ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    the vampire diaries — fire on fire , klaus mikaelson

    ลำดับตอนที่ #4 : ⁽ 03 ⁾

    • อัปเดตล่าสุด 6 มิ.ย. 64


    ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ the vampire diaries aesthetic gif hunt
    ( 03 )
    2x09 - Katherina


    เบลล่ายืนอยู่หน้าประตูบ้านพักซัลวาทอร์ที่เปิดโดยเดม่อน แวมไพร์ตาสีฟ้า "สวัสดีเอเลน่า เบลล่า" เขาทักทาย "สเตฟานอยู่ไหม เขาเรียกเรามาบอกว่ามีเรื่องสำคัญ" เอเลน่าถาม "ทางนี้เลย" แล้วทั้งคู่ก็เดินเข้าไปยังบ้านพักที่คุ้นเคย

    "สวัสดี" สเตฟานทักทายสองสาว "มีเรื่องอะไรหรอ" เบลล่าถามเขาโดยไม่เข้าใจว่าเรียกมาที่บ้านพักซัลวาทอร์ทำไมและเขาก็เดินไปข้างๆเผยให้เห็นโรส แวมไพร์จากการลักพาตัวเธอและเอเลน่าเมื่อคืนนี้ "คุณ" เบลล่าพึมพำใต้ลมหายใจ นัยตาสีฟ้ามองไปยังสเตฟานด้วยความขุ่นเคืองเล็กน้อย

    "โอเค พวกคุณต้องเข้าใจก่อนว่าฉันแค่รู้สิ่งที่ฉันเจอมาในช่วงหลายปีมานี้และฉันก็ไม่รู้ว่าอะไรจริงและอะไรไม่จริงนั่นแหละปัญหาของแวมไพร์นี้แต่เคลาส์ ฉันรู้ว่ามันเป็นเรื่องจริง" นัยตาสีฟ้าของเบลล่าจ้องมองไปยังโรสระหว่างที่ฟังเรื่องเล่าจากเธอและมีบางส่วนลึกๆในจิตใจของเธอที่รู้ว่ามันคือความจริง

    "เขาคือใคร" เอเลน่าถาม "เป็นพวกดั้งเดิมคนหนึ่ง เขาเป็นตำนาน" เดม่อนตอบ "เป็นแวมไพร์รุ่นแรก ตำนาน" สเตฟานเสริม "เหมือนเอไลจาห์หรอ" เบลล่าถามพวกเขา "ไม่ เอไลจาห์เป็นกระต่ายน้อยไปเลยเมื่อเทียบกับเคลาส์เขาเป็นแค่ทหารคนหนึ่ง เคลาส์นี่สิจริง" โรสบอก

    "เคลาส์ เป็นที่รู้กันว่าอาวุโสที่สุด" ไม่จริง เสียงในหัวของเบลล่าโต้แย้งแต่เธอยังคงทำนิ่งไม่ได้พูดอะไร "โอเค คุณกำลังบอกว่าแวมไพร์ที่แก่ที่สุดในประวัติศาสตร์กำลังตามล่าฉันงั้นหรอ" เอเลน่าถามกับพวกเขา

    "ใช่"
    "ไม่"

    โรสและสเตฟานตอบพร้อมกันทำให้เบลล่าเลิกคิ้วขึ้น "สิ่งที่เธอกำลังจะบอกคือ...ฉันหมายถึงหากสิ่งที่เธอพูดเป็นความจริง" เดม่อนพูด "ซึ่งก็จริง" โรสตอบ "และเธอก็ไม่ได้บอกแบบนั้นเราเลยไม่ฆ่าเธอไง" เดม่อนหันไปหาโรส "ซึ่งก็เปล่า" เธอพูดกรอกตาเบาๆ "ดังนั้นเราก็ต้องสามัคคีกันล่ะมั้ง"

