิ หากไม่มีใครสักคนในการเดินทางครั้งนี้ พวกเราคงจะแย่กว่านี้เป็นแน่”
ถึงแม้ว่าซีคฮาร์ทจะพูดให้กำลังใจพวกเราทุกคนในที่แห่งนี้ แต่ดูเหมือนว่ามันไม่ค่อยจะได้ผลสักเท่าไหร่ เพราะความยากลำบากในการเดินทางที่พวกเราเจอนั้นมันไม่สามารถเติมแรงกายและแรงใจได้ด้วยคำพูดหนึ่งเท่านั้น
แต่ก็... ถือว่าดีมากในสถาการณ์แบบนี้ที่พูดให้กำลังใจคนอื่นได้ ทั้งๆ ที่ตัวเองก็แทบจะไม่มีแรงกายและแรงใจเหลืออยู่แล้วเหมือนกัน
“ถึงจะพูดแบบนั้นออกมาก็เถอะ แต่ว่านะแอล... ตอนนี้พวกเราใกล้จะถึงอาณาเขตเชสเตอร์รึยัง?”
“ถ้าให้พูดตามความจริงละก็ อีกประมาณครึ่งวันเราถึงจะเริ่มเห็นอาณาเขตเชสเตอร์อยู่ในสายตา และถ้าคำนวณระยะเวลาการเดินทางที่พวกเราใช้มาตลอดเวลาสี่วันที่ผ่านมา—”
“คืนนี้... คงจะเป็นคืนสุดท้ายสินะที่จะเป็นตัวตัดสินว่าพวกเราจะรอดหรือไม่”
ไม่ทันที่ผมจะได้พูดอะไรต่ออีก ซีคฮาร์ทที่รู้ถึงความจริงว่าเราต้องใช้เวลาครึ่งวันกับหนึ่งวันเต็มในการเดินทางต่อนั้นได้พูดออกมาอย่างท้าทาย ก่อนที่จะล้มตัวลงบนพื้นหิมะอย่างรุนแรง
“ท่านซีคฮาร์ท!!”
โนอาห์ที่ตกใจกับการที่ซีคฮาร์ทล้มตัวลงบนพื้นอย่างไม่มีสัญญาณใดบ่งบอกนั้นรุดตัวของเขาขึ้นอย่างรวดเร็ว ก่อนที่เขาจะเสียสมดุลของร่างกายลงและตกอยู่ในสภาพเดียวกับซีคฮาร์ท
แซมที่เห็นว่าเด็กทั้งสองคนนั้นมีอาการที่ย่ำแย่ลงได้แต่พยายามค้นหาของกินภายในสัมภาระอันน้อยนิดที่เขาพกติดตัวมา แต่สุดท้ายแล้วแซมก็ไม่พบอะไรที่สามารถกินได้และมีท่าทีที่สิ้นหวังมากขึ้น
ผมมองคนสามคนที่สภาพไม่สู้ดีที่จะเดินทางต่อไปได้อย่างหมดหวัง ก่อนที่จะสูดลมหายใจเข้าปอดของตัวเองให้ลึกที่สุดเท่าที่จะทำได้ ก่อนที่จะปล่อยมันออกมา
ถ้าหากผมล้มลงหรือแสดงอาการวิตกกังวลในตอนนี้ละก็ บางทีมันอาจจะทำให้การเดินทางครั้งนี้จบลงตรงนี้เลยก็เป็นได้
ไม่มีทางเลือกแล้วสินะ...
เนื้อตากแห้งและอาหารที่เหลืออยู่รวมกันที่ทั้งสี่คนมีก็แทบจะไม่พอให้เหลือในการเดินทางอีกหนึ่งวันเต็มอยู่แล้ว บางทีผมควรจะเอาของพวกนี้ออกมาและให้พวกเขากินให้หมดในตอนนี้
ก่อนที่จะไม่ได้กินต่อไปอีกหนึ่งวันเต็ม เพื่อให้มีแรงฮึดสู้สินะ
“ขอโทษนะทุกคน แต่วันนี้คงเป็นวันแรกและวันสุดท้ายที่พวกเราจะได้...”
