ลำดับตอนที่ #1
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : ONE —– JULIETTE HARGREEVES
— ( จูเลียต ฮาร์กรีฟส์ )
1x01 We Only See Each Other at Weddings and Funerals
ชั่วโมงที่สิบสองของวันแรกในเดือนตุลาคมปี 1989 ผู้หญิง 43 คนทั่วโลกให้กำเนิดบุตรโดยไม่มีสัญญาณของการตั้งครรภ์
เซอร์เรจินัลดิ์ ฮาร์กรีฟส์ มหาเศรษฐีผู้แปลกประหลาดและนักผจญภัย
ได้ตัดสินใจตามหาและอุปถัมภ์เด็กเหล่านี้ให้หลายคนที่สุด
เขาได้มาทั้งหมดแปดคน
ภายในป่าอันกว้างใหญ่มหาศาลที่เต็มไปด้วยเสียงของสัตว์กลางคืนและลมที่พัดผ่านพร้อมกับความหนาวเย็นที่รู้สึกได้ในป่าสีเขียวขจีที่อยู่หลังบ้านไม้สีขาวสวยงามและเต็มไปด้วยความสงบสุขของหญิงสาวผมสีน้ำตาลคนหนึ่ง
ผ่านไปตามแนวป่าหมาป่าขนสีเทาอ่อนแซมขาวตัวหนึ่งวิ่งด้วยความเร็วเท่าที่สี่เท้าของมันจะทำได้ก่อนจะหยุดลงตรงหลังบ้านไม้สีขาว น่าแปลกที่หมาป่าตัวนั้นเปลี่ยนร่างกลายเป็นหญิงสาวผมสีน้ำตาลสวยงามและดวงตาสีเขียวพร้อมกับร่างกายที่เปลือยเปล่าของเธอ เธอยืนขึ้นก่อนจะหยิบเสื้อผ้าที่ตากเอาไว้มาใส่อย่างรวบๆและเดินเข้าไปในบ้านผ่านทางประตูหลัง
ไม่นานไฟก็ถูกเปิดพร้อมกับข้าวของเครื่องใช้ภายในบ้านของเธอเอง เธอถอนหายใจก่อนจะเดินไปนั่งตรงทีวีที่กำลังรายงานข่าวข่าวหนึ่งที่กำลังจะทำให้เธอได้เจอพี่น้องอีกครั้ง
"เมื่อสักครู่นี้ตำรวจได้รับรายงานการเสียชีวิตของมหาเศรษฐีที่แปลกและโดดเดี่ยวที่สุดในโลก" ภาพบนหน้าจอปรากฎรูปของชายแก่คนหนึ่งที่ทำให้หญิงสาวผมสีน้ำตาลตกตะลึงพร้อมกับถอนหายใจและมองลงไปข้างล่างพร้อมกับเม้มริมฝีปาก "พ่อ..."
มันอาจได้เวลาที่ จูเลียต ฮาร์กรีฟส์ จะได้กลับบ้านแล้ว.
—
ทันทีที่รถจอดก็พบกับคฤหาสน์เก่าหลังหนึ่งที่ดูทรุดโทรมอันเป็นบ้านในวัยเด็กของเธอ จูเลียตสุดหายใจลึกๆเพิ่มความมั่นใจก่อนจะเดินเข้าบ้านและหยุดยืนอยู่ในห้องโถงใกญ่อันเป็นห้องสู่บันไดไปชั้นบนยังห้องนอนของแต่ละคนและห้องอื่นๆอีกมากมาย
จูเลียต ฮาร์กรีฟส์ , หมายเลขแปด หนึ่งในเด็กแปดคนที่พ่อของเธอรับเลี้ยงมาด้วยพลังพิเศษ เริ่มด้วยหมายเลขหนึ่ง ลูเธอร์ เขามีพลังพิเศษคือการมีพลังที่มากกว่าคนทั่วไปและมากกว่าจูเลียต เขาเป็นเหมือนพี่ใหญ่ของแต่ละคนและตามมาด้วยหมายเลขสอง ดิเอโก พลังของเขาคือการเคลื่อนที่ไวและปามีด ดิเอโกเป็นคนหนึ่งในสองที่ช่วยให้จูเลียตปรับตัวกับพลังของเธอได้
