คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : ตอนที่ 6
“ข้าวเช้าอยู่บนโต๊ะนะ ฉันไปทำงานก่อนนะ” เอวาลินพูดกับดินธภัสที่พึ่งออกมาจากห้องนอนด้วยความงัวเงีย
“จะรีบอะไรนักหนา”
ยังไม่ทันที่ดินธภัสจะพูดอะไรเอวาลินก็หยิบของแล้ววิ่งออกจากห้องไปเอวาลินรีบมาทำงานเพราะวันนี้นทีต้องเซนสัญญากับบริษัทคู่ค้าเธอจึงต้องรีบมาเตรียมทุกอย่างให้พร้อมและไม่ให้เกิดความผิดพลาด
“น้องมาเช้าขนาดนี้กินข้าวหรือยัง” ชลลธีเดินเข้ามาเห็นหญิงสาวกำลังวุ่นอยู่กับการเตรียมเอกสารและสถานที่
“กินมาแล้วค่ะท่านประทาน”
“ยังไม่มีใครมาน้องยังไม่ต้องเรียกทางการก็ได้”
“ไม่ได้หรอกค่ะที่นี่เป็นที่บริษัทถือว่าเป็นที่ทำงานแม้จะยังไม่ถึงเวลางานก็ตาม”
เอวาลินก้มหน้าก้มตาจัดเอกสารต่อโดยที่ไม่ได้หันกลับไปมองชลลธีที่แอบยิ้มอยู่ข้างหลัง ‘ถ้าเขาได้เธอมาเป็นคู่ชีวิตในอนาคตก็คงดี’ ชลลธียืนมองเธออยู่นานกว่าจะเดินออกไปเตรียมตัว เพราะพนักงานเริ่มทะยอยกันมาทำงานแล้ว
การเซนสัญญาผ่านไปด้วยดีช่วงเย็นชลลธีจึงนัดทานข้าวกับลูกค้าเพื่อเป็นการสร้างสัมพันอันดีต่อกันในการร่วมงานกันในอนาคตต่อไป
“น้องไหวรึป่าวดื่มไม่เก่งยังจะฝืนดื่มอีกนะ” ชลลธีหันมาถามไอลี่ที่เริ่มหน้าแดงเพราะฤิทธ์ของแอลกอฮอล
“น้องแค่มึนเฉยๆ พี่ทีน้องยังไหวน้องขอไปล้างหน้าก่อนนะ” พูดจบเอวาลินก็ลุกขึ้นประคองสติตัวเองให้เดินไปห้องน้ำ
“ทำงานร้านเหล้ากับผู้ชายนี่มันงานชนิดไหนหรอ?” เสียงที่คุ้นเคยดังขึ้นจากทางด้านหลังทำให้เอวาลินต้องหันไปมองด้วยความงุนงงอีกทั้งยังอาการมึนหัวจากฤิทธ์แอลกอฮออีก
“นายมาได้ไง”
“หึ! ทำไมกลัวฉันจับได้ว่าเธอเล่นชู้หรอ?” ดินธภัทรเดินเข้ามาบีบแขนเธอด้วยความลืมตัว
“ฉันมาทำงาน แล้วอีกอย่างนะฉันกับนายเราแต่งงานกันเพราะข้อตกลงเพราะฉนั้นฉันไม่ใช่เมียนาย!” เอวาลินสะบัดแขนออกจากคนตัวสูงอย่างแรงเพราะเจ็บจากแรงบีบของเขา
“ทำงานบนเตียงนะหรอ”
เพี๊ยยยยยยยย จบคำพูดของเขาฝ่ามือเรียวเล็กก็ฟาดลงกระทบแก้มของชายหนุ่มอย่างแรงจนเขาหน้าหันไปตามแรงตบเพราะไม่ทันตั้งตัว ดินธภัสยกมือขึ้นลูบใบหน้าของตัวเองที่ปรากฏรอยแดงเล็กน้อย
“นายจะดูถูกฉันมากเกินไปแล้วนะ!”
