ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    the vampire diaries — fire on fire , klaus mikaelson

    ลำดับตอนที่ #27 : ⁽ 25 ⁾

    • อัปเดตล่าสุด 21 ส.ค. 65


    Abigail Cowen gif | Explore Tumblr Posts and Blogs | Tumgir
    ( 25 )
    3x20 - Do not Go Gentle


    โรซาเบลล่า... เสียงกระซิบดังก้องในหูของหญิงสาวผมสีเพลิง ศีรษะของหล่อนหันตามต้นกำเนิดเสียงทันทีด้วยความระแวงก่อนจะค่อยๆลุกขึ้นและหันหลังกลับไปเพื่อพบกับความว่างเปล่า

    คิ้วสีเข้มขมวดด้วยความสับสน ทันใดร่างกายของหล่อนก็รุ่มร้อนราวกับเพลิงเผาไหม้และโรซาเบลล่าก็ทรุดลง เจ้าหล่อนส่งเสียงครวญครางด้วยความเจ็บปวด นัยตาสีฟ้าแปรเปลี่ยนเป็นสีส้มเพลิงและด้วยความทรมานที่เธอไม่เคยพบเจอมาก่อนทำให้เจ้าหล่อนเกือบสิ้นสติ

    มือเรียวยันพื้นห้องนอนแลอีกข้างจับไปยังแขนเปลือยเปล่าด้วยหวังจะลดความรู้สึกแสบร้อนใต้ผิวหนัง หยาดเหงื่อเริ่มปรากฎบนหน้าผากของหล่อน "อะ...แอสทริด!" เจ้าหล่อนตะโกนเสียงดังแต่ทว่าไร้การตอบกลับมีเพียงความรู้สึกรุ่มร้อนที่มากขึ้นเท่านั้น

    และแม้เรี่ยวแรงจะเหลือเพียงเล็กน้อยแต่ด้วยสัญชาตญาณเจ้าหล่อนก็เอื้อมมือไปจับสร้อยอเมทิสต์ที่ไม่เคยถอดออก "ช่วย...ด้วย" สิ้นเสียงเจ้าหล่อนก็ล้มตัวลง เปลือกตาหนักขึ้นเรื่อยๆโดยไม่ได้ทันสังเกตถึงโล่สีขาวเกือบใสแผ่ปกคลุมรอบลำตัวของหล่อน ความรู้สึกรุ่มร้อนจางหายแทนที่ด้วยความเย็นสบายและร่างของหญิงสาวในรูปของเสก็ดเพลิงสีส้มก่อร่างตรงหน้าของหล่อน


    ครั้งต่อมาที่เธอได้สติ โรซาเบลล่าพบว่าตนเองถูกย้ายมาอยู่บนที่นอนเรียบร้อยแล้วแต่ทว่าเธอยังรู้สึกอ่อนแรงเล็กน้อย เจ้าหล่อยส่งเสียงครวญครางออกมาก่อนจะกระพริบตาปรับภาพให้ชัดเจนก่อนจะมองไปด้านข้างและพบกับร่างของหญิงสาวผมสีเพลิงสวยงามที่เธอเคยเห็นมาก่อนในฝัน "แอสทริด?"

    ทันทีที่เธอเอ่ยแอสทริดก็หันหน้ากลับมาและถอนหายใจอย่างโล่งอก "ตื่นแล้วหรือเจ้านกน้อย เธอหลับไปนานหลายชั่วโมงเชียวล่ะ" โรซาเบลล่าขมวดคิ้วก่อนจะยันตัวลุกขึ้นพิงหัวเตียง

    "เกิดอะไรขึ้นกันแน่" หล่อนถาม แอสทริดหยุดการเปิดหน้าหนังสือและเดินมานั่งลงข้างๆเธอบนเตียงนุ่มก่อนจะถอนหายใจ "ใครหรือแม่มดบางคนพยายามจะแยกฉันออกจากเธอน่ะสิ" ไฟว์เบิร์ดตัวสุดท้ายของโลกมองบรรพบุรุษของหล่อนด้วยความงุนงง