หมายเลขสาม อัลลิสัน พลังของเธอคือข่าวลือ อัลลิสันมักจะสนิทกับลูเธอร์มากกว่าใครในพี่น้องของเธออาจเป็นเพราะทั้งคู่เริ่มปิ๊งกันตั้งแต่เริ่มเข้าวัยรุ่นก็ได้ ยังไงก็เถอะมาจากครอบครัวเดียวกันแต่ไม่ได้มีสายเลือดเดียวกันนี่ ไม่แปลกหรอก ใช่มั้ย? หมายเลขสี่ เคลาส์ พลังของเขาคือการมองเห็นคนตายและแน่นอนว่ามันไม่เคยดีสำหรับเขาและเมื่อเข้าสู่วัยรุ่นเขาเริ่มที่จะหันไปพึ่งยาเสพติด และทำให้พ่อไม่ชอบเขามากที่สุดในบรรดาแปดคน
หมายเลขหก เบน เด็กผู้ชายที่ไม่ชอบพลังของตัวเองที่สุดเพราะพลังของเขาคือการมีหนวดเอเลี่ยนออกมาจากหน้าท้อง ซึ่งน่าขยะแขยงและเบ็นก็เสียชีวิตลงอย่างน่าเศร้าทำให้เขากลายเป็นพี่น้องคนแรกที่จากไปก่อนเป็นคนแรก หมายเลขเจ็ด แวนย่า น่าแปลกดีที่พ่อบอกว่าเธอไม่มีพลังอะไรเลยแต่เธอมีความสามารถคือการสีไวโอลินซึ่งทำให้จูเลียตสงบลงจากอารมณ์ที่สูงขึ้นอันเป็นผลพวงมาจากยีนหมาป่าในร่างกายของเธอเอง
และหมายเลขแปด จูเลียต ผู้สามารถแปลงเป็นหมาป่าได้และมีความสามารถของมันทั้งหมดแม้ว่าข้อเสียคือเธอต้องรับมือกับอารมณ์ที่สูงขึ้นกว่าคนปกติทั่วไปและดูเหมือนคนเดียวที่จัดการเธอได้อยู่มัดคือหมายเลขห้า ไฟว์ ผู้มีพลังของการกระโดดอวกาศและเดินทางข้ามเวลาซึ่งหายตัวไปเมื่อสิบห้าปีก่อน
จูเลียตหยุดเมื่อเดินมาถึงห้องตรงข้ามของห้องของเธอ ห้องของไฟว์ เธอยิ้มเล็กๆก่อนจะเปิดเข้าไปอย่างเบาๆพร้อมกับความทรงจำที่ฉายผ่านหัวของเธอ
จูเลียตนั่งอยู่บนเตียงมองภาพของเด็กหนุ่มอันเป็นที่รักเต้นระบำไปรอบๆแม้ไม่มีเสียงดนตรีก็ตาม ใบหน้าของเขาแสดงออกถึงความสุขและดวงตาที่ปิดลงพร้อมกับรอยยิ้มโค้งอันเป็นเอกลักษณ์ของเขาทำให้จูเลียตแทบคลั่ง
ความรู้สึกของจูเลียตเต็มไปด้วยความสุขและห้องเต็มไปด้วยกลิ่นหอมของเขาที่เธอจดจำได้จากการกอดเขาบ่อยๆในช่วงหลังนี้ และเมื่อเขาหยุดเต้นและลืมตาขึ้นมาก็พบกับดวงตาสีเขียวของเด็กสาวที่เต็มไปด้วยประกายแห่งความรัก เขายิ้มก่อนจะกระโดดอวกาศไปข้างหลังเธอพร้อมกับดึงเธอลงมานอนทับเขา
"ไฟว์!" จูเลียตดุอย่างไม่จริงจังนักก่อนจะหัวเราะออกมาพร้อมกับลุกขึ้นนั่งแและดึงไฟว์ขึ้นมาทำให้ตอนนี้เธอนั่งคร่อมเขาอยู่ ไฟว์หัวเราะเบาๆก่อนจะเลื่อนหน้าเข้าไปใกล้และประกบริมฝีปากของเขากับเธอด้วยความนุ่มนวลและผละออกมา
"ฉันรักเธอ" เขาพูดด้วยเสียงระดับกระซิบแต่มีหรือประสาทการได้ยินของเธอจะไม่ได้ยิน เธอหน้าแดงกับคำพูดของเขาก่อนจะยิ้มกว้างออกมา "ฉันก็รักนายเหมือนกัน"
