ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    the vampire diaries — fire on fire , klaus mikaelson

    ลำดับตอนที่ #23 : ⁽ 21 ⁾

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 125
      12
      18 มี.ค. 65

    430 Wattpad gifs ideas | aesthetic gif, wattpad, gif
    ( 21 )
    3x13 - Bringing Out the Dead


    วันที่ผ่านมามีเรื่องเกิดขึ้นมากมาย จากการอัพเดทที่เบลล่าพอจะสามารถเข้าถึงได้คือเคลาส์ได้โลงศพกลับคืนมาแล้วและนั่นก็เป็นที่น่าพอใจอย่างยิ่งสำหรับเธอ มันหมายความเธอได้เอไลจาห์กลับมาแล้ว

    ด้วยเหตุผลเบลล่าจึงวางแผนจะไปเยี่ยมเขาในวันรุ่งขึ้นโดยไม่ได้คาดหวังเอาไว้ว่าเขาจะมาหาเธอก่อนในรุ่งสางที่เบลล่าพึ่งตื่นได้ไม่กี่นาที เสียงเคาะประตูทำให้เบลล่าหรี่ตาที่แสงอาทิตย์ก่อนจะเดินลงอย่างช้าๆไปยังประตูบานไม้สีขาว

    มือเรียวเอื้อมไปเปิดก่อนจะอ้าปากค้าง คนตรงหน้าเธอคือชายหนุ่มในชุดสูสีกากี เขามีรอยยิ้มเล็กๆที่มุมปาก "เอไลจาห์" เบลล่ากระซิบหลังจากหาเสียงของตนเองได้ในที่สุด

    ไม่รอช้าเธอกระโดดเข้าไปในอ้อมแขนของเขาที่รออยู่แล้ว เธอถอนหายใจออกมาและสูดดมกลิ่นที่คุ้นเคยก่อนจะผละตัวออกจากอ้อมกอดและยิ้มกว้างพร้อมหัวเราะเบาๆ

    "ยินดีที่ได้เจอเธออีกครั้งเช่นกันโรซาเบลล่า" เอไลจาห์พูดและเธอก็ยิ้มไปถึงตา "ฉันคิดถึงคุณ เอไลจาห์" เธอบอกกับเขาและเขาก็ยิ้ม "แน่นอนว่าต้องเป็นอย่างงั้น"

    โรซาเบลล่าหัวเราะอีกครั้งก่อนจะสังเกตเห็นสีหน้าของเขา "มีอะไรหรือเปล่าเอลี?" เธอถาม เขาเม้มริมฝีปากชั่งใจว่าควรจะบอกเธอดีหรือไม่ก่อนจะถอนหายใจออกมา

    "เอาล่ะดูเหมือนว่าเรามีเรื่องต้องคุยกันมากเลยนะ" เขาพูดและเบลล่าก็อ้าปากค้างเล็กน้อยก่อนจะพยักหน้าและเปิดประตูให้เขาเข้าไปก่อนจะปิดประตูบานไม้สีขาวด้วยความเบามือ


    หลังจากที่เอไลจาห์ฟังเรื่องของเบลล่าเสร็จแล้วเธอก็ให้เขาเล่าเรื่องของเขาบ้าง หลังจากที่ได้ฟังแผนงานเลี้ยงที่บอกว่าจะจัดงานเลี้ยงที่บ้านไมเคิลสันและเอไลจาห์มีแผนที่จะดึงกริชพี่น้องของเขาออก

    เบลล่าไม่ได้แสดงความคิดเห็นอะไรเพียงแค่บอกว่าเธอจะเข้าร่วมงานเลี้ยงอาหารค่ำในวันนั้น ก่อนเอไลจาห์จะจากไปเบลล่าได้ตัดสินใจสารภาพบางอย่างที่อาจทำให้ความสัมพันธ์ของเธอกับเขาขาดลง

    "เอไลจาห์มีบางอย่างที่คุณต้องรู้" เบลล่าพูดก่อนจะสารภาพเกี่ยวกับจูบและเหตุการณ์ที่เคลาส์จีบเธอ เกิดความเงียบอยู่ชั่วขณะก่อนจะถอนหายใจออกมา

    โรซาเบลล่าไม่กล้ามองหน้าเขา เธอมองลงที่พื้นก่อนเสียงของเอไลจาห์จะดังขึ้นดึงดูดความสนใจของเธอ "เธอรักเขามั้ย" เธอเงยหน้าขึ้นทันทีก่อนจะปล่อยเสียงหัวเราะประชดประชันออกมา

