คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : Chapter 2
เป็นได้แค่เพื่อนรัก แต่เธอไม่เคยจะรัก
ก็ขอให้มีสักครั้งที่เธอนั้นคิดตรงกันกับฉัน
เป็นได้แค่เพื่อนรักที่ทําได้เพียงแค่แอบฝัน
ถ้าคิดเกินเลยกว่านั้นก็ช่วยบอกกันให้ชัดๆที
เพื่อนจริงดิ - ponchet & flukie
ผ่านมาหนึ่งเดือนแล้ว เวลาของการันต์ที่ได้อยู่โรงเรียนนี้เหลืออีกประมาณสองเดือน คนอื่นอาจจะมองว่ามันเร็ว แต่สำหรับการันต์ตอนนี้เขายังอยากให้เวลามันผ่านไปเร็วกว่านี้ ไวๆกว่านี้อีกได้ไหมนะ
“เป็นไรว่ะ ไอรันต์ช่วงนี้มึงดูลอยๆ”
“เล่นยาเหรอว่ะ”
“บ้านมึงสิ อย่าลืมแม่กูเป็นครู”
“เออว่ะ ลืมไป”
“อืม กูนอนต่อแล้วนะ”
“เออๆ กูถามไรหน่อยดิ”
“อืม ว่ามา รอฟังอยู่”
“ขนมไม่มีบนโต๊ะกูมาเดือนหนึ่งแล้ว มึงว่าเขาเป็นอะไรไปป่าวว่ะ”
“ไม่หรอก เขาไม่ได้เป็นไร”
“พูดเหมือนมึงรู้ว่าเขาเป็นใคร”
รู้สิ รู้ดีเลยล่ะ
“อืม จริงๆก็เดาไม่ยาก”
“อย่างไงว่ะ มึงช่วยขยายความ”
“มึงมีคนที่เขาพร้อมจะพามึงไปกินอาหารตอนเช้าแล้ว เขาเลยคิดว่าถ้าเขาไปทำแบบนั้นอาจจะไม่สมควร คนที่ดูแลมึงควรเป็นเขาคนนั้น”
“อ่า แต่กูก็รู้สึกแปลกๆยังไงไม่รู้ เขาทำแบบนั้นมาตลอดหนึ่งปี แล้วอยู่ๆก็หายไป”
“อาจจะไม่ใช่แค่มึงที่รู้สึกแปลกไป เขาที่เป็นคนทำแบบนั้นให้มึงตลอดหนึ่งปีก็คงรู้สึกแปลกไม่ต่างไปจากมึงมันเหมือนกลายเป็นกิจวัตรตอนเช้าของเขาไปแล้ว”
“คิดแล้วปวดหัวว่ะ งั้นกูไปก่อนนะ ขวัญชวนไปกินข้าวต้มที่โรงอาหาร”
“อืม”
“มึงไปด้วยกันไหม?”