“...”
“กินกันอย่างเต็มที่”
ในทันทีที่ผมพูดเสร็จ เหมือนซีคฮาร์ทจะรู้ว่าผมจะทำอะไร เขาจึงพยายามกอดสัมภาระของเขาไว้แน่น แน่ละ... ถ้าพวกนายไม่กินของให้หมดในตอนนี้ มันอาจจะเหลือไปถึงตอนที่เราถึงอาณาเขตเชสเตอร์แน่
แต่ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดคือแรงกายของพวกนายที่ไม่เหลืออยู่นั้น ต้องถูกเติมเต็มด้วยมื้ออาหารที่เรียกว่า ‘มื้อ’ ได้จริงๆ
“อย่านะ... ถ้าเจ้าทำแบบนี้ละก็...”
ซีคฮาร์ทที่ยังพอมีสติพูดขึ้นในขณะที่ผมกำลังค้นอาหารที่เหลือในสัมภาระของพวกเขา ผมถอนหายใจออกมาเล็กน้อยก่อนที่จะยื่นแขนข้างหนึ่งไปตรงริมฝีปากของเขา
ยังไงซะคงต้องใช้ไม้แข็งกับเจ้าเด็กนี่ก่อน พอเขาเริ่มโอนอ่อนตาม ทุกคนที่เหลือก็จะทำตามเขาแน่นอน
“...อะไร?”
ซีคฮาร์ทที่กำลังสับสนว่าทำไมผมถึงยื่นแขนไปโดนริมฝีปากของเขาถามขึ้น
“ถ้าเจ้าไม่อยากกินอาหารที่ ‘กินได้’ ในสัมภาระของเจ้า เจ้าก็กัดเนื้อข้าไปกินแทนละกัน”
“...”
ดูเหมือนว่ามันจะได้ผล ซีคฮาร์ทนิ่งเงียบและปล่อยสัมภาระที่เขากำลังกอดอยู่อย่างแน่นหนาลง ผมจึงรีบคว้าโอกาสที่เขายอมให้ผมอย่างรวดเร็ว ก่อนที่จะรวบรวมอาหารมาจากสัมภาระของทุกคนได้ครบหนึ่งมื้อ
และแน่นอนว่ามื้อนี้พวกเราทั้งสี่คนอิ่มท้องแน่นอน
“มีเนื้อกับผลไม้ตากแห้ง แล้วก็ผักดิบๆ ที่พอจะกินดิบได้”
ผมมองวัตถุดิบที่เอาออกมาจากสัมภาระของทุกคน ก่อนที่มันฝรั่งสองหัวจะเข้ามาอยู่ในสายตาของผม
หรือว่าลองใช้เวทมนตร์ทำอาหารดูดีนะ?
เมื่อคิดได้ว่าผมสามารถทำอาหารท่ามกลางทุ่งหิมะที่มีอุณหภูมิติดลบได้ด้วยเวทมนตร์นั้น ผมก็เริ่มลงมืออย่างรวดเร็วก่อนที่ทั้งสามจะเป็นลมหมดสติลงไปก่อน
อืม... ต้องเอาหม้อออกมาก่อน แล้วทำน้ำให้ร้อนเป็นเวลาสิบสองนาทีด้วยเวทมนตร์
...
“นี่เจ้า... ทำอะไรน่ะ?”
ดูเหมือนว่าซีคฮาร์ทจะรวบรวมสติและแรงฮึดของเขาขึ้นมาได้ เขาจึงลุกขึ้นนั่งอย่างเชื่องช้า ก่อนที่จะมองผมที่กำลังต้มมันฝรั่งและหั่นแบ่งเนื้อตากแห้งด้วยเวทมนตร์อย่างนิ่งเงียบ
“ไม่เห็นรึไง? ข้ากำลังทำอาหารให้พวกท่านกินไง อีกประมาณสิบห้านาทีก็น่าจะเสร็จ อย่าพึ่งหิวตายไปกันก่อนละ”
“เจ้านี่มัน...”