จูเลียตยิ้มมุมปากให้กับความทรงจำเก่าๆในวัยเด็กของเธอ เมื่อไฟว์หายไปหัวใจของเธอก็รู้สึกราวกับถูกบีบรัดและหมาป่าภายในตัวเธอก็กรีดร้องอย่างหนักในแต่ละคืน การกลายร่างเป็นหมาป่าเริ่มยากขึ้นเรื่อยๆทำให้เธอควบคุมมากขึ้นไม่ได้เรื่อยๆจนท้ายที่สุดเธอก็ต้องหนีออกจากสถาบันพร้อมกับพยายามหาทางควบคุมเพื่อไม่ให้เธอทำร้ายใครได้
คนผมสีน้ำตาลถูกดึงออกจากภวังค์เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าที่มากกว่าหนึ่งด้านล่าง เธอรีบลงบันไดไปด้วยความเร่งรีบและกลิ่นหอมที่แตะจมูกอันคุ้นเคยของเธอก็ทำให้เธอยิ้มกว้างขึ้น "อัลลิสัน! แวนย่า!" เสียงใสของหญิงสาวก้องกังวานไปทั่วพร้อมกับใบหน้าที่ยิ้มแย้ม
จูเลียตไม่รอช้ารีบเข้าไปกอดพี่สาวทั้งสองคนของเธอพร้อมกับสูดดมกลิ่นอันคุ้นเคย เธอไม่ได้เจอพวกเขาบ่อยนักโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อแต่ละคนไปมีหน้าที่การงานของตนเอง
"จูเลียต! ดูสิ สวยขึ้นนะเนี่ย" จูเลียตยิ้มและส่ายหัวเบาๆกับคำพูดของอัลลิสัน "จำได้มั้ยว่าฉันหยุดโตไปตอนสิบเจ็ดนะ แต่หน้าตาอาจเปลี่ยนก็ได้ใครจะรู้" เธอพูดพร้อมกับยักไหล่ด้วยความสนุกสนานและเอียงหัวยิ้มพร้อมกับขยิบตาด้วยความขี้เล่นให้ทั้งสองคน
จูเลียตหุบยิ้มเมื่อเดินไปยังหน้าห้องนั่งเล่นพร้อมกับเห็นภาพวาดเหมือนของใครบางคนที่เธอไม่ได้เห็นเขามานานแล้วแต่หากว่าเธอยังคงรักเขาและรอเขาเสมอมาแม้ว่าความหวังของเธอจะสูญสิ้นไปแล้วก็ตาม
"ยินดีต้อนรับกลับบ้านคุณจูเลียต คุณแวนย่า" จูเลียตถูกดึงออกจากภวังค์อีกครั้งด้วยเสียงของลิงที่เป็นเหมือนเพื่อนกับเธอ "โพโก" เธอและแวนย่ายิ้มก่อนจะเข้าไปกอดโพโกทีละคนและผละออกมา "ดีจริงๆที่ได้เจอพวกคุณ" เขาหยุดเมื่อสายตาหันไปเห็นหนังสือชีวประวัติของแวนย่า "อ๋อใช่ หนังสือชีวประวัติของคุณ"
จูเลียตกลืนน้ำลายเล็กน้อยเมื่อเห็นหนังสือในมือของแวนย่า เธออ่านมันแม้ว่าหลังอ่านจบเธอจะแทบเผามันทิ้งก็ตามทีและเธอเข้าใจว่าแวนย่าเขียนด้วยความรู้สึกโกรธและขมขื่นในตอนนั้น "คุณรู้ไหมว่า..พ่อเคยอ่านมันมั้ย" แวนย่าถามกับโพโกขณะที่จูเลียตหันไปจ้องภาพวาดเหมือนแทน
"เท่าที่ผมรู้ก็ไม่เคย" โพโกตอบและแวนย่าก็หันไปยังภาพวาดเหมือนที่พี่สาวของเธอกำลังจ้องอยู่เหนือปล่องไฟ "ไฟว์หายตัวไปนานเท่าไหร่แล้วนะ" จูเลียตสามารถรู้สึกได้ถึงความเศร้าลึกๆและบางทีความหวังที่ยังคงมีอยู่ให้รู้สึกว่าเขาจะกลับมาเมื่อจ้องมองไปยังรูปนั่น "มันผ่านมา 15 ปี 4 เดือนกับ 14 วันครับ พ่อของคุณขอให้ผมนับวันเวลา"
