ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    the vampire diaries — fire on fire , klaus mikaelson

    ลำดับตอนที่ #17 : ⁽ 15 ⁾

    • อัปเดตล่าสุด 27 พ.ย. 64


    rebekah stan club | Explore Tumblr Posts and Blogs | Tumgir
    ( 15 )
    3x03 - The End of the Affair


    เมื่อนานมาแล้วไฟว์เบิร์ดได้กำเนิดขึ้นโดยเวทมนตร์แห่งธรรมชาติอันเห็นสมควรว่าสิ่งมีชีวิตเหนือธรรมชาติสายพันธุ์ใหม่ควรกำเนิดเกิดขึ้น เหล่าไฟว์เบิร์ดผู้สืบทอดสายเลือดได้อยู่มายาวนานถึงสองพันปีจนกระทั่งพวกแม่มดเห็นวิธีที่สามารถกำจัดพวกเขาให้สูญพันธุ์ได้

    โรซาเบลล่า ฮิลส์คือนกวิหคเพลิงตัวสุดท้ายที่เหลือรอด ถูกปิดบังโดยเวทมนตร์ของแอสทริด ไฟว์เบิร์ดดั้งเดิมเพื่อซ่อนเธอเอาไว้จนกว่าเธอจะพร้อมสำหรับโลกและตอนนี้เมื่อโรซาเบลล่าเรียนรู้พลังของตนเองแล้ว ความลับถูกไข

    เวทมนตร์บังตาก็ไม่ประโยชน์อะไรอีกต่อไป...

    คนผมสีแดงกระสับกระส่ายอยู่ภายใต้นิทราในยามราตรี เหงื่อออกตามไรผม ใบหน้า คอและร่างกาย ลมหายใจขาดห้วงไม่ต่อเนื่อง ใบหน้ากลายเป็นความทรมานในยามราตรี

    ภายใต้นิทราโรซาเบลล่าพบว่าตนเองกลับมาอยู่ใต้หลังคาของบ้านวัยเด็ก เฝ้ามองตนเองในวัยหกขวบคร่ำครวญอยู่ใกล้ๆกับศพของครอบครัวตนเอง เธอมองดูฉากนั้นด้วยความเศร้าสร้อยก่อนที่ภาพจะถูกเปลี่ยนไปกลายเป็นโกดังร้างแห่งหนึ่งที่ไม่คุ้นเคย

    ผู้ชายคนหนึ่งยืนอยู่ไม่ไกลจากเธอ เงามืดบดบังใบหน้าของเขาจนมองไม่เห็น เธอขมวดคิ้วและวินาทีต่อมาผู้ชายคนนั้นก็ก้าวออกจากเงามืด

    แสงจากภายนอกเผยให้เห็นใบหน้าอันคุ้นเคย ผมสีบลอนด์สกปรกและนัยตาสีฟ้าเยือกเย็น "นิก?" เธอร้องเรียกและเขาก็ยิ้มออกมาทำให้เบลล่ายิ้มกลับไป

    "มีอะไรหรอ-" คำพูดของเธอถูกตัดขาดเมื่อแท่งไม้ถูกแทงเข้าด้านหลังตรงหัวใจของเขา เธอยกมือขึ้นปิดปากมองดูเขากระอักเลือดด้วยความสยดสยอง

    สีผิวของเขาซีดและเส้นเลือดกลายเป็นสีเทา "ไม่!" เธอตะโกนก่อนจะรีบวิ่งไปยังร่างสีเทาของเขา มือเรียวนำศีรษะของเขามาไว้บนตักและพยายามเขย่าด้วยความสิ้นหวัง

    น้ำตาสีใสคลอเบ้าและเบลล่าก็สะอื้นออกมา "ไม่ ไม่ ไม่ นิก" เธอกระซิบซ้ำแล้วซ้ำเล่าก่อนจะก้มตัวล้มลงกับหน้าอกอันเย็นชาของเขาและร้องไห้สะอึกสะอื้นออกมา

    วินาทีต่อมาที่เธอรู้สึกตัวคือร่างกายของโรซาเบลล่าตั้งตรง อ้าปากค้างและเบิกตากว้าง ดวงตาสีส้มเปล่งประกายในความมืดมิดและเทียนก็ถูกจุดขึ้น

    หัวใจของเธอเต้นเร้วขึ้นและการหายใจก็ไม่ต่อเนื่องกัน เบลล่ากระพริบตาก่อนจะประมวลผลและดวงตาของเธอก็กลับไปเป็นสีฟ้าสดใสเหมือนเดิม

