ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    the vampire diaries — fire on fire , klaus mikaelson

    ลำดับตอนที่ #3 : ⁽ 02 ⁾

    • อัปเดตล่าสุด 28 พ.ค. 64


    Tumblr | Beauty, Face claims, Portrait
    ( 02 )
    2x08 - Rose


    โรซาเบลล่ารู้สึกตัวตื่นขึ้นเมื่อรู้สึกได้ว่าข้อมือและข้อเท้าของเธอถูกแกะออก เปลือกตาสีมุกค่อยๆเปิดขึ้นเผยให้เห็นนัยตาสีฟ้าอ่อนจนเกือบเป็นสีเขียวเอกลักษณ์ของเธอและเธอก็มองผู้ชายตรงหน้าที่จ้องมองเธออย่างหิวกระหายและความรู้สึกเตือนอันตรายก็วิ่งผ่านฝ่ามือของเธออย่างรวดเร็ว

    ใบหน้าของเขามีเส้นเลือดสีดำขึ้นที่ข้างใต้ตาและดวงตาก็เป็นสีแดงจากความหิวเลือดทำให้เธอเดาได้ไม่อยากเลยว่าเขาคือแวมไพร์ "แค่ชิมนะ" และมือของเบลล่าก็กำแน่นขณะที่เธอพยายามหลบจากการเป็นอาหารของแวมไพร์ "เทรเวอร์! ควบคุมตัวเอง" แวมไพร์ผู้หญิงอีกคนตะคอกทำให้เบลล่าถอนหายใจด้วยความโล่ง "น่ารำคาญจริง"

    เบลล่าลุกขึ้นนั่งอย่างช้าๆและมองไปยังเอเลน่าที่ตื่นแล้วและเขยิบเข้าหาเบลล่าด้วยความรวดเร็ว "คุณต้องการอะไรจากเรา" เอเลน่าถามขณะที่เบลล่าพิจารณาแวมไพร์ตรงหน้าอย่างระมัดระวัง "พระเจ้า เธอเหมือนหล่อนมาก" แวมไพร์หญิงที่เบลล่ายังไม่รู้ชื่อเอ่ยขณะที่เบลล่าขมวดคิ้วของเธอ

    "แต่ฉันไม่ใช่ได้โปรด ไม่ว่าคุณจะ..." แต่แล้วเสียงของเอเลน่าก็ถูกตัดขาดด้วยเสียงของแวมไพร์หญิง "เงียบซะ!" และเบลล่าก็รู้ว่าไม่ควรทำให้เธอโกรธ "แต่ฉันไม่ใช่แคทเธอรีน ฉันชื่อเอเลน่า กิลเบิร์ตและนี่โรซาเบลล่า ฮิลส์คุณอย่าทำแบบนี้เลย"

    "ฉันรู้ว่าพวกเธอเป็นใคร บอกให้เงียบไง" นัยตาสีฟ้าของเบลล่าจ้องมองทั้งสองคนอย่างพิจารณา "คุณต้องการอะไร" เอเลน่าถามอีกครั้งและเบลล่าก็อ้าปากค้างเมื่อแวมไพร์หญิงตบเธอจนหมดสติไปอีกครั้ง "ฉันอยากให้เธอเงียบไง"

    แวมไพร์หญิงที่เบลล่าสัมผัสได้ว่าเธอต้องอยู่มานานหันไปมองและมือทั้งสองข้างของเธอก็ยกขึ้นเป็นท่าทางยอมแพ้ "ฉันจะเงียบ" เธอพูดและแวมไพร์ก็พยักหน้าก่อนจะจากไปทำให้เบลล่าถอนหายใจอย่างเงียบๆขณะที่เธอหยิบเอเลน่าขึ้นบนตักและเล่นกับสร้อยคอที่ติดตัวเธอมาตั้งแต่หลังเหตุการณ์ฆาตกรรมของครอบครัวครั้งยิ่งใหญ่ของเธอ


    "ยัยนั่นเป็นไงบ้าง" เบลล่าได้ยินเสียงของแวมไพร์ดังมาจากที่ไหนสักที่ในบ้านและเธอก็ตั้งใจฟังขณะที่เอเลน่าเริ่มรู้สึกตัวตื่นขึ้น "ยังสลบอยู่เลย" แวมไพร์ที่เบลล่าคิดว่าชื่อเทรเวอร์ตอบและนัยตาสีฟ้าอ่อนก็กวาดมองไปรอบๆด้วยความเบื่อหน่ายเล็กน้อย "นายไม่ได้แตะต้องเธอใช่ไหม" เสียงของแวมไพร์ผู้หญิงพูด "เชื่อกันบ้างสิ เธอโทรหาเขาหรือเปล่า"

    "ไม่ ฉันโทรหาเพื่อนคนนึงของเขา นายก็รู้ว่ามันทำงานยังไง" คำพูดของพวกเขาทำให้เบลล่าขมวดคิ้วและมีคำถามอยู่ในใจ พวกเขาโทรหาใครและเพราะอะไร?