    "เอาล่ะ เอไลจาห์ตายแล้วใช่มั้ยก็ไม่มีคนอื่นที่รู้ว่ามีคุณอยู่" สเตฟานพูดและด้วยเหตุผลบางประการเธอไม่ชอบที่เขาพูดว่าเอไลจาห์ตายแล้ว "ไม่ใช่แบบที่คุณคิดหรอก" โรสบอก "นั่นไม่ช่วยเลย" เดม่อนประชดประชัน

    "ผมไม่เคยเจอใครที่เคยพบเห็นเขามาก่อนจริงๆ เรากำลังพูดถึงความจริงที่มีมานานนับศตวรรษปนกับนิยายที่แต่งขึ้นเราไม่รู้ความจริงคืออะไร ที่รู้คือเขาอาจเป็นแค่นิทานงี่เง่าก่อนนอนก็ได้" สเตฟานบอกกับเอเลน่าขณะที่เบลล่ามองพวกเขาด้วยสายตาว่างเปล่า

    "เขามีจริงและเขาไม่เลิกราแน่ ถ้าเขาต้องการอะไรเขาต้องได้ ถ้าพวกคุณไม่กลัวเคลาส์ก็คงโง่แล้วล่ะ" โรสบอกกับพวกเขา นัยตาสีฟ้ามองไปยังเธอและเสียงในหัวของเบลล่าบอกว่าโรสพูดถูก "ก็ได้ๆกลัวจนตัวสั่นเลยล่ะ ได้บอกสิ่งที่อยากบอกแล้วนี่" เดม่อนพูดกับโรสด้วยความประชดประชันทำให้เบลล่ากรอกตา

    เอเลน่าหยิบกระเป๋าลุกขึ้นและคว้าแขนของเบลล่าก่อนจะดึงไปด้วยกัน "พวกคุณจะไปไหน" สเตฟานถามสองสาว "โรงเรียน เราสายแล้ว" เอเลน่าตอบ "ให้ผม...ให้ผมไปเอาของก่อน ผมจะไปด้วย" สเตฟานบอกและลุกขึ้น "ไม่เป็นไร เรารู้ว่าโรงเรียนอยู่ไหน" เอเลน่าพูดก่อนจะจับมือเบลล่าและเดินออกไป


    "เราบอกทุกคนว่ารู้สึกไม่ดีแล้วออกจากโรงเรียนตรงกลับบ้าน" เอเลน่าพูดขณะถือกระเป๋าหนังสีน้ำตาลเอาไว้เดินข้างแคโรไลน์และเบลล่าและเหตุผลเดียวที่เบลล่าตามเอเลน่ามาเพราะเธอโดนลากไปเอี่ยวตั้งแต่โรสลักพาตัวเธอไปแล้ว "ไม่อยากเชื่อเลยว่าฉันเห็นด้วยกับเรื่องนี้ ฉันโกหกได้แย่มาก"

    "ทำให้สเตฟานยุ่งๆไว้ ฉันไม่อยากให้เขารู้ว่าฉันจะทำอะไร" เอเลน่าบอกเวมไพร์ผมบลอนด์ "นั่นแย่กว่าตีสองหน้าอีกนะ เธอก็รู้ดี" แคโรไลน์โวยวาย "เธออยู่กับฉันตลอดตอนที่แคทเธอรีนมาหาสเตฟาน" เอเลน่าพูด "ใช่ เพราะแคทเธอรีนขู่ฉันแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเธอควรทำบ้าง มัน...สเตฟานต้องรู้จากฉันแน่"

    "แคโรไลน์ในฐานะเพื่อนของเรา เธอจะสัญญากับเราได้มั้ย" เบลล่าพูดกับเพื่อนสาวผมบลอนด์ แคโรไลน์ถอนหายใจ "ต้องเอาสัญญาเพื่อนสาวมาใช้กันเลยหรอ" เอเลน่าและเบลล่าจ้องมองเธออย่างกดดัน "ก็ได้ ฉันสัญญา" เธอพูดและเบลล่าก็ยิ้มก่อนที่ทั้งหมดจะเริ่มเดินต่อไปอีกครั้ง