    การกระทำของเธอทำให้ลูกผสมดั้งเดิมตื่นขึ้น "ที่รัก?" เขาเรียกและเบลล่าก็หันกลับไปพบกับเคลาส์ที่มองด้วยความห่วงใย "เธอโอเคมั้ย?" เขาถามและเบลล่าก็อ้าปากแต่ไม่สามารถตอบได้

    นัยตาของเธอมีน้ำตาคลอเบ้าอีกครั้งและเคลาส์ก็ลุกขึ้นนั่งในที่สุด เขาไม่ได้พูดอะไรเพียงแค่ดึงเธอเข้ามากอดและปล่อยให้เธอสะอื้นในอกของเขาจนหลับไปอีกครั้ง




    หลังจากการเดินทางอันยาวนานรถยนตร์สีดำก็ได้หยุดลง "ขอต้อนรับกลับสู่ชิคาโก สเตฟาน" เคลาส์พูดทันทีที่ลงรถก่อนจะเดินไปเปิดประตูอะไรสักอย่างทำให้สเตฟานและเบลล่าต้องตามไปอย่างช่วยไม่ได้

    "เรามาทำอะไรที่นี่กัน" สเตฟานถาม "ฉันรู้ว่านายชอบที่นี่มากแค่ไหน มาย้อนความทรงจำเก่าๆในคืนแห่งการไล่ล่าละมั้ง" เคลาส์ตอบและเบลล่าก็อยู่ใกล้ๆเพื่อความสบายใจที่เธอไม่รู้จัก "เก็บให้เรียบ มีผู้คนในงานปาร์ตี้และเลือดมากมายแต่รายละเอียดช่างเลือนลาง"

    "ก็เสียงคร่ำครวญน่าสงสารนั่นไงล่ะ รายละเอียดนั่นแหละที่ทำให้เป็นตำนาน" เบลล่ายกมือขึ้นเล่นกับสร้อยคออเมทิสต์ของเธอ หมุนมันรอบๆให้แสงไฟกระทบกับอัญมณีสีม่วงสวยงาม

    "ชิคาโกเป็นเมืองมายา" เคลาส์พูดขึ้น "ผมจะจำคำของคุณไว้แต่ก็อย่างที่บอก ผมจำอะไรไม่ค่อยได้" สเตฟานบอกและเบลล่าก็ถอนหายใจ เลือดในตัวเธออุ่นขึ้นเล็กน้อยและเธอก็ยิ้ม เธอรักการเป็นไฟว์เบิร์ด มันมีอะไรให้ตื่นเต้นอยู่เสมอ

    "งั้นพร้อมทำงานหรือยังล่ะ" เคลาส์ถามแวมไพร์หนุ่ม "ทำไมผมยังอยู่กับคุณนะ เราได้สนุกกันแล้วนี่ ลูกผสมของคุณล้มเหลว คุณยังอยากทำต่ออีกหรอ" เบลล่าหัวเราะคิกคักเบาๆ

    "เราจะไปหาแม่มดคนโปรดของฉันกัน ถ้าจะมีคนช่วยเรื่องลูกผสมของเราได้...ก็คงเป็นเธอนั่นล่ะ" เบลล่าถอนหายใจและได้แต่หวังว่ามันจะเป็นไปได้ด้วยดี เธอไม่อยากให้แม่มดฆ่าเธอเสียตอนนี้หรอกนะ

    พวกเขานั่งรถไปอีกครั้งหนึ่งก่อนจะหยุดลงหน้าบาร์แห่งหนึ่ง เบลล่ามองไปรอบๆด้วยความสนใจเมื่อเดินเข้าไป "ดูคุ้นๆใช่มั้ยล่ะ" เคลาส์พูด "ไม่อยากเชื่อเลยว่าที่นี่ยังอยู่"

    โรซาเบลล่าจับสร้อยคอแน่นขึ้นเล็กน้อย "คุณต้องล้อฉันเล่นแน่ๆ" เสียงผู้หญิงคนหนึ่งทำให้พวกเขาหันไปและเบลล่าก็เอียงศีรษะ แม่มด เสียงแอสทริดดังขึ้นและเบลล่าก็เลิกคิ้วเล็กน้อย

     "ลูกผสมเดินเข้ามาในบาร์ พูดคุยกับบาร์เทนเดอร์..." เคลาส์เริ่มแต่ผู้หญิงคนนั้นก็หยุดไว้ "หยุดเลย คุณอาจเป็นผู้ที่ไม่มีใครชนะได้แต่มันก็ไม่ทำให้คุณตลกหรอกนะ" เบลล่าหัวเราะคิกคักก่อนจะแกล้งทำเป็นไอและกระแอมลำคอขณะที่ใบหน้ายังมีรอยยิ้มอยู่

    แม่มดหญิงคนนั้นหันมายิ้มมุมปากให้เบลล่าก่อนจะหันไปหาสเตฟาน "ฉันจำคุณได้" เธอบอก "ใช่...คุณคือกลอเรีย ทำไมคุณถึงไม่..."

