ลำดับตอนที่ #25
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #25 : ⁽ 23 ⁾
*ตัวหนาแบบนี้ = แอสทริดพูดนะคะ
( 23 )
3x15 - All My Children
การมีความสัมพันธ์หรือแค่เข้าไปรู้จักกับครอบครัวดั้งเดิมจะทำให้เกิดปัญหามากมายกับชีวิตของคุณ พวกเขามีศัตรูมากมายที่สร้างขึ้นจากความแค้นนับพันปีที่ผ่านมา
โรซาเบลล่า ฮิลส์รู้ว่าตัวเองหนีไม่พ้นกับสิ่งที่เรียกว่าการโดนตามล่า โดนทำร้ายเพื่อนำไปขู่ตั้งแต่ตอนที่เธออายุแปดขวบ เธอได้กลายเป็นลูกสาวที่ฉลาด สวยและแกร่งของเอไลจาห์ ไมเคิลสัน แวมไพร์ดั้งเดิมผู้โด่งดัง
เขาทำให้เธอปลอดภัยตลอดมาและเบลล่าก็ไม่สามารถขอบคุณอะไรได้อีก
การเป็นคนรักหรือหนึ่งในคนที่เคลาส์ ไมเคิลสัน ลูกผสมผู้หยิ่งยโสถือตัวและโหดร้ายผู้สร้างศัตรูมากกว่าที่จะนับได้มานับพันปี โรซาเบลล่ารู้ว่าตัวเองได้ตัดสินใจครั้งใหญ่ในชีวิตของเธอ
ขึ้นอยู่กับเวลาว่าเธอสามารถอยู่รอดได้นานเท่าไหร่ก่อนจะถูกฆ่าทิ้งต่อหน้าเขา. . .
—
เอสเธอร์ต้องการจะฆ่าครอบครัวดั้งเดิมทุกคนและฟินน์ก็กลายเป็นลูกสนัขของเธอ ตามคำตอบที่เธอได้รับมาจากแอสทริดซึ่งเธอก็ไม่รู้ว่าแอสทริดไปรู้มาได้ยังไงแต่เบลล่าต้องรีบถ้าเธออยากให้พวกเขารอด
"แผนนี้ควรทำงานดีกว่า" เธอพึมพำใต้ลมหายใจ นัยตาดุร้ายราวกับเหยี่ยวเมื่อเดินเข้าไปในมิสติกริลล์ก่อนจะหันไปมองที่อลาริคที่ถือโทรศัพท์อยู่ก่อนจะยิ้มเยาะแบบไม่น่าไว้ใจนัก
แผนที่ตกลงกันไว้กับแอสทริดคือการล่อลวงให้พวกเดม่อนตายใจว่าแผนของพวกเขาจะสำเร็จโดยหลอกเธออย่างง่ายดายก่อนจะด้นสด เพราะเธอไม่รู้จริงๆว่าแผนของเดม่อนที่จริงคืออะไร
ตามที่พอรู้คือตอนนี้เอเลน่าอยู่ใต้อุโมงค์พร้อมกับรีเบ็คก้าโดยเอไลจาห์พาเธอลงไปเอง เอไลจาห์คุยต่อรองกับพวกซัลวาเทอร์เรียบร้อยแล้วและโคลกับเคลาส์ก็นั่งดื่มกันอย่างสนุกสนานส่วนเอสเธอร์และฟินน์อยู่ที่ไหนสักที่ในป่า
เบลล่ารู้ทุกอย่างที่เกิดขึ้นและรอบนี้เธอจะไม่ยอมเป็นหมากของใครทั้งนั้น เธอเดินต่อไปอย่างมั่นใจไปยังเคลาส์และโคลผู้ชี้มายังเธอและไม่ต้องมีการได้ยินของแวมไพร์ก็รู้ว่าโคลแหย่เคลาส์อยู่
