ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [FIC Genshin impact X Fate] เอเทอร์ผู้ใช้พลังของวีรชน

    ลำดับตอนที่ #4 : มังกรปริศนา/หญิงสาวหน่วยลาดตระเวน

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 949
      78
      27 ม.ค. 65

    (เมื่อกี้มัน อะไรน่ะ) เอเทอร์เอ่ยพลางครุ่นคิดเรื่องเมื่อตอนนั้นที่ตัวของเขาได้ใช้ธนูในการต่อสู้หลังจากได้รับพลังธาตุลมมาซึ่งสำหรับเขาแล้วมันน่าสงสัยเป็นอย่างมากเลยล่ะ

     

     

    อตาลันเต้ ขอให้เรียกอย่างนั้นนะคะ…

    จู่ๆ ก็มีเสียงดังออกมาจากในหัวของเอเทอร์อีกครั้งนึง แต่ว่าพอคิดว่าใครพูดเขากลับไม่ได้เสียงใครอีกเลย แต่ว่าตอนนี้ช่างมันก่อนเขาต้องไปตามหาเบาะแสของน้องสาวก่อน…

     

     

    ซึ่งหลังจากได้รับพลังธาตุลมมาแล้วเอเทอร์กับไพม่อนก็เดินทางไปต่อเพื่อมุ่งหน้าไปยังเมืองมอนด์แสต็ท mondstadt เมืองแห่งอิสระ แต่ทว่าในระหว่างที่ทั้งเอเทอร์และไพม่อนกำลังเดินทางกันอยู่นั้นจู่ๆ 

     

     

    ก็มีเงาสีดำบางอย่างมาบังแสงแดดของพวกเขาสองคนได้จนหมดก่อนที่ทั้งสองคนจะเงยหน้ามองด้านบนอัตโตมัติซึ่งมันเป็นมังกรตัวยักษ์สีฟ้ากำลังบินอยู่บนฟ้าเหนือพวกเขาแค่ไม่กี่เมตรเท่านั้นเองก่อนที่จะรู้ว่ามังกรตนนั้นได้บินลงไปยังป่าลึก ซึ่งไพม่อนได้หันมาถามเอเทอร์ซึ่งทั้งคู่ก็พยักหน้าไม่รอช้ารีบวิ่งตามมังกรตนนั้นไปทันที

     

     

    ก่อนที่พวกเขาจะเข้าป่าไปเรื่อยๆอยู่นั้นเอง ก็ได้ยินเสียงแปลกประหลาดดังขึ้นมา 

     

     

    "เอ๋ ดูนั่นสิ" ไพม่อนด์น่าจะเห็นอะไรบางอย่างเข้า พวกเขาเริ่มเดินไปตามเสียงเรื่อยๆ จนกระทั่งพวกเขาได้มาแอบอยู่หลังหินขนาดยักษ์ที่น่าจะบังตัวของพวกเขาได้หมดด้วยและเอนหน้าแอบดู

     

     

    ก่อนจะพบว่านั่นน่ะเป็นมังกรตัวเมื่อกี้ที่พวกเขาพึ่งเจอมานั่นเอง และ ดูเหมือนว่ามังกรตนนั้นกำลังพูดคุยอยู่กับมนุษย์คนนึงอยู่ด้วย

     

     

    "ได้กลัวเลย สบายใจได้ชั้นกลับมาแล้ว" 

     

     

    "เขากำลังคุยกับมังกรอยู่เหรอ" เอเทอร์ถามขึ้นมาด้วยความแปลกใจเล็กน้อย ซึ่งไพม่อนเองก็เหมือนกัน แต่ทว่าอยู่ๆ แสงตรงอกที่เป็นคริสตัลได้เรืองแสงออกมาตามชุดของเอเทอ 

     

     

    "เอ๋/หา"

     

     