    "ตกลงเธอได้ส่งข้อความให้เอไลจาห์หรือเปล่า" ชื่อของชายที่ถูกพูดถึงทำให้เบลล่าขมวดคิ้วหนักขึ้นไปอีกเมื่อรู้สึกว่าคลื่นความร้อนบางๆแผ่กระจายรอบตัวเธออย่างสงบและมีเพียงเธอเท่านั้นที่รู้สึกมันได้ "พวกเขาบอกว่าได้รับแล้ว"

    เอเลน่าและเบลล่าติดตามพวกเขาสนทนากันอย่างเงียบๆขณะที่พวกเธอออกจากห้องและพยายามเดินอย่างเงียบๆไปหาแวมไพร์สองตัว "เยี่ยมแล้วไงต่อ"

    "ก็แค่นั้นแหละเทรเวอร์ ไม่ว่าเขาจะได้รับหรือไม่เราก็ต้องรอ" เอเนล่าพิงเบลล่าขณะที่พวกเขายังคงแอบฟังบทสนทนาต่อไป "มันยังไม่สายเกินไป ทิ้งยัยนี่ไว้ที่นี่ก็ได้เราไม่จำเป็นต้องมาเจออะไรแบบนี้" เทรเวอร์พูดและเบลล่าก็ค่อยๆพาเอเลน่าไปหาพวกเขาอย่างช้าๆและเงียบสงบ พวกเธอต้องรู้ถึงจุดประสงค์การลักพาตัวนี้

    "ฉันเบื่อที่จะหนีแล้วนะ" แวมไพร์สาวบอกกับเทรเวอร์ "งั้นหรอก็การหนีทำให้เราไม่ตายไงล่ะ" นัยตาสีฟ้าอ่อนสังเกตการณ์เงียบๆและเธอสามารถสังเกตได้ว่าเทรเวอร์ประหม่าและดูกลัวแค่ไหน "เอไลจาห์เป็นพวกหัวเก่าถ้าเขายอมรับข้อตกลงเราก็เป็นอิสระ"

    เสียงไม้ดังเอี๊ยดเล็กๆทำให้แวมไพร์สาวหันไปหาสองสาวที่ดูหนึ่งดูอ่อนล้าและหนึ่งดูสงบและเบื่อหน่าย "พวกเธอ! แถวนี้ไม่มีอะไรเลยเป็นไมล์ๆถ้าคิดจะออกจากบ้านหลังนี้ล่ะก็คิดผิดซะแล้ว เข้าใจไหม" แวมไพร์สาวขู่เบลล่าและเอเลน่า น่าแปลกที่ความกลัวไม่ได้เกิดขึ้นกับเบลล่าเลยแม้แต่นิดเดียว

    "เอไลจาห์เป็นใคร" เอเลน่าถามหลังจากการแอบฟัง "เขาเป็นฝันร้ายที่สุดของเธอไงล่ะ"


    "เรามาทำอะไรที่นี่หรอ" เอเลน่าถามคำถามกับแวมไพร์สาวขณะที่เบลล่าเล่นกับสร้อยคอของเธออย่างประหม่า "ได้แต่ถามคำถามอย่างกับฉันจะตอบอย่างงั้นแหละ" นัยตาสีฟ้าอ่อนละจากสร้อยคอของเธอและหันไปจ้องมองแวมไพร์สาวด้วยอารมณ์ว่างเปล่า

    "แล้วทำไมไม่ตอบล่ะ" เอเลน่าถามอีกครั้ง "นั่นก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง" เบลล่าเฝ้าดูเธอจัดของนู่นนี่นั่นไปเรื่อย "คุณได้ตัวเรามาแล้วอย่างกับเราจะไปไหนได้อย่างน้อยก็พอจะบอกได้ว่าต้องการอะไรจากเรา"

