ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    the vampire diaries — fire on fire , klaus mikaelson

    ลำดับตอนที่ #8 : ⁽ 07 ⁾

    • อัปเดตล่าสุด 13 ก.ย. 64



     Dead Letters | The Vampire Diaries - 9. A Dangerous Affair - Wattpad

    ( 07 )

    2x15 - The Dinner Party


    หลังจากคืนอันหนักหนาสาหัสเอไลจาห์ก็ลากเบลล่าออกจากเตียงและมาทัวร์กับเจนน่าในเช้าวันถัดมา ขณะที่พวกเขาฟังเจนน่าอยู่เธอก็อดคิดกลับไปถึงเหตุการณ์เมื่อคืนไม่ได้
     

    หลังการโดนยิง(อีกครั้ง)เบลล่าก็ยืนอยู่ในห้องนอนของเธอด้วยชุดที่สบายกว่ามาก มือเรียวของเธอเล่นกับสร้อยด้วยใจที่เหม่อลอยและนึกไปถึงสนทนาของเดม่อนและอลาริคเรื่องของกริชและขี้เถ้า แม้ว่าเธอจะไม่ได้อยู่ในละครเหนือธรรมชาติเป็นส่วนใหญ่แต่เอเลน่า สเตฟานหรือเดม่อนมักจะอัพเดทให้เธอเสมอยกเว้นเรื่องนี้
     

    ด้วยความสงสัยเธอจึงโทรไปถามคนที่คิดว่ารู้เรื่องนี้ดีที่สุด "สวัสดีที่รัก. มีอะไรให้ช่วยหรือไม่" เสียงอันคุ้นเคยทักผ่านโทรศัพท์และเธอก็ถอนหายใจด้วยความประหม่า "คุณรู้อะไรเกี่ยวกับกริชและเถ้าไม้โอ๊คขาวบ้าง" เธอถามเขาและเธอได้ยินเขาเงียบไป "เอลี?"
     

    "ขอโทษทีที่รัก กริชเมื่อใช้กับเถ้าไม้โอ๊คขาวสามารถฆ่าเราได้ชั่วคราวแต่ไม่ตาย" เขาบอกและเบลล่าก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก "อลาริคและเดม่อนพูดถึงเรื่องนี้พวกเขาวางแผนใช้กับคุน" เบลล่าบอกกับเขา "ไม่ต้องห่วงที่รัก มันดึกแล้วตอนนี้ไปนอนเถอะ" เอไลจาห์พูดและเบลล่าได้ยินเสียงของเขาในรอยยิ้มเล็กๆ

     

    "ราตรีสวัสดิ์เอลี" เธอกล่าว "ราตรีสวัสดิ์โรซาเบลล่า" และเธอก็วางสายไปก่อนจะเข้านอนโดยพยายามคาดการณ์ถึงเหตุการณ์ที่อาจเกิดขึ้นวันพรุ่งนี้
     

    "ที่ดินเก่าของตระกูลเฟลส์อยู่เลยจากรั้วนั้นไปค่ะ" เสียงของเจนน่าทำให้เบลล่ากลับมาสู่ความเป็นจริงและหันไปมองผู้ใหญ่สองคนคุยกัน "อ่าตระกูลเฟลส์หนึ่งในตระกูลผู้ก่อตั้ง" เอไลจาห์พูดและเบลล่าก็ยิ้มเล็กๆจากท่าทีที่ดูสบายใจของเขา "ทำไมคุณพูดอย่างนั้นล่ะคะ" เจนน่าถาม

     

    "งานวิจัยของผมบอกว่าจริงๆบริเวณแถวนี้มีการตั้งรกรากมาก่อนแล้วเมื่อเกือบ 200 ปีก่อนหน้านั้น มีชาวเมืองอพยพมาจากทางตะวันออกเฉียงเหนือถ้าให้เจาะจงลงไปก็เป็นพวกเซเลมครับ" เอไลจาห์พูดและมันทำให้เบลล่าต้องกลั้นยิ้มกับความจริงที่ว่ามีแวมไพร์อายุพันปีพูดถึงประวัติศาสตร์ที่เขาเคยมองดูให้กับมนุษย์ผู้ไม่รู้เรื่องอะไรเลย
     