"ฉันจำเธอได้จากเมื่อคืน เธอดูน่าอร่อยดีนะ" โคลชี้และพูดด้วยความสนุกสนาน "หรือไม่ฉันก็จะควักตับของนายออกมาไงล่ะ" เคลาส์ขู่และเบลล่าก็ยิ้มเมื่อเห็นเขา
"เบลล่าที่รัก!" เขาเรียกและเธอก็หันไปหาเขา "โอ้ พวกนายนี่เอง" เธอเอียงคอ "มาดื่มกับพวกเรามั้ยล่ะ" เคลาส์เชิญชวนและเธอก็ส่ายหัว "ไม่ดีกว่า มีเรื่องสำคัญกว่าต้องทำ"
เธอหันไปหานิกและเม้มริมฝีปาก "เราคุยกันได้มั้ย" เธอถามก่อนจะเดินเข้าไปใกล้เขาและจับมือเอาไว้ พูดด้วยท่าทางที่จริงจังที่สุด เมื่อเขาเห็นดังนั้นก็ขมวดคิ้วทันทีก่อนจะพยักหน้าและเบลล่าก็พยักหัวไปยังประตูหน้าร้านมิสติกกริลล์
แต่ก่อนที่เธอจะเดินออกไปตามแผนเธอก็หยิบไพลินสีฟ้าออกมาและใส่มันไว้ในมือของโคล ขยิบตาและเดินออกไป
เมื่อพวกเขายืนอยู่ข้างนอกไม่ไกลนัก ความมืดของท้องฟ้ายามราตรีทำให้เบลล่าสังเกตตัวเองแบบที่เธอไม่เคยเห็นมาก่อนครั้งแรก ผิวเนียนของเธอตอนนี้ถูกอาบด้วยแสงสีทองอ่อนๆที่ถ้าไม่สังเกตจะมองไม่เห็นเลยแม้แต่น้อย
"มีอะไรหรือเปล่า" เขาถามทันทีและเบลล่าก็สูดหายเข้าลึกๆ "แม่ของคุณ เธอพยายามจะฆ่าคุณและพี่น้องของคุณคืนนี้ในป่าสักที่" เธอรีบกล่าวทันทีโดยกังวลว่ามันจะไม่ทันการ
นิกขมวดคิ้วทันที "ฉันรู้ มันไม่ค่อยน่าเชื่อเท่าไหร่แต่จุดประสงค์ของแม่คุณมันเป็นแบบนี้ตั้งแต่แรกแล้วนี่ พวกแม่มดปลุกวิญญาณของเธอขึ้นมาด้วยเหตุผลเดียวกันกับที่เธอมี"
"เพื่อฆ่าพวกเรา" เขากระซิบและเบลล่าก็พยักหน้า เธอเดินก้าวเข้าไปและจับมือทั้งสอของเคลาส์เอาไว้ "เอสเธอร์ต้องการแก้ความผิดพลาดในอดีตของเธอ เธอต้องการกำจัดพวกคุณออกไปจากโลกด้วยการเชื่อมโยงพวกคุณเข้าด้วยกันและฟินน์ก็เสนอตัวที่จะถูกฆ่าเพราะเขาถูกขังไว้ในโลงตั้งเก้าร้อยปีแถมยังเกลียดธรรมชาติของเขามากๆอีกด้วย"
"งั้นก็แปลว่าเธอไม่ได้ให้อภัยฉันงั้นหรอ" เบลล่าขมวดคิ้ว "ฉันเกรงว่าจะไม่ แต่ไม่ต้องกังวล ฉันมีแผน" เธอพูดพลางยกยิ้มมุมปาก "แผนอะไรกันที่รัก"
เบลล่าสูดหายใจเข้าลึกๆ "มันอธิบายยากแต่ฉันจะอธิบายมันแน่ๆ ฉันสัญญาแค่เชื่อใจฉันก็พอ" เธอขอร้องเคลาส์และกุมมือของเขาเอาไว้ นัยตาสีฟ้าของเธอจ้องมองเข้าไปในดวงตาของเขาและยิ้มออกมาเบาๆ