    "ฉันไม่ได้อยากได้เองหรอก แค่บริการนำส่งน่ะ" แวมไพร์สาวพูดตอบและเบลล่าก็ขมวดคิ้วด้วยความรู้สึกตกค้างในล้าไส้กับชื่อที่เธอสงสัยมาหลายชั่วโมง "ส่งให้ใคร เอไลจาห์หรอ" เบลล่าถามและหรี่ตามองแวมไพร์ในห้อง

    "ให้สองคะแนนสำหรับคนแอบฟัง" เบลล่าเริ่มเดินอย่างช้าๆ "เขาเป็นใคร เป็นแวมไพร์หรือเปล่า" เอเลน่าถาม "เขาเป็นแวมไพร์ตนหนึ่ง รุ่นแรกๆเลยล่ะ" เบลล่าขมวดคิ้วกับข้อมูลใหม่ที่พึ่งได้รับ "หมายความว่าไง" เอเลน่าถามอีกครั้ง "ถามอีกแล้ว พวกซัลวาทอร์ไม่ได้สอนเรื่องประวัติศาสตร์แวมไพร์หรอ"

    "แสดงว่าคุณรู้จักสเตฟานกับเดม่อน" เบลล่าเอียงคอมองแวมไพร์ด้วยความสงสัย "ฉันรู้จักพวกเขาเมื่อร้อยปีที่แล้วเพื่อนของฉันพยายามจับคู่ฉันกับสเตฟาน เธอบอกว่าเขาเป็นคนดีคนหนึ่ง ฉันว่าเหมาะกับพวกแย่ๆมากกว่านะแต่ฉันนอกเรื่องไปแล้วนี่สิ"

    "who are the originals?" เอเลน่าถามอีกครั้งยังคงพยายามหาคำตอบ "เทรเวอร์และฉันหนีมาห้าร้อยปีแล้ว เราเหนื่อยและเราอยากให้มันจบเราเลยใช้เธอมาต่อรองตัวพวกเรากับเรื่องยุ่งๆเก่าๆนั่น" แวมไพร์สาวบอกและเบลล่าก็ขมวดคิ้วอีกครั้งของวัน "ทำไมต้องเป็นฉันด้วยล่ะ" เอเลน่าถามและเบลล่าก็ตามหลังน้องสาวบุญธรรมของเธออย่างระมัดระวัง

    "เพราะเธอหน้าตาเหมือนเพโทรวาดอปเพิลเกงเกอร์ เธอเป็นกุญแจที่จะทำลายล้างคำสาป" และไฟในหัวของเบลล่าก็คลิก "คำสาป? คำสาปดวงอาทิตย์กับดวงจันทร์?" เบลล่าถามแวมไพร์ "เธอรู้เรื่องนี้"

    "หมายว่าไงที่ฉันเป็นกุญแจ มูนสโตนต่างหากที่ล้างคำสาปได้" เอเลน่าบอกกับแวมไพร์ "ไม่ใช่ มูนสโตนเป็นสิ่งที่ผูกมัดคำสาป การบูชายัญต่างหากที่ล้างคำสาปได้" แวมไพร์ในห้องบอกเอเลน่าและเบลล่าก็ครุ่นคิดกับข้อมูลใหม่ที่พึ่งได้มา

    "บูชายัญ?" เอเลน่าถาม "เลือดของดอปเพิลเกงเกอร์ไงล่ะ เธอคือดอปเพิลเกงเกอร์ ซึ่งหมายความว่าเพื่อจะล้างคำสาปเธอจะต้องเป็นคนที่ตาย"


    "เล่าอีกสิ" เอเลน่ารบเร้าแวมไพร์สาวและเบลล่าก็รู้สึกได้ถึงคนที่ผ่านไปข้างหลังเธอ "การโดนจับนี่ทำให้เธอบังคับกันได้งั้นหรอ อยากรู้อะไรล่ะแม่คนหน้าเหมือน" เทรเวอร์พูดและนำหนังบางส่วนไปปิดแสงแดดที่ส่องเข้ามา "คุณกำลังหนีใครอยู่"