“ไปเถอะ กูของีบหน่อย”
“เออๆ เจอกัน”
การันต์ถอดแว่นกลมลงในกล่องใส่แว่นของตัวเอง เอื้อมมือไปหยิบหูฟังจากกระเป๋านักเรียนที่ห้อยอยู่ด้านหลังเก้าอี้ เพลย์ลิสที่เขาฟังวันนี้มันยังคงเหมือนเดิม เพลยลิสสำหรับพวก friend zone แบบเขา
เป็นได้แค่เพื่อนรัก แต่เธอไม่เคยจะรัก
ก็ขอให้มีสักครั้งที่เธอนั้นคิดตรงกันกับฉัน
เป็นได้แค่เพื่อนรักที่ทําได้เพียงแค่แอบฝัน
ถ้าคิดเกินเลยกว่านั้นก็ช่วยบอกกันให้ชัดๆที
ไม่ยาก กับการที่เราอยากรู้ว่าใครสักหนึ่งตอนนี้รู้สึกเป็นอย่างไง ก็ให้ฟังจากเพลงที่คนๆนั้นมักจะฟังในช่วงนี้ อย่างเช่น นายการันต์ตอนนี้ที่ไปสรรหาเพลงบรรดาเพลงสำหรับพวก friend zone และนายธีภัทรที่ขยันแชร์เพลงที่มันอินเลิฟ จนตอนนี้เขาไม่อยากเข้าไปดูสตอรี่มัน ซึ่งปกติการันต์จะเป็นคนแรกที่ไปดูสตอรี่ธีร์ เขาถึงกับตั้งค่าการแจ้งเตือนไว้ แต่ตอนนี้การันต์ปิดทุกอย่าง ปิดให้หมด ถ้าเขาเลิกใช้พวกโซเซียลได้คงทำเป็นไปแล้ว แต่ที่การันต์ยังลบพวกโซเซียลไม่ได้เพราะครูประจำวิชามักจะแจ้งงานไว้ในเพจกลุ่ม ถึงรักจะเพื่อนไม่ได้ แต่การเรียนก็ต้องทำให้ได้
เพลงในเพลยลิสของเขาก็ยังวนต่อไปเรื่อยๆ และเป็นตอนนั้นเองที่การันต์มองเห็นร่างชายหญิงคู่หนึ่งที่เดินเคียงกันมาผ่านเลนส์แว่นกลม นายธีรภัทรที่สูงร้อยแปดสิบเอ็ดกับผู้หญิงตัวเล็กๆที่น่าจะสูงสักร้อยหกสิบ อืมก็ดูเป็นคู่ที่เหมาะกันดี หลายคนคิดแบบนั้น แต่สำหรับผู้ชายที่ใส่แว่นที่มองพวกเขาสองคนที่หน้าต่างห้องไม่ได้ขึ้นแบบนั้น ถึงแม้สองคนนั้นจะดูเข้ากันแค่ไหนแต่เขาก็คิดว่าไม่เลย ไม่เหมาะกันสักนิด
ขอโทษที่เป็นเพื่อนที่แย่อีกแล้ว ขอโทษที่กูไม่ยินดีกับมึงเรื่องความรัก แต่สัญญานะว่ากูจะพยายามยินดีกับมึงให้ได้ สักวัน
ฝั่งนายธีภัทธพอเห็นเพื่อนของตัวเองที่มองอยู่ที่ริมหน้าต่าง ก็พยายามโบกมือทักทายแต่พยายามทักทายเพื่อนแว่นของตัวเองเท่าไรก็ไม่ได้สัญญาณกลับมา เขาคิดว่ารันต์มันเปลี่ยนไปตั้งแต่ที่เขาบอกมันว่าจะจีบขวัญห้องศิลป์ คนอื่นที่มองมาอาจจะคิดว่าเหมือนเดิม แต่สำหรับธีร์ที่เป็นเพื่อนสนิทรันต์ เขาคิดว่ามันเปลี่ยนไป การันต์เหมือนคนที่มีอะไรให้คิดอยู่ตลอดเวลา เวลาไปกินข้าวด้วยกัน มันก็กินข้าวน้อยลง ไม่ค่อยพูด ซึ่งปกติคนที่จะคนนำพูดในกลุ่มเราก็คือไอ้รันต์ ตั้งแต่วันนั้นที่เราไม่ได้เดินกลับบ้านพร้อมกันวันแรก เขากับรันต์ก็ไม่ได้เดินกลับบ้านด้วยกันอีกเลย เขาชวนมันกลับด้วยทุกครั้งแต่มันก็มักจะปฏิเสธ
“ธีร์”
“…”
“ธีร์คะ?”
“…”
“ธีร์”
“ค..ครับ”
“ธีร์เป็นอะไรหรือป่าว?”
“ป..ป่าวครับ”
“นั่น..เพื่อนธีร์หรือป่าว คนที่ใส่แว่นนั่งอยู่ที่ริมหน้าต่างนะ”
“อืม ทำไมเหรอ?”
