ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    the vampire diaries — fire on fire , klaus mikaelson

    ลำดับตอนที่ #26 : ⁽ 24 ⁾

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 118
      8
      24 เม.ย. 65

    *ตัวหนา = แอสทริดพูด
    65 images about ☆》Witch ✡ on We Heart It | See more about gif, dark and  aesthetic
    ( 24 )
    3x18 - The Murder of One


    ว่ากันว่าความรักเป็นอารมณ์ที่ทรงพลังที่สุดของมนุษย์ มันสามารถทำให้เราทำอะไรที่หุนหันพลันแล่นได้เพียงแค่ชั่วพริบตาและมันก็สามารถเปลี่ยนคนเราจากหน้ามือเป็นหลังมือได้เช่นเดียวกัน

    หลังจากการทำพิธีเชื่อมโยงและพยายามฆ่าของเอสเธอร์กับพวกดั้งเดิม โรซาเบลล่าได้รับแจ้งอัพเดตละครเหนือธรรมชาติจากคนรักของเธอว่าเขากับรีเบ็คก้าพบวิธีเดียวที่สามารถฆ่าพวกเขาถาวรได้

    ไม้โอ๊กสีขาว. . .สิ่งเดียวที่สามารถฆ่าพวกเขาได้หากแต่รีเบ็คก้าก็สามารถเผามันหมดได้ทันเวลา

    สิ่งเดียวที่เหลือคือการจัดการความเชื่อมโยงและแน่นอนว่าพวกเขาก็ได้ตัวฟินน์มาแล้วเรียบร้อย เหลือเพียงแม่มดที่จะการทำลายการเชื่อมโยงเท่านั้น และจะเป็นใครไปได้หากไม่ใช่แอสทริด

    หลังการพูดคุยกันเล็กๆน้อยๆของเธอกับแอสทริด เบลล่าก็ได้ข้อสรุปว่าแอสทริดจะช่วยโดยไม่มีข้อแม้หรือสิ่งแลกเปลี่ยนเพื่อเห็นแก่เธอ

    ทำให้ขณะปัจจุบันโรซาเบลล่าเดินเคียงข้างเคลาส์เข้าไปยังคฤหาสน์ไมเคิลสัน นัยตาสีฟ้าทันมาเห็นภาพการทรมานของเดม่อนโดยรีเบ็คก้าพอดี หน้าอกของแวมไพร์หนุ่มถูกเปิดออกและมีรอยกรีดกับคราบเลือดสดที่ไหลออกมา โลหิตสีแดงไหลออกมาทุกครั้งที่รีเบ็คก้ากรีดรอยใหม่และกลิ่นคาวของโลหะก็คละคลุ้ง

    "ดูเธอทำเข้าสิ" นิกเอ่ยขึ้นทำให้รีเบ็คก้าหันมา เบลล่ายิ้มให้เพื่อนสาวผมบลอนด์ของเธอ "ถ้าเธอพยายามจะรีดเวอร์เวนออกจากตัวเขาล่ะก็. . .กลับหัวเขาลงมาจะไม่ง่ายกว่าหรอ" เขาแนะนำ

    "ฉันเก่งเรื่องสร้างความเจ็บปวดอยู่แล้ว ขอบคุณมากๆเลยนะ" เบลล่าหัวเราะคิกคักกับคำพูดของรีเบ็คก้า "โอ โทษทีก็ไม่เชิงว่าฉันไม่เก่งเรื่องแบบนี้หรอกนะ" เคลาส์พูดและกลอกตาด้วยรอยยิ้ม "ทำไมพี่ไม่ปล่อยให้ฉันทำธุระของฉันแล้วไปจัดการเรื่องแม่มดของพี่ล่ะ"

    เคลาส์หัวเราะเบาๆและโอบแขนรอบเอวของเบลล่าก่อนที่จะนำพาเธอไปยังอีกห้องหนึ่งซึ่งเตรียมไว้เฉพาะสำหรับการนี้แต่ไม่ลืมที่จะโบกมือทักทายรีเบ็คก้าด้วยรอยยิ้ม

    เขาพาเธอไปยังห้องนั่งเล่นที่มีโต๊ะไม้วางอยู่ตรงกลาง หนังสือเวทมนตร์ถูกวางอยู่ริมขอบและเบลล่าก็เดินไปเปิดมันทันที "คิดว่าแอสทริดจะทำได้มั้ย" เขาถามและเบลล่าก็หันหน้าไปหาเขา นัยตาของเธอปรากฎสีส้มเรืองแสงอันตราย "เธอเป็นไฟว์เบิร์ดที่มีพลังเวทมนตร์นะนิก ไม่มีอะไรที่เธอทำไม่ได้"

