ลำดับตอนที่ #5
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : 04
╰┈➤ 04
เจมส์ บัคกี้ บาร์นส์ ชื่อที่ติดอยู่ในหัวของเจนน่ามาโดยตลอดหลายปี จากคำเล่ากล่าวว่าเขาคือสหายคนสนิทของสตีฟหรือพ่อของเธอ เขายังได้ชื่ออีกว่าเป็นทหารที่เก่งการพอสมควร แต่ไม่มีใครเห็นเขามาเกือบศตวรรษแล้ว เขาถือได้ว่าเสียชีวิตไปเสียแล้วด้วยซ้ำ
การได้เห็นเขาทำให้เจนน่าสติหลุดไปเกือบนาทีแต่คนที่หนักกว่าเธอคงไม่พ้นพ่อของเธอเองที่ตอนนี้ยังคงพึมพำพูดราวกับว่าไม่อยากจะเชื่อสิ่งที่เขาเห็นเท่าไหร่นัก
"ใช่เขาแน่ เขามองมาที่ผมทว่าจำผมไม่ได้" สตีฟพูดขึ้น พวกเขาทั้งหมดมีกุญแจเหล็กอันยักษ์อยู่ที่ข้อมือ "มันจะเป็นไปได้ยังไงมันเจ้ดสิบปีมาแล้วนะ" แซมถามและเจนน่าก็เม้มริมฝีปาก เธอมองดูนาตาชาเป็นระยะและพบว่าแบล็ควิโดว์นั้นดูซีดพอสมควร
"โซล่า หน่วยของบัคกี้ถูกจับไปปี 43 โซล่าใช้เขาเป็นหนูทดลอง มันคงทำให้เขารอดจากการตกเหวแล้วพวกมันก็มาเจอ..." เจนน่ามองไปที่เขาและพูดขึ้น "ไม่ใช่ความผิดของคุณ" เธอยิ้มให้เขาอย่างสบายใจและไร้เดียงสา
"ยามไม่เหลือใครยังเหลือบัคกี้" สตีฟบ่นออกมาเบาๆ จากนั้นเจนน่าก็หันไปสังเกตเห็นเลือดที่ไหลออกมาจากแผลของนาตาชาทำให้เธอขมวดคิ้วทันที "เราต้องการหมอ ไม่รีบกดแผลเธอเลือดไหลท่วมรถแน่"
นัยตาของเธอหันไปหาเจ้าหน้าที่ที่คุมอยู่และพบว่าเธอยื่นที่ซ็อตไฟฟ้าออกมาซึ่งเจนน่าทำเพียงแค่เลิกคิ้วราวกับท้าทาย (ซึ่งก็ท้าทายจริงๆน่ะแหละ) ก่อนจะขมวดคิ้วเมื่อเจ้าหน้าที่คนนั้นใช้มันซ็อตเจ้าหน้าที่อีกคนหนึ่งและเตะจนเขาลสลบไป
เมื่อเจ้าหน้าที่คนนั้นถอดหมวกออกก็เผยให้เห็นใบหน้าที่คุ้นเคย "มาเรีย?" เธอถามพลางยิ้มด้วยความประหลาดใจ "คับมาก บีบหัวจะระเบิด" เจนน่ายิ้มให้เจ้าหน้าที่ชีลด์ด้วยรอยยิ้มสดใส
ย้อนกลับไปตอนเธอเริ่มฝึกกับชีลด์ใหม่ๆ มาเรียคือหนึ่งในหลายๆเจ้าหน้าที่ที่เข้ามาทำความรู้จักกับเธอและเป็นมาเรียอีกนี่แหละที่คอยส่งข้อความอัพเดทมาให้เธอ
ไม่นานก่อนที่พวกเขาจะย้ายไปอีกที่หนึ่งที่ที่ไม่ใช่ที่พวกเขาควรจะไปหลังจากการโดนจับกุมของชีลด์เอง มาเรียยิ้มเยาะและมองเจนน่าในกุญแจข้อมือเหล็ก "นั่นไม่น่าจะเป็นปัญหาใหญ่สำหรับเธอนะว่ามั้ย"
แซม นาตาชาและสตีฟมองด้วยความสงสัย เจนน่ายิ้มเยาะกลับก่อนจะลุกขึ้นยืนและยกเข่าขึ้นก่อนจะทำลายกุญแจข้อมือเหล็กด้วยแรงมหาศาลและถอนหายใจ "นั่นมันอึดอัดนะ"
—