คลื่นของความร้อนพัดเข้าใส่โรซาเบลล่าและเธอก็อ้าปากค้างอย่างเงียบๆ "มีอะไรหรือเปล่าที่รัก" เคลาส์ถามด้วยความเป็นห่วง "เอสเธอร์เป็นคนทำให้พวกนายกลายเป็นแวมไพร์ใช่มั้ย เธอสามารถย้อนกลับคาถานั้นได้เหมือนกันแต่มันจะต้องใช้พลังงานมหาศาลที่เธอไม่มี"
เบลล่าอธิบายพร้อมกับความคิดมากมายที่อยู่ในหัว "เพราะฉนั้นเธอเลยต้องเชื่อมต่อกับแม่มดที่มีพลังมากที่สุด ทายสิว่าตระกูลอะไร" เธอถามเขาและเคลาส์ก็คำรามออกมา
"เบนเน็ตต์" เบลล่าพยักหน้า เมื่อมองขึ้นไปยังดวงจันทร์เธอก็รู้สึกได้ถึงเวทมนตร์ที่ไหลผ่านเส้นเลือด เวทมนตร์บริสุทธิ์ของธรรมชาติ
ความเงียบเกิดขึ้นอยู่พักหนึ่งและพวกเขาสองคนก็อยู่ในความสะดวกสบายของกันและกันก่อนที่ความเงียบจะถูกทำลายด้วยการที่เคลาส์เอามือของเขาไปจับที่ตำแหน่งหัวใจ
เบลล่าขมวดคิ้ว "มีอะไร" เธอถามก่อนที่ตัวเองจะรู้สึกได้ถึงเวทมนตร์ที่เคยใส่ไว้ในไพลินดังขึ้นเป็นระฆังในหัว "โคล" เธอพึมพำและไม่ช้าเคลาส์กับเธอก็ใช้ความเร็วของแวมไพร์วิ่งไปยังด้านหลังของร้านมิสติกกริลล์
พวกเขาสังเกตเห็นอลาริคที่ลากศพของโคลที่ถูกกริชออกมาก่อนที่สเตฟานและเดม่อนจะเดินมาสบทบ ด้วยความรวดเร็วเคลาส์เร่งความเร็วของแวมไพร์ลงไปดึงกริชออกและกระแทกอลาริคไปด้านข้างปล่อยให้โคลล้มลง
สเตฟานพยายามที่ใช้ความเร็วแวมไพร์ของเขาไปหาเคลาส์แต่เคลาส์ก็กระแทกเขาออกไปได้อย่างง่ายดาย เบลล่าใช้ความเร็วแวมไพร์จากเวทมนตร์บนสร้อยคอไปคุกเข่าลงข้างศพของโคลก่อนจะที่หยิบไพลินสีฟ้าออกจากกระเป๋ากางเกงของแวมไพร์ดั้งเดิม
"ฉันควรจะฆ่านายตั้งแต่หลายเดือนก่อน" เคลาส์พูดขณะที่เบลล่ากำไพลินเอาไว้และหลับตา ความร้อนเกิดขึ้นบนฝ่ามือทั้งสองข้างและไพลินนั่นก็เปล่งประกาย
โรซาเบลล่าวางไพลินเหนือริมฝีปากของโคลก่อนที่ไพลินจะหยดเลือดสีแดงสดออกจากอัญมณีอย่างน่าประหลาด "ก็เอาเลย มันไม่ได้หยุดให้เอสเธอร์หยุดฆ่าพวกคุณได้หรอก"
แม้ว่าจะรู้จากเบลล่าแล้วแต่เคลาส์ก็ยังคงถามเพื่อถ่วงเวลาให้เธอมีเวลาในการปลุกโคล "นายพูดถึงแม่ฉันว่ายังไงนะ" เขาถาม "ไม่รู้หรอกเหรอว่าผมเป็นเพื่อนกับแม่คุณ เรามีหลายอย่างที่เหมือนกัน เธอเกลียดนายพอๆกับฉันเลยล่ะ"
