ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [FIC Genshin impact X Fate] เอเทอร์ผู้ใช้พลังของวีรชน

    ลำดับตอนที่ #6 : เหล่าอัศวินและชายชรา

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 698
      57
      29 ม.ค. 65

    เอเทอร์บินกลับมายังเมืองมอนสแตทเอมเบอร์และไพม่อนเห็นเอเทอร์เข้า "เธอไม่เป็นอะไรใช่มั้ย" เอมเบอร์เข้ามากอดเอเทอร์เจ้าตัวรู้สึกเขินๆนิดหน่อยแต่เอมเบอร์ดูจะไม่ได้ใส่ใจอะไรเท่าไหร่ซึ่งในระหว่างนั้นก็มีเสียงปรบมือ

     

     

    แปะ..แปะ..แปะ ดังออกมาทางด้านหลังของพวกเอเทอร์ก่อนจะเห็นเข้ากับชายผู้มีผมสีน้ำเงินมีผ้าปิดตาอยู่ที่ตาขวาอยู่ด้วย

     

     

     

     

    "นึกไม่ถึงว่าจะมีพลังในการต่อสู้กับมังกรยักษ์ได้…เธอคือแขกของเราหรือว่าพายุลูกใหม่กันนะ" เคยะ

     

     

    "stormterror มาโจมตีมอนสแตทถึงนี่เลยเหรอ" เอมเบอร์เริ่มเข้าประเด็นในทันที เรื่องของการโจมตีของมังกรตนนั้นเข้าโจมตีใส่เมืองมอนสแตท "เคยะ เอเทอร์พวกเธอมาพอดีเลยพวกเราต้องรีบแล้วล่ะ…"

     

     

    "รอก่อนเอมเบอร์ ตรงนี้ยังมีคนที่ยังไม่ได้แนะนำตัวเลยใช่มั้ยล่ะ" เคยะพูดห้ามเอาไว้ก่อนเพราะตอนนี้เขายังไม่รู้จักพวกเอเทอร์และไพม่อนเลยซึ่งเอเทอร์เองกับไพม่อนก็ยังไม่รู้เลยว่าเขาเป็นใครน่ะ แต่เอมเบอร์ที่ได้ยินเช่นนั้นเธอไม่รอช้าเธอรีบแนะนำตัวของตัวของเคยะอีกครั้งนึง "โอ้ โอเค นี่คือ เคยะ เขาเป็นหัวหน้ากองทหารม้าของเราน่ะ" 

     

     

    "สองท่านนี้คือนักเดินทางผู้มาจากแดนไกล เอเทอร์ และไพม่อน" เอมเบอร์เองก็แนะนำตัวของเอเทอร์และไพม่อนให้เคยะรู้จักเช่นกันซึ่งตัวของเขาได้ยินเช่นนั้นก็คิดขึ้นมาว่า (รู้แค่ว่า จากแดนไกล เองเหรอ) ก่อนที่ทั้งเอเทอร์และเอมเบอร์จะเล่าเรื่องที่มาและความต้องการของพวกเขาให้เคยะฟัง

     

     

    "เรื่องมันเลยเป็นอย่างนี้น่ะ…" เอเทอร์เอ่ยจบเคยะที่ได้ฟังเรื่องทั้งหมดแล้วก็ได้เอ่ยขึ้นมาว่า "ที่แท้ก็เป็นอย่างนี้ ยินดีต้อนรับสู่ มอนสแตทนะ…แต่น่าเสียดายดันมาเจอเวลาแบบนี้" 

     

     

    เอเทอร์ก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน จะว่าไปแล้วทำไมพวกเขามาในตอนนี้ถึงเกิดเรื่องแบบนี้ได้กันนะ เพียงแค่อยากจะตามหาเทพลมเผื่อจะได้เบาะแสของน้องสาวแท้ๆเลยนะ

     

     

    "ชั้นเข้าใจความเจ็บปวดของการถูกพรากคนในครอบครัวไปดี คุณนักเดินทาง" 

     

     

    "ถึงจะไม่รู้ว่าเธอจะหาเทพแห่งลมไปทำไมก็เถอะ…" 

     

     

    "แต่คนทุกคนก็มีความลับกันทั้งนั้นแหละนะ ใช่มั้ยล่ะ ฮ่าๆ ชั้นไม่เซ้าซี้หรอกน่า" ดูจากลักษณะนิสัยแล้วก็น่าจะเป็นดีคนนึงนั่นแหละ เอเทอร์คิดแบบนั้น

     

     