    "ทำไมถึงไม่อยากให้สเตฟานรู้ล่ะ" แคโรไลน์ถามสองสาว "เพราะเขาต้องไม่เห็นด้วยที่เราทำแบบนี้น่ะสิ" เอเลน่าพูดและเดินลงไปยังกลุมฝังศพอันเป็นที่อยู่ของแคทเธอรีนในปัจจุบัน "แน่ใจหรอว่าจะทำแบบนี้" แคโรไลน์ถามอีกครั้ง "ใช่ เธอเป็นคนเดียวที่รู้ความจริงเรื่องเคลาส์..ใครจะบอกวิธีหยุดเขาได้อีกล่ะ"

    "แต่เธอจะถามความจริงจากคนที่ไม่มีวันบอกเนี่ยนะ เธอแน่ใจแล้วหรอ" แวมไพร์ผมสีบลอนด์พูด "ใช่ เพราะเรานั่งรออยู่เฉยๆไม่ไหวหรอก เราต้องรู้แคโรไลน์ ได้โปรด" เอเลน่าพูดและแคโรไลน์ก็หันไปมองประตูหลุมฝังศพก่อนจะเดินไปและเปิดมันด้วยพละกำลังของแวมไพร์ ข้างในเผยให้เห็นเพียงความมืดอันบริสุทธิ์

    "แคทเธอรีน?" เบลล่าส่งเสียงเรียกเธอ "เราจะไม่เป็นไรจากตรงนี้" เอเลน่าพูดกับแคโรไลน์และพวกเขาก็เริ่มได้ยินเสียงเดินจากข้างในก่อนจะเผยให้เห็นแคทเธอรีนที่ดูทรุดโทรมและแห้งจากการขาดเลือด "สวัสดีเอเลน่า เบลล่า พวกเธอมาดูฉันเหี่ยวเฉาตายงั้นรึ ลาก่อน แคโรไลน์" แคทเธอรีนพูด

    "ตราบใดที่เราอยู่ฝั่งนี้ของประตูเธอทำร้ายฉันไม่ได้หรอก ได้โปรด" เอเลน่าขอร้องแคโรไลน์และเธอก็เริ่มเดินจากไปทิ้งไว้เพียงเบลล่าและเอเลน่าที่กำลังนั่งรอฟังเรื่องเล่าจากคนที่ขึ้นชื่อว่าโกหกเก่งที่สุดอย่างแคทเธอรีน "สเตฟานรู้มั้ยว่าพวกเธอมาที่นี่" แคทเธอรีนเย้ยหยัน "เราเอาบางอย่างมาให้คุณด้วย"

    เอเลน่าเปิดกระเป๋าและหยิบบางสิ่งออกมา "มาติดสินบนฉันล่ะสิ ต้องการอะไร" แคทเธอรีนพูดขณะที่เอเลน่าโยนของไปในหลุมฝังศพ "เราอยากให้คุณเล่าเรื่องเคลาส์ให้ฟัง" เบลล่าไม่พลาดที่จะสังเกตเห็นความประหลาดใจในนัยตาของแคทเธอรีน "เธอคงยุ่งๆสินะ"

    เอเลน่าหยิบหนังสือกระตูลออกมาและรอยยิ้มของแคทเธอรีนก็เจื่อนลง "ฉันเอานี่มาด้วย นี่เป็นประวัติของตระกูลในนั้นบอกว่าสายเลือดสิ้นสุดลงที่คุณซึ่งก็เห็นได้ชัดว่ามันไม่จริง" เอเลน่าพูดกับแคทเธอรีนและกระชับหนังสือไว้ในมือ "เธอคิดว่าเอาสมบัติของตระกูลมาให้ฉันแล้วฉันจะบอกหรอ"

    ดอปเพิลเกงเกอร์หยิบขวดเลือดออกมา "ฉันเอานี่มาให้ด้วยนะ" และแคทเธอรีนก็ใช้ความเร็วของแวมไพร์ทันทีพยายามจะมาหาเอเลน่าเพื่อเอาขวดเลือด "คุณดูไม่ค่อยดีซะเลยนานแค่ไหนล่ะกว่าร่างกายจะหยุดทำงาน สิบหรือยี่สิบปีคงทรมานแย่ที่ต้องเหี่ยวแห้งและกลายเป็นมัมมี่ ฉันนึกภาพไม่ออกเลยล่ะ"