    "!!" พวกเขาทั้งคู่ต่างตกใจขึ้นมาพร้อมกันเช่นเดียวกับมังกรตนนั้นที่เหมือนจะเกิดอะไรแปลกๆมันได้คำรามออกมาจนเกิดเป็นคลื่นลมขนาดยักษ์ไปทั่วทั้งป่า 

     

     

    “ใครน่ะ” มนุษย์คนนั้นได้หันไปมองดูก่อนจะวาร์ปหายตัวไปในทันที ส่วนมังกรตนนั้นก็ได้คำรามออกมาก่อนจะบินจากไป ซึ่งหลังจากนั้นไม่นานนัก

     

     

    "เกือบไปแล้ว เกือบจะโดนพัดไปซะแล้ว" ไพม่อนเอ่ยขึ้นมาด้วยความตกใจ "ยังดีที่คว้าผมของเธอไว้ทัน ขอบคุณนะ" เอ้อ จริงสิเมื่อกี้เหมือนจะเจ็บหัวนิดหน่อยไพม่อนจับผมของเขาเอาไว้นี่เอง

     

     

    "ดีที่ผมไม่หลุดนะเนี่ย" เอเทอเริ่มบ่นขึ้นมาเล็กน้อย แต่ในระหว่างที่พวกเขากำลังคุยกันอยู่นั้น

     

     

    "เมื่อกี้มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่นะ ยังคิดอยู่เลยว่าจะถูกมังกรนั่นกินมั้ยด้วย ยังไงก็ต้องเกี่ยวข้องกับมังกรอยู่อย่างแน่นอน" 

     

     

    "โลกใบนี้มีคนที่คุยกับมังกรเป็นเรื่องปกติด้วยงั้นเหรอ" เอเทอร์เอ่ยถามด้วยความสงสัย

     

     

    "ก็ต้องไม่ปกติอยู่แล้วสิ" ไพม่อนตอบกลับในทันที เพราะถ้านั่นเรื่องปกติก็แปลกแล้วน่ะ แต่ในระหว่างที่ทั้งสองกำลังพูดคุยกันอยู่นั้นเองหางตาของเอเทอร์ได้เหลือบไปมองเห็นเข้ากับทับทิมสีแดงเข้า

     

     

    "นั่นมันอะไรน่ะ" เอเทอร์เอ่ยถามขึ้นมาพร้อมกับชี้นิ้วไปที่ทับทิมเม็ดนั้น "อะไรน่ะ" ไพม่อนเองก็สงสัยเช่นกัน ซึ่งภายในสายตาของเอเทอร์ได้เหลือบไปมองเห็นเข้ากับแสงสีแดงได้เรืองแสงออกมา

     

     

    "ลูกไฟกระพริบแดงๆ ที่อยู่บนก้อนหินก้อนใหญ่งั้นเหรอ" ไพม่อนเอ่ยพร้อมกับมองดูมันไปด้วยความรู้สึกสงสัย

     

     

    "ระวังด้วย!! ชั้นรู้สึกไม่ค่อยดีเลย" ไพม่อนเอ่ยเตือนตัวของเอเทอร์ก่อนที่ทั้งคู่จะเดินมาถึงก็พบว่ามันเป็นทับทิมเม็ดใหญ่พอสมควรแถมยังเรืองแสงอีกต่างหาก ทั้งคู่มองดูพร้อมกับสำรวจมันไปด้วยว่ามันคืออะไร

     

     

    "ไม่เคยเห็นหินก้อนนี้มาก่อนเลย บอกไม่ถูกว่ามันคืออะไรน่ะ" ไพม่อนเอ่ยเพราะเธอเองก็ไม่เคยเห็นเหมือนกัน "ยังไงก็ระวังด้วยล่ะ มันอันตรายมากๆเลยนะ" 

     

     

    "โอเครเก็บเรียบร้อยแล้วล่ะ" เอเทอร์เก็บมันเข้าไปในกระเป๋าสี่มิติที่เก็บได้แทบทุกอย่างไม่ว่าจะเยอะแค่ไหนก็ตามเถอะ

     

     

