คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : เตรียมพร้อม
ผู้ว่าจ้างงานคุ้มกันในครั้งนี้คือคุณอิโต้ เธอมีอาชีพเป็นทนายความสาเหตุที่เธอจะถูกปองร้ายก็น่าจะมาจากการที่เธอไม่สามารถเอาชนะคดีให้กับหัวหน้าแงมาเฟียได้ ทำให้หัวหน้าแก๊งนั้นต้องรับโทษจำคุกตลอดชีวิต พวกลูกน้องซึ่งไร้หัวหน้าจึงเกิดความแค้นขึ้นในใจแล้วคิดจะปองร้ายคุณอิโต้ ดูเหมือนว่าพวกลูกน้องวางแผนที่จะฆ่าคุณอิโต้หลายรอบแล้วแต่ก็ไม่สำเร็จ ถือได้ว่าดวงของคุณอิโต้อยู่ในระดับที่ค่อนข้างดีเลยที่เดียว
ในตอนแรกที่ผมและชิโระจังได้ไปพอกับคุณอิโต้เพื่อขอทำทำภารกิจ เธอมีท่าทีที่ไม่ค่อยไว้วางใจได้เท่าไหร่ ของมันก็แน่อยู่แล้วล่ะก็เพราะว่าผู้ใหญ่อายุก็เกือบๆสามสิบปีแต่ต้องให้เด็กที่อายุแค่สิบสามปีสองคนมาคอยคุ้มกัน ถึงเป็นผมผมก็อายเหมือนกัน ด้วยเหตุนี้ในตอนนั้นผมจึงอธิบายถึงข้อดีในการให้พวกผมทำภารกิจนี้ให้คุณอิโต้ฟัง
เมื่อหนึ่งเดือนก่อน
“พวกเธอสองคนอายุแค่สิบสามปี จะคุ้มกันฉันได้แน่เหรอ? ”
“นั่นมันแค่ข้อเสียครับ ลองฟังข้อดีก่อนแล้วค่อยตัดสินใจน่าจะดีว่า ข้อดีของการที่คุณอิโต้จ้างผมกับชิโระจังเป็นคนคุ้มกันให้คือ หนึ่งทำให้ดูไม่เป็นจุดสังเกตเพราะว่าในสายตาคนอื่นอาจจะมองว่าพวกเราสองคนเป็นหลานหรือลูกของคุณก็ได้”
ผมเงียบไปครู่หนึ่งเพื่อรอดูว่าคุณอิโต้จะพูดอะไรทักท้วงรึเปล่า แต่ดูเหมือนว่าจะไม่พูดอะไรผมจึงเริ่มอธิบายต่อ”
“สองจากข้อที่แล้วจะทำให้พวกที่คิดจะปองร้ายคุณตายใจและไม่กล้าลงมือ คุณอิโต้ลองคิดดูสิครับว่าถ้าให้ผู้ชายตัวใหญ่กล้ามล่ำบึกมาเป็นคนคุ้มกัน พวกที่คิดจะปองร้ายคุณอิโต้จะทำยังไงล่ะครับ ก็มีแต่ต้องรอให้หมดระยะเวลาการจ้างงานไปก่อนแล้วค่อยเริ่มลงมือ แถมการที่คุณอิโต้ทำอย่างนี้ยังจะทำให้พวกที่คิดจะปองร้ายคุณอิโต้ระวังตัวในการลงมือมากกว่าเก่าอีกด้วย”
“เรื่องที่เธอพูดมามันก็จริงนะ แต่ถึงยังไงพวกเธอสองคนก็ยังเด็กอยู่ จะมีกำลังมากพอที่จะมาคุ้มกันฉันได้แน่เหรอ? ”
“เรื่องนั้นไม่ต้องเป็นห่วงไปหรอกค่ะ ถึงพวกหนูจะเหมือนเด็กธรรมดาทั่วไป แต่ว่าพวกหนูก็มีความสามารถในการใช้เวทมนต์ที่ยอดเยี่ยมพอกับพวกผู้ใหญ่เลยค่ะ”
ทั้งๆที่ผมกำลังจะตอบกลับไปแต่ก็โดนชิโระจังแย่งบทพูดไปซะก่อน แต่ช่างมันเถอะถ้าเป็นชิโระจังผมยอมอยู่แล้ว
“แล้วอะไรที่ทำให้พวกเธอสองคนมั่นใจเรื่องการใช้เวทมนต์ถึงขนาดนั้นล่ะ? ”
“คุณอิโต้เคยได้ยินชื่อของท่านพี่ ไม่สิต้อง‘คุโรเอะ โซจิโร่’บ้างไหมล่ะค่ะ”
หลังจากที่ได้ยินชื่อของท่านอาจารย์ คุณอิโต้ก็อึ้งไปพักใหญ่
“ เธอหมายถึง‘คุโรเอะ โซจิโร่’ชายที่อายุแค่สิบห้าปี แต่กล้าปฏิเสธในการเป็นองครักษ์ประจำตัวขององค์หญิงเมเบลน่ะเหรอ?”