    "อะไรนะ?" เธอถาม "เธอรักเขามั้ย" เอไลจาห์ถามซ้ำอีกครั้ง เขายอมรับว่าไม่อยากให้คนที่เป็นเหมือนลูกสาวของเขาคบกับพี่ชายของเขาแต่ทว่าเขาก็รู้ด้วยว่าพี่ชายของเขาจะปกป้องเธอและเขาหวังลึกๆว่าเบลล่าจะสามารถเปลี่ยนพี่ชายของเขาได้

    คนผมสีแดงเม้มริมฝีปากก่อนจะพยักหน้าเบาๆ "ฉันคิดว่า..." เธอกระซิบก่อนจะพ่นลมหายใจออกมาและยิ้มให้เอไลจาห์ที่ยิ้มเล็กน้อยกลับมาที่เธอ "ถ้ามีความสุขก็ทำไปเถอะ"




    โรซาเบลล่า ฮิลส์ใส่ชุดเดรสสีเขียวลายดอกไม้สีขาวประปรายที่มีเข้มขัดสีดำคาดผ่านตรงเอวยืนอยู่หน้าประตูของคฤหาสน์หลังหนึ่งตามที่เอไลจาห์บอกพร้อมกับพี่น้องซัลวาเทอร์สองคนที่อยู่ที่นั่นด้วย

    มือเรียวของเธอยกขึ้นเคาะประตูก่อนที่ประตูจะถูกเปิดออกโดยเอไลจาห์ที่ยิ้มเล้กน้อย "นิกเคลาส์ แขกของเรามาแล้ว" เอไลจาห์ตะโกนบอกลูกผสมดั้งเดิม

    เบลล่าตัดสินใจเดินเข้าไปก่อนหลังจากที่เอไลจาห์เอนตัวหลบ เธอมองไปรอบๆก่อนจะสบตาสีคุ้นเคย "เบลล่า" เขากระซิบกับเบลล่าที่ยิ้มให้เขาเล็กน้อยก่อนที่เดม่อนกับสเตฟานจะเดินเข้าไปตามหลัง

    สีหน้าของเคลาส์เปลี่ยนไปทันที "เดม่อน สเตฟาน เอไลจาห์บอกฉันว่านายหาคนรับฟัง ชัดเจนมากเลยนะ" เขาเริ่มพูด เบลล่าถอนหายใจเบาๆโดยรู้ว่างานเลี้ยงอาหารค่ำจะไม่จบลงด้วยดี

    "งั้นเรามาคุยเงื่อนไขข้อตกลงอย่างมีอารยธรรมเลยดีมั้ย" เบลล่ามองเห็นสาวบริการสองคนที่เธอรู้ว่าต้องโดนบังคับมาแน่ๆ "ตามใจเขาดีกว่านะ" เอไลจาห์พูด

    เบลล่าเริ่มเดินไป "ผมไม่ได้มาที่นี่เพื่อกินอะไรหรอก เคลาส์ ความจริงผมไม่อยากมาเลยด้วยซ้ำแต่เพราะโดนบังคับดลยต้องมา เพราะคุณคงได้ยินพวกเราหมดแล้ว" สเตฟานพูด

    "งั้นนั่งลงแล้วก็กินซะสิ ไม่งั้นฉันจะล้วงคอพวกนายและยัดอาหารเข้าไป เลือกเอาเองนะ" เบลล่ากลอกตาก่อนจะเดินไปข้างๆเอไลจาห์ที่เลื่อนเก้าอี้ให้เธอ เธอยิ้มขอบคุณเขาไม่นานนักพี่น้องทั้งสองก็นั่งลง

    อาหารเริ่มถูกเสิร์ฟทันทีและไวน์ก็เริ่มถูกเติมลงบนใบแก้ว "ขอบคุณที่รัก" เดม่อนพูดกับบริกรสาว "ไม่อยากอาหารเลยหรือไง" เคลาส์ถามสเตฟานขณะที่เบลล่าเริ่มกินอย่างเงียบๆ

    "กินซะหน่อยสิ ฉันว่าเราตกลงกันแล้วนะว่าจะทิ้งสเตฟานขี้หงุดหงิดไว้ที่บ้าน" เดม่อนพูดและสเตฟานก็เริ่มกิน "อย่างนี้สิจิตวิญญาณ ไม่ดีหรือไงเราห้าคนได้านมื้อเย็นร่วมกัน ช่างเป็นภาพที่เพลิดเพลินเสียจริง นี่เป็นภาพที่นายคิดเอาไว้ตอนนายดึงกริชออกหรือเปล่าละ"