    "พวกดั้งเดิมน่ะ" เทรเวอร์ตอบและเบลล่าก็กรอกตา "ใช่ เธอก็บอกแบบนั้นแต่มันหมายความว่าไง" เอเลน่าพูดและเบลล่าก็เดินไปอยู่ข้างๆพี่สาวบุญธรรมของตน "ตระกูลแรก พวกรุ่นเก่าที่ฉันกับโรสไปกวนประสาทไว้พูดให้ถูกคือฉันกวนเองโรสช่วยฉันและก็กว่าครึ่งล้านปีแล้วที่พวกเขาอยากให้เราตาย"

    เทรเวอร์โยนหนังสือลงพื้นเสียงดังทำให้เอเลน่าและเบลล่าสะดุ้งตกใจเล็กน้อย "คุณทำอะไรลงไป" เบลล่าถามพวกเขา "เขาทำพลาดเหมือนกับที่คนนับไม่ถ้วนทำ เขาเชื่อใจแคทเธอริน่า เพโทรวา"

    "แคทเธอรีน" เบลล่าพึมพำใต้ลมหายใจ "คนเดียวนั่นแหละ คนหน้าเหมือนของเพโทรวาคนแรก" แวมไพร์ที่ชื่อโรสพูดและเบลล่าก็ผ่อนลมหายใจที่ไม่รู้ว่ากลั้นไว้ออกมา "ฉันช่วยแคทเธอรีนให้หนีชะตาของตัวเอง ตอนนี้ฉัน..โทษที เรา ก็โดนหมายหัวตั้งแต่นั้นมา"

    "นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมเราจะไม่ทำผิดพลาดอีกครั้ง" โรสบอกและพวกเขาก็เริ่มเดินออกจากห้องไปทำให้เอเลน่าและเบลล่ายืนประมวลผลกับข้อมูลใหม่


    พวกเขาเดินกลับห้องเดิมที่ตื่นมาตอนแรกและเอเลน่าก็นั่งลงด้วยสีหน้าเซ็งๆก่อนที่พวกเขาจะได้ยินเสียงกระดาษทำให้เอเลน่าหยิบขึ้นมาและยื่นให้เบลล่าดูด้วยรอยยิ้มเล็กๆ 

    'สเตฟานกับเดม่อนกำลังไปช่วยพวกเธอ
    - บ'

    เบลล่ายิ้มออกมาก่อนจะขยำกระดาษและเก็บไว้ใต้โซฟาก่อนที่เบลล่าจะเอนหัวไปทางไหล่ของเอเลน่าเพื่อความสะดวกสบายของพวกเขาสองคน


    "เขามาแล้วนี่เป็นความผิดพลาด" เทรเวอร์ลุกลี้ลุกลนเอ่ยขึ้นทำให้เบลล่าเอาหัวออกจากไหล่ของเอเลน่าและจ้องมองสองแวมไพร์ที่ลักพาตัวพวกเขามา "ไม่ ฉันบอกนายแล้วว่าฉันแก้ไข้ปัญหาได้ เชื่อฉันสิ" โรสบอกกับเทรเวอร์อย่างมั่นใจ "ไม่! เขาอยากให้ฉันตายนะโรส"

    "เขาอยากได้เธอมากกว่า" โรสชี้ไปที่เอเลน่า "ฉันทำไม่ได้ ถ้าเอายัยนี่ให้เขาเขาต้องเมตตาเธอแน่ๆแต่ฉันต้องออกจากที่นี่" เทรเวอร์โวยวายใส่โรสและโรสก็จับมือทำให้เขาสงบลง "เฮ้ เราเป็นอะไรกัน" โรสถามเขา "เราเป็นครอบครัว ตลอดไป" เทรเวอร์บอกเธอและเบลล่าก็ยิ้มมุมปากเล็กๆกับโมเมนต์ครอบครัวที่ทำให้เธอนึกถึงคนรอบตัวที่เธอรัก

    เสียงเคาะประตูดังขึ้นและเอเลน่ากับเบลล่าก็สังเกตแวมไพร์ทั้งสอง "คุณกลัวนี่" เอเลน่ากระซิบเบาๆ "อยู่ที่นี่กับเธอนะ อย่าส่งเสียงล่ะ" โรสบอกเทรเวอร์และเขาก็พยักหน้าเงียบๆ


    เสียงส้นรองเท้าเดินเข้ามาทำให้เบลล่าและเอเลน่าหันไปมองข้างหลัง ผู้ชายที่คาดว่าเป็นเอไลจาห์มองเอเลน่าด้วยความตกตะลึงขณะที่เขายังไม่เห็นเบลล่าเพราะเธออยู่ข้างหลังพี่สาวบุญธรรมของเธอ