    "สรุปแล้ว…ก่อนอื่นชั้นต้องขอพูดขอบคุณพวกเธอในนามของกองอัศวินด้วยนะ" เคยะเอ่ยกล่าวขอบคุณเอเทอร์ที่เข้ามาช่วยเมืองมอนสแตทเอาไว้จากมังกร stormterror ที่เข้ามาโจมตีเอาไว้ ด้วยความถ่อมตนของเอเทอร์ก็จึงบอกไปว่า "ก็..จะให้ดูเฉยๆ ก็คงไม่ได้หรอกนะ" 

     

     

    "อื้อ ที่เมื่อกี้ที่เธอสู้กับเจ้าอสูรมังกรนั่นเหล่าผู้คนที่ถูกปกป้องไว้ล้วนเห็นด้วยตาของตัวเองแล้วล่ะ" เมื่อเคยะเอ่ยจบเอเทอร์ก็นิ่งไปแปปนึง เอ๊ะ!! อย่าบอกนะว่าเห็นอยู่น่ะ รู้สึกอายๆ ยังไงก็ไม่รู้สิ เอเทอร์ได้แต่คิดในก่อนจะถอนหายใจออกมาเล็กน้อย

     

     

    "ตัวของรักษาการผู้บัญชาการเองก็สนใจในตัวของเธอทั้งสองคนและหวังว่าจะมาที่ศูนย์บัญชาการกองอัศวินด้วยนะ" คายะเอ่ยจบก่อนจะเดินนำพวกเขาไปยังปราสาทที่ตั้งอยู่ใจกลางของเมือง

     

     

    "คุณรักษาการผู้บัญชาการ ชั้นพาพวกเขามาแล้วนะ" เคยะเอ่ยจบก่อนที่ทั้งเอเทอร์และไพม่อนเดินเข้าไปข้างในก็พบเข้ากับหญิงสาวสองคนที่อยู่ข้างในนั้นคนนึงเป็นผู้หญิงผมสีทองสวมชุดอัศวินย์และอีกคนนั้นเธอสวมชุดแม่มดสีม่วงเข้าก่อนที่เคยะจะเริ่มอธิบายเรื่องของพวกเขาให้กับทั้งสองคนฟัง "ก็….เรื่องราวที่ผ่านมาก็ประมาณนี้แหละนะ"

     

     

    เคยะเอ่ยพร้อมกับกอดอกเมื่อผู้หญิงผมสีทองได้ยินเรื่องที่เคยะเล่าเสร็จก็หันหน้ามาหาพวกเขาที่กำลังยืนอยู่ต่อหน้าทั้งสองคน 

     

     

     

     

    "มอนสแตท ยินดีต้อนรับพวกคุณเหล่านักเดินทางผู้มากับสายลม ชั้นคือจีน รักษาการผู้บัญชาการแห่งกองอัศวิน" จีนเอ่ยพร้อมกับมือแทบบนอกของตนเองก่อนจะเอื้อมมือไปด้านซ้ายที่เป็นผู้หญิงที่เป็นแม่มดคนนั้น "คนนี้คือ ลิซ่า ผู้ดูแลห้องสมุดของกองอัศวินของพวกเรา" 

     

     

     

     

    "ว้าว เพราะว่าคนไม่พอเลยมีเด็กน่ารักคนนั้นมาช่วยงั้นเหรอ??" อยู่ๆเอเทอร์ก็รู้สึกถึงคำพูดแปลกๆออกมาจากคนที่ชื่อลิซ่าซึ่งมันทำให้ตัวเอเทอร์เองก็แอบรู้สึกแปลกใจอยู่นิดหน่อยก็เถอะ

     

     

    "น่ารักจัง…น่าเสียดายแต่ตอนนี้คงไม่เหมาะเท่าไหร่ ตั้งแต่ที่ stormteror ฟื้นขึ้นมา ก็ป้วนเปี้ยนอยูแถวนี้มาตลอด สร้างแต่ความวุ่นวาย" ลิซ่าเริ่มอธิบายสถานการณ์ในตอนนี้ให้เอเทอร์ฟังด้วยเพราะในตอนนี้พวกเขาคงจะต้องยืมมือของตัวเอเทอร์อยู่เช่นกัน 

     

     

    "การไหลเวียนธาตุของมอนสแตทในตอนนี้นั้นกระแสพลังที่ไหลเวียนอยู่ล้วนเปลี่ยนไปราวกับลูกบอลด้ายที่ถูกแมวข่วนกระจายก็ไม่ปาน" ลิซ่าเอ่ยจบพร้อมกับทำท่าทีรู้สึกปวดหัวกับเรื่องในตอนนี้ที่ค่อนข้างวุ่นวายพอสมควรแล้วล่ะ