    "เขาจะทำอย่างนั้นไปทำไม" เธอเอ่ยถามและแอสทริดก็ยิ้มเศร้ามองทายาทของตน "นานมาแล้วครั้งล่าสุดที่ฉันสิงทายาทของฉันเองเพื่อเพิ่มพลังให้กับคนนั้น แม่มดพยายามอย่างมากเพื่อที่จะแยกฉันออกจากเขาด้วยเหตุผลว่ามันขัดกับธรรมชาติแต่มันก็ไม่ได้ผลดีนักเพราะถ้าฉันสิงใครแล้วฉันจะอยู่กับคนนั้นไปตลอดชีวิตจนกว่าจะร่างจะตายลง"

    แอสทริดดูเศร้าหมองลง "แต่ก็นั่นแหละ ใครก็ตามที่พยายามแยกฉันออกจากเธอต้องมีพลังมหาศาลซึ่งทำให้ฉันสงสัยว่าใครกันแม้ว่าฉันจะรู้ว่ามีเพียงคนเดียวก็ตาม" หล่อนเอ่ยคล้ายคำถามเชิงวิเคราะห์และโรซาเบลล่าก็เงียบลง

    เสียงหัวใจของหล่อนเต้นเป็นจังหวะอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่โรซาเบลล่าจะสามารถปะติดปะต่อได้และเจ้าหล่อนก็อ้าปากค้างเล็กน้อยด้วยความตระหนัก "เอสเตอร์"


    หญิงสาวผมสีเพลิงเดินเข้างานเต้นรำของโรงเรียนด้วยความประหม่าเล็กน้อยโดยหลังจากพูดคุยกับแอสทริดอยู่นับชั่วโมง เคลาส์คนรักของเธอก็ส่งข้อความให้มาเจอกันที่งานเต้นรำโดยบอกว่ามันเป็นธีม 1920 ด้วยเรี่ยวแรงที่กลับมาแล้วและไม่สามารถปฏิเสธเขาได้เธอจึงแต่งตัวและยอมไป

    วินาทีแรกที่เธอเดินเข้ามาก็เสียงระฆังดังก็เตือนในหัวเหมือนกับครั้งสุดท้ายที่ตระหนักว่าเคลาส์อยู่ในร่างของอลาริคเพียงแต่รอบนี้มันดังก้องกว่าเดิมและเป็นจังหวะราวกับสัญญาณเตือนอันตราย

    โรซาเบลล่ามองไปรอบๆด้วยสายตาระมัดระวังและพบเจอกับคนคุ้นเคยเช่นสเตฟาน แคโรไลน์ ไทเลอร์และแคโรไลน์ เธอเม้มริมฝีปากก่อนจะเดินอย่างช้าๆฟ่าฝูงชนเข้าไป

    เธอสวมเดรสสีขาวสั้นที่มีเส้นประปรายประดับด้านล่างและบนชุดประดับด้วยลวดลายต่างๆมากมายพร้อมกับอัญมณีสีใสเลกๆน้อยๆ ผมสีเพลิงของหล่อนม้วนเป็นลอนด์หนักและประดับด้านข้างด้วยกิ๊บดอกไม้สีดำ เธอถอดสร้อยคออเมทิสต์ออกและทำเป็นสร้อยข้อมือแทน เธอสวมถุงมือสีขาวยาวพร้อมกับสร้อยคอมุกสีขาวและสวมรองเท้าส้นสูงหนังสีขาว

    นัยตาสีฟ้าสดใสของหล่อนเคลื่อนไปรอบๆเพื่อตามหาเคลาส์แต่ก็ถอนหายใจเมื่อไม่เจอเขาทำให้เธอตัดสินใจหันหลังกลับแต่ก็ต้องสะดุ้งเมื่อชนกับร่างของคนคนหนึ่ง โรซาเบลล่าตกใจอยู่ครู่ก่อนจะมองขึ้นไปเห็นใบหน้าอันคุ้นเคยและคลี่ยิ้มออกมาทันที

    "นิค!" เธอเอ่ยเรียกด้วยความดีใจและเขาก็ยิ้มกลับมา เขาถอยกลับไปเล็กน้อยก่อนจะยื่นมือออกมา "ขออภัยในความหยาบคาบ สนใจจะเต้นด้วยกันมั้ยครับ" เขาถามและโรซาเบลล่าก็ยิ้ม