เมื่อพวกเขาถึงที่ที่หนึ่งที่ดูลึกลับแล้วและเจนน่าก็รู้ได้ทันทีว่ามันคือฐานลับชีลด์สักอย่างที่มาเรียพามา เธอช่วยนาตาชาลงจากรถก่อนจะเดินตามมาเรียกันไป ผ่านไปนานนับนาทีหลังจากเดินเข้าไปในอุโมงค์ที่ดูเหมือนไม่สิ้นสุดก็มีชายคนนึงวิ่งมา
"แผลถูกยิง เสียเลือดไปครึ่งลิตได้แล้ว" มาเรียตะโกนบอก "ลิตรแล้วมั้ง ส่งตัวเธอมาเลย" คนที่ดูเหมือนหมอพูดและเจนน่าก็จับนาตาชาไว้อย่างมั่นคง "เธออยากเจอเขาก่อน"
พวกเขาถูกพาไปที่ห้องหนึ่งและเมื่อม่านใสถูกเปิดออกนัยตาสีฟ้าก็เบิกกว้างเมื่อพบกับนิค ฟิวรี่ที่กำลังนอนอยู่บนเตียง "ถฤษ์งามยามดีแล้วสิ" ฟิวรี่พูด เจนน่าหัวเราะออกมาอย่างโล่งใจ "นิค ฟิวรี่ไอ้ลูกหมาตัวแสบ" เธอพึมพำแต่ทว่าเสียงก็ดังก้อง
"เฮ้! บอกว่าไม่มีคำหยาบไง" ฟิวรี่พูดติดตลกและเจนน่าก็ยิ้มให้เขาอย่างสดใส โล่งใจและดีใจที่คนที่เป็นเสมือนพ่อของเธอยังไม่ตาย
—
ในขณะที่นาตาชากำลังทำแผล มาเรีย แซม สตีฟและเจนน่าก็ยืนอยู่รอบนิค ฟิวรี่ที่นอนบนเตียงพยาบาลสีขาวอย่างอ่อนแรง "กระดูกสันหลังเป็นแผลฉีก กระดูกอกแตก ไหปลาร้าแหลกเป็นชิ้น ตับทะลุเป็นรูและปวดหัวบรรลัย" เขาบรรยายอาการบาดเจ็บของตนเอง
"อย่าลืมปอดล้มเหลวด้วย" หมอในห้องเตือน "ใช่ ลืมไม่ได้เลย ไม่นับทั้งหมดก็สบายดี" เจนน่ากลอกตากับการเสียดสีของเขา "แต่หมอผ่าคุณ หัวใจหยุดเต้น" นาตาชาเอ่ยขึ้น
"เต็ทโทรโดท็อกซิน บี. ลดชีพจรเหลือนาทีละครั้งแบนเนอร์คิดขึ้นเพื่อหยุดความโกรธทว่าไม่ได้ผลกับเขา เราเลยหาทางใช้" ฟิวรี่กล่าวแจง "ทำไมต้องปิด ทำไมไม่บอกเรา" สตีฟถาม "การลอบฆ่าผอ.ต้องดูเหมือนสำเร็จทุกครั้ง" มาเรียตอบแทน
"ตายไปแล้ว ถ้ารอด จะไม่โดนซ้ำ อีกอย่าง...ผมไม่รู้จะไว้ใจใครได้"
หลังการจัดการทำแผลของนาตาชาเสร็จแล้วพวกเขาทั้งหมดก็ย้ายที่ไปนั่งล้อมตรงโต๊ะประชุม นิค ฟิวรี่หยิบรูปภาพรูปหนึ่งขึ้นมา "ชายคนนี้ปฏิเสธรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ บอกว่าสันติภาพไม่ใช่เครื่องวัดประสบความสำเร็จแต่มันคือสำนึกรับผิดชอบ" เขาโยนรูปลงเผยให้เห็นภาพที่เด็กกว่าของอเล็กซานเดอร์ เพียซ
"เนี่ย เจอแบบนี้ผมเลยตายใจเชื่อใจ" ใบหน้าของเจนน่านิ่งสงบไร้อารมณ์ "เราต้องหยุดการปล่อยยาน" เธอเอ่ยด้วยเสียงหนักแน่นและมองหน้าพ่อของเธอ ดูเหมือนว่าพวกเขาจะมีความคิดแบบเดียวกัน
"พวกสมาชิกสภาคงไม่รับสายผมแล้วล่ะ" ฟิวรี่เอ่ยและเปิดกล่องสีดำที่ข้างในมีซิมการ์ดสามอันเรียง "คืออะไร" แซมถาม "เมื่อแคร์ริเออร์ขึ้นสูงถึงสามพันฟุตจะเรียงตัวสามมุมกับดาวเทียมผสานรวมเป็นอาวุธเต็มที่"