    "ผมรู้ดีว่าเขารู้สึกกับคุณยังไง ผมคิดว่ามันยิ่งกว่านั้น ดีสุดๆ" เดม่อนพูด "เอไลจาห์กับฉันเคยผิดใจกันเป็นศตวรรษแต่พวกเราผ่านมาได้เสมอ" เคลาส์พูด

    "เหมือนกับคุณกับรีเบ็คก้าใช่มั้ย แล้วเธออยู่ไหนล่ะ ล่าสุดที่ผมรู้ เธอยังถูกปักอกอยู่นี่เพราะคุณกลัวว่าต้องเผชิญหน้ากับเธอ" สเตฟานพูด "ถ้านายหมายถึงความจริงที่ว่ารีเบ็คก้ารู้ว่าฉันฆ่าแม่ของตัวเองล่ะก็....ฉันปรับความเข้าใจกับเอไลจาห์เรียบร้อยแล้ว"

    "เฮ้ สเตฟจำตอนที่นายฆ่าพ่อได้มั้ยล่ะ นายอาจจะอยากคุยกันจนถึงช่วงของหวาน" เดม่อนพูดและเบลล่าก็กลอกตา "เรามาที่นี่เพื่อทำข้อตกลงนะเดม่อน ไม่ได้หมายความว่าเราต้องประจบประแจงเขาจนครอบอาหารทั้งเจ็ดคอร์สซะหน่อย"

    เบลล่ายกแก้วขึ้นจิบไวน์และเพลิดเพลินกับความร้อนที่เผาไหม้เส้นเลือดเธอเงียบๆ "ฉันกำลังบอกว่าเรายังถึงไหนกันเลย รีบเข้าประเด็นหน่อยก็ดีนะ" เอไลจาห์พูด

    เธอถอนหายใจพลางเล่นกับสร้อยคอเงียบๆ จนกระทั่งเอไลจาห์เริ่มถามขึ้นมา "สเตฟาน คืนนี้เอเลน่าที่น่ารักไปไหนล่ะ" เขาถาม "ไม่รู้ถามเดม่อนดูสิ" สเตฟานตอบ

    เคลาส์หัวเราะคิกคักเบาๆและเบลล่าก็เงยหน้าขึ้นมองเขา "โทษที นายพลาดอะไรไปเยอะเลย" เคลาส์พูดกับพี่ชายของเขา "ปัญหาภายในน่ะ" เบลล่าบอก

    "ถ้ายังพูดถึงเอเลน่าอีกคำเดียว มื้อค่ำนี้จบแน่" สเตฟานเตือน เคลาส์ยกนิ้วชี้ขึ้นทำท่าจุ๊ปาก "รู้อะไรไหม เราน่าจะเก็บเรื่องเอเลน่า ไว้ในวาระที่จะไม่เอามาคุยดีกว่านะ" เดม่อนพูด

    "เสน่ห์ของดอพเพิลเกงเกอร์สายเลือดเปโตรวานี่แรงจริงๆนะ ว่าไงล่ะพี่ชาย เราควรเล่าเรื่องทาเทียให้พวกเขาฟังไหม" เบลล่าสนใจทันทีโดยเลิกคิ้วเงียบๆ "ทำไมถึงไม่คุยประเด็นสำคัญที่ต้องการหาข้อยุติกันมานานล่ะ" เห็นได้ชัดว่าเขาไม่อยากพูดถึงเรื่องนี้

    "ก็แค่แบ่งปันความรักใคร่ที่มีต่อทั้งเอเลน่าและแคทเธอรีน่าให้แขกของเรา พวกเขาอาจอยากรู้เรื่องต้นตระกูลเปโตรวาก็ได้" เคลาส์พูดและเบลล่าก็หันไปหาเอไลจาห์ "เราจะไม่หลงประเด็นหรอกเอลี ได้โปรด"

    เธอไม่มั่นใจว่าเขาเล่าเรื่องนี้ไปแล้วหรือยัง มันอาจถูกลืมเลือนไปในความทรงจำอันไกลแสนไกล "ตอนที่ครอบครัวของเรามาตั้งรกรากอยู่ที่นี่แรกๆมีหญิงสาวคนหนึ่งชื่อว่าทาเทีย เธอช่างงดงามอย่างยิ่ง ชายทุกวันต่างปราถนาจะเกี้ยวพาราสีเธอถึงแม้เธอจะมีลูกมีสามีแล้วก็ตามไม่มีใครรักเธอไปมากกว่านิกเคลาส์"