“ป่าว เราแค่รู้สึกเหมือนเพื่อนธีร์คนนั้นไม่ชอบเราเท่าไร
“รันต์มันไม่ใช่คนแบบนั้น”
“อืม งั้นเราจะเชื่อธีร์”
“งั้นเราขึ้นเรียนก่อนนะ” ธีร์ไม่ชอบที่ขวัญมองเพื่อนเขาไปในทางที่ไม่ดี และเขาก็ไม่ชอบที่คนอื่นมาตัดสินการันต์ว่ามันแบบนั้น ทั้งๆที่ไม่รู้จักกัน
……………………
เป็นอีกวันหรือเป็นมาตลอดนะที่อาหารในโรงอาหารของโรงเรียนอาหารไม่อร่อย ทั้งๆที่ปกติเขามักจะชอบกินมัน และมักจะกินหมดตลอด
“ไอ้ธีร์มึงกับขวัญนี่ถึงไหนแล้วว่ะเพื่อน”
“ถึงไหนของมึงนิคือ?…เอานี้ไปหมูติดมันที่มึงชอบ” ประโยคธีภัทรพูดกับเพื่อนในกลุ่ม ประโยคหลังเขาบอกอีกคนที่นั่งอยู่ข้างๆ
“อืม ขอบใจ”
“จะคบกันเมื่อไร”
“ไอ้ธีร์เดี๋ยวกูมานะ ไปเข้าห้องน้ำก่อน”
“ปวดขี้เหรอ?”
“เออๆ ฝากเก็บจานด้วย”
“เออๆ รีบๆขี้ล่ะมีทำแล็ปวันนี้”
“อืม” การันต์รีบพาร่างที่สูงร้อยเจ็ดสิบห้าของตัวเองออกจากโรงอาหาร เขาพยายามแล้วพยายามที่ไม่ไปยุ่งเรื่องรักๆของเพื่อนสนิทตัวเอง แต่เวลากินข้าวเพื่อนในกลุ่มของเขาพวกมันมักจะถามเรื่องขวัญกับธีร์ แต่วันนี้พวกมันดันมาถามเรื่องคบกัน การันต์เป็นคนเดียวที่ไม่อยากรับรู้ ไม่อยากได้ยินว่าสองคนนั้นจะคบกันวันไหนตอนไหน เขาเลยเลือกเดินออกมาดีกว่านั่งเงียบแล้วให้พวกมันมาถามเขาว่าคิดอย่างไง
………………..
“ในคลิปต้องอธิบายสัดส่วนด้วยว่ามีอะไรบ้างนะ แล้วรายละเอียดเดี๋ยวครูโพสต์เพิ่มเติม”
“ครับ/ค่ะ”
“ขออนุณาตเข้าห้องนะคะ”
“เข้ามา” เป็นเรื่องน่าแปลกอีกครั้งที่เด็กห้องศิลป์มาตึกของเด็กห้องวิทย์ และเรื่องแปลกที่สองคือคนที่เดินเข้ามาเป็นคนที่คุยๆกันอยู่กับชายสูงร้อยแปดสิบเอ็ดที่นั่งอยู่โต๊ะเดียวกันกับการันต์
“พอดีครูนันท์ฝากให้เอาเอกสารมาให้ครูเซ็นค่ะ”
“ส่งมา” ประชากรในห้องห้าทับหนึ่งพยายามมองสมาชิกห้องอื่นที่มาอยู่ในห้องของตัวเอง แต่ถ้ามองอย่างเดียวคงไม่เป็นอะไร แต่นี่พวกมันเล่นพูดแซวเพื่อนสนิทเขาจนเสียงดัง พอครูรู้เรื่องเข้าก็แซวเพี่อนตัวสูงไปด้วย มันเป็นอีกครั้งที่เพื่อนของการันต์ เขินจนต้องมาซบที่ไหล่ของเขา และพาใจเขาปวดหนึบไปหมดเขาภาวนาอีกครั้งขอให้หมดคาบเร็วๆ พวกมันจะได้สนใจเลิกสนใจเรื่องนี้