แม้จะมีแสงน้อยจนแทบไม่มีแสงเลยเบลล่าก็ยังสามารถเห็นเส้นเลือดสีเทาที่เลื่อนลงและจางหายไปจากโคลอย่างช้าๆ เบลล่าถอนหายใจและปาไพลินทิ้งจนมันกลายเป็นฝุ่นและเงยหน้าขึ้นมองสถานการณ์ตรงหน้า
เมื่อเคลาส์กำลังจะจัดการกับเดม่อนเสียงขัดจังหวะก็ดังขึ้น "ปล่อยเขา" พวกเขาหันไปมองด้านหลังเพียงเพื่อพบกับเอไลจาห์ด้านบนบันได "เรายังต้องการเขานิกเคลาส์"
"แม่ทำอะไร แม่ทำอะไรเอไลจาห์" เคลาส์ถาม แทนที่เอไลจาห์จะตอบเขากลับหยิบโทรศัพท์และเดินลงบันได "บอกฉันมาว่าพวกแม่มดอยู่ไหนไม่งั้นฉันจะให้รีเบ็คก้าฆ่าเอเลน่าเดี๋ยวนี้" เอไลจาห์ขู่
เดม่อนเงยหน้าขึ้นมองนาฬิกาเรือนใหญ่ที่ตั้งอยู่ตรงกลางเมืองมิสติกค์ ฟอลส์ "คุณบอกว่าเรามีเวลาถึงสามทุ่มนี่" เดม่อนประท้วงและเบลล่าก็หัวเราะประชดประชันออกมา "โอ้ ฉันแน่ใจว่ารีเบ็คก้าจะรักที่ได้เริ่มงานเธอก่อนเวลากำหนด"
—
หลังจากที่พี่น้องซัลวาเทอร์ได้บอกตำแหน่งเรียบร้อยแล้ว พวกเขาก็ตกลงกันว่าหนึ่งในพี่น้องซัลวาเทอร์เนี่ยแหละที่จะขัดขวางการเชื่อมต่อเวทมนตร์ของเอสเธอร์ไม่ได้ให้เธอมีมันมากพอที่ย้อนคาถากลับ
ส่วนเบลล่าและที่เหลือจะไปกวนใจและเผชิญหน้ากับแม่มดปีศาจเอง. . .
พี่น้องสามคนของไมเคิลสันเดินนำหน้าเธอไปและเบลล่าเดินอยู่ด้านหลังพร้อมที่จะเผชิญกับเอสเธอร์โดยตรง "พวกเขากำลังมาครับแม่" เธอได้ยินเสียงฟินน์ชัดเจน "ไม่นะ เร็วไป พระจันทร์ยังไม่สูงพอ ไปเร็วเข้า" เอสเธอร์บอกกับแม่มดเบนเน็ตต์สองคนที่รีบวิ่งหนีไป
พวกเขาเดินไปหยุดตรงหน้าวงกลมเหลือที่ถูกวาดเป็นดอกจันทร์และมีคบเพลิงตั้งรอบๆ ในวงกลมมีเอสเธอร์และฟินน์ยืนอยู่ "ลูกๆของข้าและโรซาเบลล่า มากันแล้วสินะ" เอสเธอร์พูด
"มาอยู่ข้างๆผม" ฟินน์พูดพลางกางแขนราวกับปกป้องแม่ของตน "ไม่เป็นไรหรอก พวกเขาเข้ามาไม่ได้" เอสเธอร์พูดและเบลล่าก็เอียงคอมองเธอ
โคลพยายามเดินเข้าไปแต่คบไฟที่มีเพลิงอยู่ก็ลุกอย่างโชกโชน "ดีจังนะเราติดอยู่ข้างนอกนี่ ขณะที่ลูกชายคนโปรดกำลังเล่นเป็นลูกแกะบูชายัญพี่นี่มันน่าสังเวชจริงๆนะฟินน์"
