ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ( ✔ ) harry potter — red rose and sweet kissing , hermione granger

    ลำดับตอนที่ #15 : R14 | The chosen one.

    • อัปเดตล่าสุด 21 มิ.ย. 63


    14
    - The chosen one -

    He can master any challenge that’s thrown his way. | 12 Reasons Cedric Diggory Was The Best Damn Part About "The Goblet Of Fire"
    _________________________________________

    ในเวลายามค่ำคืนห้องโถงที่บัดนี้โต๊ะถูกเลื่อนออกไปให้เหลือพื้นที่ตรงกลางมากที่สุด มีเด็กนักเรียนจำนวนมากที่มานั่งดูเหล่าผู้กล้าหย่อนชื่อลงไปในถ้วยอัคนีสีฟ้าเรืองรอง ร่างอรชรนั่งลงบนโต๊ะไม้ข้างๆกับเพื่อนร่วมบ้านและต่างบ้านที่ค่อนข้างจะสนิทโดยไม่ใกล้ไม่ไกลมีคนที่ได้ขึ้นชื่อว่าแฟนสาวของเธอกำลังอ่านหนังสือพลางมองคนหย่อนชื่อลงถ้วยอัคนีไปด้วย

    ไม่นานเกินรอลูกพี่ลูกน้องจากบ้านแบดเจอร์ของเธอก็เดินเข้ามาพร้อมกับพรรคพวกและก้าวข้ามผ่านเส้นอายุที่ศาสตราจารย์ใหญ่เป็นคนขีดเอาไว้ มือหนาหย่อนกระดาษที่เขียนชื่อของตนลงไปในไฟสีฟ้า ผ่านไปสักพักมันไม่ได้มีอะไรเกิดขึ้นนอกเสียจากว่ากระดาษนั่นถูกกลืนหายไปกับเพลิงสีสวยนั่นเสียแล้ว

    เอสเตอร์แอบเห็นว่าหลังจากที่เขาหย่อนชื่อลงเรียบร้อย ก็หันไปแท็กมือกับเพื่อนบ้านตนเองและหันใบหน้าหล่อๆนั่นไปทางลูกพี่ลูกน้องผมสีแดงเพลิงและขยิบตาเบาๆ

    หลังจากที่เซดริกทำการบรรลุประสงค์ในค่ำคืนนี้เรียบร้อยแล้วก็กำลังจะเดินออกไป แต่เขาก็หันหน้าไปทางร่างที่คุ้นเคยที่เขาคอยปกป้องและปลอบประโลมมาตลอดหลายปี ก่อนจะเห็นว่าร่างเล็กนั่นยิ้มให้เขาแม้มันจะบางเบาแต่ก็เขาก็ยิ้มตอบกลับไป

    "ฉันว่าแล้วว่าเขาต้องใส่ชื่อตัวเองในถ้วยอัคนีแน่ๆ"
    "นั่นสินะ อยู่ที่ว่าเขาจะถูกเลือกไหม"

    คิ้วสวยขมวดเป็นปมเล็กน้อยก่อนจะคลายออกด้วยคำพูดของเพื่อนข้างๆตนเอง

    "ต้องถูกเลือกอยู่แล้วแหละ คุณสมบัติเพรียบพร้อมซะขนาดนั้น"

    เวลาผ่านไปหลังจากที่เซดริกหย่อนชื่อลงไปก็มีอีกหลายคนที่ทำการหย่อนชื่อลงไปเช่นเดียวกัน อย่างเฟอร์ เดอร์ลากู จากโบซบาตง แอนเจลิน่า จอห์นสัน จาก ฮอกวอตส์ กริฟฟินดอร์ และอีกมากมาย 

    สายตาคู่สวยหันไปพบเข้ากับร่างสูงใหญ่ของนักเรียนที่เธอจำได้คร่าวๆว่ามาจากสถาบันเดิร์มสแตรงก์ ก่อนที่จะมีร่างของใครคนนึงโผล่ออกมาและทั้งห้องโถงก็เงียบสนิทพร้อมกับหันไปสนใจคนคนนั้น

    และคนที่เธอว่าก็คือ วิกเตอร์ ครัม ยังไงล่ะ

    ร่างสูงของนักกีฬาทีมชาติบัลแกเรียเดินเข้าไปในเส้นจำกัดอายุก่อนจะทำการหย่อนชื่อลงเหมือนกับผู้กล้าคนอื่นๆที่ทำเช่นเดียวกัน แต่ก็เขาจะเดินออกไป นัยตาสีสวยก็เหลือบไปเห็นว่าเขาแอบเหล่มองไปทางเฮอร์ไมโอนี่ แฟนสาวบ้านกริฟฟินดอร์ของเธอ

    'ไอเวรตะลัย หยุด หยุดเดี๋ยวนี้!'