    ร่างของโรซาเบลล่านั่งลงบนโซฟาเดี่ยวและเธอก็สูดหายใจเข้าลึกๆภายใต้การมองดูของลูกผสมดั้งเดิม นัยตาสีฟ้าเปลี่ยนเป็นสีส้มชั่วครู่ก่อนที่บรรยากาศภายในห้องจะเปลี่ยนไปเป็นความรู้สึกอบอุ่นและกลิ่นไอของธรรมชาติทำให้เคลาส์รู้ทันทีว่าแอสทริดเข้าครอบครองเบลล่าเรียบร้อยแล้ว

    แอสทริดในร่างของเบลล่าขมวดคิ้วกับคาถาอันแสนยากเข็นในการถอดการเชื่อมโยง มือของเธอศึกษาตำราหนังสืออย่างรอบคอบและระมัดระวังไม่ให้เกิดข้อผิดพลาดใดๆในการร่ายคาถา

    เคลาส์มองดูอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะที่จะเดินออกจากห้องไปปล่อยให้ไฟว์เบิร์ดอยู่ตัวคนเดียว


    ชั่วโมงต่อมาเคลาส์ก็เดินกลับเข้ามาเช็คอีกรอบและพบว่ารอบนี้มีเทียนหลายอันที่ถูกวางอยู่บนโต๊ะเล็กๆ มันถูกจุดเอาไว้แล้วและแอสทริดก็กำลังง่วนอยู่กับการศึกษาคาถาเวมนตร์

    ไม่กี่วินาทีต่อมาแอสทริดก็ถอนหายใจและหันไปหาเคลาส์ "นั่นเดม่อนหรอ" เธอถามและเคลาสก์ยิ้มเยาะ "เสียงหวานไปเลยใช่มั้ยล่ะ" แอสทริดกลอกตา "เขารบกวนฉัน" เธอพึมพำแต่ก็หันกลับไปและยิ้มมุมปากเมื่อเจอคาถาที่ต้องการ

    "ฉันรู้ว่าเธอเจอคาถาแล้วและ. . ." เคลาส์พูดขึ้นทำให้เธอหันไปมอง "...ฉันก็รู้ว่าต้องใช้เลือดพี่น้องของฉัน" เขาเดินไปหยิบสิ่งที่เหมือนกระเป๋าบางอย่างออกมาและเปิดมัน มันคือขวดที่บรรจุเลือดเอาไว้ราวสี่ขวดเท่ากับสี่แวมไพร์ดั้งเดิม "นี่ยังไงล่ะ เอไลจาห์ รีเบ็คก้า โคล ฟินน์"

    เขาชี้ไปยังแต่ละขวดเพื่ออธิบายก่อนที่นัยตาของเขาจะเปลี่ยนไปเป็นนัยตาของลูกผสม เส้นเลือดสีดำปรากฎขึ้นใต้ตาและเขาก็แยกเขี้ยวพร้อมกับนำข้อมือขวาขึ้นมาก่อนจะกัดมันทำให้มันเกิดเป็นแผลและโลหิตสีแดงสดก็ไหลออกมา "จะทำยังไงล่ะ" เขาถามเสียงกระซิบ

    แอสทริดมองหน้าเขาด้วยยิ้มมุมปากและหันกลับไปเอาถ้วยแก้วรองที่ว่างเปล่า เธอจ้อมองเขาขณะที่ตนเองถือแก้วรองรับโลหิตของเคลาส์ที่หยดออกมาอย่างไม่ขาดสาย

    ถ้วยแก้วที่มีเลือดเกือบครึ่งถูกวางไว้ตรงกลางล้อมรอบด้วยเทียนที่ถูกจุด ร่างของเคลาส์ยืนมองขณะที่แอสทริดในร่างของเบลล่าหลับตาลงก่อนจะเริ่มจดจ่อกับเวทมนตร์คาถา ปากของเธอพึมพำภาษาโบราณ

    มือของเธอหยิบขวดเลือดออกมาทีละขวดขณะที่ปากยังคงร่ายมนตร์ต่อไป ขวดแต่ละขวดถูกเปิดและเลือดของแวมไพร์ดั้งเดิมแต่ละคนก็ถูกเทลงไปผสมกับเลือดของเคลาส์ในถ้วยแถ้วตรงหน้าเธอ