    "แก่และตายใช่มั้ยล่ะ ถ้าฉันตายใครจะดำเนินกิจการที่นี่ล่ะ" กลอเรียพูด "กลอเรียเป็นแม่มดที่ทรงพลังมาก" เคลาส์บอกขณะที่เบลล่าเลิกคิ้วด้วยความสนใจ

    "ฉันทำให้ตัวเองแก่ช้าลงได้บ้างโดยใช้เวทมนตร์กับสมุนไพรแต่ไม่กังวลไปหรอก มันคงจะมาถึงในสักวัน" กลอเรียพูด นัยตาสีฟ้ามองเห็นกลอเรียมองเธออย่างสนใจ "ผู้หญิงคนนี้เป็นใครกัน" กลอเรียถาม

    เบลล่าเม้มริมฝีปาก "โรซาเบลล่า..." เธอลังเลกับนามสกุลโดยแอสทริดเคยบอกไว้ครั้งหนึ่งว่านามสกุลของเธออาจทำให้เธอมีปัญหาในโลกเหนือธรรมชาติได้ เบลล่าเริ่มรู้สึกไม่สบายใจทันทีและดูเหมือนเคลาส์จะสังเกตได้

    "สเตฟาน โรส ทำไมพวกนายไม่ไปจัดการอะไรนิดๆหน่อยหลังบาร์ล่ะ" โรซาเบลล่ายิ้มให้เคลาส์ก่อนจะเริ่มเดินไปพร้อมกับสเตฟาน "ได้สิแน่นอนอยู่แล้ว"

    คนผมแดงหยิบขวดไวน์ออกมาและเริ่มดื่มมันทันที เธอรู้สึกได้ถึงไฟที่เผาไหม้ผ่านร่างกายและหลับตาลงด้วยความยินดี ระวังกลอเรีย แอสทริดเตือนและเบลล่าก็ขมวดคิ้วก่อนจะตัดสินใจเก็บคำเตือนไว้

    เธอลืมตามองดูสเตฟานที่เดินไปหยิบขวดแอลกอฮอล์ขวดหนึ่งก่อนที่หางตาจะสังเกตเห็นอะไรบางอย่าง เธอเดินไปหามันและหยิบออกมา มันคือรูปของสเตฟานและเคลาส์ในยุค 1920 ที่ดูสนิทสนมกันมาก

    "สเตฟ?" เธอเรียกเขาและยื่นรูปให้ คิ้วของเขาขมวดทันทีและทั้งคู่ก็มองไปที่เคลาส์ที่นั่งอยู่กับกลอเรีย "มันคืออะไรกัน" เขาถาม เคลาส์หันมาสนใจทันที "ฉันบอกนายแล้วสเตฟาน ชิคาโกเป็นเมืองมายา"

    "แต่นี่มันตัวผมกับคุณ" เบลล่ารู้สึกได้ถึงเวทมนตร์ของเธอเองที่แม้เธอจะไม่สามารถทำอะไรกับมันได้หรือแม้แต่ใช้มันก็ยังพุ่งพล่านผ่านเส้นเลือดของเธอเองอยู่ดี เธอเดาว่ามันมีไว้สำหรับแอสทริด




    พวกเขาสามคนเดินเข้าไปในโกดัง "นี่มันไม่เข้าท่าเลยนะ ทำไมผมถึงจำคุณไม่ได้ล่ะ" สเตฟานถาม "นายพูดเองนี่ว่าตอนนั้นเป็นช่วงเวลาที่ไม่น่าจดจำ" 

    "ถ้าคุณรู้จักผมทำไมคุณไม่พูดอะไรสักคำเลยล่ะ" สเตฟานถามอีกครั้ง "ฉันกำลังยุ่ง เรื่องรื้อฟื้นความหลังเอาไว้ก่อน" เขาบอกแต่สเตฟานไม่ใจเย็นอย่างนั้นเขาจับแขนเคลาส์เพื่อหันมา "นี่มันเกิดอะไรขึ้น ตอบผมมาสิ"