ภาพจอแสดงถึงแผนโฮโลแกรมของยานก่อนจะซูมเข้าไป "เราต้องลอบเข้ายาน เปลี่ยนเซิฟเวอร์ระบุเป้าให้เป็นของเรา" ภาพหน้าจอแสดงให้เห็นถึงซิมการ์ดที่ถูกเสียบอยู่สามอันคล้ายกับที่ฟิวรี่มี
"หนึ่งหรือสองไม่พอ ต้องลิงค์ยานเหาะให้ครบสามเพราะถ้ายังมีแม้ยานลำเดียวที่มันควบคุมผู้คนจะตายเป็นเบือ" มาเรียบอก เจนน่าขมวดคิ้วไม่ชอบกับความคิดนั้น "คงต้องเหมารวมทุกคนบนยานเป็นพวกไฮดร้า ถ้าบุกเข้าไป เสียบแผ่นเซิฟเวอร์เราได้ก็ไม่แน่อาจกู้คืนสิ่งที่เหลืออยู่"
แต่แล้วสตีฟก็ขัดขึ้น "ไม่มีการกอบกู้ ทำลายแค่ยานเหาะไม่ได้ต้องล้มชีลด์ด้วย" เจนน่าถอนหายใจเมื่อรู้ว่าลึกๆแล้วเขาพูดถูก "ชีลด์ไม่เกี่ยวอะไรด้วย" ฟิวรี่แย้ง "ถ้ามอบงานนี้ให้ผมมันต้องเรียบร้อย ชีลด์เป็นภัยแล้วคุณบอกผมเอง ไฮดร้าเติบโตอยู่ในนั้นไม่มีใครรู้" สตีฟยังคงยืนกราน
"ทำไมยังมีถ้ำนี้ให้เราอยู่เพราะผมรู้" ฟิวรี่เอ่ย "กว่าคุณจะรู้มีกี่คนเป็นเหยื่อ" คำพูดของสตีฟทำให้ทุกอย่างเงียบลง เจนน่าหลับตาลงและสูดหายใจเข้าลึกๆ ปลายนิ้วของเธอเสียวซ่านไปด้วยประกายของไฟฟ้า เธอลืมตาขึ้นมาและกระพริบไปสองสามครั้งก่อนที่แสงสีฟ้าเรืองจางๆจะปรากฎขึ้นและหายไป
ฟิวรี่ก้มหน้าลง "ผมไม่รู้จริงๆเรื่องบาร์นส" เขาแจ้ง "ถ้ารู้แล้วจะบอกผมมั้ยหรือต้องเน้นแยกส่วนปฏิบัติการ ชีลด์ ไฮดร้า ต้องล้มทั้งหมด" สตีฟพูด
"เขาพูดถูก" มาเรียบอกกับฟิวรี่ก่อนจะพยักหน้าและฟิวรี่ก็หันไปมองคนที่เหลือ นาตาชามองเขานิ่งส่วนเจนน่าก็พยักหน้าเบาๆเช่นกันว่าเธอเห็นด้วยกับสตีฟ จากนั้นฟิวรี่ก็มองไปที่แซม "มองผมทำไม ผมตามกัปตันแม้จะช้ากว่า"
ฟิวรี่มองนิ่งก่อนจะมองไปที่สตีฟและยอมรับ "งั้น..." เขาเงียบไปก่อนจะเอนหลัง "ดูเหมือนตอนนี้คุณจะเป็นคนออกคำสั่งแล้วกัปตัน"
—
เจนน่ายืนนิ่งหลังใส่ชุดสูทของเธอ บอดี้สูทสีดำหนังยาวถูกสวมใส่พร้อมกับเข็มขัดสีดำคาดเอวกับรองเท้าบูทสีดำและผ้าปิดปากสีดำปกปิดครึ่งล่างของหน้าของเธอ ผมสีน้ำตาลเข้มถูกปล่อยเป็นลอนด์
เธอมองตัวเองในภาพสะท้อนเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะเดินไปรวมกับคนอื่นๆ นาตาชายิ้มเยาะมองเธอ "ทำเองหรอ" แบล็ควิโดว์แซวและเจนน่ากลอกตาแต่ใต้ผ้าปิดปากมีรอยยิ้มเล็กๆซ่อนอยู่