“กลับบ้านเดี๋ยวนี่เลย!!!” ดินธภัสไม่รอให้คนตัวเล็กพูดอะไรต้องเข้าลากเธอเดินไปที่รถโดยมีสายตามากมายของคนในร้านมองมาอย่างสงสัย
“นี่ปล่อยนะ! ฉันมาทำงานไม่ได้มาทำอะไรต่ำๆ แบบความคิดของนาย”
เอวาลินพยายามสบัดข้อมือออกจากคนตัวสูงแต่ยิ่งสบัดดินธภัสก็ยิ่งเพิมแรงจับจดข้อมือเล็กๆ ปรากฏเป็นรอยแดง ร่างเล็กถูกจับยัดเข้ามาในรถอย่างแรงก่อนที่ดินธภัสจะเดินไปนั่งฝั่งคนขับแล้วขับรถออกไปอย่างเร็วจนเอวาลินต้องกำสายเข็มขัดนิรภัยไว้แน่นเพราะความกลัว เพียงไม่นานรถก็แลนมาถึงคอนโด
ตื่อดือตึดติ๊ดตื้อตือตื่อออออ ~~
“ฮัลโหลค่ะ พี่ทีน้องไม่ไหวเลยกลับก่อนน้องต้องขอโทษด้วยนะคะที่เสียมารยาทแบบนี้” ดินธภัสนั่งมองเธออย่างหงุดหงิด
“ค่ะ พี่ทีเดี๋ยวพรุ่งนี้เจอกันค่ะ”
“น้องอย่างนู้น พี่ทีอย่างนี้ เหอะทีกับผัวตัวเองนี่ไม่พูดให้มันเพราะๆ บ้างล่ะ” ดินธภัสแขวะแทบจะทันทีที่เอวาลินกดวางสาย
“เดย์!! นายเป็นบ้าอะไรหรือว่านายหึงฉันหรอ?”
“หลงตัวเองเกินไปมั้ง ฉันไม่ได้หึงเธอ ฉันแค่ไม่อยากให้ชื่อเสียงของฉันเสียเพราะเธอตั้งหาก” เพราะความโมโหจึงทำให้เขาพูดโดยไม่ทันคิด
เอวาลินมองหน้าดินธภัสด้วยสายตาที่ตัดพ้ออย่างชัดเจน ไม่สามารถปฏิเสธได้เลยว่าตลอดเวลาที่เธออยู่กับเขาในฐานะภรรยาปลอมๆ กลับทำให้เธอรักเขามากขึ้น แต่ก็ต้องค่อยย้ำกับตัวเองอยู่เสมอถึงสถานะของเธอยิ่งคำพูดของเขาในวันนี้ยิ่งจะทำให้เธอต้องเว้นระยะห่างจากเขาเรื่อยๆ เพื่อปกป้องหัวใจของตัวเอง
“นั้นสินะ มันไม่มีวันอยู่แล้ว”
เอวาลินเปิดประตูรถลงและเดินเข้าคอนโดโดยที่ไม่หันกลับมามองเขาอีกเลย
แม้คำพูดของดินธภัสจะทำร้ายจิตใจของเธอขนาดไหนแต่เอวาลินก็ยังคงทำหน้าที่ของภรรยา(ปลอม) ที่จะต้องทำเหมือนปกติที่เคยทำ เอวาลินมาทำงานด้วยท่าทางเหม่อลอยจนชลลธีอดเป็นห่วงไม่ได้เพราะเธอไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อนตั้งแต่ที่เขารู้จักเธอมา
“น้องไม่สะบายหรือเปล่าอ่ายลี่ ฮวังอ่ายลี่”
“คะ พี่ทีเรียกน้องหรอ” เอวาลินสะดุ่งเล็กน้อยเพราะชื่อนี่คนที่จะเรียกก็มีแต่คนในครอบครัวและคนสนิทที่ฮองกงเท่านั้น
“น้องนั่งเหม่อตั้งแต่เช้าแล้วเป็นอะไรหรือเปล่า”