"อยากรู้อะไรโง่ๆมั้ย ฉันกับแวนย่าเคยผลัดกันเปิดไฟไว้ให้เขาเสมอ เรากลัวว่าเขาจะกลับมาแล้วมันจะดึกและในบ้านจะมืดพอเขาหาพวกเราไม่เจอเขาก็จะจากไปอีกดังนั้นทุกๆคืนเราก็จะ..ผลัดกันทำของว่างและเปิดไฟไว้เสมอ" จูเลียตและแวนย่าแบ่งปันยิ้มให้กันเล็กน้อย
"อยากรู้อะไรโง่ๆมั้ย ฉันกับแวนย่าเคยผลัดกันเปิดไฟไว้ให้เขาเสมอ เรากลัวว่าเขาจะกลับมาแล้วมันจะดึกและในบ้านจะมืดพอเขาหาพวกเราไม่เจอเขาก็จะจากไปอีกดังนั้นทุกๆคืนเราก็จะ..ผลัดกันทำของว่างและเปิดไฟไว้เสมอ" จูเลียตและแวนย่าแบ่งปันยิ้มให้กันเล็กน้อย
"ผมจำของว่างของพวกคุณได้ จำได้แม่นเลยว่าเคยเดินเหยียบแซนด์วิซเนยถั่วมาชเมลโล่นั่นเกินครึ่ง" จูเลียตหัวเราะเล็กน้อยและหันไปหาภาพวาดเหมือนในขณะที่หูของเธอยังคงได้ยินเสียงของโพโกกับแวนย่าคุยกันและเสียงของประกายไฟที่ปะทุขึ้นมาจากกองไม้ที่ลุกไหม้
"พ่อของคุณเชื่ออยู่เสมอว่าหมายเลขห้าต้องอยู่ที่ไหนสักแห่ง เขาไม่เคยสิ้นหวัง" จูเลียตถอนหายใจขณะที่แวนย่าถามเขากลับ "แล้วดูสิว่าพ่อเป็นไง" นัยตาสีเขียวของจูเลียตหม่นหมองลงหลังจากจ้องรูปของคนอันเป็นที่รักของเธอโดยประกายไฟของเธอยังคงหวังลึกๆว่าเขาจะกลับมาไม่ช้าก็เร็ว
—
พี่น้องหกคนนั่งอยู่ในห้องนั่งเล่นรวมด้วยความเงียบสงบมีเพียงเสียงของเคลาส์หาแอลกอฮอลดื่มก่อนที่ลูเธอร์จะเป็นคนพูดทำลายความเงียบนั้นขึ้น "งั้นก็น่าจะเริ่มกันเลยฉันคิดว่าเราควรจะจัดพิธีรำลึกถึงพ่อในสนามตอนพระอาทิตย์ตก พูดอะไรหน่อย ตรงที่พ่อชอบอยู่" จูเลียตขมวดคิ้ว "พ่อมีจุดที่ชอบด้วยหรอ"
"ใช่ ใต้ต้นโอ๊ก ฉันกับพ่อไปนั่งประจำ ทุกคนไม่เคย" และจูเลียตก็เอียงคอด้วยความสนุกสนาน "มีใครรับเครื่องดื่มมั้ย ชา สโคน แซนวิชดิ์แตงกวาเลิศเสมอ" เคลาส์พูดด้วยความสนุกสนานและเริ่มเดินไปรอบๆด้วยความเมายาของเขา
"ไม่ แล้วดับมันด้วยก็รู้อยู่ว่าพ่อไม่ให้สูบบุหรี่" และคำพูดของลูเธอร์ก็ถูกขัดด้วยเสียงของอัลลิสัน "นั่นกระโปรงของฉันหรือเปล่า" นัยตาสีเขียวของจูเลียตมองลงไปยังกระโปรงที่เคลาส์ใส่ "อะไรนะ อ๋อใช่ ฉันไปเจอมันในห้องของเธอ ออกจะเชยไปหน่อยแต่ว่า...อากาศถ่ายเทสะดวกดี..ตรงนั้นน่ะ"