“ใช่แล้วล่ะค่ะ แล้วเขาก็เป็นทั้งพี่ชายแท้ๆของหนู และอาจารย์สอนเวทมนต์ให้กับแลนคุงอีกด้วยค่ะ”
หลังจากที่คุณอิโต้พึ่งจะหายอึ้งไปเมื่อกี๊ คราวนี้ยังต้องมาอึ้งความจริงใหม่อีก ท่าทางคงจะเหนื่อยน่าดู
“ตกลง! ฉันให้พวกเธอสองคนเป็นคนคุ้มกันฉันละกัน”
“ผ่านมาหนึ่งเดือนแล้วสินะ”
ผมบ่นออกมาเบาๆขณะที่ยืนรับลมอยู่ที่ระเบียงห้องทำงานของคุณอิโต้ ผมหวังว่าคำบ่นเมื่อกี๊ของผมคงจะไม่มีใครได้ยิน ไม่อย่างนั้นผมคงโดนหาว่าเป็นพวกไม่ตั้งใจทำงานแน่ๆ การที่ผมออกมายืนรับลมนี้มันก็แค่การแสดงตบตาพวกคนที่จะมาปองร้ายคุณอิโต้ ความจริงแล้วผมกำลังตั้งใจสอดส่องดูว่ามีพวกศัตรูอยู่แถวนี้หรือเปล่า ส่วนชิโระจังก็อยู่นั่งดูโทรทัศน์อยู่ในห้องทำงานซึ่งโทรทัศน์เครื่องนั้นก็ตั้งอยู่ใกล้ประตูทางเข้าห้อง ถ้ามีใครเปิดประตูเข้ามาชิโระจังก็ต้องรับรู้ได้อยู่แล้ว เพราะเหตุนี้จึงทำให้คุณอิโต้สามารถนั่งทำงานในห้องนั้นได้อย่างสบายใจ
“นี่ๆแลนคุงมันก็ผ่านมาหนึ่งเดือนกันแล้วนะ ทำไมถึงยังไม่มีพวกศัตรูโผล่ออกมาซะทีเลยล่ะ? ”
จู่ๆชิโระจังที่น่าจะกำลังดูโทรทัศน์อยู่ก็เดินมาคุยกับผม ทำเอาสมาธิที่กำลังสอดส่องศัตรูหายหมดเลย แต่ไหนๆชิโระจังก็อุตส่าห์เดินมาคุยด้วยแล้วผมคุยกับเธอหน่อยก็แล้วกัน ถือซะว่าเปลี่ยนบรรยากาศซะหน่อย
“ก่อนที่จะพูดเรื่องนั้น ชิโระจังเดินออกมาคุยกับฉันแบบนี้มันดีแล้วเหรอ แบบนี้ก็ไม่มีใครคอยเฝ้าดูอยู่แถวๆประตูเลยน่ะสิ”
“ก็แหมแลนคุงคอยมองดูตรงนี้อยู่ตลอด ถ้าศัตรูมาแลนคุงก็ต้องเห็นก่อนเป็นคนแรกอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ แล้วแบบนี้จะมีศัตรูคนไหนโผล่ออกมาจากประตูได้ยังไงกันล่ะ”
“เรื่องที่ชิโระจังพูดมามันก็ถูกล่ะนะ”
ผมยิ้มให้กับชิโระจังเล็กน้อย แต่หลังจากนั้นชิโระจังกลับทำหน้าตาเหมือนกำลังอ้อนวอนขออะไรซะอย่างใส่ผม ให้ตายสิผมรู้สึกว่าหน้าตาของชิโระจังในตอนนี้น่ารักมาก อยากจะถ่ายรูปเก็บไว้จังเลยแต่คงจะทำแบบนั้นไม่ได้ ผมจึงทำได้แต่เก็บภาพใบหน้าของชิโระจังตอนนี้ผ่านดวงตาของผมแล้วเอาไปไว้ในความทรงจำ
“นี่ๆแลนคุงเมื่อไหร่จะตอบคำถามที่ฉันถามไปซะทีล่ะ”