หลังจากเตรียมพร้อมเรียบร้อยแล้วนาตาชาก็แยกไปส่วนสตีฟ มาเรียและแซมก็เดินไปอีกทางเพื่อแอบเนียนเข้ายาน เจนน่าถอนหายใจเล็กๆขณะมองดูทางด้านหน้า ความรู้สึกเสียวซ่านแผ่ไปทั่วร่างกายและนัยตาของเธอก็ส่องแสงสีฟ้าสว่างชั่วครู่
พวกเขาเข้าไปในยานอย่างลับๆได้สำเร็จในไม่กี่นาทีต่อมาก่อนจะยืนอยู่นอกห้องปฎิบัติการ ทันทีที่เสียงปิ๊บดังขึ้นเป็นสัญญาณว่าคนด้านในเตะการ์ดเพื่อเปิดประตู ปืนสองกระบอกของมาเรียและแซมก็ถูกชี้ไปที่ชายคนนั้น เจนน่าหยิบกริชสีเงินของเธอออกมาและชี้อย่างข่มขู่ไปที่เขา
เจ้าหน้าที่คนนั้นดูตกใจชั่วครู่ก่อนจะยกมือขึ้นและเปิดทางให้พวกเขาเดินเข้าไป "ขออภัยด้วย" สตีฟเอ่ย เธอมองขณะที่มาเรียเข้าควบคุมระบบและปล่อยให้สตีฟนำพูดโน้มน้าวในการต่อต้านกับไฮดร้าที่แฝงตัวอยู่
"ถึงชีลด์ทุกท่าน" เขาเริ่ม "ผมสตีฟ โรเจอร์ส สองสามวันนี้ชื่อผมคงกระฉ่อน บางท่านได้รับคำสั่งให้ล่าผม คงจะได้ฤกษ์บอกความจริง" เขาเว้นระยะก่อนจะเอ่ยต่อ "ชีลด์ไม่ได้เป็นอย่างที่คิดเพราะตอนนี้ถูกไฮดร้าเข้ายึด อเล็กซานเดอร์ เพียรซ์เป็นหัวโจก ทีมสไตร์คและลูกเรืออินไซ้ธ์ก็ไฮดร้าไม่รู้มีอีกเท่าไหร่"
เจนน่ามองดูเขาด้วยรอยยิ้มเล็กๆ "รู้แต่ว่าอยู่ในตึก อาจเป็นคนข้างๆท่าน พวกมันใกล้บรรลุเป้าหมาย เป็นเผด็จการเบ็ดเสร็จ พวกมันยิงนิค ฟิวรี่และจะยิงอีก ถ้าวันนี้ปล่อยเฮลิแคร์ริออร์ทั้งสามขึ้นฟ้า ไฮดร้าจะสังหารทุกคนที่ขัดขวาง เราต้องยับยั้ง ผมรู้ว่าขอมากอยู่แต่อิสรภาพนั้นราคาแพงเพราะมันสูงค่า มันเป็นราคาที่ผมยอมจ่ายต่อให้มีผมคนเดียวผมก็จะสู้"
เธอมองเขาจากด้านหลัง "แต่ผมเชื่อว่าไม่ใช่" และบทพูดก็จบลงเท่านั้น เจนน่ากอดอกมองเขาด้วยสายตาของความภูมิใจ แซมเดินเข้าไปหาเขา "เขียนบทไว้ก่อนหรือเปล่า ถ้าด้นสดล่ะก็สุดยอด" เจนน่าหัวเราะคิกคัก
ไม่นานหลังจากนั้นที่หน้าจอภาพกล้องวงจรปิดของมาเรียเธอก็เห็นว่ายานกำลังขึัน "มันสั่งปล่อยยานแล้ว" มาเรียเอ่ย เจนน่าหันไปมองพ่อของเธอที่เอาหน้ากากขึ้นเรียบร้อยแล้วและแซมที่เตรียมพร้อม พวกเขาพยักหน้าให้กันและกันก่อนจะเริ่มวิ่งออกไปทางประตูสู่ลานกว้างของคอนกรีตด้วยความเร็วเท่าๆกัน
"กัปตัน เราจะรู้ได้ยังไงว่าใครดีใครเลว" แซมถามระหว่างวิ่งไปที่ปลายทางของตน "ถ้าใครมันยิงใส่คุณนั่นคนเลว" เขาตอบคำถาม เสียงเครื่องยนต์บนปีกของฟัลคอนดังขึ้นและนัยตาของเจนน่ากระพริบเป็นสีน้ำเงิน
เมื่อพวกเขาถึงขอบแซมก็โผบินขึ้นไปขณะที่สตีฟลงจอดข้างล่าง เจนน่ารู้สึกได้ถึงประกายไฟฟ้าอีกครั้งก่อนที่ทุกอย่างจะเบาหวิวและเธอก็บินตามแซมไม่ไกลในอากาศ ลมเย็นปะทะใบหน้าของเธอและภายใต้หน้ากากรอยยิ้มมุมปากก็เกิดขึ้น