    เธอได้แต่พยายามเก็บความหึงหวงเอาไว้ในใจก่อนที่จะปรับสีหน้าเป็นเรียบเฉยและมองดูคนหย่อนชื่อลองเพลิงสีฟ้าสวยต่อไป 

    และแล้วคนที่ทุกคนรอคอยก็มาถึง คู่แฝดแสบสันจากบ้านสิงโตเดินเข้ามาพร้อมขวดยาในมือ เสียงปรบมือดังลั่นทั่วห้องโถง

    "เราทำได้!"
    "พึ่งเสร็จเมื่อเช้านี้เอง"

    เอสเตอร์ได้ยิ้มขำให้กับความดื้อรั้นที่อยากจะเป็นหนึ่งในผู้ถูกเลือกของพวกเขาสองคน แต่เอาตรงๆนะมันจะได้ผลได้ยังไงกันในเมื่ออัลบัส ดัมเบิลดอร์เป็นคนขีดเส้นนี้เองกับมือ แต่ก็ถือว่าเป็นลูกไม้ตื้นๆที่ชาญฉลาดอยู่พอตัว

    "มันจะไม่มีทางได้ผล"

    เสียงใสของแฟนสาวของเธอดังขึ้นและนั่นทำให้สองแฝดพร้อมใจโร่เข้าไปหาเด็กสาวผมฟูจากบ้านเดียวกันที่กำลังอ่านหนังสืออยู่

    "งั้นหรอ"
    "ทำไมล่ะ เกรนเจอร์"
    "เห็นนี่ไหม นี่คือเส้นอายุ"

    คนผมสีน้ำตาลฟูพูดพร้อมชี้นิ้วเรียวของตนไปยังเส้นอายุที่อยู่รอบๆถ้วยอัคนี

    "ดัมเบิลดอร์ขีดด้วยตัวเอง"
    "แล้วไง?"

    'เหมือนจะยังไม่รู้ชะตากรรม'

    "แล้วไง อัจฉริยะดัมเบิลดอร์คงไม่หลงกลพวกบ้องตื้นที่คิดค้นยาเพิ่มอายุได้หรอก" เสียงใสเอ่ยขึ้นด้วยอารมณ์ที่ครุกครุ่นขึ้นนิดหน่อยพร้อมกับปิดหนังสือที่อ่านไว้อยู่ลงอย่างเสียงดัง
    "แต่ก็นั่นแหละทำให้มันยอดเยี่ยม"
    "เพราะมันบ้องตื้นยังไงล่ะ"

    สองแฝดไม่ได้สนใจคำของเฮอร์ไมโอนี่เลยแม้แต่น้อย หนำซ้ำยังเขย่าขวดยาที่ตัวเองทำเสร็จหมาดๆและเดินขึ้นไปเหยียบบนโต๊ะไม้ที่ปกติเอาไว้วางพวกอาหาร

    "พร้อมยัง เฟร็ด"
    "พร้อมแล้วจอร์จ"

    "รวดเดียวหมด/รวดเดียวหมด"

    เสียงของสองแฝดเอ่ยขึ้นพร้อมกันก่อนจะกระดกยานั่นเข้าปากรวดเดียวหมดขวด และกระโดดลงไปในเส้นอายุ รอสักพักและเมื่อเห็นว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นพวกเขาก็แสดงสีหน้าดีใจออกมาและหย่อนชื่อลงไปพร้อมกับเสียงผู้คนที่ปรบมือ

    แต่ไม่นานนักหลังจากพวกเขาหย่อนชื่อไฟในถ้วยอัคนีก็ผลักพวกเขากระเด็นไปไกลพร้อมกับเพิ่มอายุให้ทั้งสองคนจนดูเหมือนคนแก่และนั่นเรียกเสียงหัวเราะได้ดีเลยล่ะ ในท้ายที่สุดพวกเขาสองคนก็ต้องเข้าห้องพยาบาลตามระเบียบ

    เอสเตอร์ได้แต่สายหน้าขำก่อนจะหันไปมองแฟนสาวก็พบว่าเธอก็มองมาทางนี้เช่นเดียวกัน ก่อนที่นัยตาสีเฮเซลนัตจะหลบลงไปก้มอ่านหนังสือดั่งเช่นเดิม


    เสียงระฆังดังขึ้นเป็นสัญญาณของเวลาที่ทุกคนรอคอย เด็กนักเรียนฮอกวอตส์ต่างรวมกันที่บ้านโต๊ะของตนเองพร้อมด้วยนักเรียนจากอีกสองโรงเรียนที่เหลือ เอสเตอร์มองไปยังหน้าห้องโถงด้วยใจจดใจจ่อว่าถ้วยอัคนีจะเลือกใครเป็นตัวแทนบ้าง

    "นี่เป็นช่วงเวลาที่ทุกคนรอคอย การคัดเลือกตัวแทน"

    ดัมเบิลดอร์ยกมือขึ้นและหรี่ไฟลงและหยุดมือที่เหี่ยวย่นไปตามกาลเวลาไปยังถ้วยอัคนี ไม่นานนักเพลิงสีฟ้าก็แปรเปลี่ยนเป็นเพลิงสีชมพูเข้มทำให้ทุกคนในห้องโถงอดจะรู้สึกตื่นเต้นไปกับคนที่หย่อนชื่อลงไปไม่ได้

    "ตัวแทนจากโบซบาตง เฟอร์ เดอร์ลากูล"
    "ตัวแทนจากเดิร์มสแตรงก์ วิกเตอร์ ครัม!"