    "พูดได้ว่าเราไม่ได้เริ่มต้นกันในแบบที่งดงามนักหรอก บอกตามตรงนะฉันเกลียดนายด้วยซ้ำ" เคลาส์เริ่มและเบลล่าก็ถอนหายใจ มือของเธอจับสร้อยคออีกครั้งหนึ่งจากนั้นลูกผสมดั้งเดิมก็เริ่มเล่ามัน ปรากฎว่าสเตฟานไม่เพียงแต่รู้จักเคลาส์แต่ยังรู้จักน้องสาวของเขาอีกด้วย

    "น้องสาวของคุณ งั้นผมก็รู้จักแวมไพร์ดั้งเดิมอีกคนน่ะสิ" สเตฟานสรุปก่อนเคลาส์จะเริ่มเดินอีกครั้ง "ถ้านายรับไม่ได้ก็อย่ามาถาม" เคลาส์พูดก่อนจะเดินไปที่โลงศพโลงหนึ่ง นัยตาสีฟ้ากวาดมองไปรอบๆและเม้มริมฝีปาก

    เธอตามเคลาส์ไปจนเขาเปิดโลงเผยให้เห็นหญิงสาวผมสีบลอนด์สวยคนหนึ่งที่ใส่ชุดจากยุค 1920 เธอมีผิวสีเทรวมถึงเส้นเลือด เคลาส์ลูบแก้มเธอเบาๆ "ผมจำเธอไม่ได้" สเตฟานบอก

    "อย่าบอกแบบนั้นเชียว ความโกรธของรีเบ็คก้าแรงกว่าของฉันอีกนะ" เคลาส์พูดและดึงกริชออก "ถึงเวลาตื่นแล้วน้องสาวสุดที่รัก" เบลล่ามองอย่างสนใจขณะที่เธอรู้สึกได้ว่าแอสทริดยิ้มอยู่แม้ว่าเธอจะรู้ว่าทำไม

    ไฟว์เบิร์ดตนนั้นมีความลับมากมายที่เบลล่าไม่รู้

    "ใกล้ถึงเวลาแล้วรีเบ็คก้า เธอค่อนข้างเจ้าละคนนิดหน่อยน่ะ" เคลาส์ยืนรออย่างอดทน "ฟังนะ ทำไมคุณไม่บอกผมล่ะว่าเกิดอะไรขึ้นผมหมายถึงว่าจริงๆแล้ว คุณมีเหตุผลที่พาผมมาที่นี่ใช่มั้ย"

    "อืม นายนี่มันฉลาดดีจริงนะ" เคลาส์ประชด "จริงหรอ" เบลล่ากลอกตาไปที่ผู้ชายสองคน "ความจริงแล้วฉันก็ได้เรียนรู้ลูกไม้ที่ฉันโปรดปรานจากนายนะ" เคลาส์พูด

    จากนั้นเคลาส์ก็เริ่มพูดถึงเรื่องของผู้ชายคนหนึ่งที่ชื่อเลียม แกรนท์ที่ถูกบังคับให้ดื่มเลือดของภรรยาเขาเอง เบลล่าแอบทำหน้ารังเกียจเล็กน้อยเมื่อคิดถึงเรื่องนั้น

    "ฉันเคยเป็นแฟนตัวยงอันดับหนึ่งของนาย" เคลาส์พูดกับแวมไพร์หนุ่ม เบลล่าเดินตามพวกเขา "ทำไมผมต้องเชื่อคุณด้วยล่ะ" สเตฟานถามและพวกเขาก็หยุดที่เจ้าหน้าที่คนหนึ่ง "เมื่อเธอตื่นบอกให้เธอไปหาเราที่บาร์ของกลอเรียด้วยนะแล้วสละเลือดของนายให้เธอดื่มจนกว่านายจะตาย" เคลาส์สั่ง

    ชายคนนั้นพยักหน้าและพวกเขาก็เริ่มเดินกันต่อ "คุณจะไปไหน" สเตฟานถาม "ก็นายคิดว่าฉันโกหกไม่ใช่หรอ เรารู้จักกันดี นายไว้ใจฉันเรื่องความลับนั้นของนายเอาล่ะฉันจะพิสูจน์ให้นายเห็น"

    "ยังไง" เบลล่าถามคราวนี้ "เราจะไปอาพาร์ทเมนท์เก่าของสเตฟานกัน" และเบลล่าก็เพียงเลิกคิ้วเล็กน้อยก่อนจะเดินตามไปอยู่ดี