    "'งั้นไปที่เมืองกันเถอะ" เอเทอพูดจบก่อนจะเดินกลับออกไปเพื่อเข้าไปในเมืองต่อทันที โดยไม่รีรอช้า "อ่า นั่นสินะ" 

     

     

    "อ่า นั่นไงทางออกล่ะ" ไพม่อนมองดูทางออกของป่าที่ข้างหน้าเป็นที่โล่งแจ้งตรงหน้าแต่ระหว่างนั้นเอง ก็มีเสียงฝีเท้าที่วิ่งมาจากด้านหลังของพวกเขาพร้อมกับเสียงตะโกนได้ดังลั่นออกมาจากในป่าว่า 

     

     

    "นี่ พวกเธอ เดี๋ยวสิ!!!" เมื่อคำพูดนั้นได้พูดจบก็มีร่างของหญิงสาวคนนึงได้กระโดดลงมาจากเนินพื้นด้านบนกระโดดลงมาดักทางด้านหน้าของพวกเขาเอาไว้

     

     

    "เอ๊ะ??" ทั้งคู่ต่างร้องอุทานออกมาพร้อมกัน ก่อนที่เธอจะเอ่ยขึ้นมาคำแรกว่า "ขอให้เทพแห่งลมจงสถิตอยู่กับเธอนะ คุณคนแปลกหน้า" ซึ่งใบหน้าของทั้งสองคนได้ยินแบบนั้นก็รู้สึกว่าเธอคนนี้ท่าทางแปลกยังไงก็ไม่รู้ ซึ่งตัวของผู้หญิงคนนั้นที่เห็นว่าทั้งสองคนคงจะไม่รู้แน่ๆก็เลยตัดสิน

     

     

    "อ่า จริงสิ ชั้นคือหน่วยลาดตระเวนของกองอัศวิน มีนามว่า เอมเบอร์" แนะนำตัวขึ้นมาก่อนให้ทั้งสองคนรู้จักเป็นอย่างแรกต่อมาก็เริ่มทำการสอบถามก่อนเลยแล้วกัน "เธอคงไม่ใช่คนของเมืองมอนสเตทใช่มั้ย ถ้างั้นรบกวนแสดงบัตรของตัวหน่อยเองหน่อย" 

     

     

    ซึ่งพอทั้งสองคนได้ยินเข้าก็แอบตกใจอยู่เพราะตัวของเอเทอร์นั้นไม่ใช่คนของดาวดวงนี้หรอกนะ เพราะงั้นบัตรอะไรนั่นไม่มีหรอกซึ่งไพม่อนเองก็ไม่ต่างกัน 

     

     

    "ใจเย็นก่อนพวกเราไม่ใช่คนน่าสงสัยหรอกนะ" ซึ่งไพม่อนได้แก้ตัวได้ดีย์มากกกกก เลยนะ 

     

     

    "พวกน่าสงสัยมักจะพูดแบบนี้กันทุกคนนั่นแหละ" เอมเบอร์ก็คิดแบบนั้นเช่นกัน สุดท้ายเอเทอร์ถ้าปล่อยให้ไพม่อนแก้ตัวได้มีหวังคงจะถูกสงสัยหนักกว่าเดิมแน่ๆ "เอ่อ งั้นชั้นชื่อ เอเทอร์" งั้นก็แนะนำตัวของชั้นก่อนก็แล้วกันนะ

     

     

    "ฟังชื่อดูแล้วคงจะไม่น่าใช่คนที่นี่แล้วยังเจ้า…" เอมเบอร์มองดูไพม่อนสักพักก่อนจะเอ่ยขึ้นมาว่า "ตัวมาสคอตนี่ มันคืออะไรกันน่ะ" ซึ่งก็นะไม่แปลกหรอกที่จะสงสัยเจ้าตัวน่ะ งั้นบอกไปแล้วกันว่า 

     

     

    "ออ เป็นอาหารฉุกเฉินน่ะ

     

     