    "โอ้ ฉันน่าจะพูดว่ามีอีกคนที่รักเธอสุดๆเช่นกัน" เคลาส์แก้ตัวและมองไปทางเอไลจาห์ "เดี๋ยวนะแสดงว่าคุณสองคนรักผู้หญิงคนเดียวกันงั้นหรอ" สเตฟานถาม

    "แม่ของเราเป็นแม่มดที่ทรงพลังมาก แม่พยายามหาวิธียุติความบาดหมางของเราแม่จึงเอาตัวเธอไป เคลาส์กับฉันรู้ว่าเลือดที่เราดื่มคือเลือดของทาเทียในคืนที่แม่ของเราทำพิธีร่ายมนตร์...เปลี่ยนให้เราเป็นแวมไพร์ ทาเทียไม่ได้ตัดสินใจเลือกใครดังนั้นในตอนนั้นเองนิกเคลาส์กับฉันจึงบาดหมางใจกัน กล่าววาจาที่รุนแรงแม้แต่ชกต่อยกันก็เคย ใช่มั้ยน้องชาย"

    "แต่ในที่สุดเราก็ตระหนักถึงสายสัมพันธ์ครอบครัว" เบลล่ายิ้มเล็กน้อย "ครอบครัวเหนือทุกสิ่ง" เอไลจาห์หยิบแก้วขึ้นและเคลาส์ก็ทำเช่นเดียวกันก่อนจะพูดซ้ำ "ครอบครัวเหนือทุกสิ่ง"

    พวกเขาชนแก้วกันและเบลล่าก็ยิ้มออกมาเมื่อรู้สึกได้ว่าสายพันธ์ครอบครัวของพวกเขาแข็งแกร่งอย่างมากและจะไม่มีอะไรสามารถทำลายมันได้ แม้ว่าพวกเขาจะทำร้ายกันและกันมากกว่าหลายพันครั้งพวกเขาก็ยังคงเป็นครอบครัวเดียวกันที่รักกันมานานนับพันปี

    หลังจากที่กินเสร็จกันแล้วบริการสาวก็เริ่มเก็บจานออกไป "ทำไมเราไม่คุยกันเรื่องข้อเสนอสักทีล่ะ" สเตฟานเริ่ม "มันก็ง่ายๆ เคลาส์ได้โลงศพของเขาคืนไปเพื่อแลกกับการที่เขาและครอบครัวดั้งเดิมต้องออกจากเมืองมิสติค ฟอลส์ไปตลอดกาล ผม สเตฟาน เอเลน่าจะอยู่กันอย่างมีความสุขนับแต่บัดนั้นโดยไม่มีความบาดหมางกัน"

    เบลล่ากลอกตา ไม่แปลกใจเลย เธอคิด "ข้อตกลงฟังดูยุติธรรมดีนะน้องชาย" เอไลจาห์บอกกับเคลาส์ "ฉันคิดว่านายไม่เข้าใจเลือดดอพเพิลเกงเกอร์ของเอเลน่า เป็นหลักประกันว่าฉันจะสร้างลูกผสมได้อีกเรื่อยๆเพื่อต่อสู้กับพวกที่เป็นศัตรูกับฉัน ฉันจะไม่มีวันทิ้งเธอไว้แน่นอน" เคลาส์พูด

    โรซาเบลล่าเม้มริมฝีปาก "สมมุติว่าฉันปล่อยให้เธออยู่ที่นี่ โดยมีพวกนายคอยปกป้องแล้วไงล่ะ อีกนานแค่ไหนกว่าหนึ่งในพวกนายจะเปลี่ยนเธอให้เป็นแวมไพร์ หรือแย่กว่านั้นเธอจะอยู่ได้อีกนานแค่ไหนที่ต้องอยู่ระหว่างความขัดแย้งของพวกนาย เห็นไหม พวกนายแต่ละคนเชื่อสุดใจว่าตัวเองเป็นคนเดียวที่ปกป้องเธอได้ นี่เป็นการเข้าใจผิดโดยสิ้นเชิง สุภาพบุรุษ...สิ่งที่เลวร้ายที่สุดสำหรับเอเลน่า กิลเบิร์ตก้คือนายทั้งสองคนนั้นแหละ"