    มันได้ผล แคทเธอรีนยอมโอนตัวนั่งลงและเอเลน่าก็เปิดฝาขวดก่อนจะเทเลือดลงไปและยื่นให้แคทเธอรีนด้วยไม้ แวมไพร์สาวยกมันขึ้นมาช้าๆ "เธอทำให้ตระกูลเพโทรวาลุกเป็นไฟ" คิตตี้แคทพูดและยกเลือดขึ้นดื่ม "เอาอีกมั้ย" เอเลน่าถามและแคทเธอรีนก็วางแก้วลงเป็นคำตอบทำให้เอเลน่าดันมันกลับมาด้วยไม้อย่างระมัดระวัง

    "เรื่องมันยาว เคลาส์กับฉัน" เอเลน่าเทเลือดลงในถ้วยขณะที่เบลล่านั่งพิงกำแพงอีกด้านรอฟังเรื่องราว "ย้อนไปตอนที่ฉันยังอยู่อังกฤษในปี 1492 หลังจากฉันออกจากบัลแกเรียหรือโดนเนรเทศ" เธอพูดและกระดกเลือดเข้าไป "เนรเทศงั้นหรอ" เบลล่าถาม "ครอบครัวของฉันหรือบรรพบุรุษที่แท้จริงของเธอพวกเขาขับฉันออกจากตระกูล ความผิดของฉันยังไม่ได้รับการลงโทษ ฉันท้องไม่มีพ่อ มันน่าอับอายมาก"

    เลือดของเบลล่าเย็นลงเล็กน้อยและมองไปที่แคทเธอรีนด้วยสายตาสงสาร "มันถูกเก็บเป็นความลับ" เอเลน่าพูดและแคทเธอรีนก็ฮัมเพลงตอบรับ "ลูกของฉันถูกแยกไป ฉันโดนเนรเทศไปอยู่อังกฤษและฉันต้องเรียนรู้ที่จะปรับตัวไม่นานฉันก็กลายเป็นคนอังกฤษ ที่นั่นเองฉันได้พบชายผู้ทรงเกียรติ เคลาส์"

    "ฉันยอมเขาตั้งแต่แรกพบ จนกระทั่งพบเขาว่าเป็นอะไร...และต้องการอะไรจากฉัน แล้วฉันก็หนีสุดชีวิต" จากนั้นแคทเธอรีนก็เล่าว่าเธอวิ่งหนีโดยความช่วยเหลือของแวมไพร์ที่ชื่อเทรเวอร์ได้อย่างไร "งั้น...เคลาส์ต้องการอะไร" เอเลน่าถาม "ก็อย่างเดียวกับที่เขาต้องการจากเธอไงล่ะ เขาต้องการล้างคำสาป"

    "ต้องบูชายัญดอปเพิลเกงเกอร์" เอเลน่าพูด "เขาต้องการเลือดทุกหยดจากร่างกายของฉัน" แคทเธอรีนพูดและเอเลน่าก็เติมเลือดอีกครั้งก่อนจะส่งมันไปให้แคทเธอรีน "แล้วสายเลือดเพโทรวาเกี่ยวข้องกับเคลาส์ยังไง" เอเลน่าถามแคทเธอรีน

    "มันน่าเบื่อมาก แต่..." แล้วคิตตี้แคทก็ดื่มเลือดจากแก้วใสอีกครั้งจนหมด "คำสาปถูกมัดไว้กับการบูชายัญสายเลือดเพโทรวา พวกแม่มดผูกเวทมนตร์เอาไว้ให้มีดอปเพิลเกงเกอร์ในตระกูลเป็นหนทางถอนคำสาปเมื่อดอปเพิลเกงเกอร์ปรากฎตัวขึ้น คำสาปก็จะถูกถอนได้"