ใบหน้าของจูเลียตย่นขึ้นและริมฝีปากก็โค้งไปด้วยรอยยิ้ม "ฟังกันหน่อย ยังมีเรื่องสำคัญที่เรายังต้องปรึกษากันนะ" จูเลียตยกคิ้วขึ้นและถามเขา "เรื่องอะไร" นัยตาสีเขียวเต็มไปด้วยประกายของความว่างเปล่าที่เธอมีตลอดสิบห้าปีที่ผ่านมา
"การตายของพ่อไง" เขาพูดและจูเลียตก็ได้ยินดิเอโก้พึมพำใต้ลมหายใจของเขา "เอาอีกแล้วไง" "ฉันไม่เข้าใจ ไหนบอกกันว่าหัวใจวาย" แวนย่าพูดและขมวดคิ้วพร้อมกันกับพี่น้องที่เหลือของเธอ "คนชันสูตรพูดแบบนั้น" และจูเลียตก็มองไปยังเขา "พวกเขารู้ดีไม่ใช่หรอ" เธอถาม
"ตามหลักวิชา" "ตามหลักวิชาหรอ?" อัลลิสันถามซ้ำ และจูเลียตก็เอียงหัวไปยังไหล่ของเคลาส์ เฝ้าดูพี่น้องของเธอ "ฉันแค่จะพูดว่าอย่างน้อยต้องมีอะไรเกิดขึ้นครั้งสุดท้ายที่ฉันคุยกับพ่อ พ่อดูแปลกๆ"
"โอ้ น่าแปลกใจอะไรเช่นนี้" จูเลียตกรอกตาไปที่เคลาส์ก่อนจะหันกลับไปฟังลูเธอร์ต่อ "แปลกยังไงหรอ" "พ่อฟังดูเครียดๆบอกให้ฉันระวังเรื่องการวางใจคน"
"ลูเธอร์ พ่อเป็นตาแก่ขี้ระแวงที่เริ่มจะเสียสติอันน้อยนิดที่เหลืออยู่" ดิเอโกพูดและเดินเข้าไปใกล้เขา "ไม่ พ่อรู้แน่ๆว่าเกิดอะไรขึ้น" และเขาก็หันไปหาเคลาส์ "ฟังนะ ฉันรู้ว่านายไม่ชอบทำแต่ฉันต้องการให้นายคุยกับพ่อ"
"อยู่ดีๆจะให้ฉันโทรไปหาพ่อในปรโลกแล้วถามว่า 'พ่อหยุดเล่นเทนนิสกับฮิตเลอร์สักครู่แล้วมารับสายหน่อย' ไม่ได้หรอกนะ" เคลาส์เย้ยหยันและจูเลียตก็หัวเราะเบาๆ "ตั้งแต่เมื่อไหร่ นั่นมันงานถนัดนายนี่"
"สภาพจิตฉันไม่เหมาะสม" และจูเลียตก็ถอนหายใจ "นายเมายาอยู่หรอ" อัลลิสันถาม "ใช่! นั่งฟังเรื่องไร้สาระแบบนี้แล้วจะไม่เมาได้ไง" แต่ลูเธอร์ก็ยังคงเป็นลูเธอร์ เข้มงวดและดูเป็นพี่ใหญ่เสมอ "งั้นก็สร่างได้แล้ว นี่เรื่องสำคัญแล้วยังมีปัญหาเรื่องแว่นตาข้างเดียวที่หายไป"
"โอเค ใครจะไปสนใจแว่นตาข้างเดียวโง่ๆ" จูเลียตเย้ยหยัน "ใช่สิ มันไม่มีค่า ดังนั้นคนที่เอามันไปทำเพราะแค้นส่วนตัว คนที่ใกล้ชิดพ่อ คนที่อาฆาตพ่อ" เขาหันสายตาไปยังดิเอโกและจูเลียตก็ถอนหายใจออกมา "นายจะสื่ออะไรเนี่ย" เคลาส์ถามและจูเลียตก็สามารถประมวลคำพูดของเขาได้อย่างรวดเร็ว
"โอ้ น่าแปลกใจอะไรเช่นนี้" จูเลียตกรอกตาไปที่เคลาส์ก่อนจะหันกลับไปฟังลูเธอร์ต่อ "แปลกยังไงหรอ" "พ่อฟังดูเครียดๆบอกให้ฉันระวังเรื่องการวางใจคน"
"ลูเธอร์ พ่อเป็นตาแก่ขี้ระแวงที่เริ่มจะเสียสติอันน้อยนิดที่เหลืออยู่" ดิเอโกพูดและเดินเข้าไปใกล้เขา "ไม่ พ่อรู้แน่ๆว่าเกิดอะไรขึ้น" และเขาก็หันไปหาเคลาส์ "ฟังนะ ฉันรู้ว่านายไม่ชอบทำแต่ฉันต้องการให้นายคุยกับพ่อ"