ดูเหมือนว่าซีคฮาร์ทจะเหลืออดกับการกระทำของผม แต่ใช่ว่าผมจะทำอะไรผิดไปนิ ในเมื่อเวลาที่คนเรากำลังสิ้นหวังในบางครั้ง บางทีเราก็ต้องหาอะไรบางอย่างมาเปลี่ยนบรรยากาศและให้ความตึงเครียดเหล่านั้นจางหายไป
“ข้าหั่นเนื้อตากแห้งเสร็จแล้ว แถมยังมีเหลือพออีกมื้อหนึ่งด้วย ท่านซีคฮาร์ทพอจะเอาไปแบ่งคนอื่นๆ ที่กำลังหิวตายได้ไหมครับ?”
ถึงแม้ผมจะพูดจาอย่างไม่มีมารยาทออกมาด้วยหน้าตาซื่อๆ กับซีคฮาร์ทนั้น แต่ดูเหมือนเขาจะเข้าใจเจตนาที่ผมต้องการจะบอกและกำลังทำอยู่แล้วสินะ
“เห้อ... ได้สิ พวกเรากำลังหิวอยู่พอดี ขอบคุณเจ้ามากนะ”
สีหน้าของซีคฮาร์ทที่ดูทรมานจากความหิวเมื่อครู่นั้นได้จางหายลงไปเล็กน้อย และเริ่มมีสีหน้าที่ดูดีขึ้นก่อนที่เขาจะหยิบเนื้อตากแห้งที่ผมหั่นเสร็จไปแจกจ่ายให้คนอื่น
ความจริงแล้วผมก็ตกใจอยู่ไม่น้อยที่เด็กอย่างซีคฮาร์ทจะล้มลงไปอย่างรุนแรงต่อหน้าผม เพราะเขาดูจะเป็นเด็กที่ไม่อยากแสดงด้านที่อ่อนแอให้ใครเห็น ดังนั้นแล้วผมที่มีประสบการณ์และเจอกับเด็กที่มีนิสัยคล้ายเขามาสองคนแล้วนั้น ผมจึงมีหน้าที่ต้องรับมือกับความดื้อรั้นของเขาและสั่งสอนเขาไปในตัวพร้อมกัน
บรรยากาศที่ดูตึงเครียดและสิ้นหวังจากความเหนื่อยล้าและหิวโหยเมื่อครู่นั้นเริ่มจางหายไป ทุกคนที่ล้มลงอย่างไร้เรี่ยวแรงได้มีแรงฮึดขึ้นมาเพื่อกินเนื้อตากแห้งที่อยู่ตรงหน้าพวกเขาอย่างเอร็ดอร่อย
ผมที่พยายามควบคุมการใช้พลังเวทในการต้มน้ำให้เดือดอยู่ตลอดนั้นได้แต่มองพวกเขาที่ดูเหมือนอยากจะตายเมื่อครู่นี้มีสีหน้าที่ดีขึ้นอย่างพึงพอใจ
ในขณะที่ผมกำลังดูว่ามันฝรั่งในหม้อต้มน้ำเดือดนั้นใกล้สุกหรือยัง จู่ๆ ซีคฮาร์ทที่ดูพอจะมีเรี่ยวแรงกลับมานั้นได้เข้ามานั่งข้างผมพร้อมกับเอ่ยปากขอบคุณ
“ดูเหมือนว่าข้ายังต้องเรียนรู้จากเจ้าอีกเยอะเลยสินะ”
ซีคฮาร์ทพูดในขณะที่เขากำลังกัดเนื้อตากแห้งในมือของเขาที่ทั้งเหนียวและดูเคี้ยวยากนั่นเข้าปาก ผมเพียงผงกหัวให้เขาก่อนที่ซีคฮาร์ทจะยื่นเนื้อตากแห้งที่เขาพึ่งกัดไปเมื่อครู่นี้มาตรงปากของผม
“ไว้เวลาที่สิ้นหวังสุดๆ ข้าจะลองกัดเนื้อของเจ้ากินดู แต่ตอนนี้... เจ้ากินนี่ก่อนเถอะ”
ผมมองเนื้อตากแห้งที่ซีคฮาร์ทยื่นมาให้ผม ก่อนที่เขาจะพูดต่อ
“เพราะเจ้าเป็นคนที่ทั้งกินน้อยที่สุดและดูแลพวกเรามามากที่สุดในตลอดระยะเวลาการเดินทางที่ผ่านมา ตั้งแต่อาณาเขตรีอัสจนถึงดินแดนทางตอนเหนือนี่...”