    "คุณก็เลยหนีมาก่อนที่เขาจะฆ่าคุณ' เบลล่าถาม "ประมาณนั้น" และเธอก็เล่าว่าเธอหาทางไปยังกระท่อมได้ยังไง ขอความช่วยเหลือจากโรสและโรสก็ขังเธอไว้เพื่อรอส่งเธอให้เคลาส์ตอนพระอาทิตย์ตกดิน "โรสไม่เคยส่งตัวคุณให้เคลาส์ใช่มั้ย" เอเลน่าถาม "ใช่ แต่ไม่ใช่เพราะเธอเปลี่ยนใจหรอกนะ"

    แคทเธอรีนเล่าว่าเธอพยายามแทงตัวเองได้ยังไงและโรสก็ป้อนเลือดเพื่อรักษาบาดแผลของเธอก่อนที่เธอจะฆ่าตัวตายเพื่อหลีกหนีจากเคลาส์ในทันทีด้วยเชือก "คุณฆ่าตัวตายหรอ" เอเลน่าถามด้วยความไม่เชื่อ "เคลาส์ต้องการดอปเพิลเกงเกอร์ที่เป็นมนุษย์เมื่อเป็นแวมไพร์ฉันก็ไม่มีประโยชน์สำหรับเขาอีกต่อไป"

    "แต่มันก็ไม่เป็นอย่างนั้น คุณหนีไม่ได้จริงคุณยังหนีเขามาตลอดนับแต่นั้น" เบลล่าพูด "ฉันไม่คิดว่าเขาจะแค้นมากมายขนาดนี้ แต่การอยู่นอกโลงศพก็ยังดีกว่าตายนะ เธอได้เอาเลือดไปเปื้อนหินยังไงล่ะ" เอเลน่าหันหน้าไปจากแคทเธอรีนและเบลล่าก็สังเกตได้ถึงความกลัวจากเเธอที่รุนแรง "มีอะไรหรอ กลัวใช่มั้ยล่ะ ไม่อยากตายล่ะสิ มีทางออกอยู่นะ"

    แคทเธอรีนสะกิดเนื้อจากข้อมือของเธอให้เลือดออก "รีบหน่อยก็ดีนะ โอกาสกำลังหมด หมดและหมดไป" เธอพูดขณะที่แผลตกเลือดจากการทำร้ายข้อมือให้เลือดออกค่อยๆหายไป "ฉันเลือกทางที่ดีกว่า"

    และแคทเธอรีนก็เล่าว่าเธอตื่นมาก่อนจะดื่มเลือดของหญิงชราและรีบหนีไปได้อย่างได้ "โรสกับเทรเวอร์ต้องหนีมาตลอด 500 ปีเพราะคุณหลอกใช้พวกเขา เทรเวอร์เพิ่งถูกฆ่าไป" เอเลน่าบ่นใส่เธอ "ก็ไม่คิดอยู่แล้วว่าเขาจะอยู่มาได้นานขนาดนี้" แคทเธอรีนพูดขณะที่เปิดหนังสือตระกูลของเธอและเบลล่าก็ไม่แปลกใจสักนิด

    "คุณไม่สนเลยว่าคุณจะทำลายชีวิตพวกเขา" เอเลน่าพูดใส่เธอ "ฉันปกป้องตัวเองเอเลน่า ฉันจะต้องปกป้องตัวเองอยู่เสมอ ถ้าเธอฉลาดเธอก็จะทำเหมือนกัน" แวมไพร์พูดและหันกลับไปสนใจหนังสือต่อและเบลล่าก็ถอนหายใจออกมาเมื่อรู้ว่าไม่มีทางไหนที่เอเลน่าจะรอดจากการบูชายัญและเบลล่าก็ทำอะไรกับมันไม่ได้

    "แล้วนิทานทั้งหมดของคุณจะจริงสักแค่ไหนกันล่ะ" เอเลน่าถามหลังจากผ่านไปสักพัก "ฉันไม่มีเหตุผลต้องโกหกหรอกเอเลน่า ฉันไม่มีเหตุผลที่ต้องทำอะไร นอกจานั่งอยู่ตรงนี้ อ่านหนังสือแล้วก็เน่าเปื่อย" แคทเธอรีนบอกขณะที่เบลล่าก็ลุกขึ้นยืนเล่นกับสร้อยสีทองของเธออย่างประหม่า 