    เคลาส์นำพวกเขาไปที่อพาร์ทเมนท์เก่าและเบลล่าก็มองไปรอบๆ "ช่างเป็นเคหสถานที่น่าอยู่เสียจริงนะ" ประตูถูกเปิดออกและดูเหมือนว่าจะไม่มีใครมาอยู่นานแล้ว เบลล่ามองเคลาส์ขณะที่เธอรู้สึกแปลกๆ "นายรู้สึกมั้ย มีคนอยู่ในนี้" เขาหันมาบอก

    เบลล่าขมวดคิ้ว "มันร้างมาหลายสิบปี คงมีคนบุกรุกเข้ามาอยู่แล้วล่ะ" สเตฟานแก้ตัว "คุณพาผมมาที่นี่ทำไม" เขาถามและเบลล่าก็กอดอกมองไปรอบๆอีกครั้ง

    "เพื่อนของนายเลียม แกรนท์ คนที่ดื่มเลือดเมียตัวเองน่ะ ฉันไม่เข้าใจว่าทำไมนายถึงอยากรู้ชื่อของเขาแล้วนายก็บอกความลับเล็กๆน้อยๆของนาย มันเป็นความเชื่อพิเศษของนาย"

    เธอมองดูขณะที่สเตฟานเริ่มตระหนัก "ที่เขียนชื่อลงไป.." เขาตระหนัก "ก็เพื่อระลึกถึงการฆ่าซ้ำแล้วซ้ำเล่า" เคลาส์เปิดที่ซ่อยซักอย่างก่อนจะเผยให้เห็นห้องห้องหนึ่งและเบลล่าก็เดินเข้าไปใกล้เคลาส์มากขึ้นโดยที่ความรู้สึกแปลกๆเริ่มรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ

    พวกเขารอขณะที่สเตฟานเดินเข้าไปก่อนจะมีเสียงของเขาดังขึ้น "ดูสิว่าผมเจออะไร" เบลล่าหันไปมองเจอเขาถือขวดเหล้าขวดหนึ่งอยู่และเธอก็กลอกตา "จากปี 1918 หมักจากมอลต์ชนิดเดียวเลยนะ"

    "ของโปรดเลยล่ะ ไปหาใครสักคนมาดื่มด้วยดีกว่า" เคลาส์พูดก่อนจะเดินออกไปและเบลล่าก็สะบัดหัวไล่ความรู้สึแปลกออกไปก่อนจะเดินตามลูกผสมดั้งเดิมไปในที่สุด

    พวกเขากลับไปที่บาร์ของกลอเรียและเบลล่าก็นั่งเบื่อๆจิบค็อกเทลสีสวยงาม "รีเบ็คก้าอยู่ไหนล่ะ" กลอเรียถาม "เดี๋ยวเธอก็มา ฉันร่ายมนตร์ให้เธอทำตามใจฉันได้หรอก" เขาพูดกับกลอเรียก่อนจะหันไปหาสเตฟาน "เป็นอะไรไปล่ะ ฉันนึกว่าชิคาโก้เป็นสนามเด็กเล่นของนายซะอีก"

    "เพราะอย่างนี้คุณถึงในผมติดตามมาด้วยใช่มั้ย เพราะคุณชอบวิธีที่ผมทรมานชาวบ้านสินะ" สเตฟานสรุปและเบลล่าก็ยิ้มเยาะ "นั่นถูกแค่ครึ่งเดียว" เคลาส์ตอบ "อีกครึ่งนึงล่ะ" สเตฟานถาม

    "อีกครึ่งนึงหรอสเตฟาน นายเคยบอกว่านายจะมาเป็นผู้ติดตามฉันยังไงล่ะ" เคลาส์พูดและเธอมองดูสองคนที่ชนแก้วกัน "แด่มิตรภาพ" เขาพูด


    เบลล่าจิบค็อกเทลแก้วที่สองของเธอและเธอดีใจจริงๆที่เธอไม่สามารถเมาได้เพราะเธอชอบความรู้สึกที่เลือดของเธอเผาผลาญแอลกอฮอล์จนรู้สึกเร่าร้อนมันทำให้เธอพอใจ "ผมสับสันนะ ถ้าเราเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันขนาดนั้นทำไมผมถึงรู้ว่าคุณเป็นแค่ลูกผสมชั่วๆที่สังเวยชีวิตแฟนของผมบนแท่นบูชาล่ะ"