“โทษทีนะชิโระจัง ลืมไปซะสนิทเลย”
“เอ๋? ทำไมแลนคุงทำตัวอย่างนี้ล่ะ แบบนี้ฉันโกรธแล้วนะ”
ให้ตายสิหน้าของชิโระจังตอนโกรธก็น่ารักเหมือนกัน แบบนี้คงต้องรีบเก็บไว้ในความทรงจำซะแล้ว หลังจากนั้นผมก็พยายามนึกถึงคำถามที่ชิโระจังถามมา
“อ๋อ! เรื่องที่ชิโระจังเคยถามไว้ว่าเมื่อไหร่ต้นซากุระที่ปลูกไว้ที่บ่อน้ำพุร้อนจะโตซะทีใช่ไหม ฉันว่าฉันก็น่าจะตอบคำถามนั้นไปแล้วนี่นา”
“ฉันไม่ได้ถามแลนคุงเรื่องนั้นซะหน่อย”
สงสัยผมคงจะย้อนอดีตมากเกินไปหน่อย แต่ผมก็นึกไม่ออกว่าชิโระจังถามผมไว้ว่าอะไร
“ขอโทษนะชิโระจัง ดูเหมือนว่าฉันจะลืมไปแล้วล่ว่าชิโระจังถามผมไว้ว่าอะไร”
“โถ่แลนคุงนี่ล่ะก็ขี้ลืมจังเลยนะ! ก็ที่ฉันถามไปว่า‘นี่ก็ผ่านมาหนึ่งเดือนกันแล้วนะ แต่ทำไมถึงยังไม่มีพวกศัตรูโผล่ออกมาซะทีเลย’ยังไงล่ะ”
“อ๋อเรื่องนี้นี่เอง จะว่าไปมันก็น่าสงสัยนะแม้แต่จดหมายขู่ก็ยังไม่มีส่งมาเลย ถ้าคิดไปในแง่ดีพวกศัตรูอาจจะตัดใจไปแล้ว แต่ถ้าคิดในแง่ร้ายพวกศัตรูอาจจะกำลังเตรียมการอะไรบางอย่างอยู่ก็ได้”
“แบบนั้นก็แย่เลยล่ะสิ”
“ก็น่ะ...”
“นี่แลนสัน ชิโระ เดี๋ยวฉันจะออกไปทำธุระข้างนอกน่ะอย่าลืมตามมาคุ้มกันฉันด้วยนะ”
“ครับ/ค่ะ”
คุณอิโต้ที่ดูเหมือนจะทำงานเสร็จแล้วก็บอกให้พวกผมเตรียมตัวออกไปคุยงานกับลูกค้าข้างนอก ผมหวังว่าการออกไปข้างนอกครั้งนี้ถ้ามีศัตรูโผล่ออกมาก็คงจะดี ผมจะได้จัดการให้เรื่องมันจบๆไป
การเดินทางในครั้งนี้เราเดินทางด้วยรถยนต์ของคุณอิโต้ โดยที่คุณอิโต้เป็นคนขับผมเป็นคนนั่งข้างคนขับส่วนชิโระจังนั่งอยู่ที่นั่งหลังคนขับ คุณอิโต้นัดคุยงานกับลูกค้าที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งในตัวเมือง เมื่อไปถึงร้านเพื่อที่จะไม่ทำให้ลูกค้าของคุณอิโต้รู้สึกลำบากใจที่มีเด็กๆนั่งโต๊ะเดียวกันตอนคุยงาน ผมและชิโระจึงขอไปนั่งอยู่ตรงโต๊ะข้างๆแทน
และแล้วการคุยงานก็ผ่านไปได้ด้วยดี ผมคิดว่านี่เป็นโชคดีที่ศัตรูไม่บุกมาทำร้ายคุณอิโต้ในร้านไม่อย่างนั้นผมกับชิโระคงจะวุ่นกันน่าดู หลังจากที่คุยงานกันเสร็จผมแนะนำให้คุณอิโต้เช่ารถในการกลับบ้านแทน เนื่องจากพวกศัตรูอาจจะวางกับดักไว้ที่รถของคุณอิโต้ที่จอดทิ้งไว้ก็ได้ ในตอนแรกคุณอิโต้บอกว่าถ้าเกิดพวกศัตรูไม่ได้วางกับดักไว้ที่รถ การเช่ารถกลับบ้านมันจะเสียเงินโดยเปล่าประโยชน์ ถึงผมจะบอกไปว่าเพื่อความปลอดภัยแต่คุณอิโต้ก็ยังยืนยันที่จะใช้รถของตัวเองกลับบ้าน