    "เอาล่ะ สมมุติว่ามีเรื่องจริงอยู่บ้าง นั่นเป็นเหตุผลที่คุณกลับมามั้ยเพราะคุณอยากเป็นคนที่นำตัวฉันไปให้เคลาส์" เอเลน่าถามและสรุป "หนีมาตั้ง 500 ปีแล้วฉันคิดว่าเขาน่าจะยอมตกลงกันได้บ้าง" แคทเธอรีนพูดขณะที่ลุกขึ้นยืน "แสดงว่าคุณให้เมสันล็อกวู้ดหามูนสโตนมาให้คุณ" เอเลน่าพูด

    "พูดถูกอีกแล้ว" แคทเธอรีนตอบ "แล้วต้องใช้อะไรอีกในการล้างคำสาป" เบลล่าถาม "ดูสิ เบลล่าตัวน้อยฉลาดแล้วนะ" แคทเธอรีนรำพึง "ไม่ใช่แค่เอเลน่ากับหินใช่มั้ย ไม่งั้นก็คงไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องจุดชนวนคำสาปให้กับไทเลอร์ ล็อกวู้ด"

    "พวกแม่มดกับคาถาของหล่อนไงแล้วก็ยังมีส่วนผสมอีกหลายอย่างแล้วก็อีกหลายคนที่ต้องเสียสละ" แคทเธอรีนพูด "งั้นต้องใช้มนุษย์หมาป่า" เอเลน่าพูด "เชื่อมั้ยล่ะพวกนั้นหายากจริงๆ" แคทเธอรีนบอก "อะไรอีก" เบลล่าถามเธอ "แม่มด เอาไว้ร่ายมนตร์ของฉันก็หนีไปแล้วแต่บอนนี่คงทำได้"

    "อะไรอีก" เอเลน่าถาม "แวมไพร์หนึ่งตน" แคทเธอรีนพูดและความสำนึกก็แตะเข้าหัวของทั้งสอง "แคโรไลน์" พวกเธอพึมพำใต้ลมหายใจ "จะเป็นใครก็ได้นะ แต่ฉันชอบคารมของแคโรไลน์" แคทเธอรีนบอกและเบลล่าก็ถอนหายใจออกมา "แปลว่าคุณจะส่งพวกเขาทั้งหมดไปตายน่ะสิ" เอเลน่าถาม

    "ให้เธอตายดีกว่าฉันตาย" แคทเธอรีนพูดตอบก่อนเธอจะถอยหนีห่างไปในความมืด เบลล่าเฝ้ามองเอเลน่ากระวนกระวายอยู่พักใหญ่ก่อนที่เธอจะเริ่มเก็บของและเตรียมไปก็พบว่าสเตฟานมาถึงพวกเขาแล้ว "เอเลน่า เบลล่า" เขาเรียกสาวทั้งสอง "สเตฟานคุณมาทำอะไรที่นี่" เอเลน่าถามด้วยระดับเสียงกระซิบ

    "ผมก็อยากถามพวกคุณเหมือนกัน" เขาจ้องมองทั้งสองด้วยสายตารุนแรงและเบลล่าก็กรอกตา "แคโรไลน์บอกคุณ" คนผมสีเพลิงสรุป "ไม่ เธอเก็บเป็นความลับแต่ก็ใช้เวลาไม่นานมากหรอกที่ผมจะรู้ มันสำคัญมากหรอถึงต้องเก็บเป็นความลับกับผม" เขาถามแฟนสาวของเขา "ก็ฉันรู้ว่าคุณจะห้ามฉัน"