"เงียบไปเถอะ พี่ชายของเจ้ามีคุณธรรมมากกว่าที่เจ้าคิด" เอสเธอร์โต้กลับ "พวกเราจะคิดยังไงก็ช่างแต่การฆ่าลูกของตัวเองเป็นความชั่วร้าย" เอไลจาห์กล่าว
"ความเสียใจเดียวของแม่คือการไม่ได้ปล่อยให้พวกเจ้าตายเมื่อพันปีก่อน" เบลล่ากลอกตาไปมา "พอแล้วเรื่องพวกนี้ทำให้ผมเบื่อเต็มที ยุติเรื่องนี้เถอะแม่ไม่งั้นผมจะส่งแม่ไปลงนรก"
เบลล่าเฝ้ามองเมื่อเอสเธอร์ก้าวขึ้นมาหนึ่งก้าว "เป็นเวลานับพันปีที่แม่ถูกบังคับให้ดูเจ้ารู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดของเหยื่อทุกรายที่ทรมานขณะเลือดไหลออกจากร่างแม้แต่เจ้าเอไลจาห์แม้จะสูงส่งแต่ก็ไม่ได้ดีไปกว่าคนอื่นๆเลย พวกเจ้าทุกคนเป็นคำสาปที่อยู่บนโลกใบนี้ที่แผ่ขยายเผ่าพันธุ์ออกไป รุ่นแล้วรุ่นเล่า ถ้าพวกเจ้ามาเพื่อร้องขอชีวิตละก็. . .ต้องขอโทษด้วย มันเสียเวลาเปล่า"
โรซาเบลล่าพอแล้วกับการพูดพล่ามของแม่มดดั้งเดิม เธอก้าวขึ้นมาและจ้องไปที่สองคนในวงกลมอย่างไม่เกรงกลัว "คิดจะย้อนกลับคาถาน่ะ คิดดีแล้วหรอ" เธอถามพลางเอียงคอ
"ธรรมชาติไม่ได้ตั้งใจสร้างแวมไพร์ขึ้นมาเพราะงั้นธรรมชาติถึงโต้กลับแต่ตอนนี้. . .นับเวลากว่าพันปีที่พวกเขาเดินอยู่บนโลก ธรรมชาติย่อมปรับตัวและสร้างสมดุลเพราะฉนั้นถ้าคุณจะย้อนกลับคาถาละก็ ธรรมชาติจะโต้กลับเช่นเดียวกัน ธรรมชาติจะไม่ยอมให้แวมไพร์กลับไปเป็นมนุษย์ โดยเฉพาะแวมไพร์ดั้งเดิม"
เอสเธอร์มองหญิงสาว "แล้วเธอรู้ได้ยังไงกันล่ะ เป็นแค่ไฟว์เบิร์ดธรรมดาๆ ไม่มีอำนาจที่จะต่อกรกับข้า" เบลล่าเลิกคิ้วและยิ้มเยาะ "ก็จริงแหละแต่ว่า. . .ฉันมีไพ่ใบสุดท้ายอยู่นะ"
ทั้งหมดมองไปที่หญิงสาวด้วยความสงสัยใคร่รู้และเบลล่าก็หัวเราะออกมาเบาๆ "ไว้ถามคำถามที่ต้องการกับไฟว์เบิร์ดตัวแรกเอาแล้วกัน" หลังจากที่โรซาเบลล่าพูดจบ คลื่นความร้อนก็เข้าครอบงำเธอ คบเพลิงที่เอสเธอร์จุดลุกโชน นัยตาของเบลล่ากลายเป็นสีส้ม
สายลมในยามราตรีพัดเบาๆทำให้เกิดความหนาวเย็นกับผิวและเมื่อเบลล่าหลับตาลงเธอก็สัมผัสได้ถึงเวมนตร์ที่พุ่งสูงขึ้น และเมื่อลืมตาขึ้นมาเธอก็ไม่ใช่โรซาเบลล่า ฮิลส์อีกต่อไป
เธอคือแอสทริด. . .ไฟว์เบิร์ดตัวแรกของโลก