"อยู่ดีๆจะให้ฉันโทรไปหาพ่อในปรโลกแล้วถามว่า 'พ่อหยุดเล่นเทนนิสกับฮิตเลอร์สักครู่แล้วมารับสายหน่อย' ไม่ได้หรอกนะ" เคลาส์เย้ยหยันและจูเลียตก็หัวเราะเบาๆ "ตั้งแต่เมื่อไหร่ นั่นมันงานถนัดนายนี่"
"สภาพจิตฉันไม่เหมาะสม" และจูเลียตก็ถอนหายใจ "นายเมายาอยู่หรอ" อัลลิสันถาม "ใช่! นั่งฟังเรื่องไร้สาระแบบนี้แล้วจะไม่เมาได้ไง" แต่ลูเธอร์ก็ยังคงเป็นลูเธอร์ เข้มงวดและดูเป็นพี่ใหญ่เสมอ "งั้นก็สร่างได้แล้ว นี่เรื่องสำคัญแล้วยังมีปัญหาเรื่องแว่นตาข้างเดียวที่หายไป"
"โอเค ใครจะไปสนใจแว่นตาข้างเดียวโง่ๆ" จูเลียตเย้ยหยัน "ใช่สิ มันไม่มีค่า ดังนั้นคนที่เอามันไปทำเพราะแค้นส่วนตัว คนที่ใกล้ชิดพ่อ คนที่อาฆาตพ่อ" เขาหันสายตาไปยังดิเอโกและจูเลียตก็ถอนหายใจออกมา "นายจะสื่ออะไรเนี่ย" เคลาส์ถามและจูเลียตก็สามารถประมวลคำพูดของเขาได้อย่างรวดเร็ว
เขาคิดว่า โอ้ไม่-
"ยังไม่ชัดอีกหรอเคลาส์ เขาคิดว่าพวกเราคนนึงฆ่าพ่อ" ดิเอโกตอบข้อสงสัยของพี่น้องของเขาและจูเลียตก็มองไปยังลูเธอร์ด้วยสายตาที่เจ็บปวดเหมือนๆกันกับพี่น้องของเธอ
"คิดเหรอ!" "คิดได้ยังไง" เสียงของแวนย่าและเคลาส์อุทานด้วยความเจ็บปวดและจูเลียตก็มุ่ยใส่เขา "ทำได้ดีมาก ลูเธอร์ เป็นผู้นำที่ดีจริง" ดิเอโกประชดประชันก่อนจะเดินออกไป "ฉันไม่ได้จะสื่อแบบนั้น-"
"นายมันบ้าไปแล้ว บ้าจริงๆ บ้าที่สุด" เคลาส์เย้ยหยันและจูเลียตก็หัวเราะเยาะออกมาก่อนจะหันไปมองภาพไฟว์และยืนขึ้น "ฉันยังพูดไม่จบ!" ลูเธอร์แย้งแต่พี่น้องไม่ได้ฟังเขาอีกต่อไป "โทษทีนะ ฉันจะไปฆ่าแม่ก่อนแล้วกลับมาหา" เคลาส์เย้ยหยันอีกครั้งและเดินออกไปตามด้วยแวนย่าและจูเลียต
"ฉันไม่ได้จะสื่ออย่างนั้น ฉันไม่- อัลลิสัน..." จูเลียตยังคงได้ยินเสียงพึมพำและถอนหายใจของเขาแต่เธอไม่สนใจมัน หญิงสาวผมสีน้ำตาลสวยถอนหายใจก่อนจะกรอกตาและเดินตามพี่น้องของเธอต่อไป
LAST EDIT ; 3 JAN. 2021
PUBLICIZE ; 5 JAN. 2021
TALK ;
ขออนุญาติใช้คำเรียกจากการแปลว่าห้าของหมายเลขห้าเป็นคำอ่านภาษาอังกฤษแทนนะคะเพราะคิดว่าตัวคนอ่านเองอาจจะชินแบบนี้มากกว่าการใช้คำแปลเลย อีกอย่างช่วยให้คนแต่งไม่งงด้วยค่ะ เพราะฉนั้นเวลาอ่านก็อ่านเป็นคำอ่านภาษาอังกฤษแล้วกันเนอะ แฮะๆ อีกอย่างเรื่องนี้น่าจะจบก่อนเรื่องอื่นด้วยเพราะคนแต่งยังวนอยู่กับซีซั่นหนึ่งและสองหลังจากดูจบค่ะ 5555555
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น