    "ฟังนะ ไม่ว่าเธอจะพูดว่าอะไรมันคือเรื่องโกหก อย่าไปฟังเธอ เธอหลอกลวงเอเลน่า เบลล่า" สเตฟานพูดและเสียงในหัวของเบลล่าก็ค้านอีกครั้งว่ามันเป็นเรื่องจริงทั้งหมด "แล้วถ้าเธอไม่ได้โกหกล่ะ คุณไม่ยินว่าเธอพูดอะไร" เบลล่ากล่าวใส่เขา "คุณไม่ต้องกังวลไปหรอก ผมจะไม่ยอมให้อะไรกับขึ้นกับพวกคุณเด็ดขาด"

    "นั่นแหละปัญหา คุณจะไม่ยอม" เอเลน่าพูดและหางตาของเบลล่าก็สังเกตเห็นแคทเธอรีนเดินออกมา "แต่ถ้าคุณตายเพราะเรื่องนั้นแล้วมันจะมีอะไรดีขึ้นมาล่ะ" เอเลน่าพูดกับเขาและเบลล่าก็จ้องมองไปที่แคทเธอรีน "คุณทำอะไรไม่ได้หรอกสเตฟาน ฉันยังไม่ได้เล่าเรื่องเด็ดให้คุณฟังเลยนะ"

    และแวมไพร์อายุห้าร้อยปีก็เล่าว่าเธอกลับไปยังบัลแกเรียและเจอกับครอบครัวที่ตายในบ้านของพวกเขาได้อย่างไร "เขาฆ่าคนพวกนั้น ครอบครัวฉันทั้งหมดเพียงเพื่อแก้แค้นเรื่องที่ฉันหนี ไม่ว่าคุณจะทำอะไรเพื่อหนีเคลาส์ เขาจะพยาบาทคุณไปตลอด มันจะส่งผลกับเพื่อน ครอบครัวและคนที่คุณรัก"

    เบลล่ากลืนน้ำลายและถอนหายใจออกมาอีกครั้งก่อนจะมองไปยังเอเลน่า "ไม่ มองผม ไม่นะ อย่าไปฟังเธอเข้าใจมั้ย" นักบุญสเตฟานกระซิบกับเอเลน่า "เป็นผู้ปกป้องตลอดเลยนะแต่คุณต้องคิดได้แล้วว่าเอเลน่ากำลังเคราะห์ร้ายแล้ว ไม่มีอะไรที่คุณหยุดยั้งมันได้หรอกเว้นแต่ว่าคุณจะมีสิ่งนี้" เธอโชว์มูนสโตนและเบลล่าก็กรอกตาไปมา

    "โอ ไม่ นั่นไงล่ะนั่นมันคำโกหกชัดใช่มั้ยล่ะ คุณปั่นทุกเรื่องเพื่อให้พวกเราเอาหินไปจากคุณใช่มั้ยล่ะ" สเตฟานกล่าวอย่างกล่าวหาและชี้นิ้วไปทางคนรักเก่าของเขา "ฉันไม่ได้ปั่นอะไรสเตฟาน มันเป็นความจริง" แคทเธอรีนพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉย "ไม่ ให้ผมเดานะคุณอยากจะแลกหินนั่นกับอิสระภาพของคุณใช่มั้ยล่ะ คุณมันจอมบงการ วายร้ายโรคจิต"

    "อิสระภาพของฉันหรอ นั่นแหละที่คุณคิดผิดสเตฟาน ฉันไม่ได้ต้องการอิสระภาพเพราะเมื่อเคลาส์โผล่มาฆ่าเราทั้งหมด ซึ่งเขาจะมาแน่ ฉันจะอยู่ในสุสานที่ซึ่งแวมไพร์จะต้องอยู่เพราะออกไปไม่ได้เนี่ยแหละแล้วฉันก็จะเป็นยายโรคจิตที่ปลอดภัยที่สุดในเมือง" แคทเธอรีนมองไปที่เบลล่าและเอเลน่าเล็กน้อยก่อนจะเดินหนีหายไปในความลึกของสุสานมืดอีกครั้ง