ก็บอกแล้วว่าพวกเขาน่ะมีแผน ;)
นัยตาสีส้มดับวูบลง "สวัสดีเอสเธอร์ น่าเสียดายที่เราต้องมาเจอกันในสถานการณ์แบบนี้" แอสทริดพูดพลางเดินเข้าไปใกล้อีกหนึ่งก้าว เอสเธอร์ที่สัมผัสได้ถึงเวทมนตร์ของผู้หญิงตรงหน้าทำให้เธอถอยหลังไปทันที
แอสทริดในร่างเบลล่าขมวดคิ้ว "กลัวหรอ? กลัวทำไมกัน เราไม่ได้จะมาทำร้ายใครซะหน่อย" จากนั้นแอสทริดก็แก้คำพูดของเธอ "ก็ถ้าไม่จำเป็นอ่ะนะ" เธอยักไหล่
"อย่างที่โรซาเบลล่าพูดก็ถูกนะ ธรรมชาติน่ะปรับสมดุลแล้วและถ้าเจ้าย้อนกลับเวทมนตร์หรือคาถาที่เจ้าเคยสร้าง ธรรมชาติจะโต้กลับและใครจะรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับวิญญาณของเจ้าหากตายไป"
เอสเธอร์ยกมือขึ้นและใช้เวทมนตร์ส่งแอสทริดบินไปกระแทกกับต้นไม้ทำให้เธอร้องควญครางด้วยความเจ็บปวดออกมา "เบลล่า!" เคลาส์ร้องตะโกน แอสทริดถอนหายใจก่อนจะยันตัวลุกขึ้นยืนด้วยความช่วยเหลือจากเคลาส์
แอสทริดจ้องมองไปที่เอสเธอร์ที่เริ่มพึมพำคาถาใต้ลมหายใจและร่างของเบลล่าก็ทรุดลงพร้อมกับกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด ไม่กี่วินาทีต่อมาอเมทิสต์สีม่วงก็ส่องประกายทำให้ความเจ็บปวดหยุดลง
แอสทริดในร่างเบลล่าถอนหายใจอีกครั้งก่อนจะเงยหน้าขึ้นพร้อมกับนัยตาสีส้มเรืองแสงอันตราย เธอยกมือทั้งสองข้างขึ้น "Eorrupon Vinea." เธอพึมพำซ้ำอยู่สองสามครั้งก่อนที่เถาวัลย์ที่มีหนามีเขียวงอกขึ้นจากพื้นดินอย่างช้าๆ
มือข้างหนึ่งของแอสทริดยกขึ้นอย่างช้าๆพร้อมกับเถาวัลย์ที่เลื้อยพันกับคบเพลิงทั้งห้าอัน ไฟบนคบเพลิงเริ่มหรี่ลงจากนั้นเถาวัลย์ก็หยุดพร้อมกับแอสทริดในร่างเบลล่าและลดมือลง
โคลมองด้วยความประหลาดใจพร้อมกับคนอื่นๆ "ทำได้ยังไงกัน! เธอไม่ควรจะใช้เวทมนตร์ได้สิ!" แอสริดกลอกตาและลุกขึ้นยืน "เบลล่าน่ะใช่แต่ฉันน่ะ ไม่" เธอตอบกลับ "เธอเป็นใครกันแน่" เอสเธอร์ถามด้วยความสั่นในน้ำเสียง
"ไฟว์เบิร์ดตัวแรก ยินดีที่ได้รู้จัก ฉันชื่อแอสทริด" วินาทีต่อมามือข้างหนึ่งของแอสทริดก็ยกขึ้นพร้อมกับกางออก "Lecatio Maxima." เธอร่ายคาถาก่อนที่ไฟฟ้าสีฟ้าจะพุ่งออกจากมือของเธอและตรงไปยังฟินน์ทำให้เขาบาดเจ็บจนล้มลงไป