    เงียบอยู่พักหนึ่งก่อนที่เดม่อนจะเริ่มพูดขึ้น "ผมขอออกไปสูดอากาศหน่อยนะ" เขาเริ่มเดินออกไป "ให้ฉันจัดการเรื่องนี้เอง" เอไลจาห์พูดก่อนจะเดินตามเดม่อนออกไปและเบลล่าก็ถอนหายใจ

    "การเจรจาครั้งนี้ทำให้ฉันคอแห้ง" เขามองไปที่สาวคนหนึ่งและเธอก็เริ่มเดินไปหาเขา "ว่าไงล่ะ สเตฟาน นายคงไม่ว่าอะไรนะถ้าฉันจะขอดื่มหลังมื้อค่ำสักนิด" เคลาส์พูดก่อนจะแสดงเขี้ยวออกมาและเริ่มดื่มจากหญิงสาวคนนั้น

    ผ่านไปราวนาทีก่อนที่เคลาส์จะผละออกมา "อร่อยดีจริงๆ" เขาปล่อยเธอทิ้งลงกับพื้น "รสชาติดีเลยทีเดียว" เขายกนิ้วขึ้นเช็ดเลือดมุมปาก "เอาละ ผมคิดว่าเหตุผลเดียวที่คุณเห็นด้วยในการเจรจานี้นะเคลาส์ คือการทำให้ผมกับพี่ชายแตกแยกกัน"

    "ไม่หรอก นายทำตัวเองต่างหากเพราะเอเลน่า นายเกือบสูญเสียพี่ชายแล้วนายก็ได้แต่โทษตัวเอง" นิกพูด "คุณพูดยังไงนะเคลาส์" เดม่อนพูดขณะที่เดินเข้ามาในห้องพร้อมเอไลจาห์

    "ถึงเวลาที่คุณจะยื่นข้อเสนอแล้ว เรายื่นข้อเสนอของเราไปแล้ว ตอนนี้ตาคุณ" เดม่อนพูดและเบลล่าก็ยืนขึ้นเดินออกห่างพวกเขาเล็กน้อยด้วยความรู้สึกเตือนในลำไส้

    เคลาส์นั่งลง "ก็ได้ ฉันเสนอว่าเอเลน่าจะมีอนาคตที่มีความสุขนายก็รู้ว่าสิ่งที่เธอต้องการตอนนี้ก็คือไม่ต้องมีนายทั้งสองคนและมีความรักกับมนุษย์ธรรมดา บางทีอาจเป็นเจ้าหนุ่มนักฟุตบอลคนนั้น ผมสีบลอนด์น่ะ"

    "แมท โดโนแวนหรอ จริงหรอ" เดม่อนทำหน้ารังเกียจเล็กน้อย "ใช่ ทำไมล่ะ พวกเขาจะแต่งงานกัน มีชีวิตที่ยืนยาวและมีครอบครัวที่สมบูรณ์แบบ" เคลาส์พูด

    "และสืบสายเลือดเปโตรวาต่อไป ทุกๆสองสามร้อยปีคุณก็จะมีดอพเพิลเกงเกอร์คนใหม่แล้วก็สร้างลูกผสมได้ไม่มีสิ้นสุดใช่มั้ยล่ะ" สเตฟานต่อจนจบ

    "คิดๆดูฉันก็ไม่ได้ผลตอบแทนมากนักในการลงทุนเพื่อชีวิตที่ดีของเธอ หลังจากที่นายส่งโลงศพคืนมาให้ฉัน ฉันก็จะรับประกันความปลอดภัยของเธอไปจนวาระสุดท้ายของชีวิต นายก็รู้ดีว่าอะไรเป็นสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับเธอ ดังนั้น นายคิดว่าไงล่ะสเตฟาน เราตกลงกันได้มั้ย" เคลาส์พูด

    จากนั้นสเตฟานก็เริ่มเดินไปหาเขา "นายจะทำอะไร" เดม่อนถาม เคลาส์ยื่นมือออกมาเพื่อรอก่อนที่สเตฟาจจะจับมือเขาเหมือนทำข้อตกลงแต่ก็พูดขึ้น "พยายามได้ดีเคลาส์ แต่ไม่มีการตกลงอะไรทั้งนั้น"

    เคลาส์บิดข้อมือเขาและหักขาสเตฟานก่อนจะเอามือเขาข้างหนึ่งเข้าไปในกองไฟของเตาผิง เดม่อนพยายามจะไปช่วยพี่ชายของเขาแต่เอไลจาห์ก็ตรึงเขาไว้กับกำแพง