    เบลล่าเกร็งเล็กน้อยก่อนจะผ่อนคลายในเวลาต่อมาพยายามไม่ให้เรื่องคืนพิธีกรรมกระทบเธอ "เรื่องดีๆต้องมาตอนจบสิ" เคลาส์พูดก่อนจะเล่าอีกครั้งหนึ่งและเบลล่าก็ฟังด้วยความเบื่อหน่ายเล็กน้อย

    "คุณสะกดให้ผมลืม" สเตฟานสรุปและเบลล่าก็หันมองเคลาส์ที่ดูอึมครึมไปเล็กน้อย "ก็มันถึงเวลาที่ฉันกับรีเบ็คก้าต้องไปกันต่อแล้วนี่ มีประวัติที่ขาวสะอาดดีกว่านะ"

    "แต่ทำไมล่ะ คุณไม่น่าจะต้องปิดร่องรอยเลย เว้นเสียแต่ว่าคุณกำลังวิ่งหนีใครอยู่" สเตฟานพูดและเบลล่าก็หรี่ตามองเขา เธอจำได้จากเอไลจาห์ว่าพวกเขาหนีคนหนึ่งมาพันปีแต่เธอจำไม่ได้ว่าเขาบอกชื่อด้วยทำให้มันกลายเป็นปริศนาไป

    "เวลาเล่านิทานหมดแล้ว" เคลาส์พูด เธอเลื่อนมือไปจับกับมือของเขาและบีบเบาๆทำให้เขารู้ว่าเธอยังอยู่กับเขา "ผมอยากดื่มอีกแก้วเอาจริงเลยนะ" สเตฟานพูดและเคลาส์ก็ทำท่าทางก่อนแวมไพร์หนุ่มจะเดินออกไป

    เบลล่าถอนหายใจก่อนจะดื่มค็อกเทลให้หมดแก้วขณะที่เคลาส์หยิบอีกขวด เธอรู้สึกได้ถึงสายตาของเคลาส์ที่มองเธอ เธอหันไปเลิกคิ้วก่อนจะยิ้มเยาะ "อะไร?" เธอถามแต่เขาก็แค่ยิ้มเยาะเจ้าเล่ห์

    "เธอเงียบๆนะที่รักวันนี้" เขาบอกและเบลล่าก็กลอกตา "ก็ไม่อยากขัดจังหวะรวมตัวเพื่อนเก่าของนายสองคน" เธอพูดก่อนจะแย่งแก้วเคลาส์ไปดื่มจนหมดและยิ้มพอใจออกมา

    เคลาส์ยิ้มเยาะขณะที่เบลล่าวางแก้วกลับไปที่เขา "แล้ว...เราจะได้เจอน้องสาวของคุณเมื่อไหร่กัน" เธอถาม "ไม่รู้สิที่รัก อาจจะใช้เวลาสักพักกว่าเธอจะตื่น"

    เบลล่าพยักหน้าก่อนจะมองสายตาของเคลาส์ที่มองเธอ "มองแบบนั้นทำไม?" เธอถามและขมวดคิ้ว "เปล่า เปล่าเลยที่รัก" เขายกมือขึ้นยอมแพ้และเบลล่าก็กลอกตา "อืม นายชอบที่ฉันเป็นแบบนี้ไม่ใช่หรอ" เธอถามก่อนจะเอียงศีรษะ

    เคลาส์เลิกคิ้วด้วยความท้าทาย "แบบไหนกันที่รัก ช่วยบอกบุญที" เขากระซิบและเบลล่าก็เริ่มยืนขึ้น "ก็แบบ.." เธอนั่งลงบนตักของเขาและเอาแขนโอบรอบคอขณะที่เคลาส์จับเอวเธอไว้

    "เร่าร้อน" เธอกระซิบข้างหูของเขาขณะที่เคลาส์ยิ้มอย่างพอใจและมองเข้าไปในดวงตาสีเดียวกันกับเขา แม้ว่าเบลล่าจะไม่สามารถเมาได้แต่ใช่ว่าเธอไม่สามารถรู้สึกได้ถึงความหน้าด้านที่เกิดขึ้นรอบๆเมื่อเร็วๆนี้

    เธอกัดริมฝีปากและยิ้มมุมปากของลิปสติกสีแดงแต่ก่อนที่จะได้ทำอะไรเธอก็เงยหน้าและหุบยิ้มเมื่อเดม่อนนั่งลงข้างๆเคลาส์ เคลาส์ขมวดคิ้วก่อนจะรู้สึกได้ว่ามีคนอยู่ข้างๆ เขาปล่อยเธอลงจากตักก่อนจะหันไปคุยกับชายคนนั้น