“เดี๋ยวกูมานะ” ธีรภัทรเดินไปแล้ว เดินไปหาเธอคนนั้น ทำไมเวลาที่มันคุยกับขวัญมันต้องยิ้มตลอดด้วย ทำไมเวลาเวลามึงคุยกับกูไม่เห็นจะยิ้มแบบนั้นเลย ทำไมนะ
เพื่อนไง การันต์เป็นเพื่อน ของขวัญเป็นคนคุยที่กำลังจะเป็นแฟน
……………………
การันต์เลือกที่จะเดินกลับบ้านคนเดียวดีกว่า การที่เขาจะต้องเดินกลับบ้านพร้อมธีร์ ที่มีคนคุยมันเดินกลับบ้านด้วย การันต์คิดว่าการเดินกลับบ้านคนเดียวก็ไม่ได้แย่เสมอ อย่างน้อยตอนนี้ก็ไม่แย่ เพราะการที่ไม่ต้องทนให้ตัวเองเห็นภาพบาดตา ปวดหนึบใจไปหมด
“รันต์กลับบ้านกัน”
“มึงไปเลย”
“เป็นไรว่ะ ช่วงนี้มึงไม่กลับพร้อมกู”
“ไม่อยากไปเป็นก้างมึง”
“ถ้าเรื่องนั้นไม่ต้องเป็นห่วงหรอก…ไปกลับด้วยกัน”
“อ..เอ่อ…ไอเท็นนะมันนัดกูไว้เรื่องคลิปชีวะ…ไปเถอะมึงกลับก่อนเลย”
“เออๆ… มีอะไรให้ช่วยทักมานะ”
“อืม งั้นกูไปก่อน” โชคดีของการันต์ที่ตอนนั้นบังเอิญเจอเพื่อนในห้องที่อยู่กลุ่มเดียวกันตอนนั่งเรียนชีวะ ถ้าเขาไม่บังเอิญเจอเท็นคงไม่รู้จะปฏิเสธธีร์มันว่าอะไร เพราะข้ออ้างที่เขาเคยใช้มาทุกๆวันมันหมดแล้ว
“อ้าว…ไอ้รันต์วันนี้กลับคนเดียวอีกแล้วเหรอว่ะ”
“อืม”
“แล้วจะกลับบ้านเลยไหม?..กูว่าจะไปนั่งคาเฟ่ที่เปิดใหม่ไปด้วยกันไหม?”
“มึงเลี้ยงไหม? ถ้าเลี้ยงกูไปเลย”
“กูรู้แล้วทำไมพวกมึงสองคนถึงสนิทกัน ขี้งกเหมือนกันไม่มีผิด”
“ฮ่าๆ กับเพื่อนเอง”
“กูหมดไปเท่าไรแล้วกับคำว่าเพื่อน อ่ากู้รู้แล้วว่าเพื่อนที่มันว่าคือเพื่อนคนไหน”
“อืม เพื่อนแบบกูนี่แหละ”
“เออๆ ไปๆ ป๋าเลี้ยงเองวันนี้”
“ขอบคุณคร้าบป๋า”
ธีรภัทรมองเพื่อนสนิทตัวเองเดินไปหาใครอีกคนที่ยืนอยู่หน้าตึกเรียน ธีร์รู้สึกอยากให้รันต์มันคุยเล่นกับเขาเหมือนเมื่อก่อน เหมือนที่มันกำลังกลับไอ้เท็นอยู่ตอนนี้ ไม่รู้สิความรู้สึกเขาตอนนี้อาจจะเป็นความรู้สึกที่หวงเพื่อน อยากให้เพื่อนมีแค่เราเป็นเพื่อน มีแค่เรา
“ห่ะ!! มึงจะย้าย”
“มึงจะเสียงดังทำไมเนี๊ยบบไอสัตว์”
“ขอโทษ ก็กูตกใจ”
“รู้แล้วก็อย่าบอก”
“มึงยังไม่บอกใครเลยเหรอว่ะ”
“ไอ้เชี่ยจริงจังป่ะ! กูรู้คนแรก”
“ทำไมมึงชอบทำตัวโอเวอร์จังว่ะ”
“คติกูคือเล่นใหญ่ไว้ก่อน พ่อแม่ไม่ได้สอนกูสอนตัวเอง”
“….”