    ไพม่อนได้ยินเช่นนั้นก็รู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมาก "ไม่ใช่สิ มันยิ่งแย่กว่ามาสคอตอีก" 

     

     

    "สรุปก็คือเป็นนักเดินทางใช่มั้ย เร็วๆนี้มีมังกรยักษ์ออกมาป้วนเปี้ยนแถวนี้ ถ้าเธอเข้าไปในเมืองโดยเร็วที่สุดนะ" เอมเบอร์เอ่ยพอจะจับใจความได้อยู่บ้างล่ะนะ "เพราะงั้นที่นี่อยู่ไม่ไกลจาก มอนสเตท ให้อัศวินย์อย่างชั้นไปส่งพวกเธอดีกว่า" 

     

     

    "แล้วไม่ทำหน้าที่แบบนี้จะดีเหรอ" เอเทอร์เอ่ยถามตัวของเอมเบอร์กลับไป "มีสิ แต่วางใจเถอะ ชั้นทำหน้าที่ส่งเธอกลับไปอย่างปลอดภัยพร้อมกันได้" เอมเบอร์เอ่ยด้วยความมั่นใจเป็นอย่างมาก

     

     

    "นอกจากนี้ ชั้นไม่สามารถปล่อยคนน่าสงสัยไปได้" เมื่อทั้งคู่ได้ยินแบบนั้นก็รู้สึกว่า "เอ่อ ดูแล้วเธอจะยังไม่เชื่อใจพวกเราอยู่สินะ" 

     

     

    "อ๊ะ ล่วงเกินไปหน่อย อัศวินที่ดีไม่ควรพูดอย่างนี้เลย" เอมเบอร์ถอนคำพูดก่อนจะเอ่ยขึ้นมาอีกครั้งนึงว่า "ชั้นต้องขอโทษด้วยพวกเธอด้วยนะ เอ่อ…คุณนักเดินทางแปลกหน้าผู้น่านับถือ" 

     

     

    "นั่นดูฝืนใจมากเลยนะ" เอเทอร์เอ่ยกลับไป…

     

     

    "เธอไม่พอใจการใช้ภาษาที่ คู่มือแนะนำการเป็นอัศวิน บอกไว้งั้นเหรอ" เอ๊ะ นี่ถึงขั้นอ่านคู่มือเลยงั้นเหรอ เอเทอร์คิดในใจ ก่อนที่ทั้งคู่จะเดินนำทางไปยังเมืองมอนสแตท ซึ่งในระหว่างทางเอมเบอร์ก็จะคอยสอบถามเรื่องของทั้งคู่ไปด้วย

     

     

    "เอ่อคุณนักเดินทางผู้ไม่รู้ที่มา พวกคุณมาทำอะไรที่ มอนสเเตท กันล่ะ" 

     

     

    "เอเทอร์ พลัดหลงกับน้องสาวของเธอในระหว่างการเดินทางที่แสนยาวไกลน่ะ" ไพม่อนคอยอธิบายให้เอมเบอร์แทนตัวของเอเทอ "ชั้นเองเป็นเพื่อนร่วมทางของเธอ กำลังช่วยเธอในการออกตามหาน้องสาวของเธอด้วยกัน" 

     

     

    "อ๋อ หาคนในครอบครัวนี่เอง…." ซึ่งเอมเบอร์ได้ยินคำว่าครอบครัวปฎิกิริยาของเธอก็ดูจะตกใจเล็กน้อยก่อนจะมีสีหน้าดูไม่ดีขึ้นมาครู่นึง เอมเบอร์เริ่มจะเงียบลงไปครู่นึง "…." ก่อนที่เธอจะคิดอะไรบางอย่างออกมา "จริงสิ!! ชั้นจัดการงานที่นี่เสร็จก่อน เดี๋ยวจะช่วยแปะประกาศในเมืองให้นะ" เอมเบอร์เสนอตัวขึ้นมา

     

     

