NC

คำเตือนเนื้อหา

เนื้อหาของเรื่องนี้อาจมีฉากหรือคำบรรยายที่ไม่เหมาะสม

เยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ควรใช้วิจารณญานในการอ่าน

กดยอมรับเพื่อเข้าสู่เนื้อหา หรือ อ่านเงื่อนไขเพิ่มเติม
ปิด
ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [FIC BNHA/MHA X FT & OC] AGAIN รักเธออีกครั้งในโลกใหม่

    ลำดับตอนที่ #3 : บันทึกเล่มที่ 0 หน้าที่ 03 : อยากเป็นอะไรล่ะ ?

    • อัปเดตล่าสุด 12 พ.ย. 66


     

    บันทึกเล่มที่ 0 หน้าที่ 03 : อยากเป็นอะไรล่ะ ?

    [#มุมมองบุคคลที่ 1 โดย ราเฟล เซราฟิม]

     

    ในการทำวิจัยให้แก่ท่านผู้นั้นจำเป็นต้องสอดส่องแบบโดยตรงเพื่อข้อมูลที่ใกล้ชิด 

    ตัวตนของฉันในตอนนี้คือ ราเฟล เซราฟิม (ท่านผู้นั้นสุ่มชื่อให้) เป็นมนุษย์สัญชาติอังกฤษที่ย้ายสัญชาติมายังญี่ปุ่นชั่วคราวเพื่อทำวิจัย ขณะนั้นก็มาเยี่ยมยังสถานกำพร้าของโบสถ์ มองไปยังเหช่าสาวดที่อ้อนวอนแก่พระเจ้าเกี่ยวกับพลังวิเศษที่ส่อแววทำลายวัฏจักรชีวิตของผู้คน

    หัวข้อ พลังวิเศษกับมนุษย์


     

    “มนุษย์นี่มีกลไกการทำงานที่เข้าใจยากสุดๆ” ฉันบ่นพึมพำเล็กน้อยเพราะไม่รู้จะเขียนอธิบายอะไรยังไง

    “หืม” นัยน์ตาสีอำพันเหลือบไปเห็นร่างของเด็กคนหนึ่งที่กำลังลักขโมยขนมปังจากร้านเบเกอรี่ 

    “นั่นสินะ .. เริ่มจากเรื่องนี้ก่อนก็แล้วกัน” ฉันเดินไปหาพนักงานร้านเบเกอรี่ที่ตะโกนใส่และหวังจะใส่พลังวิเศษดึงตัวเด็กนั่นกลับมาอีกรอบหนึ่ง

    “คุณลุงคะ ขนมปังที่เด็กคนนั้นเอาไปราคาเท่าไหร่หรอคะ ?”

    “หึ๊ย ! .. หา ? 500 เยน แล้วมันทำไม ?”

     

    ฉันให้เหรียญห้าร้อยเยนเป็นการจ่ายเงินแทนเด็กคนนั้นและขอสั่งเพิ่ม พนักงานร้านเบเกอรี่จึงยอมปล่อยเอาไว้ 

    ในขณะที่เด็กคนนั้นกำลังกินขนมปังอย่างหิวโหยก็มีถุงกระดาษถุงโยนมาทางเด็กชาย ตัวเด็กชายรีบรับถุงกระดาษเพราะกลิ่นขนมปังอบใหม่ลอยแตะจมูกเขา ฉันมองเด็กคนนั้นที่กำลังกินไม่หยุดจนกระทั่งคนถูกมองพูดขึ้น

     

    “ข้ารู้นะว่าเจ้ามองข้าอยู่” เขาพูดขึ้นขณะที่กำลังกินขนมปัง

    “เจ้าเป็นใคร ?” เขาถาม

    “ทำไมไม่แนะนำตัวเองก่อนล่ะ ?” ฉันพูดออกไปพลางยิ้ม

    “ … เจ้าต่างหากที่ต้องแนะนำตัวเอง”

    “อ่า … ฉันชื่อราเฟล เซราฟิม นายน่าสนใจมากๆเลย .. ลองแนะนำตัวเองสิ ฉันอาจจะเลี้ยงข้างนายซักมื้อ”

    “ .. ข้าอา – อัคโนโลเกีย”

     

    อัคโนโลเกีย ? ฉันพิจารณากับชื่อที่ดูจะคุ้นหูแต่จำไม่ค่อยจะได้ซักเท่าไหร่ก่อนจะนึกขึ้นได้ 

    จะว่าไปเมื่อไม่นานมานี้ก็มีพวกมาเกิดใหม่ที่ได้ความทรงจำเก่ามาด้วยนี่ เห็นว่ามีสามคนแต่คนละระยะเวลา

    ฉันมองใบหน้าที่เปื้อนฝุ่นและเสื้อผ้าที่เก่าจนมีหลายจุดที่ขาด สภาพน่าอนาถา

     

    “ข้าแนะนำตัวแล้ว เพราะฉะนั้นก็จ่ายเงินค่าข้าวให้ข้าซะ” เป็นเด็กที่เอาแต่ใจพอสมควร

    “แน่นอน ฉันไม่เคยผิดสัญญาใครหรอก” ฉันรับทราบ

    “แต่ก่อนอื่นไปอาบน้ำแต่งตัวใหม่ที่บ้านฉันมั้ย ?” ฉันถามไปแต่อีกฝ่ายอาจจะระแวงก็เป็นได้จึงได้ยอมเฉลย “ฉันเป็นเทพและเทพจะไม่ทำร้ายเด็ก ถ้าฉันบอกแบบนี้นายพอจะไว้ใจได้รึยังล่ะ ?”