“แล้วไอ้ธีร์รู้ยัง?”
“ยัง”
“ขนาดเพื่อนสนิทมึงยังไม่รู้…กูคาดหวังได้ไหม?..มึงแอบชอบกูป่ะ” การันต์มองคนตรงหน้าด้วยความรู้สึกเบื่อหน่าย เขาเบื่อมัน ที่มันสามารถทำตัวโอเวอร์ได้กับทุกเรื่อง เบื่อมันเวลามันคุยก็มักจะมีท่าทางประกอบอยู่ตลอด แต่การันต์ก็รู้สึกขอบคุณเท็นที่ช่วยให้เขายิ้มและหัวเราะออกมาได้
“นอกจากมึงยังชอบโอเวอร์แล้ว มึงก็ชอบมโนด้วยนะ”
“มึงพูดงี้กูเขินแย่..อุสาห์หลงตัวเอง”
“มึงอย่าเอาเรื่องนี้ไปบอกใครนะ”
“อืม”
“ขอบใจ”
“ไอรันต์…กูถามไรหน่อย?”
“อืม..ว่ามา”
“ถ้าเกิดวันนี้มึงไม่เผลอหลุดปากบอกกู..มึงก็จะย้ายไปแบบเงียบเลยใช่ไหม?”
“กูไม่ได้ปิดบัง ถ้ามีคนถามกูก็บอก”
“แต่ใครมันจะไปคิดว่ามึงจะย้าย”
“นั่นสิ ใครมันจะไปคิด”
“แล้วมึงจะย้ายไปไหน”
“บ้านเกิดแม่นะ ทางใต้”
“ไกลจังวะ”
“อืม ที่นู้นมีตากับยายอยู่ด้วยนะ” แม่กับเขาเลือกลงใต้เพราะแม่จะได้ถือโอกาสนี้ย้ายกลับไปอยู่ใกล้ๆกับตายายเพราะท่านสองคนก็ชรามากแล้ว ย้ายทั้งที่แม่เขาเลยเลือกที่ที่คิดว่าจะอยู่ตลอดไปนะ เพราะยังไงแม่ของเขาก็ต้องกลับไปดูแลตากับยายอยู่แล้ว
“แล้วมึงจะกลับมาอีกไหม?”
“ก็ต้องดูก่อนว่าจะกลับมาทำไม? กูไม่อย่าทิ้งแม่”
“เพื่อนในห้องคงคิดถึงมึงแน่ๆ ท็อปห้องไม่อยู่”
“เทอมนี้กูช่วยแน่นอน”
“ความหวังหมู่บ้านคือนาย นายการันต์” การันต์ขยับแว่นตาตัวเอง เพื่อมองเท็นชัดๆ ตอนนี้เท็นมันชี้นิ้วมาที่เขาเหมือนนายการันต์เป็นผู้๔กเลือกให้เป็นความหวังหมู่บ้านของห้อง มันโอเวอร์จริงๆ เขาเบื่อมัน แต่ก็ขอบคุณมันที่ทำให้หัวเราะขึ้นมาได้ ความโอเวอร์ของมันบางทีก็มีประโยชน์นะ ว่าไหม?
“กลับกัน เดี๋ยวมื้อนี้กูเลี้ยงเอง”
“โอ้โหนาย! เราคาดหวังได้ไหม? นายแอบชอบเราใช่ไหม บอกความจริงเรามา”
“เพ้อเจ้อ จะให้กูเลี้ยงไหม?”
“ผมอุสาต์ว่าจะเลี้ยงนายเอง แต่ผมอ่ะ ถือคติไม่ปฏิเสธผู้อื่นครับ”
“ไปๆ เยอะจริงๆมึง”
ตั้งแต่วันนั้นที่เขาบอกกับเท็นเรื่องย้ายโรงเรียนไป เขาขอบคุณมันที่ยังไม่ไปบอกใคร เพราะเขายังไม่พร้อมที่จะตอบคำถามใคร และที่สำคัญนายการันต์ยังไม่ได้บอกเรื่องนี้กับเพื่อนสนิทตัวเอง การันต์ยังหาโอกาสที่จะบอกธีร์มันไม่ได้ จริงๆนะเขาพยายามหาโอกาสที่จะบอกมันหลายครั้ง แต่ก็ล้มไม่เป็นท่า
“ไอ้ธีร์ จารย์เรียกรวมนศท.”