    "งานงั้นเหรอ" เอเทอร์และไพม่อนต่างก็พูดออกมาพร้อมกัน "ใช่แล้วล่ะ ตามชั้นมาสิ" เอมเบอร์เอ่ยจบก่อนจะเปลี่ยนเส้นทางขึ้นไปบนเนินเขาและหลบอยู่หลังหินก้อนใหญ่ก้อนนึงอยู่ก่อนที่บนเนินภูเขานั้นจะมีตัวอะไรบางอย่างกำลังเดินร่อนเร่อยู่ ซึ่งไพม่อนก็รู้ได้ในทันทีว่าพวกมันก็คือ "อ๋า นั่นมัน Hilichurl"

     

     

     "อย่าให้มันหนีไปได้นะ" 

     

     

    "เอาล่ะนะ" เอมเบอร์กระโดดขึ้นไปบนหินพร้อมกับชักธนูในมือออกมาเล็งยิงก่อนจะยิงใส่เจ้า Hilichurl ในทันทีซึ่งพลังของลูกธนูของเธอเป็นเปลวไฟทำให้ทั้งเอเทอร์และไพม่อนต่างก็รู้ว่าเธอนั้นเป็นผู้ใช้พลังธาตุไฟนั่นเอง

     

     

    "เธอใช้ธนูนี่นา เอเทอร์" ไพม่อนหันมามองเอเทอร์ "พวกเราเองก็อย่าย้อมแพ้นะ" เธอคงหมายถึงธนูก่อนหน้านี้ที่เขาใช้สู้กับพวกสไลม์สินะเนี่ย

     

     

    "อ่ะ อื้ม" แต่ทว่าตอนนี้มันมีปัญหาอยู่อย่างนึงเนี่ยสิก็คือว่า มัน… "แล้วธนูมันเรียกยังไงนะ" แต่ในระหว่างนั้นจู่ๆก็มีแสงออกมาจากสมองของเอเทอร์พร้อมกับนึกอะไรออก "อ่ะ!!!" 

     

     

    เมื่อท่านพบกับอันตรายเมื่อใดโปรดเอ่ยขานนามว่า อตาลันเต้ นะคะ

     

     

    คำพูดเมื่อตอนนั้นของหญิงสาวปริศนาได้เอ่ยมาเมื่อตอนนั้นนี่เอง "อตาลันเต้" เมื่อเอเทอร์ยื่นมือไปข้างหน้าพร้อมกับเอ่ยคำว่า อตาลันเต้เสร็จสิ้นธนูได้ปรากฎบนมือของเอเทอร์เป็นที่เรียบร้อยแล้วล่ะ

     

     

    "ดีล่ะ งั้นก็…" เอเทอนั้นไม่รอช้ารีบวิ่งตามเอ็มเบอร์ไปในทันที ก่อนจะพบกับเจ้า Hilichurl กำลังรุมหมาหมู่สู้กับเอมเบอร์อยู่ด้วยซึ่งเธอก็สู้ได้เช่นกันสมแล้วที่เป็นอัศวินแข็งแกร่งจริงๆ แต่ว่าเขาเองก็ไม่ยอมแพ้หรอก เมื่อกี้เขาเห็นว่าเอ็มเบอร์เหมือนจะชาดพลังธนูได้ด้วยนี่ งั้นก็เอาแบบเธอก็แล้วกันนะ 

     

     

    “เอเทอ พลังรุนแรงมากเลย” เอเทอร์จับคันศรของธนูพร้อมกับปรากฎลูกธนูลมก่อตัวขึ้นมา เชือกของธนูได้ถูกดึงจนสุดพร้อมกับปลายศรของธนูได้มีออร่าสีเขียวของลมอยู่บนปลายศรธนูอีกแบบนี้นี่เอง เขาเริ่มเข้าใจวิธีสู้ด้วยธนูแล้วล่ะ 

     

     

    เอเทอปล่อยธนูนั้นไปพร้อมกับคันศรของธนูได้ถูกยิงใส่เข้ากลางลำตัวของ Hilichurl 

     

     

    ปังงงงง

     