    "จากแมสซาซูเซ็ตหรอคะเป็นพวกเชื้อสายแม่มดหรือเปล่า" เจนน่าถามเปรยๆและนัยตาสีฟ้าของเบลล่าก็ติดตามพวกเขาสองคนคุยกัน "ซึ่งหมายความว่าตระกูลผู้ก่อตั้งที่ได้รับการยกย่องนั้นจริงๆแล้วไม่ได้ก่อตั้งอะไรเลย" เอไลจาห์พูดและเบลล่าก็หัวเราะเบาๆ "อืม ฉันคิดว่าเป็นเพราะมนุษย์อยากได้ชื่อว่าเป็นผู้ก่อตั้งในปี 1860 น่ะค่ะพวกเขาหวงแหนเขตแดนของตน" นัยตาสีฟ้าหันไปตามที่เอไลจาห์มองและพบกับคนที่ค่อนข้างคุ้นเคยดี "ใช่แล้วครับ"

    อลาริคเดินมาด้วยรอยยิ้มบนหน้าและผมยุ่งๆของเขา "เอไลจาห์คะนี่เพื่อนของฉันแล้วก็อาจารย์ของเบลล่า อลาริค ซอลท์แมนค่ะ" เบลล่ายิ้มให้เขาเล็กน้อย "ผมได้รับข้อความมาว่าคุณพาเอไลจาห์มาแถวเส้นแบ่งเขตกรรมสิทธิ์เก่าผมว่าจะมาเป็นผู้ติดตามแบบว่าเป็นคนที่ชอบประวัติศาสตร์น่ะครับ ไปที่ไหนกันต่อดีครับ"

    เมื่อเห็นทุกคนดูอึดอัดเบลล่าจึงเอ่ยพูดขึ้น "เอ่อหนูอยากรู้เรื่องการปลดปล่อยทาสมากเลย เอไลจาห์บอกว่าลูกหลานของทาสเป็นผู้รักษาประวัติศาสตร์ที่แท้จริงของอเมริกาไว้" เธอพูดขึ้นและหันไปหาเอไลจาห์ที่ยิ้มอ่อนๆให้ "น้าสำรวจมาแค่คร่าวๆน่ะ พอดีเอารายชื่อไว้ในรถขอตัวเดี๋ยวนะคะ" เจนน่าพูดกับเบลล่าก่อนจะหันไปพูดกับผู้ใหญ่อีกสองคน

     

    "อลาริค ซอลท์แมน คุณเป็นหนึ่งในรายชื่อที่เอเลน่าต้องการให้คุ้มครอง" เมื่อเจนน่าไปไกลพอที่มนุษย์จะไม่ได้ยินบทสทนาเอไลจาห์ก็เริ่มพูดขึ้น "ใช่ เจนน่าก็ด้วย" เขาพูด "คุณไม่ต้องหึงหรอกผมไม่ใช่พวกชอบล่าสาวๆ" และเบลล่าก็ต้องกลั้นหัวเราะเอาไว้เมื่อเธอรู้ว่าเขาพูดเล่น "พูดเล่นน่ะริค อย่าคิดมาก"

    "คุณนี่ตลกดีนะ" เขาพึมพำใต้ลมหายใจและเบลล่าก็หัวเราะคิกคักก่อนจะตามเอไลจาห์ไปด้วยความร่าเริงบนใบหน้าเล็กน้อยและพวกเขาก็ทำการทัวร์กันต่อไปอีกหลายนาที
     

     

    เอไลจาห์ เบลล่าและเจนน่าเดินเข้าไปในร้านอาหารกึ่งบาร์ด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะจากมุกตลกของเอไลจาห์ "อ่า มีเจนน่ากับแฟนหนุ่มคนใหม่ของเธอและลูกเลี้ยง" นัยตาสีฟ้าเห็นเดม่อนโบกมือและเธอก็ยกมือโบกกลับเล็กๆน้อยๆ "ไง" เขาทักทาย "ไง ทุกคน" เจนน่าทักทายกลับ
     