“โอเค งั้นกูฝากกระเป๋าขึ้นห้องด้วยนะมึง”
“เออ ส่งมา” การันต์ยื่นมือไปรับกระเป๋านักเรียนที่สุดแสนจะเบา จากเพื่อนสนิทของตัวเอง ที่ต้องเข้าประชุมนศท. เขามองหัวเกรียนๆของเพื่อนสนิทที่เดินห่างออกไป เขากำลังคิดว่าตอนนั้นคงมีแค่การที่ธีร์มันเรียนนศท. ที่ทำให้เราไม่ได้ไปไหนด้วยกัน แต่ตอนนี้ก็มีเพิ่มเข้ามาแล้วล่ะ อีกเหตุผล
ที่ทำให้นายการันต์กับนายธีรภัทธไม่ได้ไปไหนมาไหนด้วยกันเหมือนเมื่อก่อน
………………
“จารย์เรียกประชุมทำไมมึง?” คนนั่งข้างหน้าต่างที่ตอนนี้สายตาเอาแต่มองไปทางประตูเข้าห้อง พอเพื่อนสนิทของตัวเองเดินเข้ามาก็รีบเอ่ยถาม เหมือนเลยแหละ เหมือนเวลาหมามันรอเจ้าของมันกลับมานะ ที่พอเจ้าของมันกลับมาก็รีบวิ่งเข้าไปหาส่ายหางดุ๊กดิ๊กไปมา การันต์เป็นหมาที่รอให้เจ้าของมันกลับมา แต่เจ้าของของหมาตัวนี้มันไม่เคยรู้หรอกว่าตัวเองเป็นเจ้าของหมาตัวนี้
“เรื่องเข้าค่ายนศท..กระเป๋ากูหละ”
“อ่อๆนี่..แล้วไปวันไหนวะ” การันต์ส่งกระเป๋าใบที่มีสมุดแค่สามเล่มกับหนังสือ 1 เล่ม ไปให้กับเพื่อนสนิทตัวเอง สาเหตุที่นายธีภัทธมักจะไม่เอาหนังสือมา มันมาจากเพื่อนแว่นของตัวเองที่แม่งขนหนังสือทุกวิชาที่มีเรียนวันนั้นมา แม้แต่วิชาที่ครูไม่ใช้หนังสือในการสอนมันก็เลือกที่จะพามา เขาก็เลยพลอยใช้หนังสือเล่มเดียวกับมันไปเลย ถือว่าใช้หนังสือเล่มหนึ่งให้เกิดประโยชน์สูงสุด แต่นายธีภัทรหารู้ไหมว่าเหตุผลที่นายการันต์ยอมแบกหนังสือทุกวิชามาให้ ก็เพราะมีอยู่ช่วงนึ่งที่ธีร์บ่นปวดหลัง จนถึงขั้นต้องเข้าโรงพยาบาลตั้งแต่นั่นมาหมอก็สั่งห้ามว่าห้ามแบกของหนักๆอีก แล้วปัญหาของเด็กสายวิทย์นอกจากเรียนหนักแล้วหนังสือที่ใช้เรียนก็หนักด้วยเช่นกัน นายการันต์เลยยอมเสียสละหลังของตัวเองแทน ถ้ามันยังไม่ถึงจุดที่เจ็บแสดงว่าเขายังทำมันต่อๆไปได้ เขายังทนกับมันได้
“เดือนหน้ากลางๆเดือนได้ พอสอบเสร็จก็ไปเลย”
“อ่อๆ…งี้ไม่เหนื่อยแย่เหรอวะ พึ่งสอบเสร็จกักจะไม่พักเลย”
“เลือกมาเรียนเองทำไงได้”
“เอ่อธีร์กูมีเรื่องจะบอ-”
“แปปๆมึง”
“…” การันต์มองเพื่อนสนิทที่ตอนนี้กำลังรับสายคนที่โทรมา
“ว่าไงขวัญ…ตอนนี้เลยเหรอ…ครับๆเดี๋ยวธีร์ลงไป”
“….”