     

    จนเกิดลมกระแทกเข้ากับร่างของ Hilichurl จนมันได้กระเด็นออกไปไกลพอสมควรและถูกลมนั้นทำให้ร่างสลายไปในที่สุด ซึ่งนั่นทำให้เอ็มเบอร์ถึงกับอึ้งว่าเป็นฝีมือของใครกันแน่…

     

     

    "เอ๊ะ เมื่อกี้มัน" เอมเบอร์หันไปมองเอเทอร์กำลังใช้ธนูช่วยเธออยู่ เอมเบอร์ได้ยิ้มออกมาก่อนจะพยักหน้าพร้อมกับเอ่ยว่า "ไปกันต่อเถอะ" 

     

     

    "อ่ะ อื้อ" ทั้งเอเทอร์และไพม่อนพยักหน้าขึ้นมาพร้อมกัน ก่อนที่ทั้งสามคนจะมาถึงที่หมายบางอย่างเข้าซะแล้ว

     

     

    "นั่นมัน!!" ไพม่อนเอ่ยขึ้นมา "รังของ Hilichurl น่ะ พวกมันอยู่กันเป็นกลุ่มน่ะ ยังไงก็ระวังตัวด้วยนะ" เอมเบอร์เตือนทั้งสองคนก่อนจะเล็งธนูไปยังหอคอยข้างบนสูงที่พวกมันจะอยู่ด้านบนดูศัตรูว่าอยู่ตำแหน่งไหน เสร็จปุ๊บลูกธนูของเอมเบอร์ได้ยิงไปที่มันก่อนจะเผาร่างของ Hilichurl พร้อมกับหอคอยที่ทำมาจากไม้เองก็โดนเผาไปด้วย

     

     

    "อ่ะ อื้มเอาล่ะ" เอมเบอร์นั้นไม่รอช้ารีบดึงคันธนูพร้อมกับเล็งยิงใส่พวกมันไปเรื่อยๆ พร้อมกับทักษะในความพริ้ว รวดเร็วของเธอทำให้เธอสามารถจัดการพวกมันได้ไม่ยากมากนัก

     

     

     "สมแล้วที่เป็นอัศวินเลยนะ" เอเทอร์เอ่ยชมเอมเบอร์ขึ้นมาเช่นเดียวกับไพม่อน "อื้มๆ สุดยอดมากเลยล่ะ" แต่ในระหว่างที่ทั้งสองคนกำลังชมเอมเบอร์ต่อสู้อยู่นั้นเอง 

     

     

    "ซุ่มโจมตีงั้นเหรอ" ตัวของเอเทอร์ได้สัมผัสได้ถึงตัวของ Hilichurl กำลังดักซุ่มโจมตีอยู่บนพุ่มไม้บนเนินสูง 

     

     

    ทันใดนั้นเองดวงตาของเอเทอร์ได้แปรเปลี่ยนเป็นสีเขียวอีกครั้งนึง ตัวของเอเทอร์ไม่รอช้าง้างธนูเล็งไปยังตำแหน่งที่คิดว่าน่าจะโดนก็คือ เลยหัวของเอเทอร์ประมาณสัก 6 เซนได้ ทันใดนั้นตัวของ Hilichurl ได้กระโดดลงมาพร้อมกับใช้กระบองเตรียมฟาดใส่เอมเบอร์ “!!” เอมเบอร์ที่พึ่งรู้สึกตัวก็ไม่ทันซะแล้ว แต่ทันใดนั้นเอง…

     

     

    "เอมเบอร์" เสียงเรียกของไพม่อนได้ตะโกนออกมา ก่อนที่คันธนูของเอเทอร์จะปล่อยลูกธนูออกไป…ลูกธนูที่เปี่ยมไปด้วยพลังจากธาตุลมได้พุ่งยิงโดนปักกลางอกของ Hilichurl เต็มๆ ตามที่เขาคาดการเอาไว้เป๊ะๆ 

     

     

