ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    the vampire diaries — fire on fire , klaus mikaelson

    ลำดับตอนที่ #11 : ⁽ 10 ⁾

    • อัปเดตล่าสุด 26 ก.ย. 64



     Pin on The Originals

    ( 10 )

    2x20 - The Last Day


    โรซาเบลล่านั่งอยู่บนโซฟากับเอเลน่าและสเตฟานขณะที่ฟังเอไลจาห์พูดเกี่ยวกับแผนการช่วยชีวิตเอเลน่า “คืนนี้เป็นคืนวันเพ็ญเราคิดว่าเคลาส์เตรียมตัวที่จะทำลายคำสาป” เอไลจาห์พูด


    “เอเลน่าบอกว่าคำสาปสุริยันจันทราไม่ใช่เรื่องจริงจริงๆแล้วเป็นแค่คำสาปที่อยู่ในตัวเคลาส์” สเตฟานถาม “เคลาส์เป็นแวมไพร์ที่กำเนิดจากสายเลือดมนุษย์หมาป่า คำสาปทำให้ด้านที่เป็นมนุษย์หมาป่าของเขาไม่สำแดงออกมาแต่ถ้าเขาทำลายคำสาปได้เขาก็จะเป็นลูกผสมอย่างแท้จริง”

     

    เบลล่าก้มลองมองพื้นพลางจับสร้อยอเมทิสต์ไปด้วย เธอมีความรู้สึกแปลกๆวนเวียนอยู่ในท้องอย่างไม่หยุดหย่อน “แล้วทำไมเราจะยอมให้เขาถอนคำสาปล่ะเราฆ่าเขาซะวันนี้ก็ได้ด้วยบอนนี่ไงล่ะ” เบลล่าถอนหายใจออกมา

     

    “เดม่อน” สเตฟานเตือน “บอนนี่ใช้พลังมากขนาดนั้นไม่ได้เธอจะตาย” เอเลน่าบอกเขา “ฉันจะเขียนคำสดุดีให้เธอเอง” เดม่อนประชดประชันและเบลล่าก็กลอกตา

     

    “มันไม่ใช่ทางเลือกเดม่อน” เอเลน่าบอก “เอาล่ะแล้วเราจะถอนคำสาปนี้ได้ยังไง” สเตฟานถาม “พิธีกรรมมันไม่ได้ยุ่งยากอะไรองค์ประกอบที่ต้องใช้ก็อย่างที่พูด คุณรู้อยู่แล้ว”

     

    “พลอยสีน้ำเงิน” สเตฟานบอก “แม่มดจะดึงพลังจากพระจันทร์เต็มดวงเพื่อปลดปล่อยเวทมนตร์ที่ผนึกไว้ในพลอยสีน้ำเงินหลังจากนั้นเคลาส์ซึ่งเป็นทั้งมนุษย์หมาป่าและแวมไพร์ก็จะสังเวยคนใดคนหนึ่ง”

     

    “แล้วฉันเกี่ยวข้องด้วยตอนไหน” เอเลน่าถาม “ในช่วงสุดท้ายของพิธี เคลาส์ต้องดื่มเลือดคนหน้าเหมือนนั่นแหละ คุณถึงต้องตาย” เอไลจาห์บอกและเบลล่าก็เงยหน้าขึ้นในที่สุด “แล้วคุณก็จะเข้ามาในตอนนั้น” เอเลน่าสรุป เอไลจาห์เปิดฝาหีบหนังออกเผยให้เห็นขวดยา

     

    “นี่เป็นยาชุบชีวิตที่ฉันหามาได้เมื่อห้าร้อยปีก่อนเพื่อใช้กับแคทเธอรีน่ามันมีสมบัติลึกลับที่ช่วยให้คืนชีพได้” เอไลจาห์อธิบาย “งั้นฉันก็ต้องตายน่ะสิ” เอเลน่าถาม “แล้วคุณจะฟื้น”

     