    เอไลจาห์ใช้ความเร็วของแวมไพร์เร่งยืนอยู่ข้างหน้าเอเลน่าและทำให้เธอกลัวซึ่งทำให้เบลล่ากลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก เขาสูดดมไปที่เอเลน่าที่มีน้ำตาสีใสคลอด้วยความกลัว "มนุษย์ เป็นไปไม่ได้" และในที่สุดเขาก็เห็นคนผมสีแดงเพลิงที่ยืนอยู่มองเอไลจาห์ด้วยความสับสนและสงสัย

    เอไลจาห์มีหน้าตาประหลาดใจและยิ้มเล็กๆเมื่อสังเกตเห็นว่าเธอมีสร้อยคอสีทองรูปทรงคล้ายดาวที่มีเพรชเม็ดเล็กรอบๆอเมทิสต์อยู่ "สวัสดี" เขาทักทายเธอและเบลล่าก็เอียงคอมองด้วยความสับสนพร้อมกับความรู้สึกแปลกๆในลำไส้

    "เราเคยเจอกันมาก่อนมั้ย?" เบลล่าถามเขาขณะที่เดินเข้าไปใกล้อย่างช้าๆแต่เขาทำเพียงยิ้มอย่างอ่อนโยนให้เธอเท่านั้น "เรามีเส้นทางอีกยาวไกลอยู่เบื้องหน้า เราควรไปด้วยกันได้แล้ว" เสียงของเขาทุ้มทำให้เบลล่าแอบคิดไม่ได้ว่าเธอเคยได้ยินมาจากที่ไหนสักที่

    "ได้โปรด อย่าให้เขาเอาตัวเราไป" เอเลน่าขอร้องโรส "ยังเหลืองานอีกอย่างแล้วเราจะเลิกแล้วต่อกัน" เอไลจาห์พูดและเบลล่าก็รีบไปยืนข้างพี่สาวบุญธรรมของเธอทันที "ผมรอวันนี้มานานแล้ว เอไลจาห์ผมขอโทษจริงๆ" เทรเวอร์บอกเขาด้วยท่าทางกลัว

    "โอ้ ไม่จำเป็นต้องขอโทษหรอก" เขาบอกและเดินไปรอบๆเทรเวอร์ "จำเป็น จำเป็นสิคุณเชื่อใจผมเรื่องแคทเธอริน่าและผมทำให้คุณผิดหวัง" เทรเวอร์พูดและเบลล่าก็หายใจเข้าลึกดูเหตุการณ์ตรงหน้า "ก็ใช่ นายเป็นคนผิดโรสช่วยเหลือนายเพราะเธอซื่อสัตย์ต่อนายซึ่งฉันรู้สึกเป็นเกียรติ ความภักดีของนายอยู่ที่ไหนล่ะ"

    "ผมขอให้คุณอภัยให้ผม" เทรเวอร์ขอร้องเขาด้วยทาท่างที่หวาดกลัวอย่างมาก "งั้นก็เป็นไปตามนั้น" เอไลจาห์บอกเขาและเทรเวอร์ก็ยิ้มอย่างมีความสุขแต่เพียงวินาทีเดียว วินาทีต่อมาเอไลจาห์ก็ตัดหัวเขาทำให้เบลล่าอ้าปากค้างด้วยความตกใจและพาน้องสาวเข้าสู่อ้อมแขนเธอ

    "คุณ!" โรสล้มลงด้วยความเศร้าโศกทันที "อย่านะ โรส ตอนนี้เธอเป็นอิสระแล้ว" เอไลจาห์บอกเเธอและหันหน้าไปทางเบลล่ากับเอเลน่า "แล้วมูนสโตนล่ะ" เอเลน่าพูดทำให้เบลล่าขู่ฟ่อใส่เธอ "เอเลน่า"

    "เธอรู้อะไรเกี่ยวกับมูนสโตนบ้าง" เอไลจาห์ถามเอเลน่าขณะที่เบลล่ามองทั้งสองคนอย่างระมัดระวัง "ฉันรู้ว่าคุณต้องการมันและรู้ว่ามันอยู่ที่ไหนฉันช่วยเอามันมาให้คุณได้" เอเลน่าพูดอย่างรวดเร็วด้วยความกลัว "บอกมาสิว่าอยู่ไหน"