“รันต์มึงจะพูดอะไรแล้วนะ” ค่อยบอกมันเขาคิดแบบนั้น แต่อีกใจนึ่งก็บอกว่าบอกมันไป พูดมันออกไปเดี๋ยวนี้การันต์ พูดออกไปว่ามึงจะย้ายแล้ว
“ม..ไม่แล้วละ มึงไปหาขวัญก่อนเถอะ”
“โอเค งั้นเดี๋ยวกูมา” เด็กแว่นมองเพื่อนตัวเองที่เดินออกจากห้องไป ไงหงอยเลยแหละ เหมือนหมา เวลาที่เจ้าของมันไปทำงานแบบนั้นเลยแหละ การันต์คิดว่าตัวเองเป็นแบบนั้นจริงๆ การันต์ฟุบหน้าตัวเองลงไปกับโต๊ะไม้ วันที่เข้าย้ายไปมันตรงกับวันที่อีกคนกลับไปจากค่ายพอดี เขาจะหายไปเงียบๆเหมือนไม่มีตัวตน หรือควรบอกมันไปดีนะ บอกว่าเขาจะไม่อยู่แล้วนะ
ไม่มีคนแบกหนังสือให้แล้วนะ ไม่มีคนคอยสอนการบ้านมึงแล้ว เพื่อนเตะบอลขาประจำมึงจะไม่อยู่แล้วนะ
…….
ไอ้ธีร์ถ้าตอนนี้มึงได้อ่านจดหมายนี้แล้ว แสดงว่ามึงคงกลับมาจากค่ายแล้ว จริงๆกูก็อยากอยู่ถามมึงด้วยตัวเองนะ แต่กูคงทำมันไม่ได้แล้ว งั้นกูจะถามมึงในนี้นะ มึงฝึกเป็นไงบ้าง? เหนื่อยใช่ไหม? งั้นก็รีบกลับบ้าน อาบน้ำ กูรู้มาว่าเขานับจำนานขันเวลาอาบน้ำนะ รีบกลับบ้านไปอาบน้ำ กินข้าวเยอะๆ นอนหลับเยอะๆด้วย กูขอโทษด้วยที่ไม่ได้บอกมึงกับตัวเองว่ากูจะย้าย จริงๆก็หาโอกาสจะบอกมึงหลายครั้งแต่มันก็สำเร็จสักครั้ง มึงอย่างอนกู ในห้องเรายังไม่มีใครรู้ว่ากูย้าย อันที่จริงก็มีอยู่แค่คนเดียวที่รู้ว่ากูย้าย ถ้ามึงอ่านจดหมายนี้แล้ว คงจะรู้แล้วใช่ไหมว่าใคร กูบอกมันเองว่าห้ามบอกใคร ไม่รู้เหมือนกันว่ากูต้องเขียนให้มึงว่าอะไร ไม่เคยจดหมายลาใคร ต่อไปนี้ก็พาหนังสือไปเรียนให้ครบล่ะ แล้วเรียนการบ้านทักไปถามไอ้เท็นนะ กูบอกมันล่ะให้ช่วยมึง แล้วกูเพื่อนเล่นบอลด้วยก็ไอเท็นนะ ไปเล่นกับมัน จริงๆที่จะบอกมึงมีแค่นี้ งั้นก็รีบกลับบ้าน อาบน้ำ พักผ่อนเยอะๆนะ
การันต์เพื่อนสนิทของนายธีรภัทร
#ธีร์มีการันต์
คอมเม้นติชมได้ตามสบายเลยนะคะ
ต่อจากนี้ไปก็จะฟินไปเลยค่ะ เฟรนโซนคืออาราย ม่ายรู้สจักก
ความคิดเห็น