    “นั่นคือแผนของคุณหรอ ยาวิเศษของแม่มดที่ไม่มีวันหมดอายุสินะถ้าอยากตายแล้วฟื้นทำไมไม่ใช้แหวนของจอห์นล่ะ” เดม่อนถาม เบลล่ามองเขาขณะที่ยังจับสร้อยอยู่ นัยตาสีฟ้าของเธอเรืองแสงสีส้มออกมาเล็กน้อย “แหวนพวกนั้นใช้ได้กับคนธรรมดา คนหน้าเหมือนเป็นสิ่งเหนือธรรมชาติแหวนพวกนั้นใช้ไม่ได้หรอก” เบลล่าบอกพวกเขา

     

    เธอไม่แน่ใจว่าเธอได้ข้อมูลมาจากไหน มันเลือนลางมากในความทรงจำของเธอ “งั้นฉันจะยอมรับความเสี่ยงพวกนั้นจากยาชุบชีวิตของคุณแล้วถ้ามันไม่ได้ผลล่ะเอเลน่า” เดม่อนถามเอเลน่า

     

    “งั้นฉันคงต้องตายเนี่ยแแหละ” หน้าตาของเดม่อนดูไม่เชื่อหลังจากคำของเอเลน่า เขามองไปที่สเตฟานและเบลล่าที่เพียงยักไหล่ให้เขาเท่านั้น เดม่อนส่ายหัวด้วยความผิดหวังและเดินออกไป “แล้วนี่เคลาส์มีทุกอย่างที่ต้องใช้แล้วหรือยัง เขามีมนุษย์หมาป่าแล้วหรอ” เอเลน่าถาม

     

    “เคลาส์รอคอยการถอนคำสาปนี้มานานมากกว่า 1,000 ปี ถ้าเขายังไม่มีมนุษย์หมาป่าล่ะก็ฉันคิดว่าเขาคงได้สักตัวในคืนนี้” เอไลจาห์บอกและเบลล่าก็ถอนหายใจออกมาก่อนจะยืนขึ้นและเร่งความเร็วแวมไพร์ออกจากบ้านไป

     

    เบลล่าไม่แน่ใจนักว่าทำไมเธอถึงหลบหนีออกมาแต่เธอก็ทำมันไปแล้ว เธอใช้ความเร็วหนีไปยังป่าที่แม้ไม่ลึกมากแต่ก็พอที่จะไม่มีใครตามหาเธอได้อยู่ดี เบลล่าถอนหายใจออกมาและทรุดตัวลงพิงหลังกับต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง

     

    สายลมอ่อนๆพัดผ่านร่างกายของเธอทำให้ความเย็นกระทบผิวแต่นั่นทำให้เบลล่าสบายใจอย่างน่าประหลาด อาจเป็นเวทมนตร์ธรรมชาติในตัวเธอหรืออาจเป็นเพราะเธอเชื่อมต่อกับมันจริงๆ นัยตาสีฟ้าของหญิงสาวมีเพลิงสีส้มวนเวียนอยู่อย่างเจือจางหากไม่สังเกตคุณอาจจะมองไม่เห็นมัน

     

    เบลล่าหลับตาลงและฟังเสียงของธรรมชาติ ลำธาร สายลมและต้นไม้ ร่างกายของเธอผ่อนคลายด้วยความสุขสบายอยู่ชั่วขณะหนึ่งจนกระทั่งเสียงเดินของเท้าเกิดขึ้นทำให้เบลล่าลืมตาทันที

     

    เธอลุกขึ้นนั่งอย่างรวดเร็วและหันไปมองด้านหลัง ด้านที่เสียงเกิดขึ้น นัยตาของเธอเห็นร่างของผู้ชายคนหนึ่งเดินมาใกล้เรื่อยๆจนกระทั่งเขาหยุดห่างจากเธอไปราวๆสองเมตร

     

    เขามีผมสีบลอนด์เข้ม ดวงตาสีอ่อนและคมหน้าที่ดูดีราวกับเทพบุตรหรือคนจากยุคเก่าอะไรทำนองนั้น บนใบหน้าของเขามีรอยยิ้มมุมปากที่ดูทั้งเจ้าเล่ห์และมีเสน่ห์เกิดขึ้นอยู่

     