“เปล่าค่ะ พี่ทีน้องไม่ได้เป็นอะไร”
“ไม่ได้เป็นไรก็ดีแล้ว แต่ช่วงนี้ระวังตัวหน่อยนะยามหน้าบริษัทรายงานว่าเห็นมีรถขับตามรถน้องมาสามสี่วันแล้ว พอน้องเลี้ยวเข้าที่ทำงานพวกมันก็ไป”
“ไม่มีอะไรหรอกค่ะพี่ที มันอาจเป็นเรื่องบังเอิญก็ได้ใครจะมาทำร้ายน้องล่ะ” เอวาลินพูดโดยลืมไปว่าตัวเองอาจจะต้องเจอกับเรื่องแบบนี้หรืออาจจะร้ายแรงกว่านี้ก็ได้
“พี่จะส่งคนไปสืบว่าพวกมันเป็นใคร”
“พี่ทีคงจะไม่บอกคุณตาหรือเจ้าจินเรื่องนี้ใช่มั้ยคะไม่งั้นน่าจะเป็นเรื่องใหญ่แน่ๆ”
จินหรือจีรนัยคือน้องชายของเอวาลินที่รับตำแหน่งมาเฟียต่อจากคุณตาดูแลกิจการทั้งหมดของฮวังช่ายอยู่ที่ฮ่องกงเป็นกิจการทางฝั่งของคุณตาที่แม่ของเอวาลินไม่ชอบมันเลยสักนิดจึงเลือกที่จะย้ายไปช่วยงานธุรกิจของสามีที่อังกฤษแทน ถึงฝั่งคุณตาของเอวาลินจะได้ขึ้นชื่อว่าเป็นมาเฟียแต่ทางครอบครัวของเธอก็ทำธุรกิจที่ถูก กฎหมายทั้งหมดโดยไม่ได้ยุ่งเกียวกับธุรกิจผิด กฎหมายอยู่แล้ว
“พี่จะส่งคนของพี่ไปสืบ ถ้ามันไม่ได้อัตรายพี่ก็คงไม่บอกหรอกแต่ถ้ามันจะเป็นอัตรายกับน้องพี่จำเป็นต้องบอก” ชลลธีพูดด้วยสีหน้าจริงจังกว่าทุกครั้งเพราะเขาเป็นห่วงความปลอดภัยของเอวาลินจริงๆ
“ค่ะพี่ที พี่ทีเย็นนี้น้องขอกลับก่อนเวลาเลิกงานสักสองชั่วโมงนะพอดีน้องมีธุระนิดหน่อย”
“ได้สิแต่พี่หักเงินเดือนเรานะ”
ชลลธีพูดหยอกก่อนที่จะเดินเข้าห้องทำงานของตัวเองแล้วโทรสั่งการคนให้สื่บเรื่ืองของคนที่ตามเอวาลินทันทีตอนเย็นเอวาลินรีบออกจากบริษัทตรงไปยังห้างสรรพสินค้าเพื่อเลือกซื้อของขวัญให้ดินธภัสเพราะวันนี้เป็นวันเกิดของเขาเพียงไม่นานก็ได้นาฬิกาเรือนหรูที่ถูกใจและคิดว่าเหมาะกับเขาเลยขับรถตรงกลับคอนโดทันที
“ชอบมั้ยเดย์นี่กัสเลือกเองเลยนะกัสเห็นว่าเรือนนั้นมันเก่าแล้ว” เอวาลินเปิดประตูเข้าห้องมาก็ได้ยินเสียงของออกัสที่กำลังนั่งคุยกับดินธภัสอยู่ในห้องนั่งเล่น
“ชอบสิอะไรที่ออกัสซื้อให้เราก็ชอบหมดแหละ”
“ออกัสรักเดย์นะคะ” พูดจบออกัสก็ยื้นหน้าเข้าไปจูบดินธภัส
เป็นจังหวะเดียวกับที่เอวาลินเดินเข้ามาเห็นภาพนั้นพอดีจึงเลือกที่จะเดินออกไปอย่างเงียบๆ เอวาลินเดินอย่างเหม่อลอยจนมาถึงสวนสาธารณะใกล้ๆ คอนโดนั่งมองผู้คนที่เดินไปเดินมานานเท่าไหร่ไม่รู้จนกระทัง มีเสียงเรียกเข้าจากโทรศัพท์มือถือ