    "งั้นผมได้ยินว่าคุณสามคนมีนัดกันเรื่องประวัติศาสตร์หัวใจกันนี่" เดม่อนพูดด้วยท่าทีกวนประสาทเหมือนเดิมและเบลล่าก็กรอกตา "ใช่ จะเรียกอย่างนั้นก็ได้" เจนน่าล้อเล่นต่อกับเดม่อนและเบลล่าก็ยิ้มขบขัน "แหมถึงผมจะอยากอยู่มากนะแต่ผมมีงานต้องตรวจน่ะ" อลาริคพูดและนัยตาสีฟ้าก็มองไปที่เขาด้วยสายตาหรี่ลง
     

    "ไม่สิ รู้อะไรไหมเราน่าจะคุยกันต่อนะจัดงานเลี้ยงมื้อค่ำกันเถอะค่ะ" แฟนใหม่ของเดม่อนพูดและเบลล่าก็มองพวกเขาแปลกๆพร้อมกับความรู้สึกปั่นป่วนไม่ดีในท้อง "โอ้ที่รักเป็นความคิดที่ดีมากเลย ผมยินดีจะเป็นเจ้าภาพนะ งั้นคืนนี้ดีมั้ย" เดม่อนเสนอ "นั่นก็ดีนะ เจนน่าล่ะ" เพื่อนของเจนน่าถามเปรยๆ
     

    "ได้ คืนนี้ฉันว่าง" เจนน่าและอลาริคมองกันด้วยสายตาและเบลล่าก็แอบอมยิ้มก่อนที่พวกเขาจะหันไปมองเอไลจาห์ "ด้วยความยินดีครับ โรซาเบลล่า?" เขากล่าวก่อนจะหันไปมองลูกสาวบุญธรรม (ไม่เป็นทางการ) เบลล่ามองเขาด้วยสายตางงงวยก่อนจะถอนหายใจเบาๆและเอียงศีรษะอย่างไร้เดียงสา "ด้วยความยินดีค่ะ"
     

    หลังจากจัดการตอบตกลงงานเลี้ยงอาหารค่ำเล็กๆไปแล้วเบลล่าก็อยู่กับเอไลจาห์ในเวลาต่อมาด้วยความรู้สึกแปลกๆที่ยังคงหมุนเวียนในท้องอย่างไม่หยุดหย่อนจนเขาต้องถามออกมา "มีอะไรหรือเปล่า" เบลล่าเงยหน้าขึ้นไปมองชายหนุ่มชุดสูทที่ยืนข้างๆเธอ "เปล่าค่ะ แค่รู้สึกแปลกๆตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว มันเหมือนจะมีอะไรเกิดขึ้น" เธอตอบ
     

    "คงไม่มีอะไรหรอก" เขาพยายามทำให้เธอมั่นใจและโอบรอบไหล่ของเบลล่าก่อนจะดึงเข้ามาจูบเบาๆที่หัวทำให้เธอถอนหายใจและหยุดเมื่อเจอร้านชุดเดรสร้านหนึ่งตรงหน้า
     

    "หนูใส่ชุดนี้ไปไม่ได้หรอ" เบลล่าก้มลงมองชุดสบายๆเสื้อยืดกางเกงยีนส์สีเข้มของเธอ เขายิ้มและส่ายหัวด้วยความขบขันก่อนที่เบลล่าจะบ่นออกมาแต่ก็เข้าไปเลือกชุดในร้านอยู่ดี


     

    เมื่อเดม่อนเปิดประตูก็พบกับเอไลจาห์ในชุดสูทและเบลล่าที่สวมชุดเดรสสั้นสีแดงเลือดหมูสวยงาม รองเท้าบูทสูงและกระเป๋าสีดำ "สวัสดียามเย็น" เอไลจาห์ทักทาย "ขอบคุณที่มา เข้ามาสิ" เดม่อนเชิญชวนและเบลล่าก็รอท่าทีของเอไลจาห์ "รอเดี๋ยว ขอบอกก่อนนะถ้านายมีแผนอะไรที่มีเจตนาไม่ซื่อในค่ำคืนนี้ฉันแนะนำให้ทบทวนดูก่อน"

    "ไม่ไม่ ไม่มีการคิดไม่ซื่อหรอกแค่อยากทำความรู้จักกับคุณ" เบลล่าหรี่ตาไปที่เขา "ก็ดี" เอไลจาห์บอกก่อนจะเบลล่าจะเดินตามเข้าไปอย่างช้าๆ "เพราะนายก็รู้ถึงเอเลน่ากับฉันจะตกลงกันไว้แต่ถ้านายข้ามเส้นฉันล่ะก็ฉันจะฆ่านายและฆ่าทุกคนในบ้านหลังนี้เข้าใจมั้ย" เขาพูดและเดม่อนก็ดูกลัว "แจ่มแจ้งเลยล่ะ"
     