เมื่อไปถึงลานจอดรถผมก็ได้ห้ามให้คุณอิโต้เข้าใกล้รถก่อน หลังจากนั้นผมก็ขอกุญแจรถของเธอแล้วผมก็รีบเดินไปที่รถของคุณอิโต้ จากนั้นผมก็ใช้เวทมนต์สร้างตุ๊กตาดินเหนียวที่มีขนาดเท่ากับคนขึ้นมา ผมหยิบกระดาษที่เขียนวงแหวนเวทย์เอาไว้ขึ้นมา แล้วเอาไปแปะกับตุ๊กตาดินเหนียวตัวนั้นหลังจากนั้นผมก็หยิบแผ่นกระดาษที่เขียนวงแหวนเวทย์เอาไว้ขึ้นมาอีกสี่แผ่น ผมเอาไปแปะไว้ในบริเวณของรถคุณอิโต้ทั้งสี่ทิศจากนั้นผมก็เอากุญแจรถไปให้กับตุ๊กตาดินเหนียว แล้วผมก็ควบคุมตุ๊กตาตัวนั้นให้เดินไปที่รถ จากนั้นผมก็ใช้เวทมนต์กับกระดาษที่ผมแปะเอาไว้กับพื้นทั้งสี่ทิศ ทำให้เกิดกล่องโปร่งใสครอบรถของคุณอิโต้และตุ๊กตาดินเหนียวตัวนั้นเอาไว้ หลังจากนั้นผมก็ควบคุณให้ตุ๊กตานั้นใช้กุญแจไขเข้าไปในรถแล้วสตาร์ทรถคันนั้น ทันทีที่ตุ๊กตานั้นสตาร์ทรถรถคันนั้นก็ระเบิดขึ้นเนื่องจากผมใช้เวทมนต์สร้างกล่องโปร่งใสครอบรถของคุณอิโต้เอาไว้ จึงทำให้แรงระเบิดไม่สามารถออกไปข้างนอกกล่องนั้นได้ คุณอิโต้ที่เห็นรถของตัวเองระเบิดไปต่อหน้าต่อตาถึงกับน้ำตาไหล ผมคิดว่ารถคันนี้คงจะเป็นรถคันโปรดของคุณอิโต้ การที่ต้องมาเห็นรถคันโปรดระเบิดไปต่อหน้าต่อตาถึงเป็นผมผมก็คงจะน้ำตาไหลเหมือนกัน
หลังจากที่รถระเบิดไปแล้วในตอนแรกผมกะว่าจะให้คุณอิโต้เช่ารถกลับบ้าน แต่พอดูคุณอิในตอนนี้แล้วก็รู้ได้ทันทีเลยว่าเธอยังซึมๆอยู่คงไม่มีอารมณ์ขับรถกลับบ้านเองอย่างแน่นอน ผมจึงโทรเรียกแท็กซี่ให้มารับพวกผมแทน
เมื่อกลับถึงบ้านของคุณอิโต้ ดูเหมือนว่าคุณอิโต้จะหายซึมเศร้าแล้วจึงมาคุยกับผม
“นี่แลนสันเวทมนต์ที่เธอใช้ตอนอยู่ข้างนอกมันเป็นเวทมนต์อะไรเหรอ? ฉันไม่เคยเห็นจอมเวทย์คนไหนใช้เวทมนต์แบบนั้นมาก่อนเลย”
ถึงคุณอิโต้จะถามออกมาด้วยน้ำเสียงปกติ แต่ผมก็รู้ดีว่าลึกๆในใจแล้วคุณอิโต้ยังรู้สึกเสียใจกับเรื่องรถของเธออยู่ การที่คุณอิโต้มาถามผมแบบนี้ผมคิดว่าคงอยากจะเลิกคิดถึงเรื่องรถคันนั้นแล้วเปลี่ยนไปคิดถึงเรื่องอื่นแทน