     

     

    "สำหรับเหล่าพ่อมดแม่มดแล้ว นี่คือเรื่องที่ร้ายแรงมากเลยนะล่ะนะ ทั้งผิวทั้งอารมณ์ชั้นแย่ไปหมด"

     

     

    "ถ้าหากไม่ได้ถูกรุกรานอยู่แบบนี้ กองอัศวินน่าจะพอหาวิธีช่วยอะไรคุณได้บ้างล่ะ ตอนนี้ยังไงหยุดพักที่มอนสแตท นี่ชั่วคราวก่อนเถอะ ให้พวกเรากองอัศวินแห่งฟาโวเนียสเป็นคนจัดการกับปัญหานี่เอง" จีนเอ่ยพลางบอกให้เอเทอร์รู้ซึ่งดูเหมือนในตอนนี้คงจะไม่ใช่เวลาที่จะมาหาเบาะแสน้องของเขาสินะ

     

     

    "จะให้รบกวนกองอัศวินอย่างเดียวก็คงจะไม่ดี" เอเทอร์คิดว่าอย่างน้อยว่า ถ้ามัวแต่รบกวนแค่ฝ่ายเดียวก็คงจะไม่ดีแน่ๆ เพราะงั้นเขาเองก็คงต้องเอาด้วยเท่านั้นแหละ

     

     

    "ไพม่อนเอง ก็ช่วยด้วยอีกแรงนะ" ไพม่อนเองก็คิดแบบเดียวกับเขาเช่นกัน คายะที่ได้ยินดังนั้นจึงตัดสินใจเริ่มแผนทันที "ถ้างั้น…ก็มาเตรียมแผนการรบกันก่อนเถอะ" จีนที่ได้ยินดังนั้นเธอพยักหน้ารับ "stormterror ที่โจมตีมอนสแตทอยู่ในตอนนี้ในทางกลับกันอาจจะทำให้เราสามารถถอนรากถอนโคนภัยพิบัตินี้ได้เลย" 

     

     

    "ภายใต้การตรวจจับเวทมนตร์ของลิซ่า พายุเฮอริเคนของ stormterror ที่ล้อมมอนสแตทในตอนนี้ได้เผยแหล่งมาให้เห็นแล้วล่ะ" จีนเอ่ยเช่นนั้นเคยะได้ยินเช่นนั้น

     

     

    "โห ถ้างั้นมันก็คือ…" เคยะหันหน้าไปถามกับลิซ่า "มันอยู่ที่วิหารร้าง สี่วายุ น่ะ" 

     

     

    "stormterror สามารถเรียกพายุระดับนี้ได้ ก็เพราะว่าใช้พลังที่หลงเหลืออยู่เหล่านั้นและเป้าหมายของพวกเรา ก็คือสามในสี่แห่งของวิหารร้าง" ขณะที่เอเธอร์กำลังฟังพวกเขากำลังพูดคุยกันอยู่..แต่พอเข้าใจได้ถึงพลังอันมหาศาลที่สามารถเรียกพายุได้ขนาดนั้นล่ะนะ

     

     

    "เหตุผลที่เลือกเพียงแค่สามแห่ง คิดว่าทุกคนคงจะรู้ดี" จีนเอ่ยเหมือนทุกคนในห้องจะรู้ว่า เหลือแค่สามแห่งมันเป็นเพราะว่าอะไรแต่ทว่ากลับมีชายหญิงอยู่คู่นึงที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลยสักนิดเดียวได้แต่ยืนนิ่งไม่พูดอะไรเพราะทั้งคู่ไม่รู้เรื่องหรือเข้าใจสักเท่าไหร่นักเลยไม่กล้าพูดแทรกหรือแสดงความเห็นใดๆได้

     

     

    "ชั้นไม่เข้าใจน่ะ" ไพม่อนที่ได้ฟังก็ไม่รู้เรื่องว่า ที่พูดมาเมื่อกี้หมายถึงอะไรกันแน่นะ 

     

     

    "นี่น่ะ…น่าจะรู้เฉพาะคนท้องที่น่ะ" เอเทอร์หันมาบอกกับไพม่อน

     

     

    "เหล่าอัศวินแห่งฟาโวเนียสทุกท่าน เราจะมัวเสียเวลาอยู่ไม่ได้แล้ว พายุกำลังโหมกระหน่ำและการป้องกันเชิงรับก็ไม่มีความหมายต่อหน้าภัยพิบัติของมังกรที่ขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ พวกเราต้องชิงลงมือก่อนเข้าไปในโบราณสถานของวิหารร้างนั่นกันเถอะ" 