“...”
“ขอบคุณจริงๆ ที่มีเจ้าร่วมเดินทางกับพวกเราในครั้งนี้ แอล”
น้ำเสียงที่มีความรู้สึกขอบคุณจากใจจริงออกมาจากปากของซีคฮาร์ทอย่างไม่หยุดหย่อน ถึงแม้จะดื้อรั้นไปหน่อย แต่พอถึงเวลาที่ต้องพูดความจริงหรือยอมรับความจริงนั้น...
ซีคฮาร์ทมักจะทำให้ผมรู้สึกพึงพอใจอยู่เสมอ
“งั้นหรอครับ? ถ้างั้นข้าน้อยคนนี้ควรจะตอบรับคำขอบคุณของท่านและกินเนื้อตากแห้งที่ท่านได้หยิบยื่นมาตรงหน้าข้าสินะครับ?”
ถึงแม้ว่าในตอนนี้ผมจะพูดอย่างมีมารยาทกับเขา แต่น้ำเสียงที่ใช้นั้นกลับดูเยาะเย้ยเขาอยู่เล็กน้อยซะงั้น ทำไงได้... เจ้าเด็กนี่ดันมาน่าโดนแกล้งในตอนที่ไม่ควรซะงั้น
“ฮ่าๆ ถ้าเจ้าต้องการน่ะนะ”
เหมือนว่าซีคฮาร์ทจะรู้ว่าผมไม่ได้อยากเสียมารยาทกับเขาจริงๆ เขาจึงตอบกลับด้วยน้ำเสียงเดียวกันกับที่ผมใช้กับเขาเมื่อครู่นี้
ผมที่เห็นว่ามันฝรั่งทั้งสองหัวสุกได้ที่ในหม้อต้มน้ำเดือดแล้วนั้นจึงใส่ใจกับการนำมันออกมาจากน้ำที่ร้อนระอุเสียก่อน พร้อมกับทำให้มันอุ่นพอที่คนเราจะสามารถถือมันฝรั่งต้มสุกกินได้ด้วยมือ
“พวกท่านทั้งสามเอาไปแบ่งกันกินให้เถอะ”
ผมยื่นมันฝรั่งทั้งสองหัวให้กับซีคฮาร์ท ก่อนที่จะจัดการเก็บของที่เหลือใส่เข้ากระเป๋าสัมภาระดังเดิม
“แล้วเจ้าล่ะ? เจ้าจะกินอะไร?”
ซีคฮาร์ทที่พึ่งยื่นมันฝรั่งทั้งสองหัวให้กับโนอาห์และแซมที่กำลังหิวโหยอยู่นั้นได้ถามผมขึ้นอย่างสงสัย นี่เขาไม่คิดจะกินมันฝรั่งที่ผมตั้งใจต้มและให้พวกเขาแบ่งกันกินหรอ?