“มันเป็นเวทมนต์ที่ค่อนข้างจะล้าสมัยไปแล้วน่ะครับ น่าจะเมื่อสี่สิบปีที่แล้วได้มั้งครับที่จอมเวทย์เริ่มที่จะเลิกใช้กันแล้วหันมาใช้เวทมนต์แบบในปัจจุบันแทน”
“แล้วทำไมถึงเลิกใช้กันล่ะ? ”
“ก็เพราะว่าเวทมนต์แบบนี้มันไม่ค่อยสะดวกน่ะสิครับ เพราะว่าต้องคอยเขียนวงแหวนเวทย์เอาไว้ในกระดาษก่อนที่จะใช้งาน แถมยังเป็นการใช้แล้วถึงด้วยซึ่งค่อนข้างจะสิ้นเปลืองด้วย”
“แล้วทำถึงเป็นแบบที่ใช้แล้วทิ้งล่ะ? ”
ผมยังพูดไม่ทันจบคุณอิโต้ก็ยิงคำถามแทรกเข้ามา ถึงมันจะรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อยแต่ก็ไม่แสดงท่าทีที่ไม่พอใจออกไป เพราะผมก็ค่อนข้างที่จะเข้าใจความรู้สึกนี้ดี
“เพราะว่าหลังจากที่ใช้เวทมนต์ตัวนี้แผ่นกระดาษที่เราเขียนวงแหวนเวทย์เอาไว้ก็จะสลายหายไปในทันทียังไงล่ะครับ”
“อ๋อ อย่างนี้นี่เอง”
ผมรอดูท่าทีของคุณอิโต้ว่าจะถามอะไรเพิ่มรึเปล่า แต่ดูเหมือนว่าจะยังไม่มีคำถามอยู่ในหัวตอนนี้ผมจึงเริ่มอธิบายต่อ
“ผมอธิบายต่อเลยนะครับ ซึ่งการใช้เวทมนต์แบบนี้ตัวเวทย์จะอยู่ที่กระดาษอย่างเดียวถ้ากระดาษที่เตรียมเอาไว้ถูกทำลายจนหมดก็จะไม่สามารถใช้เวทมนต์ได้ นี่แหละครับสาเหตุที่จอมเวทย์เริ่มที่จะเลิกใช้กัน แต่ถึงอย่างนั้นเวทมนต์แบบนี้ยังมีข้อดีตรงที่ไม่ต้องคอยมาร่ายเวทย์ เพียงแค่นึกคิดเวทมนต์ก็จะปรากฏออกมาจากกระดาษแผ่นนั้นในทันที”
“ว่าแต่ทำไมแลนสันถึงยังคิดที่จะใช้เวทมนต์แบบนี้อยู่อีกล่ะ? ”
“เพราะเวทมนต์แบบนี้เป็นเวทมนต์ที่ถนัดที่สุดของคนที่ผมรู้สึกนับถือมากที่สุดน่ะครับ”
“หมายถึงคุโรเอะ โซจิโร่น่ะเหรอ? ”
“ไม่ใช่หรอกครับ แต่เป็นคุณปู่ของท่านอาจารย์ต่างหากครับ”
หลังจากนั้นผมก็เริ่มเล่าความหลังของผมให้คุณอิโต้ฟัง ถึงผมจะรู้สึกไม่คอยอยากเล่าเท่าไหร่แต่ผมก็คิดว่าถ้าเล่าออกไปอาจจะทำให้คุณอิโต้เข้าใจผมมากขึ้น