     

     

    หลังจากนั้นทุกคนก็แยกย้ายไปตามวิหารต่างๆ ทั้งสามแห่งที่ไกลจากตัวเมืองมากพอสมควรดูจากแผนที่พวกเขาให้มาเนี่ยพวกเขาบอกเอาไว้ว่าจะมีคนที่ไปก็คือ เอมเบอร์ เคยะและลิซ่าต่างก็กระจายไปตามวิหารต่างๆ ซึ่งตัวของเอเทอร์และไพม่อนเองก็ต้องตามไปสมทบกับอีกทั้งสามคนต่ออีก ซึ่งในระหว่างทางที่พวกเขากำลังไปอยู่นั้น 

     

     

    เอเทอร์ก็คิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ไม่ว่าจะทั้งได้รับพลังแปลกๆมาจากคนที่มีนามว่า ซีกฟรีดและอตาลันเต้ ที่บอกว่าจะมอบพลังให้แก่อีกถึงจะไม่รู้ว่าเพราะอะไรหรือทำไมที่พวกเขาถึงได้มอบพลังให้กับชั้นกันแน่นะ ถึงตอนนี้คำถามในหัวของเอเทอร์ก็มากพอที่จะทำให้หัวของเขาแทบจะระเบิดอยู่แล้ว

     

     

    ซึ่งในระหว่างทางที่เอเทอร์กำลังเดินมุ่งหน้าไปยังสี่วิหารเริ่มแรกต้องไปสมทบกับเอมเบอร์ก่อนแล้วค่อยไปทีคนๆ จนครบสามวิหารนั่นคือภารกิจที่พวกเขาได้รับมาแต่ทว่าระหว่างทางนั้นเองอยู่ๆ 

     

     

    กลับมีร่างของชายชราปริศนาปรากฎขึ้นมาพร้อมกับเดินสวนทางกับพวกเขาไปซึ่งดูเหมือนไพม่อนจะไม่เห็นด้วยเพราะปกติเธอเห็นใครที่ไม่ค่อยเหมือนคนทั่วไปสิ แค่คนไหนเดินผ่านเธอก็มิวายไปทักถามคนนั้นด้วยเลยแต่ทว่า…

     

     

    ชายชราผู้นั้นสวมชุดคลุมสีดำสนิทปกปิดใบหน้าเอาไว้แต่ก็พอมองออกอยู่จากท่าทางการเดินที่ค่อนข้างเชื่องช้าและอยู่ด้วยด้วยไม้เท้าในมือของตนอยู่ครู่นึง แต่พอเอเทอร์หันไปมองอีกทีก็ตัวของชายชราก็หายตัวไปซะแล้ว..หรือเมื่อกี้เขาตาฟาดกันแน่นะ

     

     

    "หายไปแล้ว??" เอเทอร์รู้สึกตกใจเป็นอย่างมากเมื่อกี้ทั้งที่เขาอยู่น่าจะเดินอยู่แท้ๆนะ 

     

     

    "มีอะไรเหรอ??" ไพม่อนที่เห็นเอเทอร์ตะโกนเมื่อกี้ล่ะมั้งด้วยความสงสัยก็หันมาถามเอเทอร์ว่ามีอะไร

     

     

    "อ่ะ…เปล่า ไม่มีอะไร" เขาตอบออกไปเพราะไม่รู้เมื่อกี้เขาตาจะฟาดรึเปล่า เพราะตอนนี้เขาเองก็เริ่มเหนื่อยล้าแล้วเหมือนกันจากการใช้พลังสู้กับมังกร stormterror หรือมั้ง

     

     

    "รีบไปกันต่อเถอะ" 

     

     

    "อื้อ" ไพม่อนเอ่ยจบก่อนทั้งคู่จะเดินไปต่อ โดยหารู้ไม่ว่าชายแก่ที่เอเทอร์เห็นนั้นได้มาอยู่บนหุบเขาของเมืองมอนสแตทแล้วนัยต์ตาอันว่างเปล่าของชายชราชายตามองร่างของชายหญิงนักเดินทางในมือจับด้ามดาบเล่มยักษ์ปักลงที่พื้นมืออันแหบแห้งทั้งสองข้างกุมจับที่ด้ามของดาบเอาไว้อยู่

     

     

    "..…." 

    ชายชราผู้นั้นมิได้เอ่ยอะไรต่อแต่ทว่าภายใต้นัยต์ตาของชายชราผู้นั้นแล้วนั้นเขามองเห็นอะไรกันแน่…

     

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×