“ไม่ล่ะ ตอนนี้ข้ายังไม่หิว”
ผมตอบกลับซีคฮาร์ทตามความจริง เนื่องจากการอดอาหารแบบในตอนนี้เป็นสิ่งที่ผมนั้นเคยชินอยู่แล้ว ซึ่งปกติแล้วผมจะกินในตอนเที่ยงวันระหว่างที่พวกเราเดินทางอยู่ตลอดเวลา เพื่อไม่ให้เสียเวลาและจังหวะในการเดินทาง และสิ่งที่ผมกินนั้นมักจะเป็นเนื้อตากแห้งชิ้นเล็กหรือไม่ก็ผลไม้ตากแห้ง
ซึ่งของพวกนี้ก็เพียงพอสำหรับให้ผมมีแรงกายเพียงพอในการเดินทางต่อแล้ว
“แต่ข้าว่าตอนนี้เจ้าควรจะกินนะ เพราะถ้าเจ้ากินระหว่างเดินทางแบบที่ผ่านๆ มา บางทีโนอาห์กับแซมที่เห็นเจ้ากำลังกินนั้นอาจจะเกิดหิวขึ้นมาอีกก็เป็นได้”
โอ้... นี่เขาสังเกตเห็นผมกินเนื้อตากแห้งระหว่างเดินทางหรือนี่?
“ถ้าขนาดข้ายื่นให้เจ้ากินดีๆ เจ้ายังไม่กินละก็... ถ้างั้นให้ข้าป้อนเจ้าอย่างดีเลยเป็นไงละ?”
น้ำเสียงที่ดูไม่จริงใจและเยาะเย้ยนั่น...
“นั่นสิ ถ้าท่านป้อนให้ข้ากินดีๆ ละก็—”
“อ้าปากของเจ้าสิ...”
“...นี่ดีแล้วหรอ?”
“ถ้ามีมีดให้ข้าหั่นเจ้าเนื้อตากแห้งนี่เป็นชิ้นเล็กๆ ละก็ มันคงจะดีกว่านี้”
ผมอดไม่ได้ที่จะแกล้งเจ้าเด็กนี่ที่พยายามจะเล่นกับผู้ใหญ่อย่างผม ก่อนที่จะโดนผมเล่นกลับ ถึงแม้ว่าในตอนที่เขาบอกว่าจะเอามีดมาหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ ดูเหมือนเขาจะไม่อยากเล่นต่อแล้วนั้น มันจะอยากทำให้ผมแกล้งเขาต่อก็เถอะ
แต่ก็นะ...
“ถ้างั้น... ขอบคุณสำหรับอาหารนะครับ ท่านซีคฮาร์ท”
ในเมื่อผมเป็นผู้ใหญ่ก็ควรเล่นพอแต่สมควร ผมพูดขอบคุณซีคฮาร์ทจากใจจริงก่อนที่จะกัดเนื้อตากแห้งตรงหน้าตัวเองอย่างระมัดระวัง เพียงแต่มือของเจ้าซีคฮาร์ทดันสั่นเพราะความหนาว จึงทำให้เพียงแค่ชั่ววินาทีที่ริมฝีปากและมือของเขาสัมผัสกันอย่างเบาบาง
“...”
“ขอโทษนะครับ แต่ข้าขอเนื้อตากแห้งชินนี้เลยได้ไหม?”
เหมือนว่าตัวของซีคฮาร์ทจะสะดุ้งขึ้นเล็กน้อยเมื่อผมเอ่ยถามเขาขึ้นมา ซีคฮาร์ทเพียงแค่พยักหน้าของเขาก่อนที่จะกลับไปร่วมวงกับโนอาห์และแซม
“ท่านซีคฮาร์ท! ข้าแบ่งมันฝรั่งในส่วนของท่านไว้ให้แล้วนะครับ”
เสียงที่ดูมีเรี่ยวแรงและร่าเริงสดใสของโนอาห์ดังขึ้น และสุดท้ายแล้วซีคฮาร์ทก็ได้กินมันฝรั่งต้มสุกที่ผมต้มให้พวกเขากินอยู่ดี
อา... โนอาห์นี่เป็นเด็กดีจริงๆ เลยนะที่แบ่งเผื่อซีคฮาร์ทไว้น่ะ
ความคิดเห็น