    เธอวางมือลงบนมือที่ยื่นออกมาของเขาและตอบ "แน่นอนค่ะ" จากนั้นเขาก็ดึงเธอเข้าไปใกล้ๆก่อนที่ทั้งคู่จะโยกตัวไปมา ครู่หนึ่งในความเงียบสบายของพวกเขาทั้งคู่โรซาเบลล่าก็หลับตาลง จับมือของคนรักของหล่อนแน่นพลางจดจำกลิ่นตัวอันเป็นเอกลักษณ์ของเขาอย่างช้าๆ

    "เธอจะต้องรักยุค 1920 แน่ๆโรซี่ สาวๆช่างบ้าบิ่น เซ็กซี่และสนุกสนาน พวกเธอจะเต้นจนกว่าจะหมดแรงสลบไป" เคลาส์เอ่ยก่อนจะหมุนเล็กน้อยทำให้โรซาเบลล่าหมุนตามและเธอก็ถอยหน้าออกมาเพื่อมองเขา "ฉันไม่คิดว่านั่นจะเกิดขึ้นกับคู่เต้นของพวกเขาหรอกนะ"

    เธอหัวเราะคิกคักอย่างเบาๆ เคลาส์ยิ้มมุมปาก "ฉันจะออกจากเมืองพรุ่งนี้แล้ว" เขาเอ่ยทำให้โรซาเบลล่าหยุดการเต้นรำและมองเขาด้วยความตกใจ "แล้วนายจะไม่บอกฉันหรือ" เธอเอ่ยถามราวกับเสียงกระซิบ

    เคลาส์หลุบตาลง "ฉันกะจะชวนเธอไปกับฉันแต่ฉันก็ไม่รู้ว่าเธอจะรับข้อเสนอมั้ย" โรซาเบลล่าสูดหายใจลึกๆก่อนจะผละตัวออกและวางมือทั้งสองข้างลงบนแก้มของเขาทำให้เขาเงยตาขึ้นมามองเธอ "แน่นอนว่าฉันจะรับข้อเสนอ แค่การศึกษาบ้าๆบอๆนั่นฉันทำมันจบออนไลน์ได้อยู่แล้วแต่ฉันอยากไปกับนาย"

    เธอเคลื่อนตัวเข้าหาเขามากขึ้นก่อนจะกดจูบลงบนริมฝีปากของเขาอย่างอ่อนโยน "ฉันอยากไปท่องโลกกับนาย" เธอกระซิบเมื่อลมหายใจร้อนของพวกเขากระทบกัน เคลาส์จ้องมองเธอก่อนผละตัวออกไป "ฉันต้องโทรหารีเบ็คก้า" และเดินจากเธอไปปล่อยให้โรซาเบลล่าถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน

    ถึงเวลาแล้ว แอสทริดเอ่ยขึ้นภายในหัวของหล่อนและสายตาของโรซาเบลล่าก็เปลี่ยนไปเป็นมุ่งมั่น เธอสูดหายใจเข้าลึกๆก่อนจะเดินออกจากโรงยิมและเดินไปยังห้องเรียนที่ว่างเปล่าห้องหนึ่ง ถอดสร้อยข้อมือออกและวางไว้บนโต๊ะหินอ่อน ถอดถุงมือทั้งสองข้างและดึงสร้อยคอมุกสีขาวออกปล่อยให้พวกมันตกลงบนพื้น

    ท้ายที่สุดเธอก็ถอดกิ๊บติดผมออกและนัยตาของหล่อนก็เปลี่ยนเป็นสีส้มเพลิง ทุกอย่างถูกเผาไหม้ก่อนวินาทีต่อมาไฟจะดับลงและเหลือเพียงเถ้าถ่าน โรซาเบลล่าสูดหายใจเข้าลึกๆก่อนจะหยิบสร้อยคออเมทิสต์สีม่วงขึ้นมา สวมมันดังเดิมและเดินออกไปอย่างไม่หันหลังกลับ

    เมื่อเธอเดินออกมาหน้างานเธอก็สังเกตเห็นเกลือสีขาวที่โปรยไว้เป็นเส้นเขตแดน โรซาเบลล่ารู้ได้ทันทีว่ามันต้องเป็นของเอสเธอร์และเธอก็ไม่รอช้าเดินข้ามผ่านมันไปก่อนที่จะเดินอย่างมุ่งมั่นเพื่อมุ่งหน้าไปยังป่าในยามราตรี