     

    แต่อีกฝ่ายกลับแสดงสีหน้าที่ไม่พอใจขึ้น อะไรกัน ? ไม่ชอบพวกเทพหรอกหรือ ? ฉันจึงเปลี่ยนใจเอ่ยแก้ไขว่าตนเพียงล้อเล่นขำขันเพราะอีกฝ่ายทำท่าเหมือนอยากจะพูดอะไรต่อพระเจ้าประมาณว่า ทำไมต้องทำให้ตัวเองมาเกิดในสถานภาพแบบนี้ ประมาณนั้น

    สีหน้าของอัคโนโลเกียแลดูจะผ่อนคลายลง ก่อนที่ฉันจะพามาบ้านที่ตนอาศัยอยู่ มันเป็นห้องเช่าง่ายๆเพราะแต่เดิมฉันไม่ได้อยากจะลงหลักปักฐานนานหรอก เอาแค่จนกว่าจะทำวิจัยเสร็จก็พอยังไงก็ใส่ข้อมูลลงฐานข้อมูลของทางญี่ปุ่นแล้วว่าตัวตนของราเฟล เซราฟิมเป็นลูกครึ่งที่ไร้พลังวิเศษที่เปลี่ยนสัญชาติมาเป็นคนญี่ปุ่น

    ขณะที่อัคโนโลเกียเข้าไปอาบน้ำฉันก็ใช้พลังสร้างเสื้อผ้าออกมาเพราะที่บ้านไม่มีเสื้อผ้าขนาดที่เหมาะสมกับเด็กคนนั้นเลย นัยน์ตาสีอำพันมองเสื้อผ้าในมือและรังสรรค์เพิ่มขึ้นเล็กน้อยให้มันมีกลิ่นหอมแดด

     

    “ทำไมมีเสื้อผ้าเด็ก ? … ” เขาออกมาและรับเสื้อผ้ามา

    “มีเด็กเคยมาขอหลบฝนแล้วก็ยืมเสื้อผ้าฉันไป แต่เพราะย้ายไปแล้วก็เลยไม่ได้คืนน่ะ” จะให้บอกว่ามีพลังวิเศษมันก็กระไรอยู่ 

    “เราไปหาอะไรกินกันมั้ย ? นายอยากกินอะไรล่ะ ?” ฉันรีบเปลี่ยนประเด็น

    “อยากกินหมดทุกอย่าง”

    “ตะกละดีนะ” เอาจริงๆฉันก็คิดว่่าอีกฝ่ายนั้นดูตะกละตั้งแต่ตามคนแปลกหน้าเพราะแค่เรื่องจะเลี้ยงอาหารแล้ว

    “รีบไปได้แล้ว ข้าหิว”

    “รับทราบจ้า” ฉันยกมือยอมแพ้ในความเอาแต่ใจของเด็กตรงหน้า

     

    ตะกละจริงๆ ฉันมองเด็กชายที่สั่งไปกินไปไม่หยุดจนพนักงานเริ่มจะอาหารกันไม่ทันด้วยสายตาที่นิ่งงัน 

     

    “ไม่ต้องรีบกินหรอก” เพราะเป็นอัครทูตสวรรค์เรื่องเงินทองไม่ใช่เรื่องที่จะทำให้ลำบากแม้แต่นิด 

     

    ก็ในเมื่อคนมันเสกได้ไม่มีที่สิ้นสุดนี่นา อัคโนโลเกียยังคงกินไม่หยุดอีกทั้งยังสั่งเรื่อยๆเหมือนกับว่าใกล้จะวันสิ้นโลกจนพนักงานเดินมาโค้งก้มหัวขอโทษ “ขอโทษด้วยนะครับ ตอนนี้เรารับออร์เดอร์ไม่ทันครับ !”

     

    “อ่า .. งั้นฉันขอเช็คบิลค่ะ” สุดท้ายฉันก็เป็นคนสั่งการให้หยุดแทน

     

    .

     

    “ของหวาน” 

    “ยังจะกินต่อหรอคะ ? กระเพาะเด็กนี่น่ากลัวจังเลยนะคะ” ฉันหัวเราะคิกคักเบาๆ 

    “ก็บอกว่าจะเลี้ยงแค่มื้อเดียวไม่ใช่รึยังไง ?” ใช่ อย่างที่อีกฝ่ายกล่าว เพราะเธอไม่มีเหตุจำเป็นให้จ่ายค่าอาหารเด็กแปลกหน้าอยู่แล้ว

    “ก็ใช่นะคะ อืม … มันอาจจะกระทันหันแต่ .. ฉันจะจ่ายค่าอาหารให้นายไปตลอดชีวิตเลยนะ”

    “ถ้าเกิดมาอยู่กับฉัน” 

     

    เพื่อทำวิจัย

     

    *******

    ชวนง่ายๆ ไม่ต้องอะไร มีคนจ่ายค่าอาหารตกลงชัวร์ๆ

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    นักเขียนปิดการแสดงความคิดเห็น
    ×