    ขณะที่เอไลจาห์ทักเจนน่าเบลล่าก็จับข้อมือเข้าเอาไว้พร้อมกับจ้องมองไปยังดวงตาสีฟ้าเย็นชาของแวมไพร์หนุ่ม "If you dare to hurt him , i'll burn you alive." (ถ้านายกล้าทำร้ายเขาฉันจะเผานายทั้งเป็น) เธอพูดด้วยน้ำเสียงข่มขู่และรู้สึกได้ว่าที่มือของเธอร้อนขึ้นเล็กน้อยพอที่จะทำร้ายเดม่อนและเบลล่าก็ยิ้มเยาะอย่างร้ายกาตก่อนจะปล่อยเขาและเดินไปสมทบกับเอไลจาห์

     

    "ขอโทษที่ต้องพูดก่อนนะคะเดม่อนแต่ตามที่เอไลจาห์บอกตระกูลของคุณไม่ใช่ผู้ก่อตั้งเมืองนี้หรอก" เจนน่าพูดและเบลล่าก็นั่งมองด้วยความขบขันเล็กๆ "คุณพูดงั้นหรอ" เดม่อนถาม "ตามที่บอกเจนน่าไปก่อนหน้านี้ผู้ตั้งถิ่นฐานอพยพมาจากซาเล็มหลังจากมีการไล่ไต่สวนแม่มดในช่วงปี1690 พวกเขาพัฒนาชุมชนแห่งนี้ที่ซึ่งพวกเขารู้สึกปลอดภัยจากการถูกรังแก"

    "เพราะพวกเขาเป็นแม่มด" เบลล่ายิ้มน้อยๆขณะทานอาหาร "ไม่มีหลักฐานพิสูจน์ว่าพวกเขาเป็นแม่มดจากซาเล็ม" แฟนใหม่ของเดม่อนบอกและเบลล่าก็เลิกคิ้วขึ้น เธอรู้ว่าแม่มดมีจริงแต่ชีวิตนี้เธอเคยพบพวกเขาสองถึงสามครั้ง ครั้งแรกคือตอนที่เอไลจาห์พาไปลบความทรงจำและตอนที่เจอกับบอนนี่ อ้อรวมโจนาสมาร์ติน แม่มดของเอไลจาห์ไว้ด้วย
     

    "แอนดี้เป็นนักข่าวเธอชอบค้นหาความจริง" เดม่อนพูดและเบลล่าก็กรอกตาเล็กๆ "ตามที่เล่ากันมามีกระแสต่อต้านแม่มดที่บุกรุกเข้ามาตั้งถิ่นฐานในพื้นที่เหล่าพ่อมดแม่มดถูกล้อมกรอบ พวกเขาถูกจับมัดอยู่กลางเสาด้วยกันและเผาซะ คุณอาจได้ยินเสียงห่างออกไปเป็นไมล์ๆเหมือนถูกไฟครอกก็ได้นะ"
     

    เบลล่ากลืนน้ำลายอย่างไม่ค่อยสบายใจเพราะเรื่องการฆ่าแกง "ฉันคงไม่กล้าเล่าเรื่องนี้ในชมรมประวัติศาสตร์แน่ๆ" เบลล่าหัวเราะเบาๆ "ฟังดูเหมือนเรื่องผีเข้าไปทุกที" จอห์นพูดและเบลล่าก็ไม่สนใจเขาเพราะไม่มีใครชอบจอห์นกันนัก "แล้วทำไมคุณอยากรู้ถึงตำแหน่งที่มีการฆาตรกรรมหมู่ล่ะ"

    "ก็แค่ความอยากรู้ของนักประวัติศาสตร์นั่นแหละ" เอไลจาห์ตอบและเบลล่าก็มองไปที่เขาอย่างไม่สบายพร้อมกับสายตาที่บอกว่าความรู้สึกในท้องของเธอรุนแรงขึ้นเรื่อยๆทำให้นัยตาสีน้ำตาลส่งกลับมาด้วยความเป็นห่วง