    "วิธีนั้นไม่ได้ผลหรอก" เอเลน่าพูดและเบลล่าก็กลืนน้ำลายลง "เธอกำลังต่อรองกับฉันหรอ" เอไลจาห์พูดและมองไปทางโรสที่มีน้ำตาคลอเบ้าจากการสูญเสียเทรเวอร์ไป "เป็นครั้งแรกที่ได้ยินเลย"

    เอไลจาห์สำรวจเอเลน่าอย่างรอบคอบและสังเกตเห็นสร้อยคอเวอร์เวนรอบเธอ "เวอร์เวนไปทำอะไรอยู่รอบคอเธอ" เขาพูดก่อนจะฉีกมันทิ้งไปและจับเอเลน่าทำให้เบลล่ากัดริมฝีปากอย่างประหม่า

    "บอกฉันมาว่ามูนสโตนอยู่ไหน" เขาบังคับเธอ "อยู่สุสานใต้โบสถ์" เอเลน่าพูดด้วยน้ำเสียงของหุ่นยนต์ "มันไปทำอะไรอยู่ที่นั้น" เขาถามเธออีกครั้ง "มันอยู่กับแคทเธอรีน"

    "น่าสนใจนี่" และเสียงกระจกแตกก็ดึงความสนใจของทุกคนในห้อง "นั่นอะไร" เอไลจาห์ถาม "ฉันไม่รู้" โรสตอบและเบลล่าก็รู้ได้ว่าผู้ช่วยของเธอและเอเลน่ามาถึงแล้ว "มีใครอยู่ในบ้านหลังนี้อีก" เอไลจาห์ถามโรสและเธอก็ตอบคำตอบเดิม "ฉันไม่รู้"

    เขาจับเอเลน่าด้วยความรุนแรงขณะที่โอบรอบเอวของเบลล่าด้วยความอ่อนโยนทำให้เธอขมวดคิ้วสงสัยก่อนจะพวกเขาจะรีบไปที่ห้องโถงอย่างรวดเร็วและเสียงลมที่มาจากการเคลื่อนตัวของแวมไพร์ก็เกิดขึ้นทำให้เบลล่ากลืนน้ำลายอย่างประหม่า

    เขาปล่อยเอเลน่าไปกับโรสขณะที่ยังคงจับเบลล่าด้วยความอ่อนโยนราวกับว่ากลัวจะทำร้ายเธอ เสียงเคลื่อนตัวของแวมไพร์เกิดขึ้นอีกครั้ง "โรส" เขาเอ่ย "ฉันไม่รู้ว่าเป็นใคร" และร่างที่เคลื่อนไหวของแวมไพร์ก็ผ่านหน้าไป

    "บนนี้" เสียงคุ้นเคยของสเตฟานทำให้เบลล่ารู้สึกประหม่ากว่าที่เคย เอไลจาห์เรงขึ้นไปด้านบนและก็เกิดเสียงอีกครั้ง "ข้างล่างนี้" เสียงของเดม่อนทำให้เบลล่าขมวดคิ้วและไม่นานเธอก็สังเกตเห็นลิ่มไม้ทิ่มไปที่มือของเอไลจาห์ทำให้ความรู้สึกร้อนแบบเดียวกันวิ่งผ่านมือก่อนจะหายไปและเธอก็ถูกพาไปโดยเดม่อนที่จับแขนเธอไว้

    "ขอโทษนะ ไม่ว่านายจะเป็นใครแต่นายทำผิดมหันต์ซะแล้วถ้าคิดว่าจะชนะฉันได้ นายทำไม่ได้แน่ ได้ยินไหม พูดอีกทีนะ นายสู้ฉันไม่ได้หรอก ฉันต้องการตัวผู้หญิง นับสาม ไม่งั้นก็เตรียมหัวขาดได้เราเข้าใจกันดีแล้วใช่มั้ย" เสียงของเอไลจาห์ดังขึ้นขณะที่เบลล่าขมวดคิ้ว "ฉันจะไปกับคุณแค่ไม่ต้องทำร้ายเพื่อนฉัน พวกเขาแค่ต้องการช่วย"

    "เธอกำลังเล่นเกมอะไรกับฉัน" เอไลจาห์พูดขณะที่เขาถือไม้ปลายแหลมอยู่ เสียงปลดระเบิดเวอร์เวนเกิดขึ้นและเสียงกรีดร้องของเอไลจาห์กระตุ้นให้เบลล่าสะดุ้งและหลับตาปิดกั้นเสียงของเขา