    "ฉันเห็นพวกเขาเปิดประตู รับสถุนเข้ามา" เคลาส์ประชดตามแบบของเขา "โอ ฉันถูกเรียกแย่ที่สุดเลยนะนั่น" เดม่อนพูดและเคลาส์เริ่มที่จะหยิบของตกแต่งจากค็อกเทลของเบลล่าไป มันเป็นร่มเล็กๆที่ทำจากไม้จิ้มฟัน

    "นายจะไม่ยอมลดละใช่มั้ย" เขาถาม "ก็ส่งน้องชายฉันกลับมาสิแล้นายจะไม่ได้เห็นฉันอีกเลย" เดม่อนพูดด้วยยิ้มเยาะแต่เธอรู้ดีว่าเคลาส์จะไม่ยอมปล่อยสเตฟานไป "ฉันได้พูดออกไปแล้ว ฉันสัญญากับสเตฟานว่าฉันจะไม่ปล่อยให้นายตายแต่ฉันก็ทำสัญญาเสียเปล่าไปเท่าไหร่แล้วเนี่ยและชัดเจนเลยว่านายอยากจะตายไม่งั้นนนายคงไม่มาที่หรอก เพราะงั้น...."

    ลูกผสมดั้งเดิมกลอกตา "ฉันจะพูดยังไงดีล่ะ ฉันเป็นพวกแสวงหาความหวาดเสียวน่ะ" เบลล่าถอนหายใจและมองดูเคลาส์จับคอเดม่อนและเริ่มยกเขาขึ้น

    "โอ ที่รักนั่นมันอะไรกันน่ะ ฉันชอบดื่มนี่ซะด้วย อภัยให้ฉันเถอะนะถ้าสองสามครั้งแรกไม่โดนหัวใจนาย" เคลาส์พูดก่อนจะเริ่มแทงไม้เล็กๆนั่นไปที่เดม่อนทำให้เขาคร่ำครวญขณะที่เบลล่ามองดูเฉยๆโดยไม่ได้ตัดสินใจอะไร

    "นั่นไม่ใช่หัวใจนี่" เขาพูดก่อนจะแทงมันไปที่เดม่อนอีกครั้ง "เกือบแล้ว" เธอรู้สึกได้ภายใจว่าแอสทริดน่าจะกำลังยิ้มเยาะอยู่ เธอบอกได้ว่าแอสทริดไม่ชอบเดม่อนมากนัก

    "นายอยากได้คู่หูนักฆ่ามากนักไม่ใช่หรอ ลืมสเตฟานกับเบลล่าไปซะ ฉันมันส์กว่าเยอะ" ดูเหมือนเคลาส์จะพิจารณาอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะก่อนจะโยนเดม่อนไป

    เขาหักไม้แหลมก่อนจะหมุนมันและเดินไปที่เดม่อนที่อ่อนแอ "นายไม่สนุกแน่ๆหลังจากตายไป" ก่อนที่เขาจะสามารถฆ่าเดม่อนได้ไฟก็ลุกขึ้นทำให้เบลล่าขมวดคิ้ว

    "เอาจริงหรอ" เคลาส์ถาม "ไม่ใช่ในบาร์ของฉัน ไปฟัดกันข้างนอก" กลอเรียบอกและเบลล่าก็ถอนหายใจเล็กน้อย มองดูเคลาส์พูดอะไรสักอย่างกับเดม่อนก่อนที่เขาจะหันไปหาเธอและเธอก็ตอบกลับด้วยรอยยิ้มอ่อนๆ




    เบลล่าถามเคลาส์เข้าไปในโกดังที่เก็บโลงศพพี่น้องของเขาอีกครั้ง มองดูโลงศพที่ว่างเปล่าและศพยามที่ตายแล้ว "รีเบ็คก้านี่พี่เองนะ ออกมา ออกมาเถอนะไม่ว่าจะอยู่ไหน"

    เธอมองหญิงสาวผมบลอนด์ถือกริชเร่งความเร็วแทงเขาเข้าที่หัวใจและเบลล่าก็มองด้วยความเป็นห่วงเล็กน้อย "ไปลงนรกซะเถอะนิค" รีเบ็คก้าโต้กลับ