    “คุณคือใครกันแล้วมาทำอะไรที่นี่” เบลล่าร้องถามออกมา เธอจ้องมองเขาอย่างดุร้ายและพยายามแสดงท่าทางไร้ความกลัวให้ได้มากที่สุด “ดีใจที่ได้เจอกันอีกครั้งนะ โรซาเบลล่า” เจ้าของชื่อขมวดคิ้วมุ่น

     

    “คุณรู้ชื่อฉันได้ยังไงกัน” เบลล่าถามออกมา “เราเจอกันครั้งหนึ่งนะที่รัก” ผู้ชายคนนั้นเอ่ยออกมาและเสียงในหัวของเบลล่าก็ดังขึ้นอีกครั้งราวกับระฆังเตือนภัย เบลล่ากลืนน้ำลายก่อนจะตอบออกมาในที่สุด “เคลาส์

     

    เคลาส์ยิ้มเยาะและเดินเข้ามาใกล้อีกก้าวทำให้การหายใจของเบลล่าสะดุด “ในที่สุดเราก็ได้เจอกันอย่างเป็นทางการซะที” เขาเอ่ยออกมา “ต้องการอะไร” เบลล่าถามแต่การยิ้มเยาะของเคลาส์ยังคงอยู่บนใบหน้าของเขา


    “ช่างเป็นสาวน้อยที่กล้าหาญ เอาล่ะ อย่าพูดมากเลยดีกว่าเธอรู้ดีใช่มั้ยว่าคืนนี้จะเกิดอะไรขึ้น” เคลาส์ถามและเบลล่าก็พยักหน้าสบตากับดวงตาสีมหาสมุทรของเขา

     

    “ดี ฉันเกรงว่าเธอจะเป็นอีกส่วนหนึ่งที่สำคัญทีเดียวล่ะ” เคลาส์พูดและเบลล่าก็กลืนน้ำลาย เขารู้มั้ยว่าเธอเป็นอะไร เธอคิดแต่ยังคงพยายามทำตัวกล้าหาญและเป็นว่าไม่กลัวผู้ชายตรงหน้าแม้ว่าเสียงหัวใจเธอจะบอกต่างออกไป

     

    “ฉันเกี่ยวอะไรด้วย” เบลล่าถามออกไป เขายิ้มเยาะและเดินวนรอบๆเบลล่า “คืองี้ ฉันน่ะนะได้ยินจากแม่มดมาว่ามีไฟเบิร์ดตัวสุดท้ายเหลืออยู่ในเมืองนี้…” เบลล่ากลืนน้ำลายด้วยความกลัวเล็กน้อย “…และฉันสงสัยว่ามันคือเธอ”

     

    เบลล่าสูดหายใจเข้าลึกๆและมองหน้าเขา “ฉันไม่รู้ว่านายพูดถึงเรื่องอะไร” เบลล่าเสแสร้ง วินาทีต่อมาเคลาส์จับคอของเธอและเร่งชนเข้ากับต้นไม้ทำให้เบลล่าอ้าปากค้างด้วยความเจ็บ

     

    “เราสามารถไปกันแบบง่ายๆได้นะที่รัก ถ้าเธอยอมไปกับฉันและให้ความร่วมมือดีๆฉันจะยกเว้นเพื่อนแวมไพร์ตัวน้อยของเธอแต่ถ้าไม่ ฉันเกรงว่าเธออาจะต้องมองเพื่อนตัวน้อยของเธอตายไปต่อหน้า” เขาข่มขู่เธอและเบลล่าก็ส่งเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดเล็กน้อยออกมาขณะที่สมองประมวลผล

     

    เพื่อนแวมไพร์ต้วน้อย? เธอตั้งคำถามในหัวและได้คำตอบอย่างรวดเร็ว ไม่ แคโรไลน์ เบลล่าจ้องมองไปที่เขา “อย่าทำร้ายแคโรไลน์” เธอบอกเขาด้วยความยากลำบาก

     

    เขายิ้มเยาะ “ว่ายังไงล่ะแม่นกน้อย” เขากระซิบรอคำตอบขณะที่มือของเขายังคงอยู่ที่คอเบลล่าอยู่ “โอเค ฉันจะไปกับนาย!” เธอตะโกนออกมาเล็กน้อยและเขาก็ปล่อยเธอในที่สุด