    เธอถอนหายใจและลืมตาขึ้นมา ปากเริ่มพูดคำภาษาละตินที่เป็นคาถาและมือข้างหนึ่งก็หยิบถ้วยที่เต็มไปด้วยเลือดขึ้นก่อนจะค่อยๆเทมันลงบนโต๊ะไม้ แสงไฟของเทียนเริ่มเคลื่อนไหววูบ บรรยากาศภายในห้องเต็มไปด้วยกลิ่นไอของธรรมชาติ

    มือทั้งของข้างถูกวางเหนือโลหิตที่ค่อยๆเริ่มเคลื่อนไหว แอสทริดพูดคาถาซ้ำไปมาเสียงดังมากขึ้นเรื่อยๆใช้เวลาไม่นานโลหิตที่อยู่บนโต๊ะก็เริ่มแยกออกจากกัน สีของแสงเทียนเปลี่ยนเป็นสีฟ้าและลุกโชนราวกับเต้นระบำ

    เลือดสีแดงเคลื่อนตัวออกเป็นกลุ่มเลือดทั้งห้า แอสทริดพูดคาถาก่อนจะหยุดลงและไฟจากเทียนกับเตาไฟที่อยู่ด้านหลังของเธอก็ลุกโชนมากกว่าเดิม มันเปลี่ยนจากสีฟ้าเป็นสีขาว นัยตาสีฟ้ากลายเป็นสีส้มเรืองแสงและเธอก็หายใจอย่างมั่นคงเมื่อพลังเวทมนตร์ที่รู้สึกได้หมุนวนไปทั่วห้อง

    ไฟสีขาวลุกโชนเต้นระบำจนกระทั่งมันสงบลงในไม่กี่นาทีต่อมาและแอสทริดก็ถอนหายใจ เธอโบกมือก่อนแสงไฟจากเทียนจะดับลงและมองไปยังกลุ่มเลือดทั้งห้าตรงหน้า

    เธอเงยหน้าขึ้นมองเคลาส์และพยักหน้าเป็นอันบอกอ้อมๆว่าการทำลายการเชื่อมโยงจบลงแล้ว นัยตาเปลี่ยนเป็นสีส้มชั่วครู่และบรรยากาศภายในห้องก็เปลี่ยนไปเป็นกลิ่นไอของดอกกุหลาบ

    เปลือกตาสีมุกถูกปิดลงก่อนจะเปิดขึ้นพร้อมกับนัยตาสีส้มที่จางลงเป็นสีฟ้าสวยงามเหมือนเดิม เบลล่ากระพริบตาเมื่อเธอกลับเข้าควบคุมและมองลงไปยังกลุ่มเลือดที่แยกจากกัน "มันจบแล้วหรอ" เธอกระซิบถามและเคลาส์ก็ยิ้มอย่างอ่อนโยน

    "มันจบแล้วที่รัก" เขาพูดและเบลล่าก็หันไปมองเคลาส์ด้วยรอยยิ้มกว้าง เธอหัวเราะออกมาอย่างโล่งใจ


    เคลาส์จับแขนเบลล่าอย่างอ่อนโยนและพาเดินออกไปนอกห้องตรงไปยังตรงกลางของคฤหาสน์ เธอเงยหน้าขึ้นเจอกับรีเบ็คก้าที่เดินออกจากห้องทรมานเดม่อนพอดีพร้อมกับเช็ดมือเปื้อนเลือดไปที่ผ้า

    "ทำไมจะกลับเร็วนักล่ะ" แวมไพร์ผมบลอนด์ถาม เบลล่ายิ้มให้อย่างอ่อนแรงแม้ว่าตัวเธอจะไม่ได้เป็นคนร่ายคาถาเองแต่มันกลับทำให้เธอรู้สึกเหนื่อยล้า "แอสทริดร่ายมนตร์ทำให้ฉันเหนื่อยนิดหน่อยน่ะ" เบลล่าตอบพลางยักไหล่

    รีเบ็คก้าพยักหน้าก่อนจะส่งยิ้มอ่อนโยนและขอบคุณให้เธอ "ขอบคุณนะเบลล่า" เธอพูดและคนผมแดงก็ยิ้มตอบ "ด้วยความยินดีเสมอ"

    "แล้วเจอกัน" รีเบ็คก้าเอ่ยลาก่อนจะเดินออกไปเผยให้เบลล่าเห็นสภาพของเดม่อนที่สลบไปด้วยโซ่กุญแจมือทั้งสองข้างและร่างของเขาก็เต็มไปด้วยเลือดกับรอยกรีด เบลล่ากระพริบตา "ว้าว เบ็กซ์รุนแรงเหมือนกันนะเนี่ย" เคลาส์หัวเราะคิกคักกับคำพูดของเธอ