    "อ่ะ อ้ากกก" มันได้กู่ร้องออกมาก่อนจะร่างกายจะสูญสลายไปกลางอากาศด้วยพลังของธาตุลม

     

     

    "พลังเมื่อกี้มัน!!" ไม่ใช่แค่การยิงธนูเท่านั้น แต่ว่ารวมทั้งประสาทสัมผัสในการมองเห็นกลับดีจนน่าเหลือเชื่อ หรือว่าจะเป็นพลังของ อตาลันเต้งั้นเหรอ เอเทอร์คิดอยู่ครู่นึง…

     

     

    "นี่ๆ" เอมเบอร์เรียกทั้งสองคน

     

     

    "อ่ะ อื้ม" เอเทอร์เอ่ยขึ้นมาก่อนจะเดินเข้าไปหาเอมเบอร์เช่นกัน "แหม เรื่องกล้วยๆเลยล่ะ แต่ว่าคิดไม่ถึงเลยนะ ที่แท้เธอก็ไม่ใช่นักเดินทางทั่วไปที่ไม่มีความสามารถในการต่อสู้.." เอมเบอรู้สึกประทับใจการต่อสู้ของเอเทอร์เป็นอย่างมากโดยเฉพาะทักษะพลังตอนยิงธนูเมื่อกี้ก็ด้วย 

     

     

    "ขอบคุณที่ช่วยนะ รู้สึกยังไงบ้างล่ะที่สู้เมื่อกี้" เอมเบอร์หันมาถามตัวเขา ด้วยความถ่มตนของเอเทอร์จึงบอกไปเพียงแค่ว่า "ก็สบายๆน่ะ" 

     

     

    "จะว่าไปแล้วทำไมพวก Hilichurl ถึงมาโผล่แถวนี้กัน สิ่งมีชีวิตพวกนี้ ปกติไม่น่าจะมาทำรังแถวเมืองแบบนี้นะ" ไพม่อนเริ่มถามแทรกขึ้นมา

     

     

    "ใช่สิ พวกมันควรต้องป้วนเปี้ยนแถวป่าลึกนู่นสิ..แต่ว่าช่วงนี้มี stormteror โผล่ออกมาบ่อยๆ สวนผลไม้ก็โดนทำลายไปแล้วเส้นทางการค้าก็รับผลกระทบไปด้วย" เอมเบอร์เริ่มเล่าสถานการณ์ในตอนนี้ให้ฟังกับทั้งสองคนที่เป็นนักเดินทางและคงไม่รู้เรื่องนี้แน่ๆ "พายุมาทีก็มักจะมีคนได้รับบาดเจ็บ เพราะฉะนั้นกองอัศวินจะต้องคอยป้องกันให้ดี" 

     

     

    "เพราะงั้นเจ้ามอนสเตอร์น่ารำคาญพวกนี้ก็เข้ามาใกล้เมืองเรื่อยๆ สินะ" ไพม่อนเริ่มเข้าใจสถานการณ์มากขึ้นแล้วเช่นกัน 

     

     

    "ใช่สิ แต่ว่าวันนี้ก็ทำลายรังไปอีกแห่งนึงล่ะ ก็ยังโอเครอยู่นะ" เอมเบอร์เอ่ยขึ้นมาก่อนจะเดินนำหน้าทั้งสองคนพร้อมกับพูดว่า "มากับชั้นสิ อัศวินผู้มีความรับผิดชอบจะขอส่งคุณเข้าเมืองอย่างปลอดภัยล่ะนะ" 

     

    ซึ่งทั้งไพม่อนและเอเทอร์ก็พยักหน้าพร้อมกัน ที่พวกเขาต้องไปก็คือ เมืองแห่งลม มอนสแตท

     

     

    ….ซึ่งในตอนนี้เองก็ยังคงปล่อยให้เอเทอร์ยังคงสงสัยอยู่ดีว่า พลังของเขาจะเกี่ยวข้องกับ อเวนเจอร์ หรือเปล่านะ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×