หลังจากทานอาหารเย็นผมเดินออกมาจากบ้านของคุณอิโต้ แล้วนำแผ่นกระดาษที่เขียนวงแหวนเวทย์เอาไว้ออกมาจำนวนมาก จากนั้นผมก็เอาไว้แปะไว้กับพื้นที่ที่เป็นรัศมีโดยรอบบ้านของคุณอิโต้ ผมคิดว่ามีความเป็นไปได้สูงที่พวกศัตรูจะบุกมาในคืนนี้ และพวกมันคงจะรู้แล้วล่ะว่าผมและชิโระจังเป็นจอมเวทย์ที่มาคุ้มครองคุณอิโต้ ก่อนที่ผมจะเดินออกมาทำหน้าที่นี้ผมได้บอกให้คุณอิโต้เตรียมใจเอาไว้เพราะมีความเป็นได้ว่าบ้านหลังนี้อาจจะเสียหายหนักในบ้างส่วน และให้คุณอิโต้เก็บของสำคัญไว้ในที่ที่ปลอดภัยที่สุดภายในบ้านหลังนี้ หลังจากที่ผมแปะแผ่นกระดาษทั้งหมดเสร็จผมก็ใช้เวทมนต์ทำให้แผ่นกระดาษเหล่านั้นล่องหน สาเหตุที่ผมเอาแผ่นกระดาษไปแปะทั่วบริเวณบ้านนั้นก็เพื่อจะได้รู้ในทันทีที่มีคนเข้าออกและผมจะได้เตรียมตัวทัน
ในกลางดึกของคืนนี้ผมเริ่มรู้สึกว่ามีคนแอบเข้ามาในบริเวณบ้านหลายคน ซึ่งผมคิดว่าจะน่าเป็นพวกศัตรู ผมจึงบอกให้ชิโระจังเตรียมตัวให้พร้อมแล้วให้คุณอิโต้ย้ายไปอยู่ในห้องที่ผมร่ายเวทมนต์ป้องกันเอาไว้ บ้านของคุณอิโต้มีทั้งหมดสองชั้นผมจึงวางกำลังโดยให้ชิโระจังคอยคุ้มกันหน้าห้องคุณอิโต้ซึ่งอยู่ที่ชั้นสอง ส่วนผมจะคอยคุ้มกันอยู่ที่บันไดที่จะขึ้นไปยังชั้นสองเอง หลังจากที่ผมและชิโระจังเตรียมตัวเสร็จได้ไม่นานผมก็ได้ยินเสียงประตูบ้านที่ถูกเปิดออก ผมจึงเริ่มตรวจสอบจำนวนของศัตรูผ่านทางเขตแดนที่ผมทำเอาไว้หลังจากที่ทานอาหารเย็น ศัตรูมีทั้งหมดยี่สิบคน มีจอมเวทย์หนึ่งคน มีคนที่พกดาบยาวห้าคน มีคนที่พกดาบสั้นมาสี่คน ส่วนอีกสิบคนที่เหลือเป็นคนที่พกปืน พวกศัตรูให้คนที่พกปืนห้าคน คนที่พกดาบยาวสามคนและคนที่พกดาบสั้นสองคนเป็นกองหน้าเป็นกองหน้า ให้คนที่พกปืนอีกสามคนเป็นคนออกค้นหาคุณอิโต้ ส่วนที่เหลือที่ประกอบด้วยคนที่พกปืนสองคน คนที่พกดาบสั้นสองคน และคนที่พกดาบยาวอีกสองคนเป็นคนคุ้มกันจอมเวทย์ ดูจากสถานการณ์นี้แล้วผมรู้ได้เลยว่าจอมเวทย์คนนั้นจะต้องเป็นหัวหน้าของพวกศัตรูอย่างแน่นอน หลังจากที่ผมสรุปการวางกำลังของพวกศัตรูเสร็จ ผมก็บอกข้อมูลเหล่านี้ให้ชิโระจังรู้ผ่านทางโทรจิต ผมหยิบแผ่นกระดาษที่เขียนวงแหวนเวทย์เตรียมเอาไว้ในมือและเตรียมตัวที่จะสู้ทุกเมื่อ
หลังจากนี้เวลาแห่งการต่อสู้ที่ผมรอคอยก็กำลังจะมาถึง...
**********
ความคิดเห็น