    เบลล่าหันไปหาเขา "พวกเราก็อย่างงี้แหละ แวมไพร์ดั้งเดิม" เขาบอกและเบลล่าก็กลอกตาด้วยรอยยิ้ม "อยากให้ฉันไปส่งที่บ้านเลยมั้ยที่รัก" เขาถามและเบลล่าก็ขมวดคิ้วก่อนจะหันไปทางเดม่อน

    มือของเธอเลื่อนไปจับสร้อยคออเมทิสต์สีม่วงโดยอัตโนมัติ ไฟว์เบิร์ดเม้มริมฝีปากครุ่นคิด "เอ่อ จะว่าอะไรมั้ยถ้าคืนนี้ขอนอนด้วย" เธอหันไปถามเขาและชั่วครู่เธอก็เห็นนัยตาสีฟ้าของเคลาส์เป็นประกายด้วยความสุข เขายิ้ม "ไม่เลยที่รัก บ้านนี้ต้อนรับเธอเสมอ"



    โรซาเบลล่าถอนหายใจขณะที่พิงอกแฟนหนุ่มของเธอ (อย่าถามเลยว่าพวกเขาตกลงเป็นแฟนกันตอนไหน) เปลือกตาสีมุกปิดลงด้วยความสงบสุขขณะที่เคลาส์ยิ้มด้วยความรักแบบที่เขาไม่เคยคิดว่าจะมีและได้รับมัน

    มือสากของเขาลูบไปตามผมสีสวยของเบลล่าขณะที่ตัวของเธอนอนทับเขาและแขนข้างหนึ่งก็โอบเอวเธอเอาไว้ ไฟว์เบิร์ดสูดดมกลิ่นตัวอันเป็นเอกลักษณ์ของเคลาส์และผ่อนคลายไปกับความสงบที่เกิดขึ้น

    เธอลืมตาขึ้นมาก่อนจะสอดมือข้างหนึ่งเข้ากับในมือของเคลาส์ที่วางอยู่บนท้องของเธอและยิ้ม เคลาส์กระชับมือและจับมือของเบลล่าด้วยความอ่อนโยนราวกับว่าเธอเป็นแก้วที่เขาต้องทะนุทถอม

    เบลล่าใช้นิ้วโป้งลูบมือของเขาก่อนจะขยับมือที่จับเอาไว้ขึ้นมาและจูบเบาๆลงไปด้วยความรักทำให้เคลาส์หน้าแดงระเรื่อ เบลล่าค้างไว้สองสามวินาทีก่อนจะถอนจูบออกจากมือของเขาและเงยหน้าขึ้นมอง

    เธอหัวเราะร่าออกมาเมื่อสังเกตเห็นแก้มแดงของเขา เคลาส์มองเธอหัวเราะด้วยรอยยิ้มมุมปากแต่สายตาเต็มไปด้วยความรักและส่ายหัวไปมาก่อนจะกลอกตา

    เบลล่ายิ้มกว้างก่อนจะใช้มือข้างหนึ่งที่ว่างอยู่เลื่อนขึ้นไปจับคอของเขาและดึงเขาลงมาประกบริมฝีปากกับเธอ เคลาส์ตอบรับจูบของเธอด้วยความยินดีทันที เบลล่าส่งเสียงในลำคอด้วยความพึงพอใจก่อนที่เธอจะผละจูบออกไป

    นัยตาสีฟ้ามองเขาด้วยความรักที่เต็มเปี่ยม "ฉันรู้ว่านี่อาจจะเร็วไป..." เธอพูดในระดับเสียงกระซิบ "...แต่ฉันรักนายนะ" เธอยิ้มอย่างอ่อนโยน

    เคลาส์มองเธอด้วยใบหน้าที่ตกตะลึงก่อนจะกระซิบออกมาด้วยความไม่เชื่อ "อะไรนะ" โรซาเบลล่ามองเข้าไปในนัยตาสีฟ้าของเขาและพูดออกมาดังๆอีกครั้ง "ฉันรักนาย นิกเคลาส์ ไมเคิลสัน"

    ลูกผสมดั้งเดิมมองเบลล่าด้วยความตกตะลึงก่อนจะค่อยๆคลี่ยิ้มออกมาในที่สุดและก้มตัวลงไปจูบเธออีกครั้ง เบลล่ายิ้มในการจูบเมื่อจำได้ว่าเอไลจาห์เคยบอกเธอว่าเคลาส์ไม่ถนัดในการใช้คำบอกรักแต่จะเป็นการกระทำแทน