    เบลล่าเบิกตากว้างมองด้วยความสยดสยอง "หยุดนะ" เดม่อนตะโกน "ส่งโลงศพคืนมาให้ฉัน...ก่อนที่ฉันจะเผาเขาทั้งเป็น" เสียงสเตฟานยังคงดังต่อไปและเบลล่าก็เม้มริมฝีปาก

    "ฉันจะเอามาให้" เดม่อนพูดก่อนจะเดินออกไป "ไปกับเขาสิพี่ชาย คอยคุมเขาเอาไว้ เมื่อนายกลับมาฉันจะทำตามกับที่สัญญากับนายเอาไว้แล้วฉันก็จะส่งคืนครอบครัวเราไงล่ะ" เคลาส์บอกเอไลจาห์

    เอไลจาห์มองเขาครู่หนึ่งก่อนจะเดินออกไปและเบลล่าก็มองไปที่เตาผิง นัยตาสีฟ้าเปลี่ยนเป็นสีส้มสดใส ดูเหมือนว่าจะไฟจะลดระดับความร้อนลงเล็กน้อยแต่ก็ไม่พอที่จะให้เคลาส์จับได้

    "เอาเลยสิ ฆ่าผม ผมรู้อยู่แล้วว่ายังไงคุณก็จะทำเมื่อได้โลงศพคืน" สเตฟานพูดขึ้น เคลาส์เอามือเขาออกจากเตาผิงในที่สุด "นายคงไม่ยอมแพ้ง่ายใช่มั้ย ทำไมไม่สู้ล่ะ สเตฟานผู้บ้าคลั่งหายไปไหน"

    เบลล่าหันไปมองเมื่อได้ยินเสียงเดิน "เอไลจาห์ ทำไมยังไม่ไปอีกล่ะ" เธอหรี่ตา พวกเขาตื่นแล้ว แอสทริดบอกและเบลล่าก็อ้าปากค้างเล็กน้อยความตระหนัก

    "มารยาทของนายไปไหนเสียล่ะน้องชาย เราลืมของหวาน" เอไลจาห์เปิดผ้าบนจานเสิร์ฟออกเผยให้เห็นกริชสองอันและเบลล่าก็หันไปมองเคลาส์ที่มีอารมณ์หวาดกลัวอยู่บนใบหน้า

    "นายทำอะไรลงไป" เคลาส์ถาม "นายทำอะไรลงไปล่ะ" เอไลจาห์ถามกลับ "เห็นมั้ย ฉันเรียนรู้ที่จะไม่เชื่อใจคำสัญญาที่แสนหยาบคายของนายไงเล่า เคลาส์ ตอนนี้เรากำลังทำตามวิธีของฉัน" เอไลจาห์พูด

    ผู้ชายคนหนึ่งเดินออกจากด้านหลัง เขามีผมสีน้ำตาลและตาสีเข้ม "โคล" เคลาส์พูด "ไม่เจอกันนานนะพี่ชาย" เขาพูดและก่อนที่เคลาส์จะหนีไปไหนได้ ชายคนหนึ่งก็ขวางเอาไว้พร้อมหยิบกริช

    "ฟินน์ อย่า" คำพูดของเขาถูกตัดขาดโดยฟินน์แทงกริชเขาเข้าที่มือก่อนจะหันกลับไปเพียงเพื่อเห็นรีเบ็คก้า "รีเบ็คก้า" แวมไพร์สาวแทงกริชเข้าที่ท้องของเขา

    "นี่สำหรับแม่ของเราไงล่ะ" เธอพูด เธอปล่อยเขาไปและโคลก็จับเขาไว้ "นายไปได้แล้ว นี่เป็นธุระภายในครอบครัว" เอไลจาห์พูดขณะที่สเตฟานและเดม่อนเริ่มเดินออกไปแต่เขาจับมือของเบลล่าที่ขมวดคิ้วเล็กน้อยไว้

    เธอมองเขาและตัดสินใจทำตามที่เขาต้องการ เธออยู่ต่อ




    talk ;
    ตอนหน้าจะเป็นงานเต้นรำแล้วค่ะ ยาวและโมเม้นท์เยอะแน่ๆ 5555555555555555 ดูเหมือนเบลล่าไม่ค่อยมีบทพูดเลยเนอะ ขอโทษด้วยค่าาา
    T
    B
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×