     

    "มีใครอยากได้คอนยักบ้างมั้ยผมมีอยู่ขวดหนึ่ง เก็บไว้นานแล้ว" เดม่อนพูดพร้อมลุกขึ้นยืน "ไม่สำหรับผมขอบคุณ ไวน์เก้าขวดนี่ผมก็เต็มที่แล้ว" อลาริคพูดและเบลล่าก็เอื้อมไปจับมือกับเอไลจาห์เพื่อความสะดวกสบายที่เธอสแหวงหาในช่วงน่าอึดอัดใจนี้ 

     

    เมื่อทุกคนทานเสร็จแล้วสาวๆก็ช่วยกันเก็บจาน "สุภาพบุรุษควรไปดื่มกันที่ห้องหนังสือนะคะ" แอนดี้พูด "ผมคงต้องบอกว่าอาหารเย็นมื้อนี้เยี่ยมเกือบเท่าผู้ร่วมโต๊ะแสนวิเศษ" เอไลจาห์พูดและเบลล่าก็ยิ้มพร้อมกับส่ายหัว "ฉันชอบคุณนะ" แอนดี้พูดขณะที่สาวๆที่เหลือยังคงเก็บจานกันอยู่

     

    "ขอโทษนะคะทุกคนของหวานมาช้ากว่าที่คิดปกติฉันแค่เทมันใส่จาน" เจนน่าพูดและหัวเราะก่อนที่เบลล่าจะยิ้มให้เธออย่างดใสและเดินไปนั่งข้างๆเอไลจาห์เหมือนเดิม "ฉันรู้ว่ามันผิดมารยาทสักนิดค่ะแต่ฉันอยากถามคุณสักหน่อยเกี่ยวกับงานที่คุณทำที่นี่ค่ะ" แอนดี้ถามและเบลล่าก็ยิ้ม "ผมชอบที่จะตอบครับ"

    "เยี่ยม โอ เยี่ยมมากค่ะ ริคช่วยหยิบสมุดในกระเป๋าให้หน่อยได้มั้ยคะ" แอนดี้ขอร้องริคและเบลล่าก็เอนหลังพิงเก้าอี้พร้อมกับเอียงคอมองเดม่อนอย่างสงสัยเงียบๆ "เอไลจาห์จอห์นบอกคุณหรือยังว่าเขาเป็นอาหรือพ่อของเอเลน่า" เดม่อนถามและเบลล่าก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย "ครับ ผมทราบแล้ว"

    "แน่ล่ะ เธอเกลียดเขาไม่จำเป็นต้องเอาเขาไว้ในรายชื่อพิเศษหรอก" เดม่อนบอกและเบลล่าก็จ้องมองไปทางเขาอย่างไม่พอใจกับความรู้สึกปั่นป่วนที่เกิดขึ้นอย่างรุนแรงกับแต่ละวินาทีที่ผ่านไป
     

    "ริคมันอยู่ข้างหน้ากระเป๋า บน..รู้อะไรมั้ยขอโทษทีนะคะทุกคน" แอนดี้พูดและเบลล่าก็พยายามควบคุมการหายใจที่กำลังขาดหายอย่างเห็นได้ชัด "เอไลจาห์สิ่งที่ผมอยากจะรู้คือคุณตั้งใจจะฆ่าเคลาส์จริงหรือเปล่า" จอห์นถามและเบลล่าก็กรอกตาไปที่มันแม้ว่าเอไลจาห์จะเล่าเรื่องครอบครัวเขาให้ฟังและแน่นอนเธอจำได้ไม่มากแต่เท่าที่ความรู้สึกบอกคือพวกเขาสองคนเกี่ยวข้องกัน
     

    "สุภาพบุรุษมี 2-3 อย่างที่ควรรู้ให้ชัดตอนนี้ผมยอมให้พวกคุณมีชีวิตอยู่อย่างสงบเพื่อจับตาดูเอเลน่า ผมยอมให้เอเลน่าอยู่ในบ้านของเธอมีชีวิตกับเพื่อนๆเหมือนปกติแต่ถ้าพวกคุณเริ่มทำตัวไม่ดีผมจะพาเธอไปและคุณก็จะไม่มีวันได้พบเธออีก" เบลล่ารู้ว่าเอไลจาห์พูดจริงและเขารักษาคำพูดเสมอ
     