    เธอจะถือว่าเขาบอกเธอชัดเจนผ่านการจูบนี้แล้วกันนะ. . .ว่าเขาก็รักเธอเหมือนกัน

    คู่รักถูกขัดจังหวะด้วยเสียงตะโกนดังลั่นของสเตฟาน ซัลวาทอร์ "เคลาส์!" เคลาส์ผละออกจากจูบและขมวดคิ้วขณะที่เบลล่าค่อยๆดันตัวเองลุกขึ้น "ผมอยู่นี่แล้ว" เบลล่าลุกขึ้นพร้อมกับเคลาส์และใช้ความเร็วแวมไพร์ไปยังห้องที่มาของต้นเสียง

    พวกเขาหยุดอยู่ไม่ไกลไม่ใกล้หน้าห้องที่เดม่อนโดนนำมาทรมาน รีเบ็คก้าเดินมาสมทบและพวกเขาก็เดินเข้าไปพร้อมกัน "มาจัดการเลยสิ" สเตฟานพูดและหันมอง เบลล่าเลิกคิ้วขึ้นเมื่อมองเห็นเขายืนอยู่หน้าพี่ชายที่โชกเลือดพร้อมกับกระเป๋าใบหนึ่ง

    "โอ ดี พ่อวีรบุรุษ" เคลาส์เอ่ยด้วยความไม่พอใจที่สเตฟานขัดจังหวะของเขากับเบลล่า พวกเขาสามคนหยุดยืนเผชิญหน้ากับสเตฟาน "นายต้องการอะไร" เคลาส์ถาม สเฟตานโยนกระเป๋าดัฟเฟิลลงตรงหน้าพวกเขา

    "ผมมาที่นี่เพื่อทำข้อตกลง" สเตฟานพูดด้วยความมุ่งมั่น "สเตฟาน นายจะทำอะไร" เดม่อนถามน้องชายของเขา "ลิ่มแปดอันที่ทำจากไม้โอ๊กขาวส่วนหนึ่งของสะพานวิคตอรี่ที่เธอลืมเผายังไงล่ะ" เบลล่าขมวดคิ้วด้วยความรู้สึกไม่ดี เคลาส์หันไปมองน้องสาวของเขา "มันเป็นไปไม่ได้" รีเบ็คก้าปฏิเสธ

    "มันเป็นไปแล้ว" สเตฟานพูดและเบลล่าก็กลืนน้ำลายด้วยความประหม่า "ฟินน์ตายแล้ว" คำพูดของสเตฟานทำให้เบลล่าอ้าปากค้างด้วยความตกใจ "นายฆ่าพี่ชายของฉันงั้นหรอ" รีเบ็คก้าถามเสียงสั่น สเตฟานไม่ตอบแต่เดินเข้าไปใกล้เคลาส์ที่ไม่สบอารมณ์มากขึ้น "ชีวิตของเดม่อนแลกกับลิ่มไม้แปดอันที่ฆ่าคุณได้"

    "แล้วฉันจะรู้ได้ยังไงว่าไม่มีเหลืออีกแล้ว" สเตฟานตอบแต่เบลล่าหรี่ตามองเขา นัยตาของเธอเป็นประกายสีส้มชั่วครู่ "ให้แน่ใจกันหน่อยดีมั้ย" เคลาส์พูดก่อนจะเดินตรงไปยังเดม่อนที่อ่อนแอ

    "ไปซะ" เคลาส์กล่าวพยายามบังคับเดม่อน "ไม่" เดม่อนตอบกลับ "เอาสิ ไปเลย" เคลาส์บังคับอีกครั้งและรีเบ็คก้าก็เอ่ยขัดขึ้น "นิก เขาเป็นของเล่นของฉันไม่ใช่ของพี่"

    เมื่อเดม่อนไม่ทำตามที่เขาบังคับเคลาส์ก็จับคอของเดม่อนไว้ด้วยความเร็วแวมไพร์ก่อนจะหันทำให้เดม่อนสบตาเขา "ฉันบอกว่ากลับบ้านไปซะ" เขาพูดอีกครั้ง ไม่กี่วินาทีต่อมาเดม่อนก็ฮึดฮัดด้วยความทรมานเมื่อร่างกายของเขาพยายามจะดึงตัวเองออกจากโซ่เหล็ก