เจนน่าบินตามแซมไปและหักหลบเมื่อกระสุนปืนใหญ่ถูกยิงออกมาเมื่อพวกเขาบินสูงขึ้น เจนน่าสถบด่าในใจ "กัปตัน เจอพวกตัวร้ายเข้าจังๆเลย" แซมพูดผ่านหูฟังไร้สายที่พวกเขาเชื่อมต่อกัน
"เป็นไรมั้ย" สตีฟถาม เจนน่าหลบกระสุนอีกหลายลูกที่ระเบิดในอากาศเพราะไม่สามารถเข้าถึงตัวพวกเขาได้ "ตอนนี้ยังไม่ตาย" เธอตอกเขากลับ เคลื่อนตัวบินไปเรื่อยๆ เสียงของกระสุนระเบิดทำให้เจนน่าขบกรามแน่นด้วยความรำคาญ
"ฟัลคอน ธันเดอร์เกิร์ล สถานการณ์" เสียงของมาเรียดังผ่านหูฟังของเธอ เจนน่าบินหักหลบกระสุนอีกครั้งและเธอกับแซมก็บินสลับข้างกันไปมาก่อนที่พวกเขาจะทิ้งตัวดิ่งลงและมือทั้งสองข้างของเจนน่าก็รู้สึกเสียวซ่าน เธอยื่นมือข้างนึงออกไปและระเบิดปืนใหญ่หนึ่งอันจากนั้นก็บินตามฟัลคอนไป
แซมหยิบปืนสองกระบอกออกมาขณะที่มือทั้งสองของเจนน่ามีกระแสไฟฟ้าสีน้ำเงินที่เห็นได้ปรากฎอยู่ แซมยิงผู้คุมประตูและเจนน่าก็ช็อตไฟฟ้าหนึ่งในนั้นจากนั้นพวกเขาทั้งสองก็มองหน้าไปยังประตูเหล็ก "เอาล่ะกัปตัน เรามาถึงแล้ว" แซมประกาศ
ก่อนไม่นานเสียงยานลำเล็กจะดังขึ้นและพวกเขาก็สถบพร้อมกัน แซมและเจนน่าเคลื่อนบินหนีอีกครั้งเมื่อกระสุนจากปืนกลของยานถูกเล็งยิงใส่พวกเขา แซมและเจนน่าบินลอดใต้ปีกของเครื่องบินลำต่างๆไปเรื่อยๆจนกระทั่งมันระเบิดเครื่อบินลำนึงขณะที่พวกเขากำลังบินทำให้ทั้งเจนน่าและแซมไถลลงบนพื้น
เจนน่าตั้งตัวได้เร็วและเดินถอยหลังก่อนจะปล่อยตัวลงออกจากขอบเมื่อกระสุนของแซมถูกยิงทะลุกระจกของยานลำนั้น พวกเขาเริ่มเคลื่อนไหวและบินเพื่อหลบหลีกกระสุนกลอีกครั้ง
"ฟัลคอน ธันเดอร์เกิร์ลอยู่ไหนแล้ว" สักพักเสียงของมาเรียก็ดังขึ้นผ่านหูฟัง เจนน่าขบกรามแน่น "ต้องอ้อมอนิดหน่อย" แซมตอบกลับไปขณะที่พวกเขายังคงบินหนีอยู่ เจนน่ารู้สึกได้ถึงประกายไฟฟ้าทั่วร่างกายแต่เธอเริ่มเหนื่อยเล็กน้อยจากการบิน
วินาทีหนึ่งเธอกับแซมมองหน้ากันและพยักหน้าก่อนที่พวกเขาจะเร่งความเร็วเมื่อกระสุนระเบิดหลายลูกถูกเล็งใส่พวกเขาและติดตามพวกเขาไม่ห่าง เธอและแซมทำงานร่วมกันโดยบินลอดใต้ท้องยานเพื่อให้กระสุนเหล่านั้นระเบิดเครื่องยนต์ของยานแทน
และเมื่อมันระเบิดกกระจกของส่วนล่างของยานตามที่พวกเขาตั้งเป้าไว้แซมก็ส่งเสียงดีใจออกมาขณะที่เจนน่าหัวเราะด้วยความโล่งอก เธอและแซมลงจอดบนทางเดินตะแกรงเหล็ก "เข้ามาแล้ว" เจนน่าพูดด้วยเสียงหอบเล็กๆ