    "โอเคคำถามแรกคือคุณเข้ามาที่มิสติก-" เสียงของแอนดี้ถูกขัดด้วยเสียงกรีดร้องของเอไลจาห์และเบลล่าก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้ด้วยความตกใจ นัยตาสีฟ้าเห็นว่าเป็นอลาริคที่แทงเขาด้วยกริชจากด้านหลังและไม่กี่วินาทีต่อมาเอไลจาห์ก็เปลี่ยนเป็นสีเทา

     

    เขาวางกริชไว้ที่โต๊ะและเบลล่าก็มองเอไลจาห์ด้วยน้ำตาคลอเบ้า "จัดการเขาซะก่อนที่เจนน่าจะกลับมาพร้อมของหวาน" อลาริคพูดและเบลล่าก็หันไปมองทั้งคู่ด้วยสายตาทรยศ "อะไรวะเนี่ย?!" เธอถามขึ้นและมองเดม่อน

     

    เขาทำท่าจะพูดแต่ก็หยุดลงทำให้ความโกรธวิ่งผ่านเส้นเลือดของเบลล่า แม้ว่าเธอจะรู้ว่าเขาตายแค่ชั่วคราวก็เถอะ เธอจ้องมองเขาด้วยสายตารุนแรงและมองด้วยสีหน้าบึ้งตึง เธอเหลือบไปเห็นกริชก่อนเธอจะหยิบขึ้นมาและวิ่งไปแทงเดม่อนเข้าที่ท้อง "ฉันบอกนายแล้วว่าถ้ากล้าทำร้ายเขาฉันจะเผานายทั้งเป็น แต่วิธีที่ดีกว่านั้นคือการเห็นเอเลน่าถูกพรากไปจากนายตลอดกาล" เธอพูดด้วยเสียงกระซิบและดันกริชเข้าไปลึกขึ้นก่อนจะดึงออกมาและปล่อยมันทิ้ง

     

    เบลล่าจ้องมองพวกเขาอยู่อีกสองสามวินาทีและหยิบกระเป๋าเดินออกไปอย่างรวดเร็ว ขาเรียวของเธอพาตัวเองวิ่งไปในป่ายามราตรีและความโกรธก็เผาไหม้ในเส้นเลือดของเธอทุกวินาทีที่ผ่านไป เธอหยุดและจ้องมองไปตรงหน้าด้วยการหายใจแรงไม่นานดวงตาของเธอก็เปลี่ยนจากสีฟ้าเป็นส้มเพลิง
     

    ความร้อนวิ่งผ่านราวกับไฟที่กำลังลุกโชนและรอบตัวของเธอก็กลายเป็นไฟและค่อยๆลุกลามไปในป่าอย่างช้าๆ ใจเย็นๆ เสียงในหัวของเธอบอกและเบลล่าก็ทำตามนั้น เธอค่อยๆมองไปที่พื้นที่ยังคงมีเปลวเพลิงลุกไหม้ก่อนจะหลับตาลงควบคุมการหายใจและเปิดขึ้นอีกครั้ง คราวนี้เปลวเพลิงและดวงตาสีส้มหายไปแล้วเหลือเพียงรอยไหม้ของหญ้าและเบลล่าที่ล้มลงคร่ำครวญอย่างเงียบๆอยู่ตรงนั้นท่ามกลางแสงจันทร์

     

     

     

    talk ;

    ขอโทษที่หายไปนานค่ะ กำลังพยายามจดจ่อกับฟิคของเราเองแต่ละเรื่องอยู่ แบบว่า มันเยอะมากเลยขอปิดไว้แล้วแต่งต่อเรื่องที่เรารู้สึกว่าไปต่อได้เรื่อยๆและใกล้จบเร็ววัน อีกอย่างการเรียนออนไลน์กำลังฆ่าเราค่ะ ท้อแบบไม่ไหวแล้ว ฮื่อออ อาจจะมาลงบ่อยขึ้นเดือนนี้นะคะ แต่ก็ไม่รู้ว่าได้น้อยมากแค่ไหนเพราะเราแต่งเอาไว้ล่วงหน้าหลายตอนอยู่พอตัว

    T
    B
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×