    เธอมองดูเขาหยิบกริชออกมาก่อนจะปล่อยมันทิ้งไป "อย่าโกรธไปเลยน่า เธอก็รู้นี่ว่ามันฆ่าพี่ไม่ได้หรอก" เขาบอก "ใช่แต่ฉันหวังว่ามันจะทำให้พี่เจ็บปวดบ้าง"

    คนผมสีแดงหัวเราะคิกคัก "สมควร" เธอพึมพำแต่ก็ไม่พ้นที่แวมไพร์จะได้ยินมัน รีเบ็คก้าหันมาเธอทันที "แล้วเธอจะเป็นใครล่ะที่รัก?" เบลล่ายิ้มเล็กน้อย "โรซาเบลล่า ฮิลส์" เธอตอบและเบลล่ามองดูขณะที่รีเบ็คก้ายิ้ม "และฉันรู้สึกได้ว่าเราจะเป็นเพื่อนสนิทกัน" คำพูดของเธอทำให้เบ็คก้ายิ้มกว้างขึ้นไปอีก

    "พี่เข้าใจว่าเธอโกรธพี่เพราะฉนั้นพี่จะไม่เก็บมาเป็นอารมณ์แต่แค่ครั้งนี้นะ พี่พาทูตสันติภาพมาหาเธอด้วยนะ" เคลาส์พูดกับน้องสาวของเขาและส่งสัญญาณให้สเตฟานเข้ามา "นายเข้ามาได้แล้ว"

    เธอมองยิ้มขณะที่ดวงตาของรีเบ็คก้าเปล่งประกายขึ้น "สเตฟาน" เคลาส์เดินไปข้างหน้าและบังคับเขา เบลล่ายิ้มเมื่อสเตฟานเริ่มก้าวเข้าหารีเบ็คก้าแต่นิกก็หยุดเขาไว้

    "ผมจำคุณได้แล้ว เราเคยเป็นเพื่อนกัน" เขาพูด "เราเคยเป็นเพื่อนกันและนี่เป็นเหตุผลที่ฉันให้นายมาที่นี่ไงล่ะ กลอเรียบอกพี่ว่าเธอรู้วิธีติดต่อกับแม่มดดั้งเดิม"

    "แม่มดดั้งเดิมงั้นหรอ" รีเบ็คก้าถาม "เธอมีอะไรที่กลอเรียต้องการ" เคลาส์พูดและเบลล่ามองขณะที่รีเบ็คก้าเอื้อมมือไปที่คอหวังว่าจะจับและสัมผัสได้ถึงสร้อยคอของเธอแต่กลับว่างเปล่า

    เธอก้มลงมองมัน "สร้อยคอของฉันอยู่ไหน พี่ทำอะไรกับมัน ฉันไม่เคยถอดมันออกเลย" เธอเรียกร้อง "พี่ไม่ได้แตะต้องมันด้วยซ้ำ" เคลาส์บอกและเบลล่าก็ขมวอดคิ้วขณะที่เธอรู้สึกได้ว่าแอสทริดเริ่มใช้เวทมนตร์ค้นหา "เราต้องหามันให้เจอ" 

    "บอกฉันสิว่ามันไม่ใช่สิ่งที่กลอเรียต้องการ บอกฉันมาว่านั่นไม่ใช่สิ่งที่เธอต้องการรีเบ็คก้า" เบลล่ามองไปรอบๆและรอคำตอบจากแอสทริดที่กำลังพยายามค้นหาช่วยเธออยู่

    ไม่มี ฉันไม่สามารถสัมผัสได้ถึงมันที่ไหนเลย แอสทริดพูดและเบลล่าก็ขมวดคิ้ว ความรู้สึกไม่ควรไว้ใจในสเตฟานกลับมาอีกครั้ง เธอมองดูรีเบ็คก้าหามันในโลงศพของเธอ

    เมื่อไม่เจอเธอก็พลิกโลงศพออกไป เธอมองไปที่สเตฟานที่ขมวดคิ้วและนัยตาของเบลล่าก็กลายเป็นส้มชั่วขณะ มุ่งมั่นที่จะช่วยเหลือเพื่อนใหม่ผมบลอนด์ของเธอ




    talk ;
    บทนี้ยาวมากจริงๆค่ะ ฮื่อออ เราแอบใส่โมเม้นท์เล็กๆไว้ให้ได้ฟินนะคะ เจอตัวละครโปรดของเราแล้ว เย่! บอกเลยว่าการเขียนซีซั่นนี้ทำให้เราตื่นเต้นมากค่ะ;-;
    T
    B
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×