    สายลมพัดอ่อนๆผ่านผิวหนังอันเปลือยเปล่าของส่วนที่เธอไม่ได้ปกปิด นัยตาสีฟ้ากลายเป็นสีส้มยามเจ้าหล่อนใกล้ป่ามากขึ้นเรื่อยๆและเมื่อเจ้าหล่อนเข้าป่ามาแล้ว ไม่ไกลเป็นโบสถ์เก่า โรซาเบลล่าก็สูดหายใจเข้าลึกๆ เธอแบมืออกและกลุ่มไฟสีส้มสวยงามก็ปรากฎขึ้นบนฝ่ามือของหล่อน

    บรรยากาศรอบข้างเปลี่ยนไปและแอสทริดก็เข้ามาแทนที่เพียงชั่วครู่ ปากของหล่อนพึมพำภาษาโบราณก่อนที่ไฟบนมือจะจางหายไปแทนที่ด้วยเหมือกสีใสและแปรเปลี่ยนเป็นเหล็กแหมเล็กๆบนฝ่ามือ

    นัยตาสีส้มส่องสว่างอีกครั้งก่อนจะจางหายไปและโรซาเบลล่าก็กำเหล็กเล็กๆนั้นอย่างมั่นคง เธอเงยหน้าขึ้นมองและเดินเข้าไปใกล้ขึ้นเล็กน้อยก่อนจะหลบอยู่ในเงาของความมืด

    "ช่างโง่เง่าจริงๆที่กล้าเสี่ยงชีวิตตัวเองเพื่อปกป้องคนที่ฆ่าเธอ แต่ถ้านั่นเป็นหนทางที่เธอเลือก.." เอสเธอร์เอ่ยขณะยืนอยู่ตรงกลางขณะที่เจเรมี่และแมทเล็งหน้าไม้และปืนไปที่เธอ แม่มดดั้งเดิมยกมือทั้งสองข้างขึ้นระนาบอกของตนก่อนที่จะทั้งปลายปืนและหน้าไม้ของมนุษย์ทั้งสองจะชี้ไปที่กันเอง

    มือของพวกเขากำแน่นและสั่นอย่างเห็นได้ชัด "แมท แมทวางปืนลงสิ" เจเรมี่ตะโกนออกมา "ฉันทำไม่ได้ ฉันควบคุมมันไม่ได้" แมทบอก "เอสเธอร์ หยุดนะ!" เอเลน่าตะโกนและมองอย่างช่วยอะไรไม่ได้

    โรซาเบลล่าหรี่ตาลงเมื่อเห็นว่ามือของพวกเขาทั้งคู่สั่นมากขึ้นเรื่อยๆและเตรียมพร้อมยิงใส่กันและกัน เธอก้าวออกมาอย่างเงียบเชียบ มองตรงไปยังแม่มดและปาเหล็กที่มีปลาบแหมตรงไปยังขั้วหัวใจของหล่อน

    เอสเธอร์หอบหายใจและโรซาเบลล่าก็ค่อยๆลดมือลง มองขณะที่แม่มดหอบหายใจอยู่หลายทีก่อนจะล้มลงนอนบนพื้นพร้อมรับความตายที่โรซาเบลล่าให้

    เมื่อทุกอย่างสงบลงแล้วทั้งหมดก็หันมาที่เธอแต่โรซาเบลล่ามองพวกเขาด้วยสายตาอ่านไม่ออกจากนั้นก็ใช้ความเร็วของแวมไพร์วิ่งหนีหายลับไปในความมืด แผนเรียบร้อยแล้ว เธอคิด





    talk ;
    ถ้าใครนึกชุดของน้องไม่ออก นี่ค่ะ
    และก็หายไปนานเลย555555555 มาต่อให้แล้วนะคะ อีกไม่กี่ตอนจะเข้าซีซั่นสี่แล้วค่ะและเรากำลังจะไปนิวออร์ลีนส์เร็วๆนี้! แน่นอนค่ะว่าเราจะไม่ยึดพล็อตของ the originals เลยแต่จะใช้โครงเรื่องหลักเหมือนกันนะคะเพียงแต่วิธีการดำเนินเรื่องจะไม่อิงตามซีรีย์เลยค่ะแต่จะแตกต่างออกไปมากๆ
    T
    B
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×