    เสียงร้องด้วยความเจ็บปวดของเดม่อนดังขึ้นไปนานนับนาทีก่อนเคลาส์จะหยุดมัน "เอาล่ะ หยุดได้แล้วก่อนที่นายจะทำตัวเองบาดเจ็บ" เบลล่าสูดหายใจด้วยความลำบาก "ฉันเห็นแล้วว่าสุดท้ายนายก็ยังถูกสะกดได้ เอาล่ะ ถ้าไม่นับลิ่มที่ปักอกพี่ชายฉันยังเหลืออีกกี่แท่งที่ฆ่าฉันได้" เคลาส์บังคับเดม่อนให้ตอบ

    "สิบเอ็ด" เดม่อนตอบ "สิบเอ็ด! งั้นก็ไม่ใช่แปดสินะ" เคลาส์เอ่ยกับสเตฟาน "คุณไม่ควรโกหกจริงๆ" รีเบ็คก้าพูด "ผมจะไปเอาอีกสามอันมาให้" สเตฟานพูดด้วยความจำยอม "ก็ดีหรือถ้านายโกหกล่ะก็ ฉันอาจสะกดให้พี่ชายนายกัดลิ้นตัวเองก็ได้" เคลาส์ข่มขู่

    "คุณเป็นอะไรไป" สเตฟานถามเคลาส์ "นายสิ เป็นอะไรไป นายไม่รู้สึกชื่นชมฉันบ้างหรือไงฉันมีคนให้นายได้เกลียด ได้ชิงชังเป็นเป้าหมายต่อความโกรธทั้งหมดของนาย นายจะได้ไม่ต้องไปลงที่ตัวเองไงล่ะฉันให้นายได้มีจุดมุ่งหมายในชีวิตในฐานเพื่อน ฉันคิดว่านายควรขอบคุณฉันจริงๆนะ"

    ในที่สุดความโกรธของสเตฟานก็ขาดสะบั้น เขาหยิบไม้โอ๊กแหลมที่ซ่อนไว้ขึ้นมาและด้วยความเร็วของแวมไพร์ เขาเร่งมันไปที่เบลล่าและชนเธอเข้ากับกำแพงจนเกิดเสียงดัง มือของเขาจับเข้าที่ลำคอของเบลล่าอย่างรุนแรงและในชั่ววินาทีหนึ่งเธอก็รู้สึกเวียนหัว การมองเห็นดูเหมือนจะกลายเป็นสีดำ

    แต่ด้วยสัญชาตญาณเธอสามารถจับมือที่จะแทงลิ่มไม้ใส่เธอได้ก่อน ในวินาทีที่การมองเห็นของเบลล่ากลับมาเป็นปกติเธอก็มองสเตฟานก้วยความเจ็บปวดในนัยตาสีฟ้า

    โรซาเบลล่าอ้าปากค้างด้วยความเจ็บปวดที่ลำคอแต่ก็กัดฟันแน่น ฝ่ามือของเธอเริ่มร้อนด้วยอารมณ์และนัยตาสีฟ้าก็กลายเป็นสีส้ม "ถอยไปซะ" เธอกัดฟันพูดขณะที่ฝ่ามือยังคงร้อนขึ้นเรื่อยๆจนสเตฟานต้องกัดฟันทน

    เธอหมุนมือข้างที่เขาจับลิ่มไม้ก่อนจะหยิบมันมาอย่างช้าๆและแรงกดทับที่ลำคอของเธอก็ค่อยๆจางหาย เคลาส์รีบวิ่งมาหาเธอทันทีที่เธอหลุดจากการจับกุมของสเตฟาน เบลล่าอ้าปากค้าง หอบหายใจและนัยตาก็กลับเป็นสีฟ้า

    เคลาส์มองสเตฟานด้วยความโกรธ "ตอนนี้ นายก็แค่ไปเอาสองอันที่เหลือมา" เขาพูด "นี่มันไร้สาระจริงๆ" รีเบ็คก้าเอ่ยขึ้นก่อนจะเดินไปปลดปล่อยเดม่อนออกจากโซ่ "เธอจะทำอะไร" เคลาส์เอ่ยถามน้องสาวของเขา

    รีเบ็คก้าปลดโซ่ทั้งสองที่มือของเดม่อนและเดม่อนก็ทรุดตัวลง "ฉันเอาเขามาที่นี่ ฉันก็ต้องปล่อยเขาสิ" รีเบ็คก้าเอ่ย "มันเป็นกฎของฉัน" แวมไพร์ผมบลอนด์หันไปหาสเตฟาน "ไปเอาลิ่มอีกสองอันมาแล้วนายสองคนจะรอด พี่ชายของคุณเป็นสัญลักษณ์ที่ดีของความซื่อสัตย์"