แอสทริดยิ้มด้วยความพอใจก่อนที่วินาทีต่อมาเมื่อเอสเธอร์หลับตาลงและแอสทริดก็รู้สึกได้ถึงเวทมนตร์ที่ขาดการเชื่อมต่อ "ไม่ พี่น้องข้าอย่าทิ้งข้าไป!" เอสเธอร์ร้องตะโกน
วินาทีต่อมาไฟก็ลุกโชนขึ้นจนมองไม่เห็นอะไรทำให้แอสทริดต้องหลับตาลงและป้องกันตัวเองจากไฟนั่นแม้ว่ามันจะทำอะไรเธอไม่ได้อยู่ดีก็ตาม
เมื่อพวกเขาลืมตาขึ้นมาก็พบว่าคบเพลิงทั้งหมดดับลงแล้วและฟินน์กับเอสเธอร์ก็หายไปแล้ว แอสทริดในร่างเบลล่าถอนหายใจทำให้พวกเขาทั้งหมดหันไปมองที่เธอ "คุณเป็นใครแล้วทำอะไรกับเบลล่า" เคลาส์ถามด้วยความโกรธเล็กน้อย
แอสทริดหรี่ตามองที่เขา "เธอสบายดี ฉันจะคืนเธอให้ตอนนี้เลยแล้วกัน" แอสทริดพูดก่อนจะหลับตาลงและวินาทีต่อมาเมื่อเปลือกตาสีมุกเปิดขึ้นอีกครั้งนัยตาสีส้มก็เรืองแสงก่อนจะดับวูบไป
เบลล่ามองไปรอบๆด้วยคิ้วขมวดก่อนจะมองไปที่เคลาส์และยิ้มเล็กๆ เธอถอนหายใจออกมา "ก็. . .ดูเหมือนเรามีเรื่องต้องคุยกันเยอะนะ" เธอเอียงคอมองพวกเขา
—
พวกเขานั่งล้อมรอบกันบนโซฟาหลังจากที่โรซาเบลล่าเล่าทุกอย่างให้พวกเขาฟังรวมถึงรีเบ็คก้า "งั้นก็แปลว่าแอสทริดนี่คือไฟว์เบิร์ดตัวแรกที่อยู่ในร่างเธอมาตลอดสิบกว่าปี?" โคลถามและเบลล่าก็พยักหน้า
"แล้วเราจะเชื่อได้ไงว่าแอสทริดนี่มีเจตนาดี" เคลาส์ถามและเบลล่าก็ยิ้มเล็กๆที่มุมปาก "เธอมีเจตนาดีแน่ๆล่ะ เธอเป็นคนคิดแผนการช่วยพวกนายตั้งหลายครั้ง" เบลล่าตอบ
"วันนี้มีแต่เรื่องเซอร์ไพส์" รีเบ็คก้าแสดงความคิดเห็น เบลล่าหัวเราะเบาๆ "ใช่มั้ยล่ะ" เบลล่ามองไปรอบๆก่อนจะสังเกตเห็นว่าเคลาส์ดูเครียดกว่าคนอื่นๆ
เธอเอื้อมมือไปหาเขา "ไม่ต้องห่วงหรอก แอสทริดจะครอบครองฉันเมื่อฉันอนุญาตเท่านั้นและพวกนายจะรู้สึกได้เองว่านั่นคือแอสทริด" โรซาเบลล่าพูดคลายความข้องใจของทุกคน
และแล้วความลับก็ถูกเปิดเผยจนได้. . .และโรซาเบลล่าโล่งใจเป็นบ้าเลยล่ะ
"จะไปแล้วหรอ" เบลล่าถามพลางพิงกรอบประตูห้องนอน นัยตาสีฟ้าเฝ้ามองโคลจัดของลงกระเป๋าเดินทางของเขา "ก็นะ ไหนๆก็แล้ว ฉันคิดว่าฉันจะกลับไปเดินทางรอบโลกอีกครั้งหลังจากโดนกริชมานานเกือบศตวรรษ"