(ดินธภัส : นี่เธออยู่ไหนดึกดื่นป่านนี้แล้วทำไมยังไม่กลับมาอีก หรือว่าไปกับไอ้พี่ทีชู้รักเธอหะ!!!) ยังไม่ทันที่ไอลี่จะพูดอะไรดีเดย์ก็ตะคอกผ่านสายโทรศัพท์มาซะก่อน
(เอวาลิน : คืนนี้ฉันนอนคอนโดตัวเอง) เธอพูดด้วยน้ำเสียงที่เปลี่ยนไปจากทุกครั้งจนดินธภัสรู้สึกได้
(ดินธภัส : เธอเป็นอะไรหรือเปล่า) น้ำเสียงของเขาค่อยๆ อ่อนลงเพราะรับรู้ถึงความไม่ปกติของเธอ
(เอวาลิน : เปล่าฉันไม่ได้เป็นไร แฮบปี้เบิร์ดเดย์นะ...) พูดจบเธอก็ตัดสายทันที ไม่ว่าเขาจะโทรกลับมาอีกกี่ครั้งก็ไม่สามารถโทรติดต่อได้จนกระทั้งเธอปิดเครื่องไป ด้านเอวาลินที่กลับมาถึงคอนโดตัวเองก็ต้องตกใจเพราะน้องชายของเธอนั่งรอเธออยู่ในห้องตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้
“มาตั้งแต่เมื่อไหร่” เอวาลินถามน้องชายที่นั่งดูทีวีในห้องรับแขกอย่างสะบายใจ
“ตั้งแต่เมื่อวาน แล้วนี่พี่ไปไหนมาทำไมไม่กลับห้อง” จีรนัยหรือชื่อที่นักธุรกิจฮ่องกงกรู้จักกันในนามฮวังจีอังแห่งฮวังช่าย
“ไปนอนบ้านเพื่อนมา” ถึงจะรู้ว่าเจ้าน้องชายของเธอไม่มีวันเชื่อแต่ก็ต้องจำใจโกหกไป
“พี่มอนเน่กับพี่มิรินไม่เห็นบอกเลยว่าพี่อยู่กับพวกเขา” จีรนัยถามอย่างจับผิดพี่สาวตัวเอง เพราะตอนที่มาถึงเขาเข้าไปดูเสื้อผ้าของพี่ก็พบว่ามันหายไปเกือบหมดเหลือติดไว้แค่ไม่กี่ชุดเท่านั้น
“นี่ฉันก็มีเพื่อนคนอื่นบ้างไม่ได้หรอ แกมานั่งจับผิดฉันอยู่ได้ ว่าแต่แกเถอะมาทำอะไรหะ?”
“มาทำงานแล้วขี้เกียจเช่าโรงแรมเลยจะมาขออยู่ด้วยสักอาทิตย์”
“พี่ทีบอกอะไรแกหรือเปล่า” เอวาลินสงสัยว่านทีอาจจะบอกเรื่องที่เธอถูกตามกับจีรนัย
“บอกอะไร? มีเรื่องอะไร?”
“เปล่าหรอกก็แค่ถามดูเฉยๆ ฉันไปอาบน้ำก่อนนะเหนื่อย” เอวาลินรีบเปลี่ยนประเด็นแล้วเดินเข้าห้องทันทีเพราะกลัวน้องชายจะซักไซ้มากกว่านี้
.....................................................................................................................
#ยินดีรับทุกคำติชมของทุกคนนะคะแล้วจะนำมาปรับปรุงแก้ไขให้ดีขึ้นค่ะ
ความคิดเห็น