    แล้วเธอก็หยิบกระเป๋าที่เต็มไปด้วยลิ่มไม้โอ๊กขาวก่อนจะเดินออกไป เคลาส์หันไปหาสเตฟาน "ไปเอาลิ่มมาให้พวกเราทั้งหมดไม่งั้นฉันจะเปิดสงครามกับทุกคนที่นายรัก ฉันหวังว่าฉันคงพูดชัดเจนแล้วนะ" เคลาส์ขู่ครั้งสุดท้ายก่อนจะเดินออกไปพร้อมกับเบลล่าในอ้อมแขน


    โรซาเบลล่านอนอยู่บนโซฟาในห้องนั่งเล่นเงียบๆ มือของเธอกำลิ่มไม้ไว้แน่น "ไม่อยากเชื่อเลยว่าฟินน์ตายแล้ว" รีเบ็คก้าเอ่ย "เป็นการกำจัดของเสียที่ดีนะ เขาคือความอัปยศ รีเบ็คก้า" เคลาส์พูดและรีเบ็คก้าก็หันมองพี่ชายเธอด้วยความไม่เชื่อ "เขายังเป็นพี่ชายของพี่ ระวังคำพูดด้วยนะ"

    "ก็ได้ งั้นมาสวดมนต์ให้ฟินน์ผู้ที่นอนอยู่ในโลงนานกว่าที่ใช้ชีวิตเป็นมนุษย์เสียอีก เขาเป็นคนบ้ารักก็สมควรตายแล้วนี่" เบลล่าหันมองเขาด้วยคิ้วที่ขมวด "นั่นจะเป็นสิ่งที่พี่พูดถ้าฉันตายใช่มั้ย" รีเบ็คก้าเอ่ยถาม "เธอปล่อยให้พวกซัลวาทอร์ที่ฆ่าเราได้พบ ฉันคิดว่าเราจะหาทางออกได้ทันเวลานะแล้วตั้งแต่เมื่อไหร่ที่เธอรู้จุดอ่อนของพวกเขาล่ะ"

    "พวกซัลวาทอร์อาจต่อสู้กันเหมือนสุนัขแต่พวกเขาก็ยอมตายให้กัน อย่างน้อยพวกเขาก็รู้ว่าครอบครัวหมายถึงอะไร พี่ทำลายครอบครัวของเรา" รีเบ็คก้าเอ่ย "ฉันต้องการครอบครัวแต่พวกเขาไม่ต้องการฉัน ตอนนี้เราไม่ได้ผูกมัดติดกันอีกแล้ว เราไม่ได้ต้องรับผิดชอบต่อกันอีกแล้ว"

    "งั้นพี่จะไปงั้นหรอ" รีเบ็คก้าถาม "ทันทีที่ฉันได้ลิ่มไม้นั่น ฉันไปแน่ ฉันจะเอาเอเลน่าไปใช้เลือดของเธอเพื่อสร้างครอบครัวเลือดผสมของฉัน"

    โรซาเบลล่าสูดหายใจเข้าลึกๆและปล่อยลิ่มไม้ที่กำแน่น "ถ้าฉันเลือกที่จะอยู่ล่ะ" รีเบ็คก้าถามเชิง เคลาส์มองน้องสาวของเขา "เธอก็จะน่าสงสารเหมือนกับฟินน์ไงล่ะ" เขาพูดก่อนจะเดินออกจากห้องไปทำให้เบลล่าถอนหายใจ

    "ถ้าจะมีใครเปลี่ยนเขาได้ก็คือเธอ" รีเบ็คก้าเอ่ยขึ้นทั้งๆที่ยังหันหลังให้กับเบลล่า เบลล่ามองรีเบ็คก้าด้วยความงุนงง "เธอหมายถึงอะไร"

    รีเบ็คก้าหันกลับมาด้วยรอยยิ้มเล็กๆ "เธอเปลี่ยนเขาได้เบลล่า เขารักเธอไม่ต้องเชี่ยวชาญเรื่องความรักก็รู้ว่าเขารักเธอ" เบลล่าถอนหายใจและเม้มริมฝีปาก "'งั้นแหละมั้ง"



    หลังจากการเอาลิ่มไม้โรซาเบลล่าก็เดินตามความรู้สึกของเธอไปยังห้องห้องหนึ่งเพียงเพื่อจะพบว่าเคลาส์นั่งหันหลังให้เธอและกำลังวาดรูปอยู่ใกล้เตียงนอนของเขา เบลล่าสูดหายใจเข้าลึกๆก่อนจะเคาะบานประตูไม้เป็นสัญญาณอนุญาต