เบลล่าพยักหน้ายิ้มก่อนจะเดินเข้าไปพร้อมกับหยิบของชิ้นสุดท้ายบนเตียงของโคลและใส่เข้าไปในกระเป๋าเดินทาง โคลปิดกระเป๋าเดินทางและหันไปหาเธอ
เขายิ้ม "ฉันหวังว่าเราจะมีเวลามากกว่านี้ ฉันจะได้สอนเธอเกี่ยวกับเวทมนตร์" โคลพูด ไม่ต้องการย่ะ แอสทริดพูดในหัวของเบลล่าและเธอก็หัวเราะออกมาก่อนจะยิ้มให้โคล
"แอสทริดบอกว่าไม่ต้องการ" เธอพูดติดตลกและโคลก็หัวเราะเบาๆ "รู้มั้ย ฉันดีใจนะที่มีเธอเข้ามาในครอบครัว" เขาพูดและเบลล่าก็ยิ้มก่อนจะดึงเขาเข้ามากอด
"ส่งโปสการ์ดมาให้ด้วยล่ะ ฉันอยากได้รูปสวยๆเป็นที่ระลึก" โคลกอดเธอกลับแน่น "ดูแลพี่ชายของฉันด้วย" พวกเขาทั้งสองทำสัญญาต่อกันและกันก่อนจะปล่อยกอดกันไป
"แล้วเจอกัน" เธอกระซิบก่อนจะจูบเบาๆที่แก้มของโคลและเดินหันหลังออกไป
คนผมแดงล้มตัวลงนอนบนเตียงและถอนหายใจออกมา มันเป็นวันที่ยาวนานสำหรับเธอ แต่ก่อนที่จะได้ปิดเปลือกตาเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น เธอหยิบมันขึ้นมาและพบว่าเป็นเอไลจาห์ที่โทรมา
"เอไลจาห์" เธอพูดด้วยความร่าเริงเล็กน้อย [โรซาเบลล่าที่รัก ฉันอยากจะบอกว่าฉันจะออกจากเมืองสักพักนะ] เขาพูดและเบลล่าก็ขมวดคิ้วพลางความทรงจำก็นึกไปถึงตอนที่เอสเธอร์พูดกับเขาตอนพิธีกรรม
เธอพยักหน้าแม้ว่าเขาจะไม่เห็นก็ตาม "รับทราบค่ะ เพราะคำพูดเอสเธอร์สินะ" เธอพึมพำประโยคหลังแต่ไม่วายเอไลจาห์ยังคงได้ยินและความเงียบที่ตอบกลับมาเป็นสิ่งยืนยันได้ดีที่สุดสำหรับโรซาเบลล่า
เธอถอนหายใจเล็กน้อย "รู้มั้ย ไปเที่ยวให้สนุกเถอะค่ะ ลืมเรื่องพวกนี้ไปสักพักก็ได้ ดีมั้ยคะแล้วพอกลับมาค่อยเล่าให้หนูฟังว่าเป็นไงบ้าง" เธอกล่าวและยิ้มเล็กๆ
"แล้วเจอกันนะคะ" เธอพูดก่อนจะตัดสายทิ้งและวางโทรศัพท์ไว้หัวเตียง ถอนหายใจก่อนจะหลับตาและจมเข้าสู่ห้วงนิทราไป
Talk ;
ทำไมเราแต่งแล้วรู้สึกว่ายิ่งแต่งยิ่งเละเทะ งงนะ ;-; ออกทะเลไปเรื่อยมาก55555555 เป็นไงบ้างคะ ชอบกันมั้ยเอ่ยติชมได้น้า
![นิยายแฟร์ 2024](https://image.dek-d.com/contentimg/2024/writer/assets/fair/07/reader_850x90.webp)
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น