เธอหยิบซิมการ์ดสีเขียวออกมาและส่งให้แซมที่กดรหัสเปิดอย่างรวดเร็วก่อนจะเสียบมันไว้ข้างใน "ยานบี.ล็อค" เธอประกาศจากนั้นพวกเขาก็กระโดดอกไปและบินไปสู่เป้าหมายใหม่
จนกระทั่งเธอเห็นร่างของสตีฟในชุดกัปตันอเมริกาที่กำลังร่วงหล่นทำให้คิ้วสีเข้มขมวดและเธอกับแซมก็ตรงดิ่งไปหาเขาโดยไม่ลังเลเลยแม้แต่นิดเดียว เธอจับมือของเขาไว้ได้และพาบินขึ้นไปก่อนที่ทั้งสามจะลงจอดบนพื้นคอนกรีตของด้านนอกยาน
แซมเก็บปีกและเจนน่าก็เดินเคียงข้างสตีฟ "คุณตัวหนักกว่าที่คิดไว้นะ" เธอแซวเขา "มื้อเช้าจัดหนักน่ะ" สตีฟตอบกลับลูกสาวของเขา พวกเขากำลังเดินอย่างสงบเมื่อทหารฤดูหนาวที่ซุ่มซ่อนตัวผลักสตีฟออกจากเส้นทาง
"สตีฟ!" แซมร้องและเตรียมตัวพุ่งเข้าไปช่วยเช่นเดียวกับเจนน่า "พ่อ!" เสียงของเธอติดในลำคอก่อนจะหันมาเห็นบัคกี้ที่จับปีกประดิษฐ์ของแซมไว้และโยนเขากลับและเมื่อแซมตั้งตัวได้เขาก็หยิบปืนพกสองอันออกมาก่อนจะยิงใส่บัคกี้
เขาหนีไปซ่อนได้และแซมก็เตรียมตัวบินหนีเมื่อบัคกี้ใช้สลิงติดกับปีกของเขาก่อนจะดึงลงมาจากนั้นก็เด็ดปีกข้างหนึ่งของเขาออกพร้อมกับถีบแซมร่วงลงไป "ฟัลคอน!" เธอตะโกนออกมาด้วยความสยดสยอง นัยตาเบิกกว้างและเต็มไปด้วยอารมณ์ของความกลัว
บัคกี้หันมาหาเธอและเริ่มโจมตี เจนน่าตั้งรับได้อย่างรวดเร็วและว่องไว เธอหยิบกริชสีเงินออกมาก่อนจะพยายามโจมตีเขาเข้าที่แขนแต่ทว่าบัคกี้รู้ทันและรับมันได้ก่อนจะสบัดอาวุธของเธอออกไป
เจนน่าหลบหมัดของเขาและถูกถีบไถลไปสองสามเมตร เธอร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดก่อนจะกลิ้งหลบบัคกี้ที่พยายามโจมตีเธออีกครั้งและอีกครั้ง เขาหยิบกริชสีดำขึ้นมาและแทงลงไปที่ต้นขาของเจนน่าทำให้หญิงสาวร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดก่อนวินาทีต่อมาบัคกี้จะกระแทกศีรษะของเธอเข้ากับพื้น
การมองเห็นของเธอมืดลงชั่วครู่และเสียงในหูก็หายไปก่อนทุกอย่างจะกลับมาและรู้สึกได้ว่าความรู้สึกของใบมีดที่ต้นขาของเธอหายไปและบัคกี้ก็หายไปแล้วเช่นกันมีเพียงเธอนอนลงบนพื้นคอนกรีตด้วยความเจ็บปวด
talk ;
บทยาวมั้ยคะ55555555 เรากำลังจะจบเนื้อเรื่องของกัปตันอเมริกากับวินเทอร์โซเยอร์แล้วนะคะเราจะกำลังไปสู่โครงเรื่องต่อไปค่ะแต่ระหว่างทางต่อจากนี้อดีตของเจนน่าจะถูกย้อนเป็นบางชั่วค่ะ
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น