    เคลาส์หยุดมือก่อนจะวางพู่กันลงและหันไปมองเบลล่าที่ยืนพิงบานประตูอยู่ เธอยิ้มอย่างอ่อนโยนให้เขา "เฮ้ นิก" เธอทักทายและเดินเข้าไปในห้องของเขา "นึกว่าเธอกลับไปแล้วซะอีก" เขาเอ่ยและเบลล่าก็ส่ายหัว "บอกแล้วไงว่าวันนี้นอนนี่คืนหนึ่ง"

    เกิดความเงียบขึ้นชั่วครู่ก่อนที่เบลล่าจะถอนหายใจ "นิก..." เธอเรียกเขาและเขาก็มองเธอ "นายรู้ใช่มั้ยว่าการยอมปล่อยให้ตัวเองรู้สึกไม่ได้หมายความนายอ่อนแอนะ" เธอกระซิบกับเขาและวางมือลงบนแก้มของเขา

    "เหมือนกับที่นายปล่อยให้ตัวเองรู้สึกรัก" เบลล่าเอ่ยและลูบหัวแม่มือวนตรงแก้มเนียนของเขา เคลาส์มองเธอครู่หนึ่งก่อนจะโอบแขนสองข้างไว้รอบเอวของเบลล่าและดึงเธอลงมานั่งตัก

    เขาถอนหายใจก่อนจะซบหน้าลงบนหน้าอกของเบลล่า เธอยิ้มและใช้มือเล่นผมของเขา ทั้งคู่อยู่แบบนั้นสักพักหนึ่งก่อนที่เคลาส์จะผละตัวออกและจ้องมองเข้าไปในนัยตาสีฟ้าของเธอ

    และราวกับแม่เหล็ก ทั้งคู่เคลื่อนหน้าเข้าหากันและริมฝีปากก็ประกบกันในที่สุด โรซาเบลล่าเอาแขนคล้องรอบคอเขาในขณะที่เคลาส์จับเอวของเธอเแน่นขึ้น

    พวกเขาจูบกันอย่างเชื่องช้าและค่อยเป็นค่อยไปนานนับนาทีก่อนที่เบลล่าจะผละออกมาในที่สุดและหอบเอาอากาศหายใจ เธอจ้องมองลึกเข้าไปในตาของเขาที่เต็มไปด้วยอารมณ์อันยากอ่านออก

    วินาทีต่อมาเบลล่าก็รู้สึกได้ว่ามือข้างหนึ่งของเขาเลื่อนลงจากเอวของเธอไปยังต้นขาอย่างช้าๆและความรู้สึกเสียวซ่านราวกับคลื่นไฟฟ้าก็กระจายไปทั่วร่างกายของเบลล่า เธอกลืนน้ำลายและมองสลับไปมาระหว่างนัยตาของเขากับริมฝีปากที่เชิญชวน

    และเมื่อทนไม่ไหวอีกต่อไป โรซาเบลล่าก็พุ่งเข้าไปจูบเขาอย่างเร่าร้อน เสียงจูบเลอะเทอะไปทั่วห้องและเคลาส์ก็ส่งเสียงในลำคออย่างพอใจ วินาทีต่อมาเขาก็ใช้ความเร็วแวมไพร์วางเธอลงบนเตียงโดยมีเขาอยู่ด้านบน

    เขาผละจูบออกมาและไม่รอช้าที่จะพรหมจูบไปทั่วซอกคอระหงส์ของเธอ เบลล่าอ้าปากค้างและหลับตาลงรับรู้ความรู้สึกหวาบหวามที่เกิดขึ้น

    มือของเคลาส์ซุกซนราวกับปลาหมึกและในไม่กี่วินาทีก็เลื่อนไปปลดกางเกงขาสั้นของเบลล่าออก "นิก" เธอเรียกเขาด้วยน้ำเสียงกระซิบและความรู้สึกราวกับคลื่นไฟฟ้าก็รุนแรงอย่างต่อเนื่อง

    เคลาส์ละจากคอของเธอและมองหน้าเธอก่อนจะถามออกมา "เธอแน่ใจกับเรื่องนี้หรือเปล่า" เขาถามและเบลล่าก็กลืนน้ำลายก่อนจะยิ้มให้เขาอย่างมั่นใจ "ฉันแน่ใจ"




    talk ;

    ไม่มีคัทค่ะ55555555555555555 ปาโมเม้นท์รัวๆค่ะช่วงนี้ หวังว่าจะพอใจกันนะคะ


    T
    B
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×