     

    เบลล่าไอออกมาและหายใจเข้าลึกๆ วินาทีต่อมาเธอก็เงยหน้าขึ้นมองเขาด้วยสายตาอ่านไม่ออก “นายต้องการให้ทำอะไร” เธอถามและเคลาส์ก็ยิ้มเยาะออกมา

     

    -

     

    หลังจากการตกลงกับเคลาส์ เขาก็นำเธอไปยังสถานที่ที่จะทำพิธีในเวลากลางคืนด้วยร่างที่หมดสติก่อนที่เกรตาและเอเลน่าจะมาหลังจากเธอตื่นขึ้นราวสิบนาที

     

    คนผมแดงกระพริบตาด้วยความมึนงงและลุกขึ้นนั่ง เธอมองไปรอบๆก็พบกับความมืดและต้นไม้ นัยตาสีฟ้าที่ยังคงปรับอยู่สังเกตเห็นคนนอนอยู่ไม่ไกลจากเธอ สิ่งสุดท้ายที่เบลล่าจำได้หลังจากการตกลงกับเคลาส์ที่จะช่วยให้เขาพ้นคำสาปคือเขาทำให้หมดสติไป

     

    เบลล่ากลืนน้ำลายลุกขึ้นยืนเมื่อได้ยินเสียงคนเดินมา เธอสูดหายใจเข้าลึกๆ วินาทีต่อมาเพลิงสีส้มก็ถูกจุดให้ส่วนต่างๆที่เตรียมไว้ในพิธีทำให้เบลล่าเห็นเอเลน่าในที่สุด

     

    “เบลล่า?” เอเลน่าร้องถาม “เอเลน่า” เบลล่าเอ่ยด้วยความโล่งใจและสองสาวก็วิ่งเข้าใส่กอดกัน เบลล่าถอนหายใจออกมาขณะที่กอดน้องสาวบุญธรรมของเธอก่อนจะหันไปมองร่างของหญิงสาวที่ตอนนี้ชัดเจนขึ้นมาเมื่อมีแสงไฟ

     

    เอเลน่าและเบลล่าพิจารณาร่างที่หันหลังนั้นก่อนจะเอ่ยออกมาพร้อมกัน “เจนน่า?” เอเลน่าปล่อยมือของหญิงสาวผมแดงและวิ่งไปที่ร่างของเจนน่า เบลล่าเอามือปิดปากด้วยน้ำตาคลอ

     

    “น้าเจนน่า เจนน่า เจนน่า น้าเจนน่า” เอเลน่าร้องเรียกน้าสาวและพยายามหาชีพจร “โอ้พระเจ้า ไม่นะ ไม่นะ น้าเจนน่า ไม่นะ” เบลล่ากลั้นก้อนสะอื้น เคลาส์ทำตามสัญญาที่ไม่เอาแคโรไลน์มาแต่กลับเอาเจนน่ามาแทน

     

    เอเลน่าหันไปหาแม่มดเกรตา “เขาฆ่าเธอหรอ ทำไมล่ะ ฉันทำทุกอย่างที่เขาต้องการแล้วนี่” เอเลน่าร้องถาม วินาทีต่อมาเจนน่าก็ลุกขึ้นหอบหายใจพลางกระพริบตาไปรอบๆเพื่อประมวลผล

     

    “เธอไม่ได้ตายหรอก เธอกำลังเปลี่ยนน่ะ” เกรตาบอก ทั้งเบลล่าและเอเลน่าหันไปหาแม่มดและลมหายใจของสาวผมแดงก็สะดุดลง เธอกำลังเป็นส่วนหนึ่งของฆาตกรที่ฆ่าเจนน่าในคืนนี้

     

     

    talk ;

    มันก็จะสั้นๆหน่อย ขอโทษนะคะ;-; เราพึ่งรู้ว่าไม่เคยติดคำเตือนเลยเพราะฉนั้นเราจะเริ่มตั้งแต่ตอนนี้เป็นต้นไปนะคะ

     

     

    T
    B
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×