    การคัดเลือกตัวแทนทั้งสองคนผ่านไปด้วยดีจนกระทั่งถึงการคัดเลือกตัวแทนของฮอกวอตส์ ในใจของเอสเตอร์เต้นระรัวอย่างตื่นเต้นและอดที่จะคาดหวังไม่ได้ว่าลูกพี่ลูกน้องของเธอจะได้เป็นหนึ่งในตัวแทน

    "เอส แกว่าตัวแทนฮอกวอตส์จะเป็นใคร"
    "ไม่รู้สิ แต่อยากให้เป็นเซดริกนะ"

    เอสเตอร์พูดทั้งๆที่มือยังคงกำแน่นวางอยู่บนโต๊ะไม้ นัยตาสีอ่อนสดใสจ้องจดจ่อไปยังถ้วยอัคนีเปลวเพลิงสีฟ้าอย่างมีความหวังไม่นานนักมันก็แปรเปลี่ยนเป็นสีชมพูเข้มและพ่นกระดาษออกมา

    "ตัวแทนจากฮอกวอตส์.... เซดริก ดิกกอรี่!"

    ลมหายใจร้อยที่เต็มไปด้วยความกังวลถูกพ่นออกมา หนุ่มฮัฟเฟิลพัพยิ้มโล่งใจก่อนจะเดินออกไปจับมือกับศาสตราจารย์ใหญ่ ใบหน้าหล่อหันไปทางโต๊ะสลิธีรินน้อยๆก่อนจะพบว่าลูกพี่ลูกน้องผมสีบลอนด์สวยกำลังยิ้มกว้างให้เขาบ่งบอกว่าเธอรู้สึกดีแค่ไหนที่เขาได้เป็นตัวแทนตามที่หวัง

    การได้เห็นเซดริกมีความสุขคือหนึ่งในรางวัลชีวิตของเธอล่ะ

    "การคัดเลือกตัวแทนทั้งสามคนผ่านพ้นไปแล้ว แล้วเจอกันในภารกิจแรกวันที่ 24 พฤศจิกายน"


    ในระหว่างทางก่อนกลับหอพักสลิธีริน เธอก็ถูกดึงตัวไว้โดยหนึ่งในผู้เข้าแข่งขันการประลองเวทย์ไตรภาคี ร่างเล็กหันไปมองก่อนจะพบว่าเขาคือนักกีฬาทีมชาติบัลแกเรีย

    "พรินซ์ คือมีเรื่องอยากถามน่ะ"
    "ว่ามาสิ"

    คิ้วสวยเลิกขึ้นก่อนที่จะเห็นว่าร่างสูงมีท่าทีแปลกๆเหมือนกับเขินใครหรืออะไรบางอย่างมาอย่างนั้นแหละ

    "อยากถามว่า คนผมฟูๆน่ะ มีแฟนหรือยัง"
    "..."

    'อึ้งแดกไปแล้วตอนนี้ อีตาครัม!'

    "ว่าไง"
    "มีแล้วแหละ ขอตัวพอดีว่าพรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้า"

    คนผมบลอนด์เอ่ยด้วยเสียงที่ติดหงุดหงิดนิดหน่อยก่อนจะสบัดตัวออกจากเขาและเดินตามหลังเพื่อนร่วมบ้านเพื่อเข้าหอพักบ้านสลิธีรินของเธอเสียที 

    'ให้ตายเถอะ อีตาบ้านี่ ยังไงก็ไม่ให้จีบ หวงโว้ย หวง!'

    และแล้วคืนนั้นเอสเตอร์ก็นอนหลับไปพร้อมกับความหงุดหงิดเล็กๆในใจ...





    Talk ;
    เอาล่ะสิ ยังไงนะยังไง มันก็จะไม่ค่อยมีฉากหวานๆเพราะเราเก็บเอาไว้จัดเต็มที่เดียวเลยค่ะ คิกค้ากกก ยังไงมันจะเปิดเทอมแล้วก็ถ้าไม่ขี้เกียจก็จะพยายามมาลงต่อให้เร็วที่สุดนะคะ เอนจอยรีดดิ้งค่ะ!

    TB
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×