    โรซาเบลล่าในวัยหกขวบตื่นขึ้นมาจากเสียงกรีดร้องกลางดึกของบ้านฮิลส์ เธอกลืนน้ำลายอย่างยากลำบากด้วยความกลัวก่อนจะรวบรวมความกล้าหาญหลังจากผ่านไปพักใหญ่หลังเสียงกรีดร้องหยุดลง มือเรียวจับลูกบิดกลอนสีทองอย่างช้าๆและเปิดมันในที่สุด

    เบลล่าในวัยหกขวบเดินลงบันไดอย่างเงียบเชียบ เสียงเดียวที่เธอได้ยินคือเสียงเต้นระรัวอย่างหนักของหัวใจเธอเอง ใช้เวลาประมาณนาทีก่อนที่เธอจะลงไปข้างล่างได้สำเร็จและเธอก็เห็นมัน ร่างกายของพ่อแม่และพี่ชายของเธอที่มีเลือดไหลเล็กน้อยและเส้นเลือดสีเทาตามร่างกายทำให้เบลล่าขมวดคิ้ว

    "ตื่นสิ พี่ชายตื่นเถอะ พ่อแม่!" เบลล่าเขย่าร่างของพวกเขาแต่ก็ไม่มีเสียงตอบรับก่อนเธอจะเงยหน้าขึ้นและนัยตาสีฟ้าเย็นชาก็สังเกตเห็นชายหนุ่มในชุดสูทสีเข้มย่อตัวลงมาหาเธอ "คุณเป็นใครแล้วเกิดอะไรขึ้นทำไมพวกเขาไม่ตื่นล่ะ" เบลล่าพูดและชี้ไปที่ครอบครัวของเธอที่มีรอยกัดอยู่ที่คอราวกับว่าพวกเขาโดนดูดเลือดออกไป

    "ฉันชื่อเอไลจาห์ เธอปลอดภัยแล้วตอนนี้ไม่มีอะไรต้องกังวล" ชายหนุ่มที่อยู่ในชุดสูทพูดกับเธอและยื่นมือมาข้างหน้าเธอ "แล้วพวกเขาล่ะ" เบลล่าถามกับคนแปลกหน้า "ฉันแน่ใจว่าพวกเขาไปอยู่ในที่ที่ดีกว่าแล้ว" ชายหนุ่มคนนั้นยิ้มให้เธออย่างอ่อนโยนที่สุดเท่าที่จะทำได้และเบลล่าก็ยื่นมือไปหาเขาอย่างกล้าๆกลัวๆก่อนที่เธอจะถูกเขาอุ้มขึ้นและพาไปในที่สุด ทิ้งครอบครัวเอาไว้ด้านหลัง

    เบลล่าตื่นขึ้นมาด้วยเสียงหอบจากริมฝีปากของเธอและเหงื่อที่ผุดขึ้นบนหน้าผาก นัยตาสีฟ้ามองไปรอบๆห้องก่อนจะสังเกตว่าเธออยู่ในห้องนอนบ้านกิลเบิร์ตและเธอปลอดภัยไม่ได้อยู่ท่ามกลางศพของครอบครัว "คุณเป็นใครกันแน่เอไลจาห์" เธอพึมพำเมื่อจำได้ว่าเอไลจาห์พาเธอออกจากบ้านวัยเด็กของเธอ

    ในตอนนี้เธอไม่รู้แน่ใจว่ามันคือความทรงจำหรือแค่ความฝันกันแน่ เบลล่าถอนหายใจก่อนจะจับสร้อยและถอนหายใจเฮือกใหญ่ออกมาและล้มตัวลงนอน ในที่สุดเธอก็หลุดเข้าสู่ห้วงนิทราในขณะที่มือยังคงถือสร้อยเอาไว้อยู่ตลอดทั้งคืนโดยไม่ได้สังเกตว่ามีแวมไพร์หนุ่มตาสีน้ำตาลเข้มจ้องมองเธอหลับไหลผ่านหน้าต่าง "ราตรีสวัสดิ์โรซาเบลล่า - เจน" เขาพูดพึมพำเบาๆก่อนจะหายตัวไปกับสายลม
    T
    B
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×