    เสียงการต่อสู้ดังขึ้นและจบลงในไม่กี่วินาทีต่อมาทำให้เบลล่าเดินออกจากที่ซ่อนเพียงเพื่อพบว่าเอไลจาห์เปลี่ยนเป็นสีเทาและมีเส้นเลือดขึ้น เขาตายแล้ว ความคิดนั้นทำให้เบลล่ากลืนน้ำลายลงคอและขมวดคิ้วมองไปยังเขาที่ห้อยอยู่กับประตูไม้สีขาว

    นัยตาสีฟ้าอ่อนอันเป็นเอกลักษณ์ของเธอสังเกตเห็นเอเลน่าและสเตฟานวิ่งเข้าสู่อ้อมกอดของกันและกันกับเดม่อนที่ดูเศร้าเล็กน้อย เบลล่าไม่ได้ให้ความสนใจอะไรมากนัก เธอพบว่าตัวเองให้ความสนใจกับเอไลจาห์ที่มีเส้นเลือดและผิวสีเทา ความรู้สึกที่ปั่นป่วนและไม่รู้จักในท้องของเธอทำให้เธอยื่นมือไปหาเขาและส่งคลื่นความร้อนโดยไม่รู้ตัวก่อนจะผละออกและถอนหายใจกับตัวเองพลางเดินออกจากบ้านตามพี่น้องซัลวาทอร์และเอเลน่าไป


    Doppelgänger (ด็อพเพิลเกงเกอร์หรือดอปเพิลเกงเกอร์) มาจากตำนานนิทานพื้นบ้านของเยอรมันที่เชื่อกันว่าเป็นเราในอีกตัวตนหนึ่งแบบชั่วร้าย นิยามกว้างๆกล่าวถึงปรากฎการณ์ที่มีผู้พบเห็นบุคคลหนึ่งในเวลาเดียวกันแต่ต่างสถานที่ ศัพท์นี้ได้นำมาใช้ส่วนมากกับกรณีแฝดผู้ชั่วร้าย โดยทั่วไปแล้วดอปเพิลเกงเกอร์ถูกใช้เป็นสัญลักษณ์ของความโชคร้าย ความเจ็บปวดหรือภยันอันตรายที่จะเกิดขึ้นหากเพื่อนฝูงหรือเครือญาติได้พบเห็นในขณะที่การพบเห็นดอปเพิลเกงเกอร์ของตนจะนำมาซึ่งความตาย
    ดอปเพิลเกงเกอร์เป็นคำที่ใช้เรียกกรณีที่มนุษย์คนหนึ่งได้ปรากฎตัวขึ้นเพิ่มมาจากเดิมอีกคนหนึ่งซึ่งจะมีลักษณะภายนอกเหมือนกันทุกประการ
    ตามเรื่องเล่าขานกล่าวว่าดอปเพิลเกงเกอร์จะไม่มีเงาเป็นของตัวเอง รวมทั้งไม่มีภาพสะท้อนในกระจกหรือพื้นผิวน้ำ มันอาจจะให้คำแนะนำแก่บุคคลต้นฉบับมันด้วยเจตนาร้ายยุยงในแง่ต่างๆ หรืออาจปรากฎตัวต่อหน้าญาติให้เกิดความสับสน หรืออาจจะปรากฎตัวด้วยสุขภาพดีเมื่อต้นฉบับได้รับความเจ็บป่วย ความเชื่อบางประเภทก็บอกว่าดอปเพิลเกงเกอร์เป็นฝาแฝดของตัวเองและหากต้นฉบับชั่วร้ายอีกคนก็จะดีและหากต้นฉบับดีอีกคนก็จะกลับกัน
    การที่ฝาแฝดทั้งสองมาพบกันนั้นจะส่งผลให้ทั้งคู่ต้องพบกับจุดจบของชีวิต บ้างก็เชื่อว่าดอปเพิลเกงเกอร์เป็นภูตผีปีศาจในรูปแบบหนึ่งที่จะปรากฎตัวขึ้นเพื่อบ่งบอกลางร้ายหากพวกมันไม่ได้นำพามาซึ่งลางร้ายเอง นอกไปจากนั้นคนบางกลุ่มก็เชื่อว่าเป็นปรากฎการณ์นี้เป็นรูปแบบหนึ่งของการใช้พลังจิตที่เรียกว